ตอนที่ 354 สัญญาณของกระดูกเซ่นไหว้
เสียงกลองรบดังสนั่นกลางฟ้าดิน ต่อให้เป็นในหมอกเขียวหนาแน่นบนท้องฟ้าก็ยังม้วนตลบรุนแรงยิ่งขึ้น ราวกับว่าการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งในหมอกมาถึงศึกตัดสินแล้ว
นอกสนามรบ กลุ่มซูหมิงหลายร้อยคนได้ยินเสียงกลองรบจากเมืองหมอกนภา เสียงกลองฮึกเหิมแฝงไว้ด้วยพลังทะลวงผ่านที่แข็งแกร่ง กึกก้องในสนามรบ วนเวียนอยู่ข้างหูกลุ่มซูหมิงหลายร้อยคน
“ผู้ติดตามข้า หากสู้ร้อยครั้งแล้วไม่ตาย จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่ง!” เสียงตะโกนของซูหมิงก่อนหน้านี้ผสานรวมกับเสียงกลอง ทำให้จิตใจแน่วแน่ของคนหลายร้อยกลายเป็นแรงขับเคลื่อนของความกล้าหาญ พวกเขาในยามนี้กลับลืมความเป็นตาย สายตาของพวกเขามีเพียงซูหมิง มีเพียงร่างที่กำลังทะลวงไปด้านหน้า
มีเงาร่างนั้นอยู่ จิตใจอันแน่วแน่จึงยังอยู่ มีร่างนี้อยู่ พลังนี้จึงยังคงอยู่!
พวกเขาในตอนนี้เป็นที่จับตามอง ชาวเผ่าหมานมองพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้เป็นเทียนหลันโยวผู้เย็นชาก็ยังมองด้วยสายตาเย็นเยือก
เมืองหมอกนภาก็เช่นกัน
การแสดงของกำลังพลกลุ่มนี้ ยามนี้บรรลุถึงจุดสูงสุดแล้ว ซูหมิงบุกทะลวงอยู่ด้านหน้า สามร้อยกว่าคนติดตามอยู่ด้านหลัง แสดงความกล้าหาญประดุจมังกรชั่วร้าย ประหนึ่งพยัคฆ์คำราม บุกทะลวงสังหารโดยไม่สนสิ่งใด
การปะทะต่อสู้ ผู้กล้าหาญจะชนะ คำพูดประโยคนี้บางทีอาจมิได้หมายถึงเพียงคนเดียว แต่หมายถึงกลุ่มคนได้! อย่างเช่นตอนนี้ หลายร้อยคนด้านหลังซูหมิงก็เป็นเช่นนั้น!
ขั้นพลังพวกเขาสูงต่ำไม่เท่ากัน ทว่าพวกเขามีพลังที่ไม่เกรงกลัวซึ่งความตาย!
“ความตายมีอะไรให้กลัว!” เหยียนป๋อมีโลหิตอาบทั้งตัว แผดเสียงตะโกนด้วยสีหน้าดุร้าย ติดตามซูหมิงและเข่นฆ่าอย่างบ้าระห่ำ
แม้ชาวเผ่าเชมันหนึ่งร้อยกว่าคนนี้จะแข็งแกร่ง แต่ต่อให้แกร่งกว่านี้ก็ยังมีขีดจำกัด พวกซูหมิงหลายร้อยคน หากคนเดียวเอาไม่อยู่ก็เพิ่มเป็นสอง หากสองไม่ไหวก็เพิ่มเป็นสาม!
หากสามคนไม่ไหว เช่นนั้นจะต้องมีคนบาดเจ็บสาหัสที่สุด กัดฟันเลือกระเบิดตัวเอง แรงระเบิดตัวเองจะทำให้เกิดเสียงดังสนั่น ความดุเดือดจึงเข้มข้นยิ่งกว่าสนามรบอื่นๆ
การระเบิดตัวเองต้องมีความกล้าหาญ ความกล้าหาญนี้อยู่เหนือกว่าการสังหารหรือถูกสังหาร มันเป็นทางเลือกของตัวเอง ต้องต่อสู้ดิ้นรน ต้องใช้ความกล้าหาญอย่างแท้จริงถึงจะทำได้
บางทีหลายครั้งคนมากมายไม่มีความกล้าหาญนี้ ทว่าในสนามรบ ต่อให้ไม่ระเบิดตัวเองก็อาจไม่มีทางรอดชีวิต ลูกผู้ชายที่แท้จริงจะยอมตายเสียยังดีกว่าให้ศัตรูสังหาร!
เสียงระเบิดดังก้องกังวาน เสียงระเบิดตัวเองดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง รอยยิ้มเยาะบนใบหน้าก่อนร่างจะระเบิดกระจุย คำพูดสุดท้ายของชีวิตก่อนระเบิดตัวเอง กระตุ้นคนอื่นๆ และกระตุ้นเผ่าหมานทุกคนที่มองมา
สงครามปะทะกันสั้นๆ ครั้งนี้ ท่ามกลางเสียงกลองอึกทึก ชาวเผ่าหมานหลายร้อยคนพร้อมกับซูหมิงเข่นฆ่าสังหารอย่างบ้าคลั่ง ส่วนเผ่าเชมันมีคนล้มตายจำนวนมาก!
การตายเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือชาวเผ่าเชมันเหล่านั้นมองพวกซูหมิงด้วยแววตาหวาดกลัวเป็นครั้งแรก พวกเขาจำต้องกลัว ต้องเผชิญหน้ากับแววตาบ้าระห่ำ เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายที่หากสังหารไม่ตายในครั้งเดียวแล้วบาดเจ็บสาหัส ก็จะระเบิดตัวเองโดยไม่สนสิ่งใด พวกเขา…จะไม่กลัวได้อย่างไร!
การสังหารของซูหมิงดุเดือดยิ่งกว่า แขนขวาเขาเป็นแผลเหวอะหวะ ตรงหน้าอกมีโลหิตไหล เส้นผมยุ่งเหยิง ความรู้สึกเหนื่อยล้าลุกลามอยู่ในตัวไม่หยุดหย่อน
ทว่านัยน์ตาเขากลับยังคงเปล่งประกาย ดวงตาซ้ายเย็นชาถึงขีดสุด ดวงตาขวาเปล่งแสงสีแดงพิลึกเช่นกัน เส้นผมถูกย้อมด้วยโลหิตจนกลายเป็นสีม่วง ต่อให้ใกล้เลยยามโพล้เพล้ก็ยังเป็นที่จับตามอง
ความเร็วของซูหมิงทะยานถึงขีดสุด ขยับวิบวับทะลวงต่อไป ด้านหลังเขามีผู้ติดตามอย่างบ้าคลั่ง หลังจากชาวเผ่าเชมันหนึ่งร้อยกว่าคนตายไปมากกว่าครึ่ง ในที่สุดเผ่าเชมันก็แตกพ่าย!
นั่นคือสภาพจิตใจที่พังทลาย และเป็นสัญญาณของการถอย!
ชาวเผ่าเชมันสามสิบกว่าคนที่เหลืออยู่ รวมถึงนักล่าอีกสองคน พวกเขาเลือกถอยกันโดยไม่ต้องนัดหมาย เพื่อไปรวมกับนักรบเชมันระลอกที่สองด้านหลังที่กำลังตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว
พวกเขากลัวแล้ว!
ส่วนเผ่าหมานก็ต้องจ่ายในราคาที่สาหัสเช่นกัน นอกจากคนที่หนีไปก่อนหน้านี้ ผู้ติดตามหลังซูหมิงเหลือเพียงหนึ่งร้อยกว่าคนเท่านั้น
หนึ่งร้อยกว่าคนนี้ไม่มีใครไม่เปื้อนโลหิตไปทั้งตัว ไม่มีใครดวงตาไม่เป็นสีเลือดและไร้ประกายเย็นชา ไม่มีใครที่มิใช่…วีรบุรุษ!
ตอนที่ชาวเผ่าเชมันสามสิบกว่าคนถอยหนีอย่างรวดเร็ว ซูหมิงหอบหายใจแรง พลันเงยหน้าขึ้น แล้วยกเท้าขวาเดินหนึ่งก้าว หนึ่งก้าวนี้ จุดเดิมของเขาทิ้งเป็นเศษเสี้ยวเงาเอาไว้ ทว่าตัวจริงกลับคล้ายทะลวงผ่านอากาศไปแล้ว เห็นได้ชัดว่ามวลอากาศตรงเผ่าเชมันสามสิบกว่าคนที่กำลังถอยพลันปรากฏหมอกแดง แทบจะทันใดนั้น เงาร่างของซูหมิงยืนอยู่หลังนักล่าแห่งเชมันสองคน
การปรากฏตัวของซูหมิงน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อปรากฏกายแล้ว ขาทั้งสองข้างของเขาเกิดรอยแผลเหวอะด้วยความเร็วระดับสายตา หมอกแดงก่อนหน้านี้เกิดขึ้นก็เพราะซูหมิงใช้ความเร็วระดับนี้หลายครั้งจนร่างกายไม่อาจทนรับไหวและปริแตก
หลังจากปรากฏตัวก็เกิดลมพายุม้วนผ่านแผ่นดินอ้างว้าง ตรงเข้าใส่นักล่าแห่งเชมันสองคน ท่ามกลางเสียงอึกทึกสั่นสะเทือน หนึ่งในนักล่าแห่งเชมันคนหนึ่งที่มิได้เตรียมป้องกันตัวสั่นสะท้าน โลกตรงหน้าหมุนกลับเพราะศีรษะถูกมือซูหมิงตัดผ่าน
เดิมทีนักล่าเชมันไม่ควรจะอ่อนแอถึงเพียงนี้
แต่เพราะสงครามเมื่อครู่ทำลายจิตใจเขา ยามนี้ขณะหนีก็เห็นกำลังเสริมเข้ามา ช่วงที่จิตใจผ่อนคลายลง บวกกับซูหมิงรวดเร็วอย่างยิ่ง จึงกลายเป็นจุดจบในที่สุด
ทว่าเขาก็เป็นนักล่าแห่งเชมัน แทบจะทันทีที่ศีรษะถูกซูหมิงตัด เขาพลันระเบิดตัวเองก่อนสิ้นใจ
การระเบิดดตัวเองครั้งนี้ใกล้เคียงกับคำว่าบ้าระห่ำ เพราะรอบตัวเขา นอกจากซูหมิงแล้วยังมีชาวเผ่าเชมันคนอื่นๆ อยู่ด้วย ช่วงที่ซูหมิงถูกแรงระเบิดอัดเข้าใส่ ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ ช่วงเสี้ยววินาทีนั้นเขารู้สึกว่ากระดูกเซ่นไหว้ของบรรพบุรุษเขาหานในตัวเขากำลังหลอมละลายเล็กน้อย…
หากเพียงแค่หลอมละลายเล็กน้อยคงไม่เท่าไร ซูหมิงไม่มีเวลาขบคิดมากนัก เขาใช้ความเร็วอีกครั้งและถอยหลังอย่างเร่งรีบ ก่อนหายไปในชั่วพริบตา แล้วมาปรากฏตัวอยู่หน้าเผ่าหมานหนึ่งร้อยกว่าคน
แทบจะทันทีทันใด เสียงระเบิดดังสะเทือนนภา การระเบิดตัวของนักล่าเชมันส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ทำให้ชาวเผ่าเชมันรอบตัวหลายคนหลบไม่ทัน เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง มีคนบาดเจ็บล้มตายไปสิบกว่าคน
ซูหมิงมีโลหิตไหลจากมุมปาก เรือนร่างโซเซ กระอักโลหิตกองโต ใบหน้าขาวซีด โลกตรงหน้าพร่ามัว จนกระทั่งเขากัดฟันถึงยืนหยัดต่อไปไหว
หัวใจเขาเต้นแรง ความรู้สึกก่อนหน้านี้ทำให้นัยน์ตาเปล่งประกาย เขาในตอนนี้มั่นใจแล้วว่าเมื่อครู่กระดูกในตัวหลอมละลายเล็กน้อยจริงๆ !
เขายืนมองไปด้านหน้า ด้านหลังเขาเป็นชาวเผ่าหมานหนึ่งร้อยกว่าคน ด้านหน้าเป็นชาวเผ่าเชมันระลอกแรกที่ตายไปมากกว่าครึ่ง และยังมีชาวเผ่าเชมันระลอกที่สองกำลังเข้ามาสมทบ
“นักล่าซูหมิง!”
“นักล่าซูหมิง!” หนึ่งร้อยกว่าคนด้านหลังซูหมิง ไม่รู้ว่าใครตะโกนเป็นคนแรก ต่อมาแทบทุกคนก็ล้วนตะโกนเสียงดัง แววตาพวกเขาบ้าคลั่ง เมื่อเห็นการกระทำครั้งสุดท้ายของซูหมิง เห็นศีรษะคนที่ซูหมิงถืออยู่ในมือ!
โจวเต๋อแห่งเขตสนามรบทางใต้สูดลมหายใจเข้าลึกและยิ้มมุมปาก เขาเห็นสิ่งที่ซูหมิงทำครั้งสุดท้าย ได้ยินเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่งของคนหนึ่งร้อยกว่าคนด้านหลังซูหมิง
เทียนหลันเมิ่งเหม่อมองม่านแสงตรงหน้า มองเงาร่างคนผู้หนึ่งภายใน มองอาภรณ์อาบโลหิตทั้งตัว มองแผลเหวอะหวะหลายจุดบนตัว ก่อนกัดริมฝีปาก ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนชายชราที่นับนิ้วในเขตสนามรบทางเหนือ ยามนี้หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน
มีเพียงเทียนหลันโยวที่ขมวดคิ้ว สีหน้ายังคงเย็นชา
ทางเมืองหมอกนภา เสียงกลองรบฮึกเหิมยิ่งขึ้น เหล่าชายชราบนกำแพงเมือง ยามนี้ไม่มีใครกล่าวสิ่งใด พากันเพ่งมองซูหมิง
ในเมืองหมอกนภา ภายในไข่มุกที่ลอยอยู่บนแท่งกระบอกยักษ์ ชายชราสามคนที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็ตกเข้าสู่ความเงียบเช่นกัน สิ่งที่พวกเขามองมิใช่ขั้นพลังของซูหมิง ในสายตาพวกเขา ขั้นพลังซูหมิงอ่อนแอยิ่งนักและจบด้วยเพียงกระบวนท่าเดียวได้
แต่สิ่งที่พวกเขามองเห็นคือจิตใจอันแน่วแน่ในตัวคนหนึ่งร้อยกว่าคน จิตใจอันแน่วแน่นี้มีซูหมิงเป็นหลัก และซูหมิงเป็นคนนำมา สิ่งที่พวกเขามองเห็นคือความเด็ดเดี่ยวและเข้มแข็งจากในตัวซูหมิง รวมทั้งความกล้าหาญ!
ซูหมิงส่งศีรษะคนในมือให้จื่อเชอ เขาหอบหายใจแรง ยามนี้นักรบเชมันระลอกที่สองห่างออกไปเพียงหนึ่งพันจั้งแล้ว ระยะทางเช่นนี้อีกไม่นานก็คงมาถึง
ทว่าด้านหลังเขา คนหนึ่งร้อยกว่าคนเหนื่อยล้าอย่างยิ่งแล้ว ต่อสู้มาตลอดทั้งวันหรือกระทั่งนานกว่านั้น เทียบกับพวกเชมันที่พักมาตั้งแต่เริ่มสงครามแล้ว พวกเขาอ่อนกำลังกว่า
เขาจินตนาการได้ว่า เมื่อชาวเผ่าเชมันระลอกที่สองบุกโจมตีเข้ามา สหายที่รอดชีวิตเกรงว่าคงเหลือไม่เท่าไร…
โดยเฉพาะเมื่อเป็นเพียงระลอกที่สอง ทั้งยังมีระลอกที่สาม…และสัตว์ร้ายหนึ่งร้อยจั้งสิบกว่าตัว รวมถึง…สัตว์ศักดิ์สิทธิ์หนึ่งพันจั้งอีกตัว!
“การแสดงจบแล้ว! จื่อเชอ เหยียนป๋อ พาพวกเขาถอยกลับไปเขตสงครามทางใต้!” แววตาซูหมิงเด็ดขาด พลันกล่าวขึ้น
จื่อเชอตะลึงงัน เหยียนป๋อพลันมองซูหมิง
“แต่ผู้บัญชาการโจว…”
“ถอย!” ซูหมิงมองเหยียนป๋อแวบหนึ่ง
เห็นซูหมิงมอง เหยียนป๋อจึงพยักหน้าเงียบๆ พลางกัดฟัน เขาไม่ต้องออกคำสั่ง ทุกหนึ่งร้อยกว่าคนล้วนได้ยินคำพูดของซูหมิงแล้ว
“ข้าอยากให้พวกเจ้ามีชีวิตรอด ตอนนี้ถอยไป! จื่อเชอ เจ้าก็ถอยด้วย นี่คือคำสั่งของยอดเขาลำดับเก้า!”
จื่อเชอกัดฟันพยักหน้า