Skip to content

สู่วิถีอสุรา 276

SVTASR
BC

ตอนที่ 276 วันแรกข้าชนะ

“อาคมคุ้มกันภูเขาเชียวนะ น้องสี่เจ้าคงไม่รู้ อาคมนี้พอเปลี่ยนแล้วยุ่งยากยิ่งนัก ของแบบนี้ใครเขาเปลี่ยนกันง่ายๆ! ทว่ายอดเขาลำดับเจ็ดนั่น พวกนาง…พวกนางข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้ว!” หู่จื่อกอดซูหมิงแน่น มีสีหน้าโมโห

C

ไม่ง่ายเลยกว่าซูหมิงจะดิ้นหลุด มองหู่จื่อที่โมโหถึงขีดสุด ได้แต่พูดไม่ออก

“พวกนางข่มเหงรังแกข้าเกินไปจริงๆ ข้าจะไม่ทนเด็ดขาด!” หู่จื่อยกสองมือขึ้น แผดเสียงตะโกน

“น้องสี่ เจ้าทำหน้าแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?” น้อยนักที่หู่จื่อจะโมโหถึงเพียงนี้ พอเห็นสีหน้าแปลกประหลาดของซูหมิง จงถามขึ้น

“เอ่อ…ไม่…ไม่มีอะไร” ซูหมิงกระแอมเสียง เขารู้สึกว่าการคุยกับหู่จื่อตอนนี้ยังไม่ค่อยเหมาะเท่าไร ขณะกำลังคิดหาทางออกไปจากนี่โดยเร็ว หู่จื่อแผดเสียงตะโกนด้วยความโกรธอีกครั้ง

“พวกนางเหยียดหยามข้า นี่คือการยั่วยุข้าอย่างเปิดเผย ศิษย์น้องเล็ก เจ้าว่าใช่หรือไม่ พวกนางทำเช่นนี้เกินไปหรือไม่ ไร้หัวใจใช่รึไม่ ไม่มีคุณธรรมใช่รึไม่ ช่างไร้ยางอายใช่รึไม่!” หู่จื่อเดินวนไปวนมาในถ้ำ เส้นผมสยายยุ่งเหยิงเหมือนคนคลุ้มคลั่ง ส่งเสียงตะโกนไม่หยุด

“พวกนางทำเกินไปจริงๆ เสียแรงที่ข้าช่วยพวกนางดูแลวงแหวนอาคมให้บ่อยๆ พวกนางช่างใจดำยิ่งนัก อาคมก่อนหน้านี้ก็เป็นข้าที่ช่วยพวกนางซ่อมแซมตั้งหลายครั้ง พวกนางไร้คุณธรรมนัก เปลี่ยนวงแหวนอาคมแต่กลับไม่บอกข้าสักคำ!”

“ศิษย์พี่สาม…ข้ามีธุระ ต้องขอตัวก่อน…..” ซูหมิงรีบถอยหลังหลายก้าว กำลังจะออกไป

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าอย่าเพิ่งไป…” หู่จื่อวิ่งเข้ามาไวๆ ขวางซูหมิงเอาไว้ เขายังคงมีสีหน้าโกรธแค้น ทว่าในความโกรธแค้นกลับมีความตื่นเต้น

“ศิษย์น้องเล็ก เจ้าบอกข้าที ข้าขึ้นเขามาไม่กี่ปี แต่เจ้ารู้หรือไม่ ยอดเขาลำดับเจ็ดเปลี่ยนอาคมคุ้มกันภูเขาไปแล้วหกครั้ง! หกครั้ง นี่คือครั้งที่เจ็ด พวกนางข่มเหงรังแกกันเกินไปแล้ว ทุกครั้งที่เปลี่ยนจะซับซ้อนขึ้นไม่น้อย ทำให้ข้าต้องใช้ความคิดอย่างมากกว่าจะหาวิธีเข้าไปได้! โดยเฉพาะครั้งนี้ที่เกินไปจริงๆ เกินกว่าเหตุไปแล้ว ข้าใช้เวลาตลอดสิบวันคิดคำนวณ สิบวันที่ข้าไม่ได้ออกไปถ้ำมอง ตั้งสิบวันเชียว!”

ซูหมิงยิ้มเจื่อนๆ ขณะกำลังจะกล่าว ความตื่นเต้นในสีหน้าหู่จื่อพลันมากเกินกว่าความโกรธ

“แต่ว่า!” หู่จื่อสะบัดมือ ดวงตาสองข้างที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยเปล่งประกาย

“ท่านหู่คนนี้ก็ยังเปิดได้อยู่ดี อาคมคุ้มกันภูเขากระจอก ข้านี่แหละฉลาดที่สุด ศิษย์น้องเล็ก เจ้าดูนี่!” หู่จื่อดึงมือซูหมิงมาตรงภาพแกะสลักบนพื้นของเขา ชี้ภาพสัญลักษณ์ซับซ้อนเหล่านั้น

“เปิดวงแหวนอาคมง่ายดายยิ่งนัก สิ่งที่ยากคือจะให้มันเปิดเองโดยไม่ถูกตรวจพบได้อย่างไร เจ้าดู เส้นนี้คือข้า!” หู่จื่อตื่นเต้นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ วาดเส้นโค้งหนึ่งเส้น เส้นนั้นคดเคี้ยวบนพื้น เข้าไปในส่วนลึกสุดของภาพสัญลักษณ์ ระหว่างทางมิได้แตะภาพแกะสลักอื่นๆ เลย เหมือนเปิดเป็นเส้นทางหนึ่งจากความว่างเปล่า

“วันนี้กลางดึก ข้าจะทำให้ยอดเขาลำดับเจ็ดได้รู้ว่าท่านหู่ของพวกนาง…มาแล้ว!” หู่จื่อตบหน้าอก หัวเราะเสียงดัง

นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย เขานั่งยองพิจารณาภาพสัญลักษณ์นั้นอย่างละเอียด ผ่านไปนานเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองหู่จื่อที่กำลังลำพองใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มบาง

“ศิษย์พี่สาม ท่านฉลาดที่สุดจริงๆ”

พอหู่จื่อได้ยินดังนั้นก็ยิ่งลำพองใจใหญ่ ตบบ่าซูหมิงอย่างแรง

“ใช่แล้ว ศิษย์น้องเล็กของข้าเยี่ยมยอดนัก วันนี้ตอนดึกศิษย์พี่จะพาเจ้าไปเปิดโลกกว้าง ข้ารู้จักที่ดีๆ หลายจุดบนยอดเขาลำดับเจ็ด ทว่าข้าไม่เคยบอกใคร แม้แต่อาจารย์สวมชุดคลุมลายดอกไม้มาหาข้า ข้ายังกัดฟันไม่บอกเลย ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะพาเจ้าไปแอบมองเทียนหลันเมิ่ง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

หู่จื่อกล่าวอย่างตื่นเต้น แต่เห็นซูหมิงมองภาพสัญลักษณ์บนพื้นอีกครั้ง จึงกะพริบตาปริบๆ ไม่กล่าวอันใด

“ศิษย์พี่สาม ท่านว่าหากสลักอาคมนี้บนเสื้อเกราะจะมีผลเหมือนกันหรือไม่…” ซูหมิงกล่าวพึมพำ จ้องอาคมบนพื้นด้วยแววตาเปล่งประกาย

เขามาหาหู่จื่อก็เพราะเรื่องนี้พอดี ความคิดนี้เดิมทีขมุกขมัวเล็กน้อย เริ่มต้นมาจากเมื่อเขาเห็นหู่จื่อสร้างก้อนน้ำแข็งสะท้อนภาพยอดเขาลำดับเจ็ด ตอนนั้นเขาเคยพึมพำโดยที่จื่อเชอไม่ได้ยิน ความหมายคือครั้งหน้าอยากสร้างให้มันทนทานกว่านี้หน่อย

สิ่งนี้ทำให้ซูหมิงมีแรงบันดาลใจ ทำให้ในใจเขาเกิดความคิดที่กำเริบเสิบสานอย่างยิ่ง แม้บอกว่าความคิดพวกนี้เหลวไหล ซูหมิงกลับไม่อาจละทิ้งความเย้ายวนหากทำสำเร็จขึ้นมา

ดังนั้นจึงมาคุยกับหู่จื่อ ทว่าตอนนี้เมื่อเขาเห็นภาพสัญลักษณ์บนพื้น ความคิดนี้ในหัวยิ่งเด่นชัดมากขึ้น

“สลักบนเกราะ?” หู่จื่อมึนงง เกาศีรษะ คิดอยู่นานจึงส่ายศีรษะ

“ไม่ได้ ไม่มีวัสดุแบบนั้นอยู่ อีกอย่าง…..” หู่จื่อขมวดคิ้ว กล่าวครึ่งหนึ่งพลันหยุดชะงักแล้วครุ่นคิดอย่างหนัก

“ศิษย์พี่สาม” ซูหมิงยืนขึ้น เบนสายตาจากภาพสัญลักษณ์บนพื้นไปมองหู่จื่อ

“ข้าต้องการภาพสัญลักษณ์อาคมคุ้มกันภูเขาแบบนี้ จากง่ายไปจนถึงซับซ้อน เรื่องนี้ต้องรบกวนศิษย์พี่แล้ว”

หู่จื่อยังขมวดคิ้ว ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า ตบหน้าอกกล่าว “ได้ สองสามวันนี้ข้าจะช่วยเจ้าเตรียม แต่ศิษย์น้องเล็ก ข้าว่าเจ้าจะให้สำเร็จคงยากอยู่ ไม่มีวัสดุแบบนั้น มิหนำซ้ำอาคมคุ้มกันภูเขาพวกนี้ยังเปลี่ยนได้ ไม่ใช่ของตาย…ทว่าเมื่อสลักลงไปแล้วจะเปลี่ยนไม่ได้อีก”

ซูหมิงยิ้มน้อยๆ ประสานมือคารวะหู่จื่อ ก่อนเดินออกจากถ้ำขณะอีกฝ่ายยังคงมึนงง

ภายในถ้ำ หู่จื่อขบคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ ทว่าในเมื่อศิษย์น้องเล็กต้องการ เขาย่อมสนับสนุนเต็มที่ ตอนที่เขามองภาพสัญลักษณ์บนพื้น แววตาพลันเปล่งประกาย ไม่ขบคิดถึงเรื่องที่ว่าซูหมิงจะสลักอาคมบนเกราะอย่างไรอีก แต่ถูมือทั้งสองข้าง มีสีหน้าตื่นเต้น

“มารดามันเถอะ คืนนี้ข้าจะให้ยอดเขาลำดับเจ็ดได้รู้ว่าท่านหู่กลับมาแล้ว! พวกนางทำเกินไปจริงๆ ไร้หัวใจนัก!” หู่จื่อยกน้ำเต้าสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ คิดฝันว่าคืนนี้จะทำอะไรบ้างแล้วหัวเราะเฮอะๆ

ซูหมิงออกจากถ้ำของหู่จื่อ ในหัวเอาแต่นึกถึงความคิดที่ทำให้เขาใจเต้นแรงตลอดทาง ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าทำได้

‘ต้องใช้การควบคุมความละเอียดอ่อนที่ประณีตอย่างยิ่ง…’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายวาววับ ขณะเดินพลันหยุดชะงัก มองไป๋ซู่ที่มีท่าทีลำพองใจและหยิ่งยโสบนเส้นทางขั้นบันไดห่างไกลออกไป

“ซูหมิง ข้าวาดเสร็จแล้ว!” ไป๋ซู่รออยู่ตรงนั้นนานมาก เห็นซูหมิงกลับมาจึงชี้ก้อนน้ำแข็งด้านข้าง กล่าวเสียงกังวาน

ซูหมิงกวาดมองไปก็พบว่าตัวเองบนก้อนน้ำแข็งถูกแต่งแต้มจนเละ รูปร่างผิดเพี้ยนไปหมด ด้านหลังมีเปลือกหอยขนาดใหญ่ อีกทั้งบนกำแพงน้ำแข็งด้านข้าง ยังมีภาพลอกแบบของไป๋ซู่ นางวาดเป็นเต่าทมิฬชูคอตัวหนึ่ง

เต่าทมิฬตัวนี้เหมือนจริงราวกับมีชีวิต โดยเฉพาะแววตาที่มีบางส่วนคล้ายซูหมิง

ซูหมิงมีสีหน้าเรียบเฉย เดินเข้าไปมองใกล้ๆ แล้วพยักหน้า

“วาดได้ไม่เลว ทำต่อไป” กล่าวจบ เขาเดินผ่านไป๋ซู่อย่างสงบนิ่งและจากไปไกล

ไป๋ซู่ตะลึงงัน ความสงบของซูหมิงทำให้นางเกิดโทสะอีกครั้ง จึงวิ่งตามซูหมิงไป

“นี่ ข้าวาดเจ้านะ!”

“ข้ารู้” ซูหมิงไม่ชะลอฝีเท้า ยังคงเดินหน้าเหมือนเดิม ขึ้นบันไดไปทีละขั้น

“เจ้าคิดว่าข้าวาดเหมือนหรือไม่!” ไป๋ซู่ยังราวีไม่เลิก

“ไม่เหมือน” น้ำเสียงซูหมิงไม่ทุกข์ร้อน

“ไม่เหมือนแล้วเจ้ายังบอกข้าวาดได้ไม่เลว ในสายตาข้า ข้าวาดเหมือนเจ้ามาก” ไป๋ซู่รีบวิ่งตามจนทันฝีเท้าซูหมิง

“ดังนั้นข้าจึงให้เจ้าวาดต่อไป” ซูหมิงกลับมาถึงแท่นราบนอกถ้ำของตน ขณะกำลังเข้าไปในถ้ำ มีเสียงที่โมโหถึงขีดสุดของไป๋ซู่ดังมาจากด้านหลัง

“ซูหมิง เจ้าหมายความว่าอย่างไร ข้ายอมแต่งตัวตามแบบที่เจ้าต้องการ และเจ้าก็ยอมสอนข้าวาดภาพ ทว่าวันนี้จะหมดวันแล้ว เจ้าสอนอะไรข้าบ้าง” ไป๋ซู่ยืนบนแท่นราบ ถลึงตามองซูหมิง

“เจ้ายังแต่งตัวไม่เหมือน” ซูหมิงหมุนตัวกลับมองไป๋ซู่

“ไม่เหมือนตรงไหน?” ไป๋ซู่พลันกล่าว

“นิสัยไม่เหมือน นางไม่ได้เอะอะโวยวายขนาดนี้” ซูหมิงเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา

ไป๋ซู่จ้องซูหมิง ผ่านไปครู่หนึ่งจึงหลับตาลง ตอนที่นางลืมตาอีกครั้ง นางเดินมายืนตรงขอบแท่นราบ หันหลังให้ซูหมิง มองฟ้าดินห่างไกล ก่อนยกสองมือขึ้นมัดเส้นผมใหม่ แล้วฉีกปกเสื้อของตัวเอง เผยให้เห็นหนังกลับของคอเสื้อ ดูเหมือนมีหนังสัตว์ขนอ่อนๆ ล้อมเป็นวงกลม

เมื่อทำเสร็จนางจึงก้มหน้าลงฉีกกระโปรงยาวออกมาผืนใหญ่ เศษกระโปรงลอยตลบไปตามลม เผยให้เห็นกระโปรงยาวสีม่วงด้านใน และยังมีรองเท้าหนังกลับ

หลังจากนั้นนางหมุนตัวกลับ เม้มริมฝีปากมองซูหมิง ความรังเกียจในแววตาหายไป แทนที่ด้วยความอ่อนโยน ผมเปียเล็กๆ สองข้างที่พาดไว้ด้านหน้าไหล่ แกว่งไกวตามการหมุนตัวของนาง และยังมีเส้นผมดำหลายเส้นปลิวไสวอยู่ตรงหน้า

ความดื้อรั้นพลันแสดงออกมาอย่างเปิดเผยจากสภาพอารมณ์และเสื้อผ้า รวมถึงใบหน้าของนาง ยามนี้มีหิมะโปรยปรายท่ามกลางสายลม บางส่วนตกบนเส้นผมของนาง

แต่กลับไม่อาจปกปิดแววตาดื้อรั้นและความอบอุ่นภายในนั้นได้ แววตาคู่นั้นทำให้ซูหมิงใจลอยอีกครั้ง

สายลมหิมะเริ่มหนักขึ้น พัดผ่านระหว่างนางกับซูหมิง ทุกอย่างโดยรอบเหมือนกับหยุดนิ่ง มีเพียงหิมะร่วงโรยและสายตาที่มองสบกัน

“ซูหมิง เจ้ากลับมาแล้ว…ยังจำที่เจ้ารับปากกับข้าได้หรือไม่…” น้ำเสียงอ่อนโยนดังก้องโดยรอบ เหมือนหลอมรวมกับหิมะ ทำให้ซูหมิงเงียบงัน

ไป๋ซู่เผยรอยยิ้มบาง รอยยิ้มนั้นสดใสยิ่งนัก งดงามและมีความสุขมาก นางมองซูหมิงพลางส่งเสียงหัวเราะปานกระดิ่งเงิน ก่อนก้าวถอยหลังเบาๆ เคลื่อนตัวออกจากแท่นราบ นางยังไม่ถึงชำระล้าง ทั้งยังไม่มีของวิเศษช่วยเหาะเหิน ยามนี้จึงดิ่งลงไปในเหวลึกใต้ยอดเขาลำดับเก้าอย่างเร็ว

“ซูหมิง เจ้ากลับมาแล้ว…แต่ข้า…..ต้องไป….”

ร่างไป๋ซู่ดิ่งลงไปอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาฉายแววดื้อรั้น นางไม่ยอมแพ้ นางต้องเดิมพันสักครั้ง! ขณะกำลังดิ่งลงอย่างเร็ว นางยังคงมองแท่นราบของยอดเขาลำดับเก้าที่ห่างออกไปเรื่อยๆ จนกระทั่งตัวนางอ่อนยวบ มีสายลมพัดเข้ามาชะลอความเร็วของนางลง ไป๋ซู่ยิ้มได้ใจอีกครั้ง

“วันแรกข้าชนะ!”

ซูหมิงหมุนตัวกลับอย่างเงียบเชียบ เดินเข้าไปในถ้ำ ช่วงที่หันกลับไป เขาพึมพำเบาๆ

“นิสัยดื้อรั้นของนางเหมือนกับเจ้ามาก…”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!