ตอนที่ 413 นกน้อย…
เมื่อซูหมิงกดบนเทวรูปหินครึ่งหนึ่งแล้ว พลันเกิดรอยร้าวขึ้นหลายเส้นพร้อมกับเสียงกึกๆ ดังก้อง กระเรียนดำขนาดหนึ่งร้อยจั้งด้านหลังซูหมิงสร้างพายุคลั่งขึ้น บินตรงมาทางซูหมิง
“มีทางให้ไปเจ้าไม่ไป ยมโลกไม่มีทาง เจ้าดันกลับจะบุกเข้าไป ท่านกระเรียนผู้นี้จะสังหารเจ้า!” กระเรียนร้อยจั้งมีสีหน้าดุร้าย ร่างใหญ่ยักษ์เข้ามาใกล้ซูหมิงในชั่วพริบตาพร้อมกับความเหี้ยมโหด กระพือปีกสร้างพายุกระหน่ำใส่ทุกคนจนถอยไปอย่างต่อเนื่อง
ทว่าตอนที่พายุพัดถูกตัวซูหมิง เขากลับชะงักเพียงครู่เดียวแล้วไม่มีอาการอะไรอีก ซูหมิงหันไปมองกระเรียนหนึ่งร้อยจั้งแวบหนึ่ง ยกมือขวาขึ้น ใช้มือกดไปบนรูปปั้นร้าวครึ่งท่อน ช่วงที่กดมือลงไป แววตาวิญญาณแรกในกายซูหมิงวูบไหว พลังแกร่งกล้าไหลมาตามมือขวาและตรงเข้าสู่รูปปั้นหิน
เกิดเสียงโครมดังสนั่น รูปปั้นตรงหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ กระจายไปรอบๆ ทว่าภายในกลับว่างเปล่า ซูหมิงจึงขมวดคิ้ว
ตอนตรวจสอบก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าตรงนี้มีระลอกคลื่นอ่อนๆ อยู่ และเป็นมันที่เหนี่ยวนำพลังฟ้าดินจากโดยรอบจนกลายเป็นกระเรียนใหญ่บนท้องฟ้า
“หึ ช่างเถอะ ท่านกระเรียนจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าไปตอนนี้จะถือว่าเรื่องนี้แล้วกันไป หากเจ้าไม่ไป เช่นนั้น…..ข้าจะลงมือจริงๆ ข้าจะบอกให้ ข้าน่ะแข็งแกร่งมาก!” กระเรียนดำถอนหายใจโล่งอก จ้องซูหมิงพลางกล่าวอย่างเคร่งขรึม
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย จากนั้นพลันหมุนตัวกลับ ขยับตัวมาอยู่ข้างกองหินแตกกระจาย มือขวาหยิบหินมาหนึ่งก้อน ปรากฏเงามายาของฝ่ามือขึ้นบนมือขวาเขาทันใด เมื่อซูหมิงบีบ มือมายานั้นก็บีบตามจนเกิดเสียงดังผัวะ หินนั้นแหลกเป็นผุยผงในทันใด ภายในว่างเปล่า
ทว่าซูหมิงไม่หยุด เขาเข้ามาใกล้หินอีกจุดหนึ่ง ใช้วิธีแบบเดิมบีบจนละเอียดอีกครั้ง
“เจ้าทำเกินไปแล้ว!” สีหน้ากระเรียนใหญ่ร้อยจั้งบนท้องฟ้าตื่นกลัว ราวกับโกรธแค้นยิ่งนัก มันกระพือปีกพลางร้องเสียงแหลม
“เจ้าต้องคิดว่าข้าแค่ขู่แน่ก็เลยไม่กลัวใช่หรือไม่ ดี ดูท่าข้าต้องผิดคำสาบานในตอนนั้นสักครั้ง หลังจากเจ้าบาดเจ็บสาหัสแล้ว คอยดูว่าเจ้ายังคิดแบบนี้อีกหรือไม่!” ช่วงที่กระเรียนร้อยจั้งกล่าวเสียงแหลม ร่างมันพลันหมุนกลางอากาศ ขนนกสีดำหลายอันพุ่งตรงออกมาจากพายุหมุน
ซูหมิงกำลังบีบหินก้อนหนึ่ง เมื่อบีบจนละเอียดแล้ว เขาพลันรู้สึกถึงภยันตรายที่กำลังตรงเข้ามา ทว่าก็ไม่หันไปมอง เพียงขยับเดินหน้าแล้วหายวับไป ก่อนมาปรากฏตัวห่างออกไปสิบจั้ง จุดที่เขาอยู่ก่อนหน้านี้ ยามนี้เกิดเสียงโครมดังสนั่น แผ่นดินสั่นสะเทือน มีหินและฝุ่นถล่มลงมาจากยอดเขาจำนวนมาก ปรากฏเป็นหลุมยักษ์หนึ่งแห่งโดยพลัน
ขณะเดียวกัน ขนนกเหล่านั้นบินมาจากในหลุมลึกนั้น ส่งเสียงอื้ออึงกลางอากาศ ก่อนตรงดิ่งไปยังซูหมิง
“หึหึ คงเห็นแล้วว่าข้าแกร่งเพียงใด ตอนนี้หากเจ้าคิดจะไปก็สายไปแล้ว” ในน้ำเสียงของกระเรียนใหญ่มีความลำพองใจ ยามนี้มันหมุนตัวอีกครั้งกลายเป็นพายุหมุน พร้อมกับปล่อยขนนกที่มากขึ้นตรงเข้าใส่ซูหมิง
ทั่วผืนฟ้าเป็นขนนกสีดำเกือบทั้งหมด ขนนกเหล่านี้คบกริบยิ่งนัก ตรงดิ่งเข้ามาหาซูหมิง นัยน์ตาสีเทาของร่างแยกซูหมิงขยับแสงวิบวับ เคลื่อนตัวอีกหลายครั้งก็ยังหลบขนนกไม่พ้น กระทั่งขณะหลบยังมีขนนกเจ็ดแปดอันแทงตัวเขาแล้วละลายอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหมอกดำมุดเข้าไปในร่างกาย ตรงเข้าสู่วิญญาณแรก
ซูหมิงแผดเสียงคำราม ตัวเขาขยับวูบไหวอีกครั้งจนมาปรากฏอยู่บนผืนดิน
ขนนกบนท้องฟ้าก็ตามมาติดๆ วินาทีที่มันตรงเข้ามา ซูหมิงพลันกางแขนสองข้าง แมลงปีกแข็งสีดำรอบตัวกลายเป็นเมฆดำลอยเข้ามาจากโดยรอบ
ก่อนที่ขนนกจะเข้าถึงตัวซูหมิง แมลงปีกแข็งสีดำก็เข้ามาปกคลุมตัวเขาแล้ว ทำให้ร่างแยกซูหมิงกลายเป็นสีดำทึบรูปร่างสูงใหญ่อีกครั้ง
เสียงโครมครามดังขึ้น ขนนกพุ่งใส่ซูหมิงปานสายฝน แผ่นดินใต้เท้าเกิดรอยร้าวและเป็นหลุมเว้าลงไป ทั้งยังทำให้ซูหมิงตกลงไปในหลุมไม่หยุดหย่อน ขนนกเหล่านั้นทะลวงเข้าสู่ร่างกายเขา กลายเป็นหมอกดำ และจะทะลวงผ่านแมลงปีกแข็งสีดำ ในชั่วพริบตาเดียว เสียงโครมจากในหลุมดังขึ้นไม่หยุด ช่วงที่ขนนกทั้งหมดหายเข้าไปในหลุมแล้ว ชาวเผ่ากระเรียนดำทุกคนที่มองอยู่พลันส่งเสียงโห่ร้อง
กระเรียนใหญ่ร้อยจั้งมีสีหน้าลำพองใจอย่างยิ่ง กระพือปีกขึ้น ทำเสียงกระแอมหลายที
“ข้าติดคำสาบานอยู่ เดิมทีไม่อยากลงมือหนัก ทว่าบุคคลนี้ไม่รู้ดีชั่วจริงๆ จำต้อง…..” กระเรียนใหญ่ที่กำลังกล่าวพลันนิ่งเงียบ ลูกตาแทบจะถลนออกมา พลันมองไปทางหลุมลึก
ยามนี้ภายในหลุมมีแรงกดดันปล่อยออกมา จากนั้นมีแสงขยับวูบวาบจากข้างใน เมื่อแสงส่องสะท้อน มีคนเล็กขนาดเท่าฝ่ามือลอยขึ้นมา!
คนเล็กนี้มีใบหน้าทะมึน รูปร่างมิใช่จีอวิ๋นไห่อีก มันก็คือวิญญาณแรกของซูหมิง!
ร่างของวิญญาณแรกนี้เผ่ากระเรียนดำไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อเห็นแล้วจึงพากันอึ้งงัน จ้าวเชมันกระเรียนดำที่เสียหัวใจไปทว่ายังคงมีชีวิตอยู่ก็เบิกตากว้างเช่นกัน
“วิญญาณแรก! เจ้าเป็นคนเผ่าเซียน! บัดซบ วิญญาณแรกระดับนี้ยังกล้ามาอีกรึ รีบกลับไปเสีย เจ้าก็รู้ว่าแค่พายุก็พัดเจ้าสลายไปแล้ว เจ้าๆๆ….เจ้ารีบกลับไป!” กระเรียนใหญ่พลันตื่นตระหนกขึ้นมา
วิญญาณแรกซูหมิงลอยขึ้นมาจากหลุมลึก นัยน์ตาวูบไหว มองกระเรียนใหญ่ที่ร้องด้วยความตกใจแวบหนึ่ง ตอนนี้นกกระเรียนดูต่างจากก่อนหน้านี้ มันเป็นภาพมายาโดยสมบูรณ์ มีเพียงขนนกสีดำหนึ่งอันในตัวมันที่ยังมีอยู่จริงๆ
ซูหมิงไม่สนใจกระเรียนใหญ่ พลันก้มหน้าลงกวาดสายตามองพื้น แล้วขยับตัวตรงไปข้างหน้า จากนั้นมาปรากฏตัวอยู่บนเศษหินที่อยู่ไม่ไกล เมื่อมือเล็กคว้าอากาศ หินก้อนนั้นพลันตรงเข้ามาอยู่ในมือเขา
“สหาย! มีอะไรก็พูดกันดีๆ อย่า…” กระเรียนดำร้องเสียงแหลม ทันใดนั้น หินที่ซูหมิงดูดเข้ามายังไม่ทันถึงมือก็แตกละเอียดเอง มีแสงสีดำลอยมาจากข้างในหนึ่งเส้น ในแสงสีดำนั้นเป็นกระเรียนตัวเล็กสีดำขนาดเท่ากำปั้นมือ
กระเรียนน้อยตัวนี้น่ารักยิ่งนัก บนตัวยังโล้นอยู่ มีขนสองสามเส้นเท่านั้น มองแวบแรกไม่เหมือนกระเรียน แต่เหมือนนกน้อยคอยาวที่ถูกดึงขน
ยามนี้นกกระเรียนน้อยมีสีหน้าตื่นตระหนก ขณะกำลังจะหนี แววตาวิญญาณแรกซูหมิงขยับประกาย ก้าวเดินตามไป กระเรียนน้อยร้องเสียงแหลม เร่งความเร็วขึ้นอีกหลายเท่า มุ่งหน้าไปยังกระเรียนใหญ่ร้อยจั้งบนท้องฟ้า
นกกระเรียนใหญ่บนท้องฟ้าตัวสั่นในเวลาเดียวกัน ร่างมันกลายเป็นภาพมายา จนสุดท้ายก็กลายเป็นขนนก วินาทีที่กระเรียนน้อยบินขึ้นมาจะคาบขนนกเอาไว้นั้น…
วิญญาณแรกซูหมิงอ้าปาก แสงสีดำพุ่งตรงเข้ามาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ากระเรียนน้อย มันคือกระบี่เล็กแสงดำที่ใช้ความเร็วมากกว่าร่างจริงของซูหมิง
ขนไม่กี่เส้นบนตัวกระเรียนน้อยลุกซู่ มันร้องเสียงแหลมและไม่สนใจขนนกสีดำอีก แต่บินหนีออกไปไกล ขยับวิบวับหลายทีก็หายไป
วิญญาณแรกซูหมิงเคลื่อนตัวไปคว้าขนนกสีดำเอาไว้ จ้องจุดที่นกน้อยหนีหายแล้วไล่ตามไปอย่างเร็ว
“บัดซบ ข้าคือวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งดาราสัจธรรม เจ้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อกำเนิดเล็กจ้อย หากเป็นตอนนั้นข้าเป่าลมทีเดียวเจ้าก็สลายไปแล้ว ตอนนี้กระเรียนตกต่ำถูกรังแก เจ้าๆๆ…เจ้ารอก่อนเถอะ!” กระเรียนน้อยขยับวิบวับตลอด หลบแสงสีดำที่ตามมาจากด้านหลัง มันตกใจจนตัวสั่น สภาพจนตรอกเช่นนี้เหมือนนกน้อยคอยาวขนร่วงตัวหนึ่งเท่านั้น…ความเร็วในการหนีเพิ่มมากขึ้น
วิญญาณแรกซูหมิงตามอยู่ด้านหลังติดๆ เขามองออกว่ากระเรียนตัวนี้น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เบื้องหลังน่าจะเป็นเผ่าเซียน ตอนนี้ได้พบจึงไม่ปล่อยไปง่ายๆ
“เจ้าบังคับข้าเอง ขะ…ข้าจะสู้กับเจ้าให้ตายกันไปข้างหนึ่ง!” ครั้นเห็นซูหมิงใกล้เข้ามาทุกที แสงดำก็ตรงเข้ามาชิดขึ้นเรื่อยๆ บวกกับความคับอกคับใจ ขนนกที่สำคัญอย่างยิ่งกับมันก็ถูกชิงไปแล้ว นกน้อยตัวนี้….กระเรียนน้อยตัวนี้ยิ่งคิดยิ่งอึดอัด ยามนี้หมุนตัวมาด้วยแววตาคลุ้มคลั่ง
“ดาราสัจธรรม แสงศักดิ์สิทธิ์!” มันร้องเสียงแหลม ลืมตาขึ้นทันใดแล้วพ่นลมหายใจไปทางซูหมิง ลมหายใจนี้ไร้รูปร่าง ช่วงที่พ่นออกไปพลันเปล่งแสงสว่าง พลังฟ้าดินโดยรอบถูกดูดเข้ามา แสงหมื่นจั้งปานดวงตะวัน มันมิได้พุ่งไปทางซูหมิง แต่ระเบิดระหว่างซูหมิงกับกระเรียนน้อย!
ไม่มีเสียงระเบิด มีเพียงพายุคลั่งถาโถมเข้ามา ในพายุนั้นมีแรงผลักรุนแรงที่ผลักวิญญาณแรกซูหมิงถอยไปข้างหลัง ขณะเดียวกัน กระเรียนน้อยอีกทางหนึ่งก็ร้องโหยหวน ถูกผลักออกไปเช่นกัน ทำให้ความเร็วในการหลบหนีเพิ่มขึ้นหลายเท่าและหายไปในชั่วพริบตา
“แสงศักดิ์สิทธิ์ดาราสัจธรรมอ่อนแอเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ตอนนั้นข้าไม่ได้คุยโวโอ้อวด เพียงลมหายใจเดียวก็ทำลายหนึ่งโลก ทว่าตอนนี้แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อกำเนิดยังสังหารไม่ได้…
เจ้ารอท่านกระเรียนผู้นี้ก่อนเถอะ! ข้าจะจำความแค้นครั้งนี้เอาไว้!”
กระเรียนน้อยบินไกลออกไป เสียงมันค่อยๆ เบาลง ส่วนซูหมิง วิญญาณแรกถูกผลักถอยไปหลายหลายร้อยจั้งภายใต้พายุคลั่งกว่าจะหลบแรงผลักได้ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น วิญญาณแรกของเขากลับโปร่งใสขึ้นไม่น้อย
ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศ ไม่สนใจร่างโปร่งใสและอ่อนแอของกายวิญญาณแรก แต่จ้องไปยังทิศทางหนีของกระเรียนน้อย ผ่านไปพักหนึ่งก็แค่นเสียงหึเย็นชา แล้วหมุนตัวจากไป