Skip to content

สู่วิถีอสุรา 259

ตอนที่ 259 ประโยคนั้น…นกใหญ่ทองคำ

และยังมีคนยักษ์ที่สร้างจากเลือดเนื้อของสัตว์ร้ายเหล่านั้น พวกมันล้วนพุ่งเข้าใส่เทียนเสียจื่อ ขณะเดียวกันเทียนเสียจื่อก็ตรงเข้าหาพวกมันด้วยความเร็วเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าใส่กัน ทำให้คนยักษ์เหล่านั้นแตกกระเจิง ทว่าเทียนเสียจื่อกลับหัวเราะลั่นเดินออกมา

จุดที่เขาผ่าน ไม่ว่าจะเป็นชาวเผ่าเชมันคนใดก็ตาม ตรงหน้าอกจะปรากฏโพรงโลหิต ในนั้นว่างเปล่าไม่มีหัวใจ

เทียนเสียจื่อควักหัวใจของพวกเขา เมื่อบีบจนแตกแล้ว หยดโลหิตหัวใจแต่ละหยดจะละลายหายไปกับอากาศ แล้วปรากฏอยู่ในทะเลโลหิต

เห็นถึงตรงนี้ ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วพลันมองทะเลโลหิตผืนใหญ่ด้านหลังเทียนเสียจื่อ…

“หรือว่ามันจะเกิดจากการเข่นฆ่าของอาจารย์…” ซูหมิงพึมพำเบาๆ

ยังมีชาวเผ่าเชมันที่ตัวพองบวมอีกสิบกว่าคน พวกเขาใช้ร่างกายเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด ทุกคนล้วนสักสัญลักษณ์ประจำเผ่าบนใบหน้า ทยอยกันปล่อยหมัดทำให้อากาศบิดเบี้ยว วินาทีที่สิบกว่าคนนี้ลงมือกับเทียนเสียจื่อแทบจะพร้อมกัน

เทียนเสียจื่อสะบัดแขนเสื้อ เสื้อคลุมม่วงของเขาพลันขยายใหญ่ขึ้น แผ่คลุมรอบสี่ทิศในชั่วพริบตา ทั้งยังหุ้มตัวชาวเผ่าเชมันร่างกำยำสิบกว่าคนเอาไว้ในนั้น

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ เมื่อเสื้อคลุมม่วงของเทียนเสียจื่อกลับคืนสู่สภาพเดิม ตรงหน้าอกของชายร่างกำยำสิบกว่าคนรอบตัวล้วนปรากฏโพรงอาบด้วยโลหิต ด้านในไม่มีหัวใจ

“ผู้สื่อวิญญาณแห่งเผ่าเชมัน เห็นใจคนตาย แต่เย็นชากับคนเป็น…ตอนนั้นข้าเคยสังหารไปหนึ่ง ข้าล่ะชอบต่อสู้กับผู้สื่อวิญญาณที่สุด

มันทำให้ข้าสังหารได้อย่างเต็มที่!” ขณะเทียนเสียจื่อหัวเราะอย่างเย็นชา ทะเลเพลิงด้านหลังเปลี่ยนเป็นปากอ้ากว้าง แล้วเขมือบไปทางชาวเผ่าเชมัน

จากการเขมือบนี้ มีชาวเผ่าเชมันไม่น้อยที่ตัวสั่นอย่างรุนแรง ตรงหน้าอกพวกเขามีเหมือนกำปั้นนูนออกมาจากภายใน ยามสีหน้าเจ็บปวด หน้าอกพลันระเบิดกระจุย หัวใจกระเด็นออกมา เมื่อหัวใจแหลกหลั่งโลหิตก็ถูกทะเลโลหิตสูบเข้าไป

ขณะเดียวกัน เสียงหึเย็นชาพลันดังมาจากแผ่นดินเผ่าเชมัน ซูหมิงมองไปทันที ก็พบว่าบนผืนดินมีชายชราเสื้อคลุมยาวสีขาวดำสองสีเดินมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้

ชายชรามีเส้นผมขาวดอกเลา บนใบหน้ากลับมีหลากสี สักลายเต็มไปหมด มองแวบแรกยากจะมองออกว่ามันคือภาพอะไร เขายืนอยู่ตรงนั้น ไม่มองซูหมิงแม้แต่หางตา สายตาของเขาจับจ้องเทียนเสียจื่อ ก่อนยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ

หลังการคว้าของเขา ท้องฟ้าพลันขุ่นมัว ราวกับว่าทำให้ท้องฟ้ากลายเป็นดินเลนในแม่น้ำ แรงกดดันรวมอยู่ที่ตัวซูหมิง ทำให้เขาหายใจกระชั้นถี่ทันที

เวลาเดียวกัน เขาเห็นบนท้องฟ้าขุ่นมัวปรากฏเงารางขึ้นเป็นเส้นๆ

เงารางเหล่านั้นล้วนมีสีหน้าเคารพ รูปร่างหน้าตาของพวกเขาคือชาวเผ่าเชมันที่ถูกเทียนเสียจื่อควักหัวใจตายไปก่อนนี้ทั้งหมด

วิญญาณหลายร้อยตนกระจายอยู่ทุกสารทิศบนท้องฟ้าขุ่นมัว จากการคว้าอากาศของชายชราผู้สื่อวิญญาณ พวกเขาตรงเข้ามาทางมือขวาของชายชราพร้อมกันประหนึ่งควันหมุนตลบ วินาทีนั้นตรงหน้ามือขวาของชายชรารวมตัวขึ้นเป็นหยดน้ำใส!

หยดน้ำนี้ใสพร่างพราว ทว่าช่วงที่ปรากฏ ความหนาวเยือกน่าสะพรึงอบอวลรอบแปดทิศ

เทียนเสียจื่อยิ้มเยาะหมุนตัวกลับ หยุดการล่าสังหาร ในสงครามมีชาวเผ่าเชมันโชคดียังไม่ตายอยู่ส่วนหนึ่ง ยามนี้ถอยพร้อมกันแล้วปิดล้อมสี่ทิศ แม้แต่ซูหมิงก็ยังอยู่ในนั้นด้วย

“ข้ารอเจ้าอยู่ที่นี่มาสิบห้าปีแล้ว” ชายชราผู้สื่อวิญญาณกล่าวด้วยเสียงแหบพร่า หลังจากกลืนหยดน้ำใสที่ลอยอยู่ตรงหน้าแล้ว ตัวเขาสั่นอย่างรุนแรง สีหน้าเผยความเจ็บปวด

“เหล่าผู้ล่วงลับที่น่าเศร้า…ด้วยกายผู้สื่อวิญญาณของข้า จึงสัมผัสได้ถึงความแค้นและความเศร้าของพวกเจ้า ข้ายินดีจะให้ร่างกายข้าแบกรับความเคียดแค้นของพวกเจ้า พวกเจ้าตายด้วยน้ำมือของบุคคลนี้ เมื่อตายไปแล้วก็จงใช้ร่างกายของข้า มาเถอะ…”

เมื่อชายชรากล่าวจบประโยคสุดท้าย ตัวเขาสั่นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลง ชาวเผ่าเชมันที่โอบล้อมซูหมิงกับเทียนเสียจื่อล้วนมีสีหน้ายำเกรงและหวาดกลัว

“น่าสนใจ ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นผู้สื่อวิญญาณที่หลอมรวมวิญญาณได้…”

เทียนเสียจื่อเลียริมฝีปาก นัยน์ตาเหี้ยมโหด

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น สงครามครั้งนี้แทบไม่เกี่ยวกับเขาเลย เขาไม่ต้องลงมือใดๆ มีเทียนเสียจื่ออยู่จึงไม่มีใครเพ่งเป้าหมายมาที่เขา

ถึงอย่างไรหากเทียบกับเทียนเสียจื่อแล้ว ซูหมิงในยามนี้อ่อนแอเกินกว่าจะเป็นที่สนใจจริงๆ

ทันใดนั้น ชายชราผู้สื่อวิญญาณที่หลับตาอยู่พลันลืมตาขึ้น ดวงตาเป็นสีเทา ช่วงที่เขาลืมตา เหมือนกับมีเสียงร้องลั่นประสานรวมกันจำนวนมากออกมาจากปากเขา

“คืนหัวใจข้ามา!”

แผดเสียงจบ บนตัวชายชราพองบวมขึ้นหลายจุดทันใด ตรงจุดที่พองบวมเหล่านั้นเป็นใบหน้าคนกำลังแผดเสียงคำราม ทำให้ชายชราในเวลานี้ดูน่าสะพรึงกลัว

เขาเหยียบเท้าลงพื้น แผ่นดินสั่นสะเทือน จากนั้นลอยตัวขึ้นทะยานเข้าใส่เทียนเสียจื่อ ขณะที่เข้าใกล้ ชายชรายกสองมือขึ้น หนึ่งชี้ท้องฟ้า อีกหนึ่งชี้ปฐพี แล้วแหงนหน้าคำรามอีกครั้ง

“คืนหัวใจข้ามา!”

ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ตรงปลายสุดท้องฟ้าขุ่นมัว ยามนี้มีมือกระดูกยักษ์ยื่นมาจากอากาศ ก่อนตบฝ่ามือเข้าใส่เทียนเสียจื่อพร้อมกับกลิ่นอายเน่าเปื่อย

ขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งมือกระดูกมือสั่นเทาพุ่งขึ้นมาจากผืนดินเช่นกัน และตรงเข้าใส่เทียนเสียจื่อพร้อมกับมือบนท้องฟ้า

นัยน์ตาเทียนเสียจื่อเป็นประกายเหี้ยมโหด ทะเลโลหิตด้านหลังลากเสียงยาวตรงเข้ามาปกคลุมตัวเขาเอาไว้ พร้อมกันนั้น รูปปั้นหินกอดอกในทะเลโลหิตที่ดูเชื่องช้า ช่วงที่สองมือกระดูกจากฟ้าดินตรงเข้ามา มันกลับคลายมือออกเป็นครั้งแรก หนึ่งบนหนึ่งล่าง เข้าปะทะกับสองมือกระดูก

ทั้งฟ้าดินพลันเกิดเสียงอึกทึกดังสนั่น มือกระดูกบนท้องฟ้าพังทลายทันที แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นฝุ่นละอองลอยหายไป

ส่วนมือกระดูกจากผืนดินก็สั่นสะเทือนเช่นกัน ราวกับไม่อาจทนรับฝ่ามือของรูปปั้นหินได้ พลันแตกกระจายลงสู่ผืนดินราวกับฝนกระดูก

ชายชราผู้สื่อวิญญาณแววตาขยับประกาย ขณะเดียวกับที่สองมือกระดูกกลายเป็นเศษ เขากางแขนทั้งสองข้าง แหงนหน้าแผดเสียงแหลม

คำรามจบตัวเขาสั่นเทา ใบหน้าวิญญาณอาฆาตบนผิวหนังแผดเสียงพร้อมกัน ก่อนพากันพุ่งออกจากตัวชายชรา

วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นพุ่งออกมาไม่หยุด ขณะชายชราตัวสั่นไหว เลือดเนื้อเขาแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ไม่กี่ลมหายใจ ร่างกายก็กลายเป็นหนังหุ้มกระดูก ศีรษะดิ่งลงสู่พื้น ทว่ายามนั้นวิญญาณอาฆาตตนสุดท้ายในร่างกายเขาก็พุ่งออกมา

วิญญาณอาฆาตอัดแน่นอยู่บนท้องฟ้า ตรงเข้าใส่เทียนเสียจื่อ

เทียนเสียจื่อแค่นเสียงหึ ขณะกำลังจะลงมือ ทันใดนั้นมีเสียงถอนหายใจสองเสียงดังแว่วมาจากท้องฟ้าไกลๆ

เสียงถอนหายใจนั้นนุ่มนวลยิ่งนัก ประหนึ่งไม่มีเพลิงโทสะแม้แต่น้อย แต่ราวกับเป็นเสียงพ่นลมหายใจเบาๆ ของหญิงคนรัก พัดผ่านใบหน้า ลอยเข้าสู่หู

หลังจากเสียงถอนหายใจดังแว่วเข้ามา ซูหมิงก็มองไป พบว่าบนท้องฟ้าไกลมีชายสองคนเดินมา

พวกเขาเป็นบุรุษรูปงามที่แทบทำให้สตรีต้องขอยอมแพ้และละอายในความอัปลักษณ์ของตัวเอง สองคนสวมเสื้อคลุมยาวสีขาว ความหล่อเหลาของใบหน้าทำให้ไม่ว่าชายหรือหญิงมองแล้วต้องดึงดูดใจ

และที่น่าทึ่งไปมากกว่านั้นคือพวกเขาสองคนจูงมือกัน เดินเข้ามาทีละก้าวด้วยรอยยิ้มงดงาม เหมือนกับเป็นคนรักที่สนิทชิดเชื้อกันก็มิปาน

“คู่ดารา!” ในแววตาของเทียนเสียจื่อ นอกจากความตื่นเต้นและเหี้ยมโหดแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีความจริงจังเพิ่มเข้ามา

“แม้แต่คู่ดาราที่หายากในเผ่าเชมันยังปรากฏตัวที่นี่ น่าสนใจนัก…การจะเลือกดาราหนึ่งคู่มิใช่เรื่องง่าย…”

ชายชุดขาวลึกลับสองคนจูงมือกันเดินมาราวกับคนรัก ดวงตาพวกเขาที่งดงามเหมือนไม่ใช่ของโลกใบนี้กำลังมองเทียนเสียจื่อ หนึ่งในสองคนนั้นกล่าวขึ้นเบาๆ

“สมมุติว่ารอบตัวเจ้ามีเงาคนจากวิญญาณอาฆาตหนึ่งตน ทว่ากลับไม่มีหัวใจ”

เสียงนุ่มนวลกล่าวจบ วิญญาณอาฆาตจำนวนมากที่กำลังพุ่งเข้าใส่เทียนเสียจื่อพลันแผ่ขยาย กลายเป็นหน้าอกตรงจุดที่เทียนเสียจื่ออยู่ ก่อนรวมตัวขึ้นเป็นเงาคนยักษ์หนึ่งตน

เงาร่างคนที่สร้างจากวิญญาณอาฆาตแผดเสียงคำรามไม่หยุด กึกก้องท้องนภา

“สมมุติว่าเจ้าขยับตัวมิได้ แสดงวิชามิได้ เจ้าเป็นได้เพียงหัวใจของเงาคนนี้ หลังจากนั้น…ก็แหลกสลาย…” หนึ่งในบุรุษงามลึกลับสองคน ยิ้มแล้วกล่าวเบาๆ

ซูหมิงเบิกตากว้าง ก่อนหรี่ตาลงอีกครั้ง พูดได้ว่าเขาเพิ่งเคยสัมผัสกับเผ่าเชมันเป็นครั้งแรก ได้เห็นผู้สื่อวิญญาณที่เห็นใจคนตาย ทว่ากลับเย็นชากับคนเป็น

ยามนี้เขายังได้เห็นคู่ดาราที่มีพลังน่าอัศจรรย์บางอย่าง! เขายังเห็นร่างของอาจารย์เทียนเสียจื่อพลันหยุดนิ่งในวินาทีนั้นอย่างที่คู่ดาราว่าไว้ ทะเลโลหิตนอกร่างกายค่อยๆ หายไป

นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายชั่วร้าย เสียงระฆังกึกก้องอยู่ในร่างกาย

ในมือเขาปรากฏเกล็ดปลาสีขาว ตรงระหว่างคิ้วมีตรากระบี่สีดำขยับแสง บนตัวเขาปรากฏลายหมานวูบวาบ

เพราะเขามิได้เห็นเพียงร่างกายของอาจารย์แข็งค้าง เขายังเห็นโครงร่างจากวิญญาณอาฆาตรอบตัวเทียนเสียจื่อก่อตัวขึ้น อีกทั้งตรงจุดที่อาจารย์อยู่ก็เป็นตรงหัวใจของมัน ดูจากท่าทางแล้วคงอยากจะกลืนกินเทียนเสียจื่อเข้าไป แต่ซูหมิงก็ยังสงสัยอยู่เหมือนกัน ด้วยความเข้าใจของเขาต่ออาจารย์ ในเมื่อเทียนเสียจื่อกล้ามาอย่างเปิดเผยเช่นนี้ก็ไม่น่าจะบุ่มบ่ามหรือมุทะลุ ทว่าซูหมิงนึกไม่ออกจริงๆ เลยว่าอาจารย์ยังมีกลอุบายอะไรอีก

ช่วงวิกฤติสำคัญ ขณะซูหมิงกำลังจะออกมือช่วย พลันมีเสียงหนึ่งดังแว่วมาจากเทียนเสียจื่อ เสียงนั้นทำให้คู่ดาราลึกลับสีหน้าเปลี่ยนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ชายชราผู้สื่อวิญญาณหนังหุ้มกระดูกบนพื้นร้องออกมาด้วยความตกใจอย่างที่ไม่เคยมีมา ทำให้ชาวเผ่าเชมันที่ปิดล้อมอยู่รอบเทียนเสียจื่อกับซูหมิงมีสีหน้าเหลือเชื่อ

“สัตว์เชมันของข้า…ด้วยเสียงของข้าเทียนเสียจื่อ ขอเรียกเจ้า…”

หลังเสียงของเทียนเสียจื่อดังกึกก้อง พลันมีเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดังมาจากแผ่นดินไกล ลมพายุคลั่งกวาดผ่านเข้ามา ตรงกลางฟ้าดินห่างไกลปรากฏ…นกยักษ์ทองคำตัวหนึ่ง…ขนาดของมันราวหนึ่งพันจั้ง!

“นี่มัน…สัตว์ศักดิ์สิทธิ์นกใหญ่ทองคำ! เจ้า…เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงใช้วิชาศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าเชมันได้!” ชายชราผู้สื่อวิญญาณบนพื้นร้องเสียงหลงออกมาด้วยความตกใจ สีหน้าตื่นตะลึง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!