Skip to content

สู่วิถีอสุรา 244

ตอนที่ 244 ใช้ความรักเป็นเมล็ดพันธุ์

ความไม่ยอมแพ้และความดุร้ายของหนอนตัวเล็ก เจตจำนงยอมตายและซื่อสัตย์ ทำให้ซูหมิงรู้ว่าเขาไม่มีทางกำราบมันได้ เว้นแต่เขาจะใช้เวลาหลายปีหรืออาจนานกว่านั้น และต้องไม่ใช้ระฆังเขาหาน เพียงแค่ขังมันเอาไว้และทำลายจิตสำนึกของมัน เท่านี้มันก็จะกลายเป็นสัตว์เลี้ยงของเขา

แต่เวลานานขนาดนั้นซูหมิงรอไม่ไหว อีกทั้งจิตใจและกำลังเขาก็ไม่พอเช่นเดียวกัน

ทว่าหากสังหารมัน ซูหมิงก็ทำใจมิค่อยได้ ความเร็วและพลังในการทะลวงผ่านของหนอนตัวนี้สร้างความประทับใจอย่างสุดซึ้งให้แก่เขา หากใช้งานมันได้ ภายใต้สถานการณ์คับขัน มันจะกลายเป็นอาวุธที่น่ากลัวอย่างยิ่งของเขา

ดังนั้นเขาจึงทั้งทำใจไม่ได้ และไม่อาจใช้เวลานานเพื่อค่อยๆ กำราบมัน ตรงหน้าซูหมิงเหลือเพียงทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น นั่นคือการฝังตราประทับในจิตใจของมัน แม้ว่าจะทำลายไหวพริบของร่างกาย แต่หากมีตราประทับของเขา เขาก็จะใช้งานมันได้ทันที

แม้ทำแบบนี้อาจจะเกิดการหักหลัง ทว่าก็ยังดีกว่าตายหรือใช้งานไม่ได้เลย

แต่การใช้เคล็ดวิชาตราประทับฝังในจิตใจของอีกฝ่าย ซูหมิงเคยทำมาเพียงครั้งเดียว นั่นคือกับเหอเฟิง อีกทั้งวิชานี้เหอเฟิงยังถ่ายทอดให้เขา หากกล่าวตามทฤษฎี มันสามารถประทับตราลงบนหนอนตัวนี้ได้

ทว่าความจริงแล้วซูหมิงเองก็ไม่มั่นใจมากนัก แต่อย่างไรเขาก็ฝึกฝนวิชาตราประทับจิตใจมามิใช่น้อยแล้ว ตามความเข้าใจของเขา เคล็ดวิชานี้หากอีกฝ่ายไม่ต่อต้านก็จะสำเร็จโดยง่าย หากต่อต้าน โอกาสล้มเหลวจะมีสูงมากเช่นกัน ถ้าคิดจะเพิ่มโอกาสในความสำเร็จขณะอีกฝ่ายต่อต้าน เช่นนั้นก็เหมือนกับคนสองคนกำลังเข่นฆ่ากัน จำเป็นต้องหาช่องโหว่ของอีกฝ่าย!

เมื่อพบช่องโหว่แล้ว ซูหมิงจะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายอ่อนแอปล่อยวิชาจิตเข้าไป ให้มันกลายเป็นตราทับฝังลึก

ช่องโหว่นี้หากอีกฝ่ายเป็นคนก็ยังพอไหว ทว่าหากอีกฝ่ายเป็นหนอนงูประหลาดขนาดเท่านิ้วมือก็คงจัดการได้ยาก

โชคดีที่ซูหมิงสังเกตเห็นถึงความซื่อสัตย์ที่หนอนงูมีต่อซือหม่าซิ่น จึงกล่าวไปเช่นก่อนหน้านี้ เขาจะสร้างช่องโหว่ให้กับมัน

ขอแค่เกิดช่องโหว่สักแห่ง ซูหมิงก็จะปล่อยจิตเข้าไปทันทีและกลายเป็นนายของมัน หากล้มเหลว ต่อให้เขาทำใจไม่ได้อย่างไร ก็จะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด

ยามนี้ ช่วงที่จิตสัมผัสของซูหมิงแผ่กระจายรวมอยู่ในระฆังเขาหานทั้งหมด พวกมันค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปกลายเป็นพายุคลั่งในระฆัง ก่อนตรงเข้าใส่หนอนงูประหลาดที่กำลังอ่อนแรง

ช่วงที่ปกคลุมทั้งหมด ซูหมิงพลันสัมผัสได้ถึงการต่อต้านและดิ้นรนอย่างรุนแรงในจิตใจของหนอนงู นั่นเป็นจิตใจที่บอกว่าแม้ต้องตายมันก็จะไม่ยอมเด็ดขาด การโจมตีของมันทำให้จิตสัมผัสของซูหมิงชะงัก

‘ดูท่าหากจิตสัมผัสของข้าแข็งแกร่งพอ ก็ไม่จำเป็นต้องมีช่องโหว่อะไร สามารถบังคับตีตราประทับลงไปได้เลย…’ จิตใจซูหมิงสั่นไหว ขณะหนอนงูกำลังดิ้นรน เขาเกิดความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับจิตสัมผัสและวิชานี้

ขณะจิตเข้าปกคลุม ซูหมิงแง้มระฆังเขาหานออกเป็นรอยแยกเล็กๆ อย่างเงียบเชียบ ระหว่างที่แง้มออก กลิ่นอายพลังของหนอนงูพลันแผ่มาจากในรอยนั้น

‘ซือหม่าซิ่น ข้ากำลังรอให้เจ้าสร้างช่องโหว่ให้ข้าอยู่…’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย จิตสัมผัสรวมอยู่ในตัวหนอนงูที่กำลังดิ้นรน

ยามนี้บนยอดเขาลำดับหนึ่งของแผ่นดินเหมันต์ ตรงจุดที่ห่างจากปลายยอดเขาเพียงเล็กน้อย มีถ้ำหรูหราแห่งหนึ่ง ภายนอกถ้ำเหมือนกับวิหารสูงตระหง่าน

ซือหม่าซิ่นกำลังนั่งฌานสมาธิอยู่ภายใน เขามีสีหน้าทะมึนทึบ

เขาได้รับคำสั่งห้ามลงเขาเป็นเวลาหลายเดือน

ยามนี้ในความคิดผุดภาพการต่อสู้กับซูหมิงเป็นบางครั้ง การต่อสู้ครั้งนั้นทำให้เขาเข้าใจพลังที่แท้จริงของซูหมิง สำหรับเขาแล้ว ซูหมิงก็เป็นเหมือนกับเสี้ยนหนามขวางอยู่ในลำคอ ทำให้เขาทนไม่ไหว

เขาซือหม่าซิ่นตั้งแต่เกิดมาก็ราบรื่นมาโดยตลอด

จนกระทั่งเข้าสำนักเหมันต์สวรรค์ก็ยังเป็นเช่นนี้ เขาได้รับความสนใจจากผู้อาวุโสเป็นอย่างยิ่ง คนรุ่นเดียวกันไล่ตามประจบประแจง อีกทั้งเขายังเก่งด้านการผูกมิตร พูดได้ว่าในสำนักเหมันต์สวรรค์มีสหายของเขานับไม่ถ้วน

ในนั้นมีสตรีอีกไม่น้อยที่ถูกเขาปลูกหมานความรักโดยไม่รู้ตัว เรื่องเหล่านี้ผู้อาวุโสในสำนักทราบกันดี แต่ก็มิได้ห้าม เมื่อเป็นเช่นนั้นเขายิ่งก็วางใจ ช่วงที่ออกเดินทางหาประสบการณ์ ก็ฝึกฝนยอดวิชาเมล็ดพันธุ์หมานไร้ใจ คนที่ถูกเขาเลือกล้วนยากจะหนีพ้น

เดิมทีเป้าหมายของเขาตอนนี้คือเด็กสาวไป๋ซู่ เด็กสาวคนนี้มีภูมิหลังยิ่งใหญ่นัก ศิษย์หลายคนไม่รู้เรื่องนี้ คิดว่านางเป็นเพียงศิษย์ธรรมดาๆ ของยอดเขาลำดับเจ็ด ทว่าซือหม่าซิ่นกลับเคยค้นเจอโดยบังเอิญว่าบิดาของไป๋ซู่เป็นคนของชั้นเจ็ด หนึ่งในเก้าชั้นของฝ่ายนภา

ส่วนเป็นใครนั้นซือหม่าซิ่นไม่ทราบ ถึงอย่างไรฝ่ายนภาก็เป็นแดนลับและศักดิ์สิทธิ์สำหรับเขา ที่นั่นต่างหากคือจุดรวมพลังที่แข็งแกร่งที่สุด และเป็นศูนย์กลางของสำนักเหมันต์สวรรค์ที่แท้จริง

ศิษย์ฝ่ายนภามีน้อยคนนักที่จะมาปรากฏตัวต่อหน้าศิษย์แผ่นดินเหมันต์ หนึ่งอยู่บนฟ้า อีกหนึ่งอยู่บนแผ่นดิน เหมือนกับเป็นสองโลกที่ต่างกัน

การได้เป็นศิษย์ฝ่ายนภา เป็นเรื่องที่แทบทุกคนบนยอดเขาในแผ่นดินเหมันต์ใฝ่ฝัน

หากอยากเข้าไป มีเพียงจ้าวยอดเขาของแต่ละยอดเขาเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ มิเช่นนั้นแล้วก็ต้องไปอุโมงค์เหมันต์กับเด็ดหัวเผ่าเชมันมาหนึ่งพันคน

“ข้าจะต้องเข้าฝ่ายนภาให้ได้!” ซือหม่าซิ่นกำหมัดแน่น เดิมทีเขาไม่ได้มีใจให้กับไป๋ซู่อยู่แล้ว ทว่าพอเข้าใกล้ เขามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่านางน่าจะมีใจให้เขา

แน่นอนว่าความรักแบบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เขากับนางออกไปข้างนอก และค่อยๆ ใช้กลอุบายพัฒนาความสัมพันธ์ เป้าหมายของเขามิใช่การปลูกหมานความรัก ถึงอย่างไรบิดาของไป๋ซู่ก็อยู่ฝ่ายนภา เขาจึงเกรงกลัวยิ่งนัก

ทว่ามันก็ไม่ส่งผลกระทบถึงเรื่องเข้าใกล้นางโดยไม่ได้ปลูกหมานความรัก เขาให้นางช่วยเขาให้มีสิทธิ์เข้าอุโมงค์เหมันต์สวรรค์ ถึงอย่างไรการจะได้รับอนุญาตจากสำนักก็จำเป็นต้องมีศีรษะเผ่าเชมันหนึ่งพันคน ตอนนี้เขายังห่างไกล การจะเด็ดศีรษะคน หากไม่ถูกพวกเผ่าเชมันรุกรานครั้งใหญ่ ก็มีแต่ต้องออกไปนอกกำแพงหมอกนภา เรื่องนี้สำหรับเขาแล้วยากเย็นยิ่งกว่า

แผนการของเขาคือเข้าอุโมงค์เหมันต์สวรรค์ก่อน ทะลวงขั้นพลังอยู่ที่นั่น จากนั้นค่อยไปเด็ดศีรษะเผ่าเชมัน หากเป็นเช่นนั้น ความมั่นใจของเขาจะมากขึ้น

วิธีการโกงเช่นนี้เป็นเรื่องต้องห้ามในสำนักเหมันต์สวรรค์ และสาเหตุที่ห้ามก็ไม่มีใครทราบ แต่ไม่มีทางเลือก ซือหม่าซิ่นไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น เขาจึงตั้งเป้าหมายไว้ที่ไป๋ซู่ ขอแค่ฝ่ายนภามีคนออกปากสั่งเปิดอุโมงค์เหมันต์สวรรค์ให้ศิษย์ยอดเขาแผ่นดินเหมันต์ เท่านี้ก็จะบรรลุเป้าหมายของเขา

อีกทั้งเขายังมั่นใจว่าด้วยว่ายอดวิชาเมล็ดพันธุ์หมานไร้ใจของเขาจะทำให้ทุกอย่างสำเร็จได้อย่างแน่นอน แม้ว่าต้องพลีชีพทุกคนไปก็ตาม ถึงเวลานั้นหากทำสำเร็จ ขั้นพลังของเขาจะทะยานขึ้น เมื่อนั้นเขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องหาบุตรชายหมานอีก แม้บอกว่าต้องใช้เวลานาน เขาก็คิดว่าทุกอย่างมันคุ้มค่า!

จนกระทั่งมาเจอกับซูหมิง!

พูดได้เต็มปากเลยว่าหลังจากต่อสู้กับซูหมิงแล้ว เขาเกิดความคิดละโมบ เขาอยากปลูกเมล็ดพันธุ์ในตัวซูหมิง อยากให้ซูหมิงเป็นบุตรชายหมานของเขา

เมื่อเป็นเช่นนั้น เขารู้สึกว่าความมั่นใจในการเข้าอุโมงค์เหมันต์สวรรค์เพิ่มขึ้นอย่างมาก และยังได้ทะลวงขั้นพลัง อีกทั้งแผนการก่อนหน้านี้ยังต่างออกไป มีแต่ผลประโยชน์มากมาย กระทั่งมีความเป็นไปได้สูงมากว่าบุตรชายหมานของเขาจะไม่ตายทั้งหมด ผลประโยชน์เหล่านี้ ทำให้ซือหม่าซิ่นตื่นเต้น

‘ไป๋ซู่รับปากข้าแล้วว่าจะบอกเรื่องนี้กับบิดาของนาง นางน่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บิดายอม…นางยังเคยพูดกับข้าอีกว่า บิดาของนางไม่เคยปฏิเสธนางมาก่อน เรื่องนี้มีโอกาสสำเร็จแปดถึงเก้าส่วน เพียงแต่ว่าเวลาในการเข้าไปยังไม่ได้กำหนดก็เท่านั้น…เรื่องนี้คงไม่จำเป็นต้องรีบมาก….ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือทำอย่างไรถึงได้ซูหมิงมาเป็นเมล็ดพันธุ์หมาน!’ ซือหม่าซิ่นกำลังหลับตา ขบคิดไปมาในหัว

‘น่าเสียดายตอนนี้ข้าลงเขามิได้ ต่อให้ครบกำหนดออกไปได้ ทว่าก็ยังยากจะได้เจอกับซูหมิง….เฮ้อ หากรู้ว่าเป็นเช่นนี้แต่แรก สู้ปล่อยระฆังเขาหานแล้วผูกมิตรกับเขาดีกว่า ถึงตอนนั้นจะได้ปลูกหมานในใจเขาอย่างเป็นธรรมชาติ!’ ขณะหลับตาซือหม่าซิ่นขมวดคิ้ว ขณะกำลังตกอยู่ในห้วงความคิดจิตใจพลันสั่นไหว

‘ไป๋ซู่!’ ซือหม่าซิ่นลืมตา แววตาเป็นประกายวาว

‘ตอนซูหมิงเห็นไป๋ซู่มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ตอนนั้นสีหน้าของเขาไม่เหมือนแสร้งทำ…’ นัยน์ตาซือหม่าซิ่นเป็นประกายวาว ค่อยๆ ยิ้มมุมปาก

“ใช้ความรักเป็นตัวชี้นำ กลายเป็นเมล็ดพันธุ์หมาน เมื่อเมล็ดพันธุ์งอกงาม ความรักจะหยั่งลึก หัวใจเย็นชาไร้ร่องรอย ความงามจะกลายเป็นโครงกระดูกแห้งเหี่ยวเพียงชั่วพริบตา! ในเมื่อข้าซือหม่าซิ่นสร้างวิธีการใช้ความรักมาฝึกฝนความไร้หัวใจ เช่นนั้นก็ต้องเปลี่ยนมันได้ ใช้ไป๋ซู่เป็นตัวชักนำและปลูกเมล็ดพันธุ์หมานในตัวซูหมิง!”

ซือหม่าซิ่นพึมพำเบาๆ ภายในรอยยิ้มแฝงไว้ด้วยความชั่วร้ายไร้เมตตา

“ซูหมิง ข้าสนใจเจ้าแล้ว เจ้า…หนีไม่พ้นหรอก!” นัยน์ตาซือหม่าซิ่นเป็นประกายวาววับ ทว่าทันใดนั้นสีหน้าเปลี่ยน พลันเงยหน้าขึ้น พุ่งตัวออกจากถ้ำ มองไปทางยอดเขาลำดับเก้าแวบหนึ่ง!

“งูล้ำค่าของข้า!” ซือหม่าซิ่นหรี่ตาลง สีหน้าทะมึนทึบ

เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังของงูล้ำค่าของเขา กลิ่นอายพลังนี้หายไปหลังจากมันถูกซูหมิงจับตัว ยามนี้พลันปรากฏขึ้น และกระตุ้นความสัมพันธ์ในใจของซือหม่าซิ่นกับงูตัวนี้

สาเหตุที่เขาทำให้งูตัวนี้ยอมรับเขาเป็นนายได้ ความจริงแล้วเป็นเพราะเขาเคยได้ภาพโลหิตมาโดยบังเอิญหนึ่งภาพ ภาพนี้มีประวัติที่ยาวนานยิ่งนัก เขาเคยอ่านคัมภีร์มาหลายเล่มจึงทราบว่าภาพนี้สามารถสร้างความสัมพันธ์กับสัตว์ร้ายแปลกๆ บางพวก เป็นการควบคุมเหมือนให้ยอมรับเป็นนาย

ภาพโลหิตนี้เป็นของเผ่าเชมันนอกกำแพงหมอกนภา ทว่าซือหม่าซิ่นได้ภาพนี้มาในสภาพชำรุด จึงไม่มีผลกับสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งเกินไป

ดังนั้นหลังจากพบกับหนอนงูตัวนี้และได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของมัน ทั้งยังสังเกตเห็นว่ามันยังเป็นทารก เขาจึงใช้ภาพโลหิตอย่างไม่ลังเล

ยามนี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ที่เกิดจากภาพโลหิตกำลังถูกจู่โจม แม้รู้สึกว่ามันมิได้อ่อนแอลงมากนัก ทว่าผ่านไปครู่หนึ่ง กลิ่นอายพลังของงูล้ำค่ากลับค่อยๆ หายไป ซือหม่าซิ่นจึงเกิดความลังเล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!