Skip to content

สู่วิถีอสุรา 400

ตอนที่ 400 ตี้เทียน!

ซูหมิงผมแดงเดินอยู่กลางอากาศ มองไปทางภูเขาแห่งการมาเยือนที่มีเผ่าเซียนอยู่ เขาสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาเป็นประกายสีแดง

“ตี้เทียน ข้ามาแล้ว!” เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว ช่วงที่เหยียบเท้าลง ร่างกายซูหมิงบิดเบี้ยวทันใด พริบตาเดียวตัวเขาก็ค่อยๆ หายไป

ซูหมิงหายไปไม่ถึงสามลมหายใจ ทันใดนั้น มวลอากาศตรงนี้เกิดระลอกคลื่น ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมและมงกุฎจักรพรรดิเดินมาจากด้านใน ใบหน้ายังคงไร้อารมณ์ มองจุดที่ซูหมิงหายไปแวบหนึ่งแล้วเดินหน้าหายไปอีกครั้ง

แผ่นดินเผ่าเชมันมีภูเขาลูกหนึ่ง ภูเขาลูกนี้มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ต่อให้ยืนอยู่ตรงหน้าก็มองไม่เห็นยอดเขานี้ กระทั่งหากใช้ศีรษะพุ่งชนก็ไม่เป็นผลอะไร ร่างกายจะทะลวงผ่านไปคล้ายอากาศ

ภูเขาลูกนี้ก็คือที่ตั้งของวิหารเทพเชมันลึกลับบนแผ่นดินเชมัน และเป็นสถานที่มาเยือนทุกครั้งของเผ่าเซียนในแดนเชมัน

ทันทีที่ร่างซูหมิงเดินผ่านมวลอากาศออกมา ด้านล่างเขาเป็นแม่น้ำยาวไหลเชี่ยวกรากยิ่งนัก เสียงน้ำดังซ่าๆ หากมองจากท้องฟ้า แม่น้ำนี้จะดูไม่กว้างเท่าไรนัก ทว่าหากมองจากฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่งหนึ่งจะพบว่าแม่น้ำนี้กว้างหลายพันจั้ง น้ำไม่ใสสะอาด แต่ขุ่นมัวจนมองเห็นก้นไม่ชัดว่าลึกเท่าไร หากยื่นมือลงไปช้อนจะมีทรายสีดำติดมือมาจำนวนมาก

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น หลับตาลงและแผ่ขยายจิตสัมผัส เขาเห็นตรงกลางแม่น้ำยาวด้านล่างมียอดเขายักษ์สูงตระหง่านลูกหนึ่ง ทำให้แม่น้ำดูเหมือนถูกขวางกั้นเอาไว้ ทว่าความจริงแล้วมันกลับทะลวงผ่านทางน้ำไป

ภูเขาลูกนี้เป็นสีดำทุกส่วน เมฆหมอกโอบล้อม มีวิหารใหญ่สีดำหลายหลังสร้างขึ้นตามบางมุมของภูเขา มองแวบเดียวจะเห็นวิหารเหล่านี้อยู่กันแน่นขนัด ไม่รู้ว่ามีเท่าไร เส้นทางเล็กคดเคี้ยวหลายเส้นทอดยาวไประหว่างภูเขา ด้านบนปูแผ่นหินสีเขียวเข้ม ดูตัดกับสีดำของภูเขาลูกนี้เล็กน้อย

ตรงจุดที่ใกล้กับยอดเขา วิหารบริเวณนั้นจะมีเยอะที่สุด มันสร้างโอบล้อมภูเขาเป็นวงกลม ในนั้นมีหลายหลังสร้างขึ้นจากภูเขา ราวกับขุดเป็นถ้ำแล้วสร้างขึ้นเป็นวิหาร

ซูหมิงแผ่ขยายจิตสัมผัสตรวจสอบภูเขาลูกนี้ สุดท้ายก็รวมอยู่ตรงยอดเขา บริเวณนั้นมีหอคอยสูงอยู่หนึ่งหลัง หอคอยนี้มีแปดชั้น ปลายไม่แหลม แต่มีลักษณะแปดมุมแผ่ออก ราวกับมีคนยกมือหงายขึ้นฟ้า

ตรงปลายหอคอยแปดมุมนั้นมีแท่นเรียบคล้ายที่บวงสรวง ตรงกลางแท่นวางของลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าเอาไว้เพียงหนึ่งเดียว

สิ่งนี้สร้างขึ้นจากหินสีดำทุกส่วน เชื่อมกับแท่นบวงสรวง ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับหอคอย ลักษณะดูเหมือนกับโลงศพ บางทีอาจพูดได้ว่ามันเป็นโลงศพจริงๆ

บางครั้งก็มีแสงสายฟ้าสีดำพุ่งขึ้นมาจากโลงศพนี้ และถูกแปดมุมตรงปลายหอคอยสูบกลืนไป ส่งเสียงดังเปรี๊ยะๆ แล้วพุ่งทะยานขึ้นฟ้า สุดท้ายก็ถูกเมฆหมอกตรงสุดท้องฟ้ากลืนหายไป

เห็นได้รางๆ ว่าเมฆหมอกบนท้องฟ้าหนาแน่นมาก ลอยหนักหน่วงอยู่กลางอากาศ ทว่าก็ต้องใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ หากใช้ตาเนื้อมองท้องฟ้าจะไม่มีเมฆหมอก เป็นเพียงแสงดาวอ่อนๆ ขยับวิบวับในยามโพล้เพล้เท่านั้น

ซูหมิงเก็บจิตสัมผัส ลืมตาขึ้นพลางเดินไปทางท้องฟ้าตรงหน้า ตอนที่เหยียบเท้าลงไป มวลอากาศว่างเปล่าตรงหน้าเขาพลันเกิดระลอกคลื่นรุนแรง ราวกับจะขวางไม่ให้ซูหมิงเข้าไป ทว่ายืนหยัดได้เพียงชั่วครู่ ซูหมิงก็ก้าวเข้าไปในระลอกคลื่นทั้งตัว แล้วหายไปในท้องฟ้าเหนือแม่น้ำยาว

แทบจะเป็นวินาทีที่ซูหมิงหายตัวไป ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิปรากฏตัวอีกครั้งบนท้องฟ้าเหนือแม่น้ำ ก่อนเดินตามซูหมิงไปอย่างไม่ลังเล

ตอนที่ซูหมิงปรากฏตัว เขายังคงยืนอยู่กลางอากาศ เหนือศีรษะมีเมฆหมอกลอยอบอวล ด้านล่างมิใช่แม่น้ำยาวไหลเชี่ยวกรากอีก แต่เป็นภูเขาที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจากข้างนอก

ทันทีที่ซูหมิงปรากฏตัว ภูเขานี้เงียบสงบ ทว่าซูหมิงกลับได้ยินเสียงลมหายใจกระชั้นเพิ่มเข้ามา และยามนี้กำลังตึงเครียดอยู่ด้วย เขาไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เพียงวูบไหวตัวกลายเป็นสายรุ้งยาวขึ้นไปยังหอคอยบนยอดเขา แต่ขณะที่เขาบินขึ้นไป ด้านหลังปรากฏระลอกคลื่นอีกครั้ง ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิเดินออกมาทีละก้าว

ซูหมิงในตอนนี้ยังอยู่กลางอากาศ ทว่ากลับหยุดชะงักฝีเท้า ก่อนหันไปจ้องชายสวมเสื้อคลุมจักรพรรดิที่เดินออกมาจากอากาศ เขาหรี่ม่านตาลง เส้นผมแดงปลิวไสว นัยน์ตายิ่งมีจิตสังหารปรากฏ

“ตี้เทียน!” ซูหมิงผมแดงจิตใจสั่นไหว เขาใช้จิตสัมผัสมาตลอดทาง ทว่ากลับตรวจไม่พบอีกฝ่าย ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนตามหลังตนมา ยามนี้พอได้เห็นคนที่ตามหลังตนมาตลอดแล้วก็อดตื่นตะลึงมิได้ เผยจิตสังหารมหาศาลในพริบตา

บุคคลนี้คือตี้เทียน คนที่เขาอยากสังหาร!

ซูหมิงคิดว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าบุคคลที่เขาอยากสังหารปรากฏตัวตรงหน้าอีกแล้ว แม้คนนี้เป็นเพียงร่างเงาของตี้เทียนก็ตาม

ทว่าเมื่อเทียบกับการที่ต้องตามหาตี้เทียนในแดนเซียนภายในเวลาไม่กี่วัน กับต่อสู้กับร่างเงาของตี้เทียนในตอนนี้แล้ว ซูหมิงเลือกข้อสองอย่างไม่ลังเล!

ต่อให้ตรรกะของเขาไม่อยากทำเช่นนั้น ร่างกายกลับปะทุพลังทั้งหมดออกมา ฟ้าดินเกิดเสียงดังสนั่นราวกับไม่อาจทนรับไหว

เพราะตี้เทียนปรากฏตัว ซูหมิงผมแดงจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าบนหอคอยสูงตรงยอดเขาห่างไกลด้านหลัง กลางแท่นบวงสรวงแปดมุมของปลายหอคอย ช่องว่างระหว่างฝาโลงศพที่ปิดอยู่มีแสงขยับวูบไหว…

ตี้เทียนในชุดคลุมและมงกุฎจักรพรรดิมีสีหน้าเย็นชา แฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบ แววตาไร้ปรานี หลังจากปรากฏตัวแล้วก็เดินมาหาซูหมิงผมแดงในทันที

พลังน่าสะพรึงแผ่กระจายมาจากในตัวเขา พลังอำนาจนี้ประดุจปกครองใต้หล้า ประหนึ่งว่าจุดที่เขาอยู่คือแผ่นดินราชา โลกนี้ไม่มีผู้ใดหรือพลังใดที่จะหยุดยั้งได้

คนที่เขาอยากสังหาร กษัตริย์เอ่ยหนึ่งคำ จำต้องสูญสิ้น!

คนที่เขาอยากเก็บเอาไว้ จักรพรรดิเอ่ยบัญชา ฟ้าดินต้องปฏิบัติตาม!

จุดที่เขาผ่านไป ไม่ว่าจะเป็นเผ่าหมานหรือเชมัน ทุกสิ่งมีชีวิตต้องตัวสั่นงันงก นั่นคืออำนาจและความน่าเกรงขามอย่างยิ่ง

“ข้าเพียงยกมือก็สามารถซ่อมฟ้าดิน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาเรียกชื่อข้าเช่นนี้ ข้าสะบัดมือก็สามารถชะล้างสุริยันจันทรา เจ้ามีสิทธิ์อะไรถึงไม่คุกเข่าต่อหน้าข้า!”

ตี้เทียนกล่าวเรียบๆ น้ำเสียงไม่ดังมาก ทว่าเมื่อกล่าวจบประดุจสายฟ้าผ่าลงมาโดยรอบ ราวกับสวรรค์กำลังกล่าวคำ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!