Skip to content

สู่วิถีอสุรา 377

ตอนที่ 377 เสียงบ้าอะไร?

ผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว น้ำวนในเทือกเขารูปแบบสามมารหายไป กลับมาเป็นเทือกเขากันดารแบบเดิม ซูหมิงกลับมาถึงถ้ำ ใช้หินภูเขาเป็นประตู ทั้งยังยืมพลังจากวงแหวนอาคม ทำให้ถ้ำแห่งนี้ค่อนข้างปลอดภัย ก่อนจะเริ่มเตรียมตัวอาศัยอยู่ที่นี่ยาวๆ

ภายในห้องหิน ซูหมิงยกมือขวาสะบัดไปด้านหน้า พลันปรากฏร่างชายชราขั้นวิญญาณหมานตรงกลางห้อง

ชายชรายังคงขยับไม่ได้ หลับตาสนิทนอนอยู่ตรงนั้น ทว่าสติกลับยังชัดเจน เขาแค้นซูหมิงยิ่งนัก ขอแค่มีโอกาสเขาจะตัดซูหมิงให้เป็นชิ้นๆ!

ทว่าซูหมิงไม่ให้โอกาสนั้น หลังจากวางร่างชายชรากลางห้องหินแล้วก็เดินเข้ามา กวาดสายตามองชายชรา แล้วยกมือขวาขึ้นแล้วกดตรงหัวเข่าอีกฝ่าย

เสียงกรุบๆ ดังก้อง หัวเข่าชายชราพลันแหลกละเอียด ซูหมิงไม่หยุดมือเท่านี้ เขากดจุดข้อต่อแขนขาชายชรา จนกระทั่งจุดสำคัญในร่างกายละเอียดหมดแล้วจึงหยุดมือ

แม้ชายชราจะขยับไม่ได้ ความเจ็บปวดรุนแรงกลับแผ่ซ่านไปทั้งตัว ทำให้เขาลืมตาขึ้นจ้องซูหมิงเขม็ง หากไม่ใช่เพราะขั้นพลังถูกผนึกและใช้ได้เพียงแต่สายตา เขาคงสังหารซูหมิงทั้งเป็นไปแล้ว

“นี่คือผลตอบแทนที่เจ้าล่าสังหารข้า” ซูหมิงมีสีหน้าเย็นชา ยกมือขวาขึ้น ตรงระหว่างคิ้วขยับแสงสีดำ กระบี่เล็กมาอยู่ในมือ ก่อนกรีดไปตามแขนชายชรา

โลหิตสดหลั่งทะลัก แต่ซูหมิงกลับยังไม่หยุด เขากรีดบนแขนขาทั้งสี่ของชายชรา

“หากเจ้าเป็นร่างแยกจริงๆ เช่นนั้นข้าจะรอร่างจริงของเจ้าตรงนี้” ซูหมิงยิ้มเยาะพลางปล่อยกระบี่เล็ก แล้วหยิบสมุนไพรบางส่วนมาจากถุงเก็บวัตถุ ก่อนวางตรงปากแผลแขนขาทั้งสี่ของชายชรา

ขณะเดียวกันก็หยิบสมุนไพรอีกหลายต้นมาปลูกบนข้อต่อชายชรา สมุนไพรเหล่านี้จำเป็นสำหรับการหลอมโอสถชิงวิญญาณ พวกมันจะไม่มีสรรพคุณในการรักษา แต่เมื่อสัมผัสกับโลหิต ส่วนรากจะขยายตัวทันที แล้วมุดเข้าไปตามเลือดเนื้อของชายชรา สูบกินพลังชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อเติบโต

เรื่องแบบนี้ซูหมิงทำมาหลายครั้ง ไม่มีใครทนรับความเจ็บปวดไหว แม้ชายชราจะตัวสั่น ทว่าดวงตากลับไม่แปรเปลี่ยน ยังคงจ้องซูหมิงเขม็งราวกับอยากจดจำเอาไว้ให้แม่น

แววตาเหี้ยมโหด สีหน้าที่ไม่สนความเจ็บปวดแม้แต่น้อย เป็นสิ่งที่ซูหมิงเคยเจอเป็นครั้งแรก

“สมกับเป็นวิญญาณหมานที่ผ่านความเป็นตายเซ่นไหว้กระดูกมาได้ จิตใจเช่นนี้แซ่ซูนับถือ หากไม่ใช่ว่าเจ้าถูกความโลภเข้าครอบงำ ทั้งยังมั่นใจว่าจะสังหารแซ่ซูได้ คงจะไม่มาล่าสังหารข้า” ซูหมิงกล่าวช้าๆ พลางปลูกสมุนไพรลงไป

“แต่น่าเสียดาย…” ซูหมิงส่ายศีรษะ มือขวาตบถุงเก็บวัตถุ พลันมีโอสถชิงวิญญาณบินมาสองลูกลอยอยู่เหนือศีรษะชายชรา ทำให้ดวงตาชายชราสนใจโอสถชิงวิญญาณราวกับถูกดูดเข้าไป

ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง เขายังไม่ค่อยวางใจเท่าไรนัก จึงหยิบโอสถชิงวิญญาณมาอีกหนึ่งลูก ให้โอสถชิงวิญญาณสามลูกลอยอยู่เหนือศีรษะชายชราถึงจะวางใจ

“ความแข็งแกร่งของเจ้า หากมิใช่เพราะข้ามีพลังแห่งเทพหมาน คงตายในมือเจ้าไปนานแล้ว” ซูหมิงใช้มือขวาคว้าอากาศ กระบี่เล็กแสงดำบินมาอีกครั้ง เมื่ออยู่ในมือซูหมิงแล้ว เขาก็แทงเข้าไปในบาดแผลแขนขวาชายชราแล้วปาดเบาๆ ชายชราพลันตัวสั่น ทั้งแขนขวาอ่อนยวบ

เส้นเอ็นแขนขวาถูกซูหมิงตัดขาดอย่างสมบูรณ์ หลังจากตัดเส้นเอ็นแขนซ้ายรวมถึงขาทั้งสองข้างแล้ว ก็เปิดปากแผลอีกหลายจุด โลหิตไหลมาจำนวนมากจนนองอยู่เต็มพื้นห้องหิน

“ทว่าข้าตัดเส้นเอ็นมือเท้าเจ้า ทั้งยังปล่อยโลหิตทั้งตัว และให้สมุนไพรสูบกินไปอีก ขนาดจิตวิญญาณเจ้ายังถูกโอสถชิงวิญญาณดูดเลย แบบนี้ต่อให้ขั้นพลังเจ้าฟื้นฟูกลับมา ข้าว่าคงใช้พลังได้ไม่กี่ส่วนหรอก!” ซูหมิงยืนขึ้นกล่าวอย่างเย็นชา เมื่อชายชราได้ยิน ดวงตายังคงเคียดแค้น ไม่แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย

“เสี่ยวหง จากนี้เจ้าต้องฉีกเส้นเอ็นเขาทุกวัน ปล่อยโลหิตสดหนึ่งครั้ง” ซูหมิงเดินออกจากห้องหิน กล่าวกับวานรเพลิงที่ยังอยู่ข้างๆ

วานรเพลิงมีสีหน้าตื่นเต้น แยกเขี้ยวรีบพยักหน้า ดวงตามันวาวจ้องชายชราอย่างไม่เป็นมิตร

‘จะหลอมอีกฝ่ายเป็นโอสถชิงวิญญาณก็น่าเสียดาย…เชมันผู้ดูดวิญญาณเชี่ยวชาญวิชาอมตะ วิชานี้กับหลอมโอสถชิงวิญญาณคล้ายกัน บางทีข้าอาจจะลองได้ ดูว่าจะหลอมเขาเป็นหุ่นเชิดได้หรือไม่’ ซูหมิงนึกถึงตอนที่เด็กชายผู้ดูดวิญญาณศีรษะหลุดแต่กลับยังมีชีวิตอยู่

ขณะขบคิด ซูหมิงก็มาถึงอีกห้องหนึ่ง เขาวางมือขวาบนถุงเก็บวัตถุ มีแสงสีทองสว่างจ้า ปรากฏหม้อสามขาใบยักษ์ในห้องหิน ความใหญ่ของหม้อกินพื้นที่ห้องมากกว่าครึ่ง ห้องหินนี้ซูหมิงตั้งใจสร้างขึ้นให้ใหญ่กว่าห้องอื่นๆ เพื่อวางหม้อใบนี้

หลังจากวางหม้อแล้ว ความรู้สึกเก่าแก่อบอวลอยู่ในห้องทันที

ซูหมิงมองหม้อใบนี้ หายใจกระชั้นถี่เล็กน้อย เขารู้ว่าในหม้อใบนี้มีเม็ดโอสถที่กำลังหลอมอยู่ ส่วนเม็ดโอสถเป็นชนิดใด มีมูลค่าเท่าใด ซูหมิงพอจะคาดเดาเอาไว้บ้างแล้ว

“บางทีนี่อาจเป็นหม้อหายาก มีเม็ดโอสถโบราณหนึ่งพันปี ไม่รู้ว่าเม็ดโอสถข้างในจะเป็นอย่างไรแล้ว” ขณะพึมพำ ก็วางสองมือไว้ด้านบน แผ่ขยายจิตสัมผัส หม้อพลันสั่นสะท้าน อากาศรอบหม้อบิดเบี้ยวปานถูกแผดเผา

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ถือกระบี่เล็กวนรอบหม้อหนึ่งครั้ง บ้างก็แทงผนังให้พลังฟ้าดินจากข้างนอกหลั่งไหลเข้ามา จนพลังฟ้าดินในถ้ำนี้หนาแน่น อีกทั้งส่วนใหญ่ยังถูกเหนี่ยวนำมาอยู่รอบหม้อ ก่อนถูกสูบเข้าไปเพื่อบำรุงเม็ดโอสถ

หม้อโอสถนี้ซูหมิงได้มาสักระยะแล้ว ทว่ายังไม่มีช่วงสงบสุขให้หลอมต่อ ตอนนี้เขาตั้งใจว่าจะอาศัยอยู่ในถ้ำนี้ยาวๆ เลยหยิบหม้อนี้มาและเริ่มหลอมต่อไป

เขาคาดหวังกับเม็ดโอสถในหม้อยิ่งนัก เพราะเขาไม่รู้ ฉะนั้นความรู้สึกจึงเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ตามการหลอมอย่างต่อเนื่อง

ซูหมิงมองหม้อโอสถอยู่พักหนึ่ง ก่อนถอยออกมาจากห้องหิน แล้วนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องโถงใหญ่กลางถ้ำ โดยรอบเงียบสงัด เขาเงยหน้าขึ้น บนผนังด้านบนยังมีรูเล็กๆ จำนวนมาก แสงจันทร์สาดส่องลงมาตามนั้น

การออกแบบนี้ มิใช่ว่าซูหมิงเพิ่งเคยทำครั้งแรก ยามนี้เงยหน้ามองแสงจันทร์ผ่านรูเล็กๆ บนท้องฟ้าและเริ่มเหม่อลอย ในถ้ำของภูเขาทมิฬ เขาก็เคยเงยหน้ามองแสงจันทร์เช่นนี้

ข้างกายยังมีเสี่ยวหงเหมือนวานรเพลิงตอนนี้ มันพิงผนังอยู่ไม่ไกล กำลังจับอะไรบางอย่างบนตัวมัน

“ภูเขาทมิฬ ข้าต้องกลับไป!” ซูหมิงมองแสงจันทร์บนท้องฟ้า ผ่านไปนานก็พึมพำเบาๆ เขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนเพิ่งมาถึงแดนอรุณใต้ ความรู้สึกสับสนในสถานที่แปลกตานั้น ตอนนี้หายไปแล้ว

เขาคุ้นชินกับการอยู่คนเดียว ชินกับค่ำคืนแบบนี้ อยู่ภายในถ้ำของตัวเอง นั่งฌานสมาธิอย่างโดดเดี่ยว

ซูหมิงก้มหน้าลงหลับตา ตอนที่ลืมตาอีกครั้ง แววตาก็ฉายความสงบนิ่ง

จนกระทั่งคลื่นอารมณ์สงบลง ในตัวซูหมิงพลันมีเสียงระฆังดังก้อง รอบตัวเขามีแสงโอบล้อมหนึ่งชั้นก่อนเปล่งแสงออกด้านนอก

หากมองไกลๆ จะเหมือนว่าบนตัวซูหมิงมีฝาครอบลักษณะระฆังปรากฏขึ้น

เดิมทีระฆังเป็นมายา ทว่าก็ค่อยๆ สมจริงขึ้น ครึ่งก้านธูปต่อมา ซูหมิงยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือพิลึกผลักไปด้านหน้า ทันใดนั้น ฝาครอบลักษณะระฆังรอบตัวซูหมิงค่อยๆ ลอยไปด้านหน้า ทะลวงผ่านตัวเขา หลังจากมาปรากฏตัวหน้าซูหมิงแล้วก็กลายเป็นระฆังเขาหาน

แสงอ่อนขยับวิบวับ พลันมีหนอนงูพิลึกบินมาจากในระฆัง แล้วบินวนรอบถ้ำ แทบจะทันทีที่มันปรากฏตัว วานรเพลิงเงยหน้าขึ้น มีสีหน้าตื่นตัว และแยกเขี้ยวส่งเสียงร้องราวกับกำลังแสดงพลัง

ตัวหนอนงูที่เป็นเส้นสีดำตรงเข้าใส่วานรเพลิง วานรเพลิงหยิบไม้พลองสะบัดไปด้านข้างอย่างเร็ว ทั้งยังกระโดดขึ้น ร้องเสียงดังไม่หยุด

ในตัวหนอนงูมีตราประทับของซูหมิงอยู่ จึงรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้เพียงแค่หยอกเล่น ไม่ได้จะทำร้ายวานรเพลิงจริงๆ อีกทั้งยามนี้ร่างกายวานรเพลิงก็ค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาแล้ว ความเร็วและกำลังเทียบเท่านักรบเซ่นไหว้กระดูกตอนกลาง

ระหว่างสัตว์สองตัวนี้ไม่น่าจะเกิดการต่อสู้กันจนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส ซูหมิงจึงไม่สนใจ แต่มองระฆังเขาหานแทน

ระฆังนี้เป็นสมบัติล้ำค่า น่าเสียดายที่ซูหมิงไม่อาจใช้พลังของมันทั้งหมด เขาครอบครองศีรษะเพียงสองหัวจากในเก้าหัวของมันเท่านั้น ฉะนั้นนอกจากป้องกันแล้ว พลังที่ใช้ได้ก็มีเพียงเสียงที่สร้างความตื่นกลัวและกักขังศัตรู

ยามนี้ขั้นพลังซูหมิงก้าวหน้า เขาเลยเตรียมปลุกระฆังเขาหานอีกครั้ง เพื่อดูว่าจะใช้พลังของสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ได้มากกว่านี้อีกหรือไม่

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ยกมือขวาขึ้นทำหยักนิ้วชี้ไปทางระฆังเขาหาน

“จิ่วอิง คำสั่งจักรพรรดิแดนใต้!” ช่วงที่ซูหมิงกล่าวก็หยักมือชี้ไป ระฆังเขาหานพลันเกิดเสียงก้องภายในถ้ำ ทั้งยังผ่านออกไปข้างนอก กึกก้องรอบเทือกเขา

ขณะนี้ นอกเทือกเขาของถ้ำซูหมิง มีสายรุ้งเจ็ดเส้นลากยาวเข้ามาจากทางเหนือ ตรงหน้าสุดของสายรุ้งเป็นชายชรา ชายชราคนนี้ปากแหลมแก้มลิง สวมเสื้อคลุมใหญ่สีแดง ใบหน้าทะมึนทึบ เคลื่อนตัวไม่ช้า อีกทั้งรอบตัวยังอบอวลไปด้วยพลังชั่วร้าย

ขั้นพลังของเขาอยู่เชมันระดับกลาง อีกทั้งยังเป็นจุดสูงสุดของเชมันระดับกลาง

ส่วนหกคนด้านหลัง ในนั้นมีสองคนเป็นเชมันระดับกลาง นอกจากนั้นก็เป็นจุดสูงสุดของเชมันระดับต้น

ขณะทั้งเจ็ดคนห้อเหยียด ชายชราหน้าสุดมองถ้ำของซูหมิงอยู่ไกลๆ พลางแค่นเสียงหึ ก่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ขณะกำลังจะบินลงพลันได้ยินเสียงระฆังดังมาจากในเทือกเขา

เสียงนี้ล่องลอย ทว่าเมื่อชายชราได้ยินกลับใจสั่นไหว โซเซถอยไปหลายก้าว เบิกตากว้าง มองเทือกเขาด้านล่างพลางสูดลมหายใจเข้าลึก

“มารดามันเถอะ นี่มันเสียงบ้าอะไร!” ชายชรายังไม่ทันกล่าว ชายร่างกำยำผู้หนึ่งด้านหลังเขาก็หลุดเสียงมาก่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!