Skip to content

สู่วิถีอสุรา 27

ตอนที่ 27 น้ำตานอง

แทบเป็นในจังหวะเดียวกับที่ท่านปู่ตะโกนเสียงดังสนั่น หมอกโลหิตตลบไปทั่วทุกสารทิศ ปกคลุมค่ำคืนจันทร์โลหิต ค้างคาวจันทรามหาศาลส่งเสียงหวีดร้องโผทะยานในหมอก เมื่อย่างกรายมาถึงน่านฟ้าเผ่าเขาทมิฬ พลันส่งเสียงหวีดร้องแหลมแทนที่ทุกสิ่ง และกลายเป็นเสียงเพียงหนึ่งเดียวในค่ำคืนจันทร์โลหิต

สัตว์ป่าเปื้อนโลหิตหลายต่อหลายตัวถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนท้องฟ้า ยังไม่ทันตกลงมาก็ถูกฝูงค้างคาวจันทราเข้ารุมทึ้งอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงร้องแหลมดังสนั่น พวกมันถูกค้างคาวจันทรากลบจนมิดไปทั้งตัว ฟันและเขี้ยวแหลมแทงเข้าสู่ร่าง พริบตาเดียวเหลือเพียงร่างแห้งเหี่ยว กระทั่งเลือดสดและชีวิตของพวกมันยังถูกค้างคาวจันทรากลืนกิน

ที่เหลืออยู่มีเพียงศพแห้งหนังติดกระดูก ตกลงสู่พื้นดังตุบๆ ชักกระตุกหลายครั้งก่อนแน่นิ่งไป

ค้างคาวจันทรานับไม่ถ้วนบนน่านฟ้า มีบางส่วนที่มองข้ามสัตว์ป่าที่ถูกเหวี่ยงขึ้นมา แต่โฉบลงเบื้องล่าง ดวงตาแดงก่ำฉายแววอำมหิตและกระหายเลือด เป้าหมายของพวกมันคือคนหมานในเผ่านี้

เสียงกรีดร้อง เสียงสะอื้นไห้ เสียงคำรามด้วยโทสะ พลันดังขึ้นปะปน รวมกันเป็นบทเพลงประสานร่วมกับเสียงหวีดร้องจากค้างคาวจันทรา บรรเลงดังสนั่นในค่ำคืนแสงจันทร์ประหลาดนี้

ทว่ายามนี้ ทะเลเพลิงรอบเผ่าราวกับม่านพลังอันแกร่งกล้า ทำให้เหล่าค้างคาวจันทราเมื่อเข้าใกล้ต้องหวีดร้องแล้วบินถอย ประหนึ่งไฟที่ไม่แผดเผาบ้านเรือนเป็นอันตรายต่อชีวิตพวกมัน

“โยนออกไปอีก!” ท่านปู่อยู่กลางเปลวเพลิง มองท้องฟ้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ท่ามกลางความหวาดกลัว ชาวเผ่าเบื้องล่างนำสัตว์ป่าที่กักตุนเอาไว้ตลอดช่วงฤดูหนาวนี้โยนออกไปอย่างต่อเนื่อง เพื่อเลี้ยงและเซ่นไหว้ให้แก่เหล่าค้างคาวจันทราที่เบื้องบน

เวลาค่อยๆ ดำเนินผ่านไป สัตว์ป่าที่ตุนเอาไว้ตลอดฤดูหนาวกลายเป็นอาหารให้แก่ค้างคาวจันทราจนหมดสิ้น เหลือไว้เพียงซากศพแห้งเหี่ยวกองพะเนินบนพื้นเท่านั้น ด้วยเหตุที่ค้างคาวจันราบนท้องฟ้าเหล่านี้กระหายเลือดอย่างบ้าคลั่ง จึงเริ่มบินโฉบลงมายังเบื้องล่างเป็นกลุ่มใหญ่ราวกับคิดทำลายม่านทะเลเพลิง และเข้าไปเสพสุขกับโลหิตเผ่าหมานที่ทำให้พวกมันตาร้อนผ่าว

ท่านปู่สะบัดมือขวา ทะเลเพลิงพลันเปลี่ยนเป็นน้ำวนเพลิงใหญ่ยักษ์ ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เข้าต้านฝูงค้างคาวจันทราด้วยพลังของตนเพียงผู้เดียว ในขณะเดียวกัน ลูกศรหลายดอกทะลวงขึ้นจากเบื้องล่าง พุ่งผ่านทะเลเพลิงเข้าปะทะกับฝูงค้างคาวจันทรา

ทว่าสำหรับพวกมันที่มีชีวิตใกล้เคียงกับคำว่านิรันดร์ บาดแผลแค่นี้ไม่อาจส่งผลอะไรต่อมันได้ เสียงกระพือปีกรวมกับเสียงหวีดร้องแหลม ยิ่งทำให้คนในเผ่าเขาทมิฬตื่นกลัว

ผ่านไปไม่นาน มีค้างคาวจันทราทะลวงผ่านม่านทะเลเพลิงมาได้หลายตัว และบินโฉบหวีดร้อง ทำให้เผ่าเขาทมิฬในยามนี้เกิดโกลาหล

ภาพในลักษณะเดียวกันกำลังเกิดขึ้น ณ เผ่ามังกรทมิฬ มีเพียงเผ่าภูผาดำเท่านั้นที่ยามนี้ดูแปลกแยก ผู้คนในเผ่าทั้งหมดต่างพากันหมอบลงพื้น นิ่งไม่ขยับไปไหน ส่วนปี้ถูจ้าวหมานเผ่าภูผาดำกำลังอ้าสองแขนกลางอากาศ สีหน้าดูราวกับคลุ้มคลั่ง ปากขยับบริกรรมคาถาพิลึกขึ้นไปบนฟ้า

รอบกายเขามีค้างคาวจันทราบินวนรอบ อีกทั้งบนร่างของเขาเองก็ยังมีเกาะอยู่ไม่น้อย พวกมันใช้เขี้ยวอันแหลมคมกัดเข้าที่ตัวของปี้ถู ก่อนสูบกลืนโลหิต

ทว่าราวกับปี้ถูไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด ไร้ซึ่งการต่อต้านใดๆ ตรงกันข้าม สีหน้าของเขาบ้าคลั่งเพิ่มมากขึ้น ใบหน้าค่อยๆ ซีดขาว คาถาประหลาดที่เขาท่องกลับดังก้อง

“เซ่นไหว้ด้วยเลือดสดของข้า เผ่าหมานเพลิงที่เก่าแก่เอ๋ย พวกเจ้ามีชีวิตเป็นนิรันดร์จนท้ายสุดกลายเป็นค้างคาวจันทรา เมื่อพวกเจ้าดื่มกินเลือดหมานในกายข้า ข้าก็จะหลอมรวมเลือดหมานเพลิงของพวกเจ้าเข้าสู่กายข้า!!”

ปี้ถูแหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า ร่างพลันระเบิดแสงดำเจิดจ้า ก่อนแผ่ขยายไปโดยรอบ ค้างคาวจันทรารอบตัวเขาส่งเสียงหวีดร้อง ร่างของพวกมันหดลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงฉานแปรเปลี่ยนเป็นมืดสนิทราวกับสิ้นลมหายใจ ก่อนตกลงบนตัวของปี้ถู

ทว่าค้างคาวจันทรากลับคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเก่า ตรงเข้ามาด้วยจำนวนที่มากขึ้นอีกครั้ง!

ฝูงค้างคาวจันทรามหาศาลถูกปี้ถูสูบเลือดจนหมด หลายต่อหลายครั้งวนเวียนเป็นวัฏจักร เห็นได้ชัดว่ากายเนื้อของเขาบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว โลหิตเข้มข้นพลันระเบิดจากตัว

ด้วยพลังโลหิตมหาศาล ไม่เพียงแต่ค้างคาวจันทราบนท้องฟ้าจะคลุ้มคลั่งมากขึ้นเท่านั้น แม้แต่ค้างคาวจันทราจากเผ่ามังกรทมิฬและเผ่าเขาทมิฬยังสัมผัสได้ จึงรีบมุ่งหน้ามายังเผ่าภูผาดำทันที

ห่างไปไม่ไกลนักในเผ่าภูผาดำ มีเงาคนสวมชุดคลุมดำทั้งตัวยืนอยู่ เขาแปลกแยกจากชาวเผ่าที่กำลังหมอบลงบนพื้นโดยสิ้นเชิง ลักษณะชุดคลุมดำของเขาไม่ใช่สิ่งที่เผ่าเล็กๆ ในแถบนี้จะมีได้ ยามนี้เขายืนมองจ้าวหมานแห่งเผ่าภูผาดำ มุมปากยกขึ้นเผยรอยยิ้มเย็นเยือก

“ข้าได้ถ่ายทอดวิธีเรียกค้างคาวจันทราโดยการใช้หินจันทราให้แก่เจ้า และชี้นำเส้นทางที่รวดเร็วที่สุดในการก้าวสู่ขั้นพลังชำระล้าง ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องดูกันที่โชคชะตาของเจ้า….”

หากเทียบกับเหตุการณ์อันเลวร้ายข้างนอกแล้ว ซูหมิงในยามนี้นับว่าค่อนข้างปลอดภัย เขาผลักหินที่ปิดปากโพรงเอาไว้ แล้วรีบหนีออกมาทันที ผิวหนังของเขามีรอยถูกลวกจนพองหลายจุด ริมฝีปากแห้งจนแตก หัวใจเต้นระรัว

“ไม่อยากเชื่อเลยว่าที่นี่….จะเป็นที่จำศีลของพวกค้างคาวจันทรา!”

ซูหมิงจ้องลึกเข้าไปในถ้ำภูเขาไฟ ตั้งแต่เยาว์วัยเขาเคยได้ยินเรื่องตำนานค้างคาวจันทรามานับครั้งไม่ถ้วน ฉะนั้นจึงทราบดีถึงความน่ากลัวของพวกมัน โดยเฉพาะตำนานเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ นั่นยิงทำให้ซูหมิงตื่นตะลึง

ขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง ซูหมิงจึงค่อยๆ ปีนมาตรงทางออก เขาโผล่หัวออกไปดูแวบหนึ่ง ในเสี้ยววินาทีนั้น เขาพลันสูดลมหายใจเข้าลึก ท้องฟ้าด้านนอกอบอวลไปด้วยหมอกแดง ทั้งยังมีเสียงหวีดร้องดังก้องอยู่ภายใน มีค้างคาวจันทรามหาศาลอยู่ในนั้น

ซูหมิงรีบหดตัวกลับเข้าไป หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งจึงค่อยๆ ถอยกลับมาคิดไตร่ตรองอยู่ในถ้ำภูเขาไฟอีกครั้ง

“ไม่รู้ว่าเผ่าจะเป็นอย่างไรบ้าง….ตอนนี้ยังออกไปไม่ได้ หากออกไปค้างคาวจันทราพวกนั้นต้องเห็นแน่” ซูหมิงขมวดคิ้วเป็นปม ในใจร้อนรนยิ่งนัก เขาค่อนข้างเป็นกังวลถึงสภาพการณ์ของชนเผ่าในยามนี้

ทว่าซูหมิงก็ทราบดีว่าตนไม่มีกำลังจะไปช่วยได้ นัยน์ตาเป็นประกาย จ้องลึกเข้าไปในถ้ำภูเขาไฟ ก่อนค่อยๆ ปรากฏแสงสว่างขึ้นในแววตาของเขา

“นี่เป็นครั้งแรกที่ค้างคาวจันทรามีมากถึงเพียงนี้ อีกทั้งยังดูเหมือนว่าส่วนลึกในถ้ำน่าจะมีพื้นที่กว้างอยู่….” ซูหมิงลังเลเล็กน้อย ค่อยๆ เดินลึกเข้าไป ผ่านจุดที่เขาใช้หลอมสมุนไพร มองตรงไปเบื้องหน้าด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว

“เช่นนั้นก็เข้าไปดูให้รู้แล้วรู้รอดว่าด้านในมีอะไรอยู่กันแน่ ถึงทำให้ค้างคาวจันทราอยู่ได้นานหลายปี บางทีอาจจะเจอความลับของพวกมันก็ได้ เช่นนี้จะได้กลับไปบอกท่านปู่ บางทีอาจมีประโยชน์ต่อท่าน” ซูหมิงขยับร่าง ทะยานเข้าไปยังส่วนลึกของถ้ำ

จะว่าไปก็พิกล ในถ้ำภูเขาไฟมีเปลวเพลิงอยู่ตลอดเวลา กระทั่งยังมีคลื่นไอร้อนผ่าวที่มนุษย์ยากจะทนไหวซัดสาดมาเป็นระยะ ทว่ายามนี้ซูหมิงเดินลึกเข้าไปกลับไม่รู้สึกถึงไอร้อนระอุ แต่สัมผัสได้ถึงไอเย็นจากส่วนลึกในถ้ำ

ขณะที่ซูหมิงเดินลึกเข้าไป ด้านนอกทั้งสามเผ่าใต้เขาทมิฬกลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้นอีกครั้ง

ณ เผ่าเขาทมิฬมีค้างคาวจันทราฝ่าม่านทะเลเพลิงมาได้ร่วมร้อยตัว พุ่งทะยานเข้าใส่ชาวเผ่า นักรบหมานต่างรบราฆ่าฟัน ดวงตาทั้งสองข้างของเป่ยหลิงขยับแสง ปกป้องเฉินซินที่อยู่หลังตนเอาไว้ มือขวาของเขามีไอหนาวเยือกแผ่ขยาย ก่อตัวขึ้นเป็นดอกไม้น้ำแข็งคมกริบหลายดอกปกคลุมรอบตัว บนตัวเขามีบาดแผลหลายจุด โลหิตไหลเป็นทางยาว ทันใดนั้น สายตาของเขามองทอดไกลออกไป มือขวาจับคันศรด้านหลังโดยสัญชาตญาณ ก่อนดึงมาถือไว้ในมือ

ยามนี้เป่ยหลิงถือคันศร จิตสังหารพลันแผ่ขยายมาจากตัวเขา มือซ้ายดึงสายธนูก่อนคลายออก ลูกดอกแหลมขยับวูบวาบ ทำให้ดอกไม้น้ำแข็งโดยรอบเกาะตัว ก่อนพุ่งไปยังทิศทางที่เขามอง!

ไกลออกไป เหลยเฉินเต็มไปด้วยความกระหายเลือด บนร่างเขามีค้างคาวจันทราหลายตัว ทว่าเขากลับไม่แยแส ใช้มือจับค้างคาวจันทรามาหนึ่งตัว แล้วใช้ปากกัดลงไปราวกับคลุ้มคลั่ง

“กล้าดูดเลือดท่านเหลยคนนี้ ข้าก็จะดูดเลือดเจ้าเหมือนกัน!”

ทว่าช่วงที่เขากัดลงไป พลันสัมผัสได้ว่ามีค้างคาวจันทราหลายสิบตัวตรงเข้ามา ด้วยระดับพลังของเขา จึงไม่อาจรับมือกับค้างคาวจันทราจำนวนมากขนาดนี้ได้

ในนาทีคับขัน เขาได้ยินเสียงไอหนาวลากยาวทันใด ลูกธนูคมกริบดอกหนึ่งที่ห้อมล้อมด้วยดอกไม้น้ำแข็งตรงเข้ามาแล้วระเบิดกระจายเหนือหัวเหลยเฉิน ทำให้ค้างคาวจันทราหลายสิบตัวล่าถอยไป และช่วยชีวิตเขาเอาไว้ได้

เหลยเฉินตกตะลึง หันกลับไปมองเป่ยหลิงที่ยามนี้เก็บคันศรกลับด้วยความเย็นชา นัยน์ตาฉายแววสับสน

โลหิตในกายจ้าวเผ่าเขาทมิฬเดือนพล่าน ในมือถือหอกยาวสีเงินขว้างออกไปดังก้องกังวาน คลื่นลมมหาศาลม้วนตัวขึ้นเป็นเกลียว ค้างคาวจันทราจำต้องแตกฝูงเพื่อหลบหลีก

แม้จะเป็นเช่นนั้น ทว่าจำนวนของพวกมันมีมากเกินไป มีชาวเผ่าธรรมดาหลายคนที่ถูกค้างคาวจันทราดึงตัวลอยขึ้น ส่งเสียงกรีดร้องแหลมช่างน่าเวทนา

ในขณะนั้นเอง ท่านปู่โบกสะบัดไม้เท้าในมือ ทำให้ทั้งเผ่าราวกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้น เทวรูปหมานใหญ่ยักษ์ลอยกลางอากาศ ดวงตาของเทวรูปเผยความเหี้ยมโหดราวกับมีชีวิต โดยเฉพาะมังกรในมือของมัน ยามนี้แหงนหน้ามองฟ้าคำรามลั่น แล้วปรากฏตัวขึ้นกวาดโดยรอบจนสิ้น

กาลเวลาหมุนเปลี่ยน ค่ำคืนจันทร์โลหิตค่อยๆ ผ่านไป ทว่าการต่อสู้ในเผ่ากลับดุเดือดขึ้น กระทั่งท้ายที่สุดค้างคาวจันทราไม่สูบเลือดกินอีก แต่เลือกจับคนหมานเป็นๆ กลับไปยังถ้ำเพื่อเป็นอาหาร

ตะวันตรงขอบฟ้าเริ่มทอแสง เสียงหวีดร้องดังไกลมาจากเผ่ามังกรทมิฬ ท่ามกลางฝูงค้างคาวจันทราจำนวนมาก ปรากฏเป็นเงาร่างคนสีขาว ใบหน้างามซีดเผือดเผยความสิ้นหวัง ชาวเผ่าหลายคนถูกพวกมันจับตัวกลับไปยังเขาทมิฬเพื่อเป็นอาหาร

ด้านหลังของพวกมัน มียายเฒ่าสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบคนหนึ่ง นางกำลังตามพวกมันไปติดๆ สีหน้าดูเป็นกังวลยิ่งนัก ทว่าตามไปได้ไม่นาน ก็มีเสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้นในเผ่ามังกรทมิฬ ในแววตาของนางเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยและความโศกเศร้า ก่อนหมุนตัวกลับไปปกป้องเผ่าของตน

มองเงาชุดขาวห่างออกไป น้ำตาพลันรินไหล…

เพียงแต่น้ำตาปลิวหายไปกลางอากาศ ไม่รู้ว่าไปที่แห่งใด และไม่มีใครได้พบเห็น

ยามท้องฟ้าเริ่มสว่างไสว จันทร์โลหิตค่อยๆ เลือนหาย ค้างคาวจันทราจำนวนมากส่งเสียงหวีดร้อง ก่อนแยกย้ายกันกลับสู่ภูเขาทมิฬ ในนั้นมีคนหมานจากหลายเผ่ารวมถึงเด็กสาวชุดขาวถูกค้างคาวจันทราตรึงร่างเอาไว้ พากลับไปยังยอดเขาเพลิงทมิฬ และมุดเข้าตามช่องต่างๆ บนนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!