Skip to content

สู่วิถีอสุรา 315

ตอนที่ 315 กลับ

กลิ่นหอมของเม็ดโอสถอบอวลอยู่ในห้องลับ ฟุ้งกระจายโดยรอบ ทำให้ผู้ได้กลิ่นต้องตกตะลึง ซูหมิงมองเม็ดโอสถสี่เม็ดในขวดโปร่งใส พวกมันมีสีเขียว ภายในขวดค่อนข้างดูไม่เหมือนจริง ราวกับเม็ดโอสถไม่เข้ากับโดยรอบเล็กน้อย

“เม็ดยาเชมันระดับสองสี่เม็ด ข้าพิสูจน์ด้วยตัวเองมาแล้ว มีผลในการรักษา” หลังจากบุคคลข้างกายซูหมิงหยิบเม็ดโอสถออกมาแล้วก็กล่าวเรียบๆ

‘เม็ดยาเชมัน…..’ ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ในใจกลับตกตะลึง งานประมูลครั้งนี้ทำให้เขาได้เห็นของที่ไม่รู้จักมาก่อนหลายชนิด ยามนี้เขาจ้องขวดหยกโปร่งใส เงียบไม่กล่าวสิ่งใด

“แย่งเม็ดยาเชมันมาจากพิธีเซ่นไหว้ของเผ่าเชมันได้ น่าสนใจ ทว่าระดับสองที่เจ้าว่าข้าไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไร” น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น คนที่เอ่ยเป็นหนึ่งในคนที่นั่งตรงข้าม ยามนี้กล่าวพลางยกมือขวาขึ้นแล้วคว้าไปทางขวดหยก

ทันใดนั้นขวดหยกลอยมาทางเขา เมื่ออยู่ในมือแล้วเขาจึงเทเม็ดโอสถออกมาหนึ่งเม็ดเพื่อดมมัน การกระทำเช่นนี้ บุคคลข้างซูหมิงไม่ห้าม เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องปกติในงานประมูลแห่งนี้ ไม่กลัวเลยว่าจะถูกชิงเม็ดโอสถเชมันไป

คนอื่นๆ โดยรอบก็พากันดึงขวดหยกมาหาตนเพื่อตรวจสอบเม็ดโอสถ เมื่อดูอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ใส่กลับเข้าไปในขวดอีกครั้ง คนที่ตรวจสอบมีไม่น้อย นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย รออยู่ครู่หนึ่ง พอเห็นว่าไม่มีใครตรวจสอบมันอีกแล้วค่อยยกมือขวาคว้าไปทางมัน ขวดหยกพลันลอยมาทางเขา หลังจากเทมาหนึ่งเม็ดและพิจารณาอย่างละเอียดแล้วก็ดมมันเช่นกัน

กลิ่นหอมโอสถกระทบใบหน้า เพียงแต่ในกลิ่นหอมนั้นมีกลิ่นคาวปะปน

ซูหมิงจ้องมัน และมั่นใจว่าเป็นเม็ดโอสถจริงๆ ทว่ากลับมิใช่ชนิดที่เขารู้จัก อีกทั้งวิธีการหลอมยังไม่ประณีต ดูกลมๆ เหมือนเม็ดโอสถ แต่หากมองอย่างละเอียดจะพบว่าด้านบนมีหลุมเล็กๆ นับไม่ถ้วน เทียบไม่ติดกับเม็ดโอสถของซูหมิง

‘ตอนเดินทางไปเผ่าเชมัน พอจ้าวหมานเชมันกิ้งก่าเห็นโอสถชิงวิญญาณก็เคยหลุดปากว่าเม็ดยาฮวง…ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าเผ่าเชมันมีวิธีหลอมเม็ดโอสถคล้ายกับข้าจริงๆ

เพียงแต่ว่าการหลอมของข้าเรียกว่าเม็ดโอสถ ทว่าเผ่าเชมันมันเรียกว่าเม็ดยาเชมัน…..อีกทั้งจากลักษณะของเม็ดยาเชมันพวกนี้ยังเทียบไม่ติดกับเม็ดโอสถของข้า’ ซูหมิงหย่อนเม็ดยาเชมันลงไปในขวด ผลักไปด้านหน้า จากนั้นนั่งเงียบ

เม็ดยาเชมันหลายเม็ดนี้มิได้ดึงดูดความสนใจเป็นวงกว้าง ทว่ามีหลายคนสนใจและเจรจากันอย่างลับๆ ไม่รู้ว่าใช้ของอะไรมาแบ่งแลกเม็ดยาพวกนี้ไป

งานประมูลครั้งนี้เริ่มมานานมากแล้ว ซูหมิงล้มเลิกความคิดจะนำของมาประมูล เพราะเขาไม่มีอะไรจะประมูลได้เลย ส่วนเทียนหลันเมิ่งก็เช่นกัน ผ่านไปอีกครึ่งชั่วยามงานประมูลก็จบลง

นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหมิงเข้าร่วมงานประมูลลับระดับสูงเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วสิ่งของที่ทุกคนนำมาประมูลเขาจะไม่รู้จักและไม่เคยได้ยินมาก่อน ยามนี้งานประมูลสิ้นสุดลง แม้ซูหมิงจะได้มาไม่มาก แต่ก็ได้ความรู้ใหม่เกี่ยวกับพวกของล้ำค่า

ประสบการณ์แบบนี้ หากไม่มีโอกาสในตอนนี้ ก็ต้องใช้เวลาอีกนานมากกว่าจะค่อยๆ เพิ่มพูนได้ เมื่องานประมูลสิ้นสุดลง เด็กคนนั้นสะบัดแขนเสื้อ เงาร่างทุกคนทั้งฝั่งข้างขมุกขมัวกลายเป็นเลือนราง ก่อนค่อยๆ โปร่งใสและหายไปในที่สุด

วิธีการเข้ามาในนี้คือกระโจมสีทอง ทว่าในสำนักทะเลตะวันออกมีกระโจมสีทองอยู่สิบกว่าแห่ง และไม่ต้องเข้าจากกระโจมสีทองที่ใหญ่ที่สุดตรงกลาง ฉะนั้นทุกคนจึงปรากฏกันคนละที่

เมื่อเดินออกจากกระโจมสีทองแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปอย่างฉับไว

ซูหมิงกับเทียนหลันเมิ่งเดินออกจากกระโจมสีทอง ในมือซูหมิงถือโซ่เส้นหนึ่ง ตรงปลายโซ่เส้นนี้ผูกวานรเพลิงสีแดงทึบเอาไว้ วานรตัวนี้เพิ่งออกจากกระโจมก็เงยหน้ามองท้องฟ้า มองหิมะโปรยปราย สั่นเทิ้มทั้งตัว

“สหายซู ถุงใบนี้เก็บสิ่งมีชีวิตได้ เจ้ารีบเก็บลิงตัวนี้ไว้เถอะ พวกเราต้องไปกันแล้ว” ช่วงที่เพิ่งเดินออกจากกระโจม จื่อเชอกับผู้ติดตามเทียนหลันเมิ่งเข้ามารับ นางกล่าวอย่างร้อนรน ขณะเดียวกันก็หยิบถุงเล็กสีขาวส่งให้ซูหมิง

ซูหมิงรับมาอย่างไม่ลังเล เมื่อใช้จิตสัมผัสตรวจสอบรอบหนึ่งแล้วถึงตบถุงเบาๆ พลันมีแรงดูดมหาศาลเข้ามาม้วนตัววานรเพลิงแล้วดูดเข้าไปในถุงเล็ก

“ไป!” เทียนหลันเมิ่งไหวตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวขึ้นฟ้า ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ถึงแม้เทียนหลันเมิ่งบินก่อน หนึ่งก้าวของซูหมิงกลับขึ้นมาเสมอกับนางกลางอากาศ

ด้านหลังทั้งสองคนเป็นจื่อเชอกับเด็กสาว ส่วนชายสวมหน้ากากขาวตามอยู่ด้านหลังอย่างช้าๆ ร่างเขาไม่ช้าไม่เร็ว ดูสุขุมยิ่งนัก ทุกคนกลายเป็นสายรุ้งยาวหลายเส้นค่อยๆ หายลับไป

ตลอดทางไม่ใครพูดอะไร ซูหมิงครุ่นคิดอยู่ในใจ บ้างก็ก้มหน้ามองถุงเล็ก สำหรับวานรตัวนี้ เขามีความรู้สึกบอกไม่ถูกมาตลอด ตอนเห็นวานรก่อนหน้านี้เขาเคยตื่นตะลึง กระทั่งยังสับสนในใจ

เขาหวังว่าวานรตัวนี้จะเป็นเสี่ยวหง ทว่าก็ยากจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น จนกระทั่งเขารู้ว่ามันไม่ใช่เสี่ยวหง ในใจก็คิดถึงและห่อเหี่ยวมากขึ้น

เขาห้อทะยานไปกับเทียนหลันเมิ่งอย่างเงียบๆ ท่ามกลางความสับสน จนเมื่อท้องฟ้าสว่างไสว ทุกคนออกจากชนเผ่าชั่วคราวของสำนักทะเลตะวันออกมาค่อนข้างไกลแล้ว เทียนหลันเมิ่งหันไปมองซูหมิงแวบหนึ่ง

“ของที่เจ้านำไปแลกกับวานรตัวนี้ก็เป็นเม็ดยาเชมันเหมือนกัน” เทียนหลันเมิ่งกล่าวเบาๆ คนอื่นไม่ได้ยิน มันดังกึกก้องอยู่ในใจซูหมิง

วิธีการสื่อสารแบบนี้ ซูหมิงรับรู้ตั้งแต่ในงานประมูลลับแล้ว มันน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

“มันเป็นทักษะแบบง่ายขนานหนึ่งของแดนเซียน บอกว่าง่าย แต่สำหรับเผ่าหมานแล้วยากมาก” เทียนหลันเมิ่งยิ้มมองซูหมิง มองออกว่าเขาสงสัยเรื่องวิชาสื่อสารแบบนี้

“เจ้าไม่ต้องตอบก็ได้ ข้าไม่รู้ว่าเจ้ารู้ประวัติของมันหรือไม่ หากรู้ก็ช่างเถอะ แต่หากไม่รู้ตอนนี้เจ้าก็ได้รู้แล้ว เพียงแต่ว่าเม็ดยาเชมันของเจ้าพิเศษยิ่งนัก ต่างจากที่ข้าเคยเจอมาก หากมิใช่ว่าข้าเคยเห็นเม็ดยาเชมันมาหลายครั้งก็คงมองไม่ออก เด็กแห่งสำนักทะเลตะวันออกคนนั้นคิดว่าตนรอบรู้ ทว่ากลับไม่ทราบประวัติของมัน” รอยยิ้มเทียนหลันเมิ่งงดงามยิ่งนัก ยามนี้ขณะยิ้มดวงตากลายเป็นจันทร์เสี้ยว ทั้งยังมีความรู้สึกที่ทำให้คนหวั่นไหว

ซูหมิงสัมผัสเสียงของเทียนหลันเมิ่งที่กึกก้องในใจตนอย่างละเอียด ภายใต้การตรวจสอบโดยจิตสัมผัสจึงมองออกว่าเสียงนี้ใช้ปราณในการส่ง ปราณนี้มิใช่พลังจากเส้นเลือด แต่เป็นพลังอีกชนิดในฟ้าดิน

พลังนี้คนอื่นยากจะสังเกตเห็น แต่ซูหมิงมิใช่เช่นนั้น ในตัวเขามีเส้นเลือดลมถูกเปิดเอาไว้หนึ่งเส้น ในเส้นเลือดลมนี้ก็มีปราณไหลเวียนอยู่ด้วย!

เขาเคยสัมผัสได้มากกว่านี้ อีกทั้งยังตั้งชื่อให้ว่าการรวมปราณ

ยามนี้หลังจากขบคิดชั่วครู่แล้ว ภายในเส้นเลือดลมข้างในตัวซูหมิงพลันมีปราณเส้นหนึ่งหมุนโคจรแล้วแผ่ขยายออกมาด้านนอก ก่อนผสานกับจิตสัมผัส ช่วงที่กระทบตัวเทียนหลันเมิ่ง ซูหมิงจึงเข้าใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้ม

“บางทีอาจมิใช่เช่นนั้น” คำพูดนี้ซูหมิงไม่ได้กล่าวจากปาก แต่ส่งเสียงกึกก้องในใจเทียนหลันเมิ่ง

“อ้อ? หืม?” ตอนแรกเทียนหลันเมิ่งยังเฉยๆ ทว่าไม่นานก็ตะลึงงัน เบิกตากว้าง ตัวหยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นมองซูหมิงด้วยสีหน้าประหลาดใจและเหลือเชื่อ

“เจ้า…เมื่อครู่เจ้าพูดกับข้า?” เทียนหลันเมิ่งลังเลครู่หนึ่ง

“ไม่ผิด ข้าบอกว่าอาจจะมิใช่เช่นนั้น” ซูหมิงส่งคำพูดไป

“…เจ้าเรียนรู้เร็วมาก…” เทียนหลันเมิ่งมองซูหมิงด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะห้อเหยียดต่อ

“เจ้าทำได้อย่างไร?” ผ่านไปพักหนึ่ง เทียนหลันเมิ่งทนไม่ไหวจึงถาม

“เจ้าทำอย่างไร ข้าก็ทำอย่างนั้น เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรอยู่แล้ว ถ้ารู้เคล็ดลับมันก็ง่าย” ซูหมิงยิ้มพลางส่งคำพูดไป

“ไม่บอกก็ช่างเถอะ เจ้าสื่อสารทางจิตได้ถือเป็นเรื่องดีสำหรับพวกเรา ซูหมิง…สงครามหมอกนภาล่าเชมัน ข้าต้องให้เจ้าช่วย” เทียนหลันเมิ่งมีสีหน้าจริงจัง

“บอกรายละเอียดมาเถอะ” ซูหมิงแอบถอนหายใจ เขาปฏิเสธไม่ได้อีก ถึงอย่างไรงานประมูลครั้งนี้ก็ทำให้นางเป็นเจ้าหนี้เขา…

“ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาจะมาพูดเรื่องรายละเอียด รอสงครามล่าเชมันเริ่มก่อน ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังอย่างละเอียด หลังจากเจ้าช่วยข้าครั้งนี้แล้ว ไม่เพียงแต่ปลดหนี้เท่านั้น ข้ายังมีสินน้ำใจอื่นๆ ให้ด้วย” เทียนหลันเมิ่งมองซูหมิง ลังเลครู่หนึ่งแล้วกล่าว

“ได้ แต่ข้าต้องพูดให้ชัดเจนก่อน ไม่ว่าเรื่องนี้จะอันตรายเพียงใด หากเกินกำลังของข้าหรือเจอภยันตรายถึงชีวิต ข้าสามารถยกเลิกข้อตกลงได้ทุกเมื่อ ส่วนเหรียญหินข้าจะหามาคืนให้” ซูหมิงกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

“ตกลง” เทียนหลันเมิ่งยิ้ม พยักหน้าให้ซูหมิง

ขณะสองคนสนทนากัน เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป จนกระทั่งยามโพล้เพล้มาเยือน ตลอดทางไม่มีอันตรายใดๆ เมื่อกลับถึงสำนักเหมันต์สวรรค์และเห็นยอดเขาทั้งเก้าอยู่ไม่ไกลแล้ว เทียนหลันเมิ่งหยิบขวดน้ำแข็งสีฟ้าเข้มมาจากอกเสื้อ จากนั้นก็เทของเหลวสีฟ้าเข้มใส่ไว้ในขวดน้ำแข็งอีกขวด

“ไขสันหลังทะเลนี้สามหยดนี้ ข้าขอหยดหนึ่งถือเป็นดอกเบี้ย สองหยดที่เหลือคืนให้เจ้า สิ่งนี้ล้ำค่ายิ่งนัก เมื่อดื่มไปหนึ่งหยดจะมอบพลังชีวิตให้มหาศาล เป็นของช่วยชีวิต” ขณะเทียนหลันเมิ่งกล่าวก็ส่งขวดน้ำแข็งที่บรรจุไขสันหลังทะเลเอาไว้สองหยดให้ซูหมิง

“หากมีเจ้าสิ่งนี้อยู่ ในช่วงสงครามหมอกนภาล่าเชมัน ความมั่นใจของพวกเราจะสูงขึ้นเล็กน้อย” ยามกล่าวเทียนหลันเมิ่งยิ้มให้ซูหมิงอีกครั้ง ก่อนกลายเป็นสายรุ้งมุ่งหน้าไปยอดเขาลำดับเจ็ด ด้านหลังนางเป็นเด็กสาว ส่วนชายสวมหน้ากากขาวยามนี้ไม่รู้ว่าไปที่ใด

ซูหมิงมองร่างเทียนหลันเมิ่งที่หายลับไป ก้มหน้ามองขวดน้ำแข็งในมือ แล้วหมุนตัวกลับบินไปทางยอดเขาลำดับเก้าพร้อมกับจื่อเชอ

ห่างจากสงครามหมอกนภาล่าเชมันไม่ถึงสองเดือนแล้ว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!