Skip to content

สู่วิถีอสุรา 321

SVTASR
BC

ตอนที่ 321 ยอดเขาลำดับเก้าที่ไม่อยากแยกจาก

ในเวลาเดียวกัน สำนักทะเลตะวันนออกก็ปรากฏดาวตกสิบดวงเช่นกัน

C

เป็นดาวตกส่งสารจากเมืองหมอกนภา แจ้งข่าวกับเหมันต์สวรรค์และทะเลตะวันออกว่าต้องเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุด

ภายในสำนักเหมันต์สวรรค์ หนึ่งคืนก่อนเริ่มสงคราม เทียบกับความเงียบของทุกยอดเขาแล้ว บนท้องฟ้ามีเสียงอึกทึกก้องกังวานตลอด เสียงระเบิดนี้มาจากการที่แผ่นดินทั้งเก้าของฝ่ายนภาเคลื่อนไหว

สำหรับผู้คนจำนวนมาก นี่เป็นค่ำคืนที่นอนไม่หลับ เมื่อท้องฟ้าด้านนอกส่องสว่าง แสงแรกของตะวันมาเยือน เหล่าผู้คนจะต้องออกจากแดนแห่งนี้แล้วมุ่งหน้าไปเมืองหมอกนภา…

สิ่งที่รอพวกเขาอยู่บางทีอาจเป็นเกียรติยศ บางทีอาจเป็นชื่อเสียง และบางทีอาจเป็น…ความตาย

ค่ำคืนนี้นอนไม่หลับ ต่อให้ฝึกฝนก็มีหลายคนไม่อาจทำใจสงบ บางคนเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืน บางคนขัดของวิเศษ บางคนถือสิ่งของจากครอบครัวเหมือนกำลังอธิษฐาน

ด้านนอกยังคงมีเสียงอึกทึกดังขึ้นต่อเนื่อง แผ่นดินทั้งเก้าของฝ่ายนภาเคลื่อนไหวผิดตำแหน่ง ค่อยๆ สร้างขึ้นเป็นภาพกระจัดกระจาย ตรงกลางภาพนั้น มวลอากาศยามค่ำคืนบิดเบี้ยว บ้างก็มีแสงสายฟ้าไหลผ่านประหนึ่งสร้างเป็นกระจก สมบัติแห่งการสังหาร หนึ่งในสามสมบัติล้ำค่ากำลังมาเยือน

ซูหมิงเดินออกจากถ้ำยามเที่ยงคืน เสียงอึงอลข้างหูเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเงยหน้าขึ้นจะพบว่าตรงกลางเก้าแผ่นดินของฝ่ายนภา บริเวณที่สายฟ้าแล่นผ่านมีวัตถุเลือนรางเหมือนข้ามผ่านมาจากอีกโลกหนึ่งอย่างช้าๆ

ซูหมิงยืนอยู่นาน เงาร่างใต้แสงจันทร์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาละสายตากลับ หมุนตัวเดินขึ้นไปบนส่วนยอดเขา เหยียบบนน้ำแข็งของยอดเขาลำดับเก้า นัยน์ตาฉายแววอาลัยอาวรณ์

เขารู้ดีว่าเมื่อยามรุ่งสางผ่านไป ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้กลับมา บางที…อาจไม่ได้กลับมาอีก ทว่ามีบางเรื่องที่เขาจำเป็นต้องไปทำ มีแต่ต้องอยู่ในสนามรบเท่านั้น เขาถึงจะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว หากมัวแต่กลัวมิกล้าเดินทาง เช่นนั้นเขาจะหาเส้นทางกลับบ้านพบได้อย่างไร เส้นทางกลับบ้านยากกว่าสงครามในครั้งนี้หลายเท่านัก

เพียงแต่ว่าซูหมิงก็ยังอาลัยอาวรณ์ยอดเขาลำดับเก้าอยู่ดี เขาไม่อยากพลัดจากต้นไม้ใบหญ้าทุกต้น ไม่อยากพลัดจากเสียงกรนของหู่จื่อ ไม่อยากพลัดจากรอยยิ้มของศิษย์พี่รอง และยังมีความห่วงใยอย่างเงียบๆ ของศิษย์พี่ใหญ่ รวมถึงอาการบ้าเสียสติของอาจารย์เป็นบางครั้ง ทุกอย่างนี้เป็นสิ่งที่เขาเห็นคุณค่า

อีกทั้งยังมีความรู้สึกของยอดเขาลำดับเก้า…ความรู้สึกอบอุ่น ต่อให้สภาพอากาศที่นี่จะหนาว ความอบอุ่นในใจท่ามกลางความหนาวกลับยิ่งทำให้เขารู้สึกทะนุถนอมและให้ความสำคัญกับมัน

เขาอยากอยู่ต่อ อยากอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต เลิกคิดเรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับเขาทมิฬ เลิกคิดความหมายของคำว่าซู่มิ่ง เลิกคิดเรื่องตนเข้าไปอยู่ในมิติกี่ปี รวมทั้งสายตาเย็นชาและคำพูดผิดหวัง

เขาอยากละทิ้งปริศนาทั้งหมดเหล่านี้ ไม่อยากคิดถึงมันอีก อยากอยู่ยอดเขาลำดับเก้า และใช้เวลาทั้งหมด

ทว่าซูหมิงไม่ยอม เขาลืมเขาทมิฬไม่ลง ลืมทุกสิ่งไม่ได้

ซูหมิงเดินอยู่บนยอดเขาลำดับเก้า เงียบตลอดทางจนมาถึงปลายยอดเขา มองวิหารใหญ่ที่ถูกผนึก ก่อนประสานมือคารวะไปทางนั้น

“ซูหมิง มาขอพบอาจารย์”

กล่าวจบ คำพูดกลับถูกเสียงอึกทึกบนท้องฟ้ากลบ ถูกสายลมหนาวโดยรอบพัดพาไป ประดุจไม่อาจอยู่ตรงนี้

ซูหมิงโค้งตัวอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขยับ เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนหนึ่งก้านธูปต่อมา ถึงมีเสียงถอนหายใจดังมาจากข้างซูหมิง

“ศิษย์พี่สามเจ้าไม่ไป ศิษย์พี่รองเจ้าไม่ไป ศิษย์พี่ใหญ่เจ้าก็ไม่ไป…เจ้าจะไปจริงๆ รึ?”

คนที่กล่าวคือเทียนเสียจื่อในชุดคลุมยาวสีฟ้า

ซูหมิงยืนขึ้น หันหน้าไปมองเทียนเสียจื่อ มีสีหน้าลังเลใจ แต่ไม่นานก็กลายเป็นแน่วแน่

“ศิษย์ต้องไป หากแม้แต่แผ่นดินเผ่าเชมันยังไม่กล้าเหยียบ เอาแต่รอให้ขั้นพลังตัวเองพัฒนาขึ้น เช่นนั้นต้องมีสักวันหนึ่งที่ต่อให้ทะลวงถึงขั้นวิญญาณหมานก็ไม่กล้าออกนอกแดนอรุณใต้ เพราะอาจารย์เคยบอกว่า ต่อให้เป็นนักรบขั้นวิญญาณหมาน หากคิดจะออกจากแดนอรุณใต้ เส้นทางก็ยังอันตรายมากอยู่ดี…”

เทียนเสียจื่อในชุดคลุมฟ้ามองศิษย์ตรงหน้า เงียบไปครู่หนึ่งทั้งสีหน้าห่อเหี่ยว

“สงครามครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ…บางทีเจ้าอาจจะเลือกถูก สงครามครั้งนี้หลีกเลี่ยงไม่พ้น…ช่างเถอะ หากเจ้าอยากไปก็ไปเสีย บางทีอาจารย์กับเหล่าศิษย์พี่ของเจ้าอาจจะได้เจอเจ้าที่นั่น” เทียนเสียจื่อส่ายศีรษะถอนหายใจ

“อาจารย์ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?” ซูหมิงลังเลครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเบา

“ไม่ใช่ว่าเจ้าได้ยินไปหน่อยแล้วรึ?” เทียนเสียจื่อมองซูหมิงแวบหนึ่ง

“ไม่ใช่ทั้งหมด” ซูหมิงชะงัก กล่าวต่อเรียบๆ

“นั่นก็พอแล้ว รู้มากไปมิใช่เรื่องดี” เทียนเสียจื่อเงียบไปพักหนึ่ง มองท้องฟ้ามืดมิดด้วยแววตาซับซ้อน จากนั้นยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ พลันปรากฏแผ่นไม้บันทึกกลางฝ่ามือ ก่อนส่งให้ซูหมิง

“เจ้ามาหาข้า น่าจะเพราะชายชราสร้างซวินที่ข้าเคยพาเจ้าไปพบ นี่เป็นที่ตั้งของชนเผ่าเขา เอาสิ่งนี้ไป หลังจากสมบัตินภาหิมวันต์เดินทางสามคืนแล้ว เจ้าถือสิ่งนี้ไป ตรงนั้นเป็นจุดที่อยู่ใกล้เขามากที่สุด” เทียนเสียจื่อมองซูหมิงอย่างลึกซึ้ง เงยหน้าลูบศีรษะเขา ใบหน้ามีความเมตตา

“ไปตามเส้นทางของเจ้า เหมือนกับตอนข้าพิสูจน์กับอาจารย์ปู่ของเจ้าว่าข้าถูก ไปพิสูจน์ว่าเส้นทางของเจ้าถูกต้องกว่าข้า” เทียนเสียจื่อเดินผ่านซูหมิง แล้วค่อยๆ หายไปในความว่างเปล่า

ซูหมิงยืนเงียบอยู่นาน ก่อนประสานมือคารวะวิหารใหญ่ซึ่งถูกผนึก แล้วเดินลงไปตามขั้นบันไดเพื่อกลับถ้ำของตน

ภายในถ้ำ เขามองไปรอบๆ มิได้นั่งฌาน แต่มองทุกอย่างในนี้ มองทุกอย่างที่คุ้นชิน….

ยามรุ่งอรุณมาถึง ตะวันยังไม่ทอแสงแรก ซูหมิงจัดสัมภาระไว้เรียบร้อย ภายในถ้ำ เขามิได้นำสิ่งใดไป ยังคงทิ้งเอาไว้เหมือนเดิม เขาเชื่อว่าหลายปีจากนี้ตนจะต้องกลับมา

เพราะที่นี่ก็เป็นบ้านของเขา…

เมื่อเดินออกจากถ้ำ ซูหมิงพลันยกมือขวา มือหนึ่งกดบนผนังน้ำแข็งด้านข้าง ขุดเป็นน้ำแข็งหนึ่งก้อน แล้วนำใส่ไว้ในถุงเก็บวัตถุ

‘นี่คือตำหนิของยอดเขาลำดับเก้า…’ ซูหมิงยืนบนแท่นราบพลางมองท้องฟ้ามืดมิด มองไปตรงกลางฝ่ายนภา เห็นว่ามีวัตถุยักษ์ชิ้นหนึ่งโผล่มามากกว่าครึ่ง เพียงแต่โดยรอบตัวมันบิดเบี้ยวขมุกขมัว มองเห็นไม่ชัด

ซูหมิงสูดกลิ่นอายของยอดเขาลำดับเก้าเข้าลึก แล้วเดินไปตามขั้นบันได ยามตะวันทอแสง เขาก็มาถึงนอกถ้ำของหู่จื่อ มีเสียงกรนดังมาจากในถ้ำ ซูหมิงยิ้มแล้วเดินเข้าไป

หู่จื่อนอนคว่ำหน้า กำลังกรนเสียงดัง น้ำลายไหลมาตามมุมปากกลายเป็นน้ำนองบนพื้น ข้างกายเขามีน้ำเต้าสุราจำนวนมาก และมีไม่น้อยวางหกอยู่

ซูหมิงมองหู่จื่ออยู่นาน ก่อนหยิบน้ำเต้าสุราที่มีสุราเต็มมาหนึ่งขวดแล้วหมุนตัวจากไป

ท้องฟ้าส่องแสงอ่อนๆ ทว่าแผ่นดินยังคงมืดสลัว

ตรงกลางภูเขา ซูหมิงเห็นศิษย์พี่รองลอยไปมาเหมือนวิญญาณ เขาหยุดชะงัก ทันใดนั้นศิษย์พี่รองก็ลอยเข้ามาหยุดตรงหน้าซูหมิงแล้วมองเขา

“ศิษย์พี่รอง…” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา

“ศิษย์น้องเล็ก ข้าสงสัยว่าคนที่มาขโมยพืชดอกข้าทุกวันน่าจะเป็นเผ่าเชมัน หลังจากเจ้าไปแล้ว เจ้าต้องช่วยข้าหาว่าเป็นใครกันแน่” ศิษย์พี่รองกล่าวอย่างจริงจัง

ซูหมิงตะลึงงัน พยักหน้าพลางฝืนยิ้ม

“เก็บเอาไว้ รักษาตัวด้วย…” ศิษย์พี่รองในยามค่ำคืนแผ่กลิ่นอายพลังหนาวเยือก เขาเดินหน้ามาหลายก้าว หลังจากวางของสิ่งหนึ่งในมือซูหมิงแล้วก็ลอยผ่านไป

ซูหมิงก้มหน้ามองฝ่ามือ ตรงนั้นมีพืชเล็กสีดำหนึ่งต้นเปล่งแสงทึบ

“สิ่งนี้เติบโตด้วยพลังภูตผีของข้า วางไว้ที่ใดก็ได้ มันจะกลายเป็นหมอกภูตผี…ยามเจ้าเหนื่อยล้า เจ้าจะได้พักผ่อนอย่างสบายใจ” น้ำเสียงเย็นเยือกของศิษย์พี่รองดังแว่วเข้ามา ทว่าซูหมิงไม่รู้สึกหนาว ในใจกลับอบอุ่น

ยามเช้าตรู่ค่อยๆ มาเยือนโดยไม่รู้ตัว ท้องฟ้าส่องสว่าง ความมืดบนแผ่นดินถูกขับไล่ ผู้คนจำนวนมากเดินออกมาจากถ้ำของตัวเองจากแต่ละยอดเขาทั้งเก้า เงยหน้ามองท้องฟ้า

บนท้องฟ้า แผ่นดินทั้งเก้าของฝ่ายนภาในลักษณะวงแหวน มีสายฟ้าภายในแล่นผ่านเชื่อมเหมือนตาข่าย ในตาข่ายนั้นมีวัตถุสิ่งหนึ่งยาวหนึ่งร้อยจั้งโผล่ออกมา

ทุกส่วนเป็นสีดำทึบ ตรงขอบแหลมคม ดูเหมือนกระบี่ยักษ์!

ส่วนที่โผล่ออกมาของกระบี่เล่มนี้ยาวหนึ่งร้อยจั้ง หนาสิบจั้ง ดูแล้วเหมือนปลายยอดเขา! ด้านบนมีสัญลักษณ์ซับซ้อนขยับวิบวับ ทุกครั้งที่มันขยับแสงจะปล่อยแรงกดดันมหาศาลลงสู่แผ่นดิน

เสียงอึกทึกยังคงดังก้องอยู่ตลอด ซูหมิงเห็นวัตถุคล้ายกระบี่ยักษ์กำลังทะลวงออกมาจากตาข่ายอย่างรวดเร็ว เสียงกึกก้องรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง ช่วงที่แสงแรกของตะวันส่องสะท้อนแผ่นดินจนเกิดแสงสว่างจ้าตา ท้องฟ้าพลันสั่นสะเทือน วัตถุคล้ายกระบี่พลันโผล่มาจากในตาข่ายของฝ่ายนภาอย่างสมบูรณ์

มันเป็นกระบี่สีดำ ตัวกระบี่ยาวหนึ่งร้อยกว่าจั้ง กว้างสิบจั้ง ลอยอยู่กลางอากาศ แฝงไว้ด้วยพลังชั่วร้ายน่าสะพรึง หากเพียงเท่านี้ก็ไม่เท่าไร แต่ช่วงที่กระบี่ปรากฏ ตัวกระบี่พองบวมขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้วิธีการน่าตื่นตะลึงก่อเป็นเงามืดใหญ่ยักษ์บนแผ่นดินในชั่วพริบตา!

สิ่งนี้ขยายใหญ่ขึ้นร้อยเท่าจนมีขนาดหนึ่งหมื่นจั้ง กว้างหนึ่งพันจั้ง ดุจภูเขายักษ์ลอยอยู่กลางอากาศ!

มันดูเหมือนกระบี่ ทว่าหากมองอย่างละเอียดกลับเหมือนเรือ!

เงามืดยักษ์บนแผ่นดินแทบจะปกคลุมยอดเขาทั้งเก้า แรงกดดันมหาศาลอบอวลอยู่ในจิตใจของทุกคนที่เงยหน้ามอง

“ข้าจิ่งเฉิงหรง เป็นคนนำทัพในครั้งนี้!” บนแผ่นดินฝ่ายนภา มีร่างบินมาเก้าคน ร่างทั้งเก้าคนนั้นสวมชุดขาวทั้งตัว ในนั้นมีแปดคนนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงมุมต่างๆ ของกระบี่ยักษ์ มีเพียงคนเดียวที่ยืนตรงปลายกระบี่ กวาดสายตามองแผ่นดินพลางกล่าวเรียบๆ

“ผู้เข้าร่วมสงคราม ขึ้นนภาหิมวันต์! เมื่อพวกเจ้าขึ้นมาแล้วจะต้องถูกประทับตรา หากตายในสงคราม ตราประทับจะหายไป! ศิษย์เหมันต์สวรรค์ทั้งหลายรีบขึ้นมาแล้วไปล่าพวกเชมันกันเถิด!”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!