Skip to content

สู่วิถีอสุรา 394

ตอนที่ 394 แข็งแกร่ง!

“ทว่าข้าไม่น่าจะอ่อนแอขนาดนี้ เดิมทีข้าไม่อ่อนแอขนาดนี้…” ซูหมิงยืนอยู่บนศีรษะมังกรยักษ์สีแดง ขณะห้อเหยียดก็ก้มหน้ามองร่างกายตัวเอง ริมฝีปากม่วงสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนอ้าปากสูบลมไปข้างหน้า

จากนั้นฟ้าดินพลันเปลี่ยนสี เมฆลมม้วนตัว พลังฟ้าดินรวมเข้ามาจากรอบทิศอย่างบ้าคลั่ง ก่อนเข้าไปในปากซูหมิงทั้งหมด

ในตัวเขามีเสียงดังปุดๆ ของเหลวในเส้นเลือดลมที่ถูกเปิดออกพลันเพิ่มขึ้นหลายเท่า ภายใต้การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ของเหลวโคจรตามเส้นเลือดลมอย่างรวดเร็ว แทบจะเป็นชั่วพริบตาเดียว มันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายของเหลวในเส้นเลือดลมโคจรมาชนปลายสุด กลายเป็นลักษณะสมบูรณ์ ขณะเดียวกันก็มีเสียงสนั่นดังมาจากในตัวซูหมิง

เสียงระเบิดดังขึ้นติดกันเก้าครั้ง เมื่อของเหลวในเส้นเลือดลมโคจรชนส่วนหางติดกันเก้าครั้งแล้ว มันพลันหายไปทันใด แทบจะพร้อมกันนั้น ตรงท้องน้อยซูหมิงปรากฏเม็ดกลมขนาดเท่าเล็บมือหนึ่งเม็ด!

เม็ดกลมนี้เปล่งแสงสีทอง ทำให้ตัวซูหมิงถูกแสงทองโอบล้อม ทุกอย่างยังไม่จบสิ้น ขณะเดียวกับที่เม็ดทองปรากฏ ซูหมิงอ้าปากสีม่วงสูบพลังฟ้าดิน พลังฟ้าดินเข้มข้นลอยเข้ามาในเส้นเลือดลมอย่างเร็ว กลายเป็นของเหลวและโคจรอีกครั้ง สุดท้ายจึงผสานเข้าในเม็ดทอง หลังจากผ่านไปไม่รู้กี่ครั้ง เม็ดทองตรงจุดตันเถียนก็มีขนาดเท่ากำปั้น

ซูหมิงห้อเหยียดอยู่บนท้องฟ้าตลอดทาง จุดที่มังกรแดงตัวยักษ์บินผ่าน ชาวเผ่าเชมันบนพื้นที่เห็นล้วนจิตใจสั่นไหว ทั้งยังเผยความตื่นกลัว

แม้ร่างกายและขั้นพลังซูหมิงจะไม่แข็งแกร่ง ทว่าเมื่อผมกลายเป็นสีแดง จิตใต้สำนึกตื่นขึ้นหลังถูกความปรารถนาจู่โจมจนผนึกเกิดรอยร้าว จิตสัมผัสเขาก็แข็งแกร่งขึ้นจนไม่อาจจินตนาการ ความแข็งแกร่งของจิตสัมผัสในตัวก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้ผู้แข็งแกร่งในแดนอรุณใต้รู้สึกถึงแหล่งกำเนิดที่เหนือกว่าระดับสูงสุด

ขณะเดินทาง ซูหมิงสูบกินพลังฟ้าดินอย่างต่อเนื่อง จุดที่เขาผ่าน ฟ้าดินแดนเชมันมืดครึ้มปานเสียพลังชีวิต ต้นไม้ใบหญ้าแห้งเหี่ยว เมฆบนท้องฟ้าแตกสลาย ทว่าสิ่งที่แลกกับทุกอย่างนี้คือเม็ดทองในตัวซูหมิงเกิดรอยร้าว

รอยร้าวลุกลามอย่างต่อเนื่อง ราวกับมีสิ่งมีชีวิตกำลังถือกำเนิดภายใน ปลดปล่อยกลิ่นอายพลังพิเศษบางอย่าง หมุนวนอยู่ทั้งในและนอกร่างกาย

“ร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป…รับจิตสัมผัสข้าไม่ไหว ใช้พลังข้าได้เพียงส่วนเดียวเท่านั้น ทว่าเมื่อประสานเข้ากับจิตสัมผัสของข้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้อีกมาก เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะใช้พลังได้ประมาณห้าส่วน…..” ซูหมิงพึมพำเบาๆ เขาตาแดงก่ำ พลันใช้มือขวาตบหน้าอกตัวเอง เม็ดทองแตกร้าวในตัวเขาระเบิดกระจุยทันใด ก่อนปรากฏคนตัวเล็กผมสีแดงที่หน้าตาเหมือนกับเขาทุกประการในร่าง

‘ยังอ่อนแอเกินไป ร่างกายแบบนี้ ขั้นพลังแบบนี้ ข้าจะสังหารตี้เทียนอย่างไร!’ มังกรแดงฉานตัวยักษ์ใต้ร่างซูหมิงพลันหยุดชะงักกลางอากาศ เขายืนบนศีรษะมังกร สีหน้าทะมึนทึบ

‘ข้ารู้สึกว่าการตื่นครั้งนี้มีเวลาเพียงเจ็ดวัน จากนั้นข้าจะหลับใหลอีกครั้ง….เจ็ดวัน บัดซบ ไม่ว่าอย่างไรข้าคงสังหารตี้เทียนภายในเจ็ดวันไม่ได้แน่…มีเพียง…ใช้วิชาลับกระตุ้น ให้ข้าได้รับพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลาอันสั้น! หากจะใช้วิชาลับนั้น ข้าจำได้ว่ามีสองอย่าง!’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย สีหน้าน่าพรั่นพรึง

“หนึ่งคือวิชาเงาหงส์พ่ายมังกร วิชาลับนี้ต้องหาสตรีพรหมจรรย์ที่มีกายหยินบริสุทธิ์เก้าภพ ยืมใช้พลังหยินผสานกับจิตสัมผัสข้า เพื่อกระตุ้นศักยภาพและพลังชีวิตทั้งหมดในเวลาอันสั้น!

อีกหนึ่งวิชาลับก็ต้องหาผู้แข็งแกร่งที่นี่ สูบพลังต้นกำเนิดจากตัวพวกเขาแล้วจะทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นในเวลาอันสั้น” ซูหมิงพึมพำ ขณะนัยน์ตาวาววับก็แผ่ขยายจิตสัมผัส กวาดตรวจสอบเผ่าเชมันมากกว่าครึ่งในชั่วพริบตาเดียว เมื่อตามหาตามความต้องการอย่างรวดเร็วหนึ่งรอบแล้ว ซูหมิงก็หันหน้าไปมองท้องฟ้าไกล

‘วิชาเงาหงส์พ่ายมังกรยังไม่เจอคนที่ตรงตามความต้องการ แต่สตรีผู้นี้…ยังพอใช้ได้อยู่ ส่วนวิชาที่สองมีตรงอยู่บ้างเล็กน้อย’ มังกรแดงฉานใต้ซูหมิงร้องคำราม พาเขาห้อเหยียดทะลวงอากาศ หายไปในพริบตาเดียว

ณ แผ่นดินเชมัน บนที่ราบสีเขียวมรกต ไม่นานมวลอากาศด้านบนพลันบิดเบี้ยว ปรากฏเป็นมังกรแดงฉานร้องคำรามออกมา ก่อนพุ่งชนใส่ผืนดินอย่างไม่ลังเล

เสียงโครมครามดังก้องกังวาน ประสานกับเสียงคำราม แผ่นดินถล่มทลายลง ปรากฏรอยร้าวยักษ์ขึ้นหนึ่งรอย หมอกสีแดงมหาศาลลอยขึ้นจากตัวมังกรที่พุ่งชน และหมุนวนโดยรอบ ทำให้ที่นี่ถูกหมอกแดงปกคลุม เสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นดังมาจากในหมอก ขณะเดียวกัน บนท้องฟ้ามีร่างคนสีแดงปรากฏตัว แล้วทะยานเข้าไปในหมอกอย่างบ้าคลั่ง

เสียงโครมดังขึ้นต่อเนื่องจนผ่านไปครึ่งชั่วยามจึงสิ้นสุดลง โดยรอบเงียบสงบ หมอกแดงเหล่านั้นรวมเข้าด้วยกัน ก่อรูปเป็นมังกรแดงอีกครั้ง จากนั้นมันยกตัวบินขึ้น พร้อมเผยให้เห็นคนสองคนใต้หลุมลึกบนพื้น

คนหนึ่งยืนอยู่ สวมชุดคลุมแดงทั้งตัว เส้นผมสีแดง ริมฝีปากเป็นสีม่วงพิลึก นั่นคือซูหมิงที่สีผมเปลี่ยนไป เขาใช้มือขวากดศีรษะชายชราผู้หนึ่งเอาไว้

ชายชราตัวสั่น คุกเข่าลงต่อหน้าซูหมิง ยกสองมือขึ้นกดพื้นดิน สีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว ขณะตัวสั่นอย่างรุนแรง หมอกขาวก็ลอยมาจากทวารทั้งเจ็ด แล้วลอยเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดของซูหมิงอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ซูหมิงปล่อยมือขวา แล้วหมุนตัวเดินอากาศขึ้นไปบนมังกรแดง ก่อนทะลวงหายไปในอากาศพร้อมกับเสียงคำรามมังกร

บนพื้น ชายชราที่คุกเข่ากับพื้นกระอักเลือดกองใหญ่ ใบหน้าซีดขาว มองไปทางที่ซูหมิงหายไปด้วยความหวาดกลัว ตอนนี้ร่างกายเขาอ่อนแอยิ่งนัก ทว่ากลับพยายามฝืนยืนขึ้นโดยไม่แยแส แล้วจากไปอย่างรวดเร็ว

บนแผ่นดินเชมัน กลางเทือกเขาแห่งหนึ่ง สัตว์ยักษ์ขนาดหนึ่งพันจั้งสองตัวกำลังต่อสู้กัน หนึ่งในนั้นเป็นสัตว์ร้ายคล้ายพยัคฆ์แต่มีสองปีก เสียงคำรามสะเทือนฟ้าดิน

คู่ต่อสู้ของมันคือก้อนเนื้อซึ่งลอยอยู่กลางอากาศ

ก้อนเนื้อนี้มีอะไรชอนไชอยู่ไม่หยุด ทั้งยังมีของเหลวสีดำไหลออกมา ตกลงบนพื้นเกิดเป็นเสียงดังซ่าๆ บนตัวมันมีรยางค์นับไม่ถ้วน ตรงปลายรยางค์ทุกเส้นมีปากกว้าง ภายในมีฟันคมกริบ กำลังต่อสู้กับสัตว์พยัคฆ์

การต่อสู้ของมันดำเนินมาหลายวัน ทว่าวันนี้ขณะกำลังตัดสินกัน มวลอากาศเหนือพวกมันพลันมีมังกรโลหิตทะลวงออกมาพร้อมกับเสียงคำราม พุ่งเข้าใส่สัตว์ร้ายทั้งสอง ขณะเดียวกันก็เกิดหมอกแดงขึ้นจำนวนมาก สัตว์ร้ายสองตัวนั้นตกตะลึง ขณะเงยหน้าขึ้นมองก็มีเงาสีแดงมุดเข้าไปในหมอก เสียงระเบิดดังสนั่นอย่างรุนแรง ปะปนกับเสียงคำรามด้วยความโกรธของสัตว์ร้าย

ผ่านไปครู่หนึ่ง หมอกแดงรวมขึ้นเป็นมังกรอีกครั้ง ซูหมิงยืนอยู่บนศีรษะมังกร ก่อนจะทะลวงหายไปในอากาศ ระหว่างเทือกเขา สัตว์ร้ายพยัคฆ์ใกล้จะหมดลมหายใจ ส่วนสัตว์ก้อนเนื้อน่ารังเกียจแบ่งเป็นสองส่วน โลหิตดำจำนวนมากกัดเซาะพื้น ส่งกลิ่นเหม็นเน่า

เหตุการณ์แบบเดียวกันปรากฏขึ้นหลายครั้งในเวลาหนึ่งวัน ผู้แข็งแกร่งเผ่าเชมันที่ซ่อนตัวอยู่เหล่านั้นล้วนต้องเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัว สุดท้ายก็ถูกสูบขั้นพลังไปเกือบหมด

แม้แต่สัตว์ร้ายส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนั้น

เมื่อกลางดึกมาเยือน ในหุบเขาแห่งหนึ่ง ณ แผ่นดินเชมัน มีสตรีงดงามยิ่งนักผู้หนึ่งกำลังตัวสั่น จ้องบุคคลตรงหน้านางเขม็ง

บุคคลนี้สวมเสื้อคลุมแดง เส้นผมแดง ริมฝีปากสีม่วงเย็นชา เขาก็คือซูหมิง ยามนี้เขากดนิ้วชี้มือขวาตรงระหว่างคิ้วนางแล้วขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

“เจ้าเป็นใคร!” สตรีผู้นั้นกล่าวเสียงเฉียบคม แววตาสิ้นหวังขณะตัวสั่นเทา

รอบตัวนางมีศพอยู่เจ็ดแปดคน ทั้งหมดล้วนตายอย่างน่าสะพรึงยิ่งนัก สตรีผู้นี้ไม่มีวันลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ นางกำลังฝึกฝนเงียบๆ ชายผมแดงตรงหน้าก็ปรากฏตัวขึ้น เพียงสะบัดมือ ผู้ติดตามนางทั้งหมดก็ราวกับคลุ้มคลั่ง เข่นฆ่ากันเองจนตาย

“ข้าคือศิษย์ของวิหารเทพเชมัน หากเจ้ากล้าแตะข้า วิหารเทพเชมันจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” นัยน์ตานางสิ้นหวังมากขึ้น

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้สนใจเสียงดุว่าของสตรีแม้แต่น้อย มือขวายังคงกดระหว่างคิ้วนาง ผ่านไปพักหนึ่งก็ขมวดคิ้วขึ้น

“น่าเสียดาย แม้จะเป็นสตรีพรหมจรรย์ ทว่าพลังหยินไม่พอ ดูท่าน่าจะเกี่ยวกับวิชาที่เจ้าฝึก เจ้าฝึกฝนที่นี่ ฉะนั้นที่นี่เลยมีพลังหยินเข้มข้น” ซูหมิงส่ายศีรษะ ลดนิ้วชี้มือขวาลงจากระหว่างคิ้วนาง ก่อนกดลงบนเสื้อผ้า เสื้อผ้าสตรีพลันกลายเป็นเศษและค่อยๆ หายไป

หญิงผู้นั้นมีทั้งน้ำตาและความแค้น นางหลับตาลง

ซูหมิงกวาดสายตามองเรือนร่างนาง สายตานี้ไม่เหมือนมองร่างกาย แต่ประหนึ่งเพียงมองวัตถุดิบด้วยความเย็นชาเท่านั้น ผ่านไปพักใหญ่เขาก็ส่ายศีรษะอีกครั้ง

“พลังหยินเสียหายมากเกินไป ไม่ตรงตามที่ข้าต้องการ” ซูหมิงหมุนตัวกลับ ไม่สนใจอีก ขณะกำลังจะไป

“เจ้าเป็นใครกันแน่!” สตรีพลันลืมตา

“ข้าคือซูหมิง” ซูหมิงวูบไหวตัว ก่อนหายลับไป

“ซูหมิง ซูหมิง!” สตรีกัดฟัน จดจำชื่อซูหมิงเอาไว้ให้แม่น

วันนี้สำหรับเผ่าเชมัน เหมือนกับภัยพิบัติของผู้แข็งแกร่ง เมื่อซูหมิงใช้จิตสัมผัสตรวจสอบพบก็จะไปหาทีละคน และลงมือสูบพลังอย่างต่อเนื่อง ขั้นพลังเขาจึงฟื้นฟูกลับมาด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง อีกทั้งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!