ตอนที่ 416 เต่าทมิฬสามเศียร
เวลาผ่านไป พริบตาเดียวก็ครึ่งปี ตั้งแต่เหตุการณ์หงหลัวมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาหนึ่งปีเต็มแล้ว
ส่วนสงครามนอกเมืองหมอกนภา ในหนึ่งปีนี้เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นหลายครั้ง การต่อสู้เล็กๆ มีนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พลังป้องกันฝั่งเมืองหมอกนภาก็เริ่มอ่อนแอลงทีละน้อย ผู้แข็งแกร่งเผ่าหมานส่วนใหญ่บัญชาการอยู่ในเมืองหมอกนภา
ในเผ่าหมาน ข่าวลือเกี่ยวกับแดนรกร้างบูรพากำลังแพร่งพรายไปอย่างลับๆ ผู้ได้ยินส่วนใหญ่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ทว่าแผ่นดินเชมัน ตรงชายแดนติดกับทะเลมรณะไม่มีชนเผ่าอยู่แล้ว ชนเผ่าแทบเจ็ดส่วนล้วนอพยพออกไปหมด
แต่ก็ยังมีชนเผ่าส่วนหนึ่งยังไม่อพยพไป ชนเผ่าพวกนี้ไม่มีกำลังพอจะอพยพ หรือไม่ก็เป็นชนเผ่าขนาดเล็ก ต่อให้อพยพก็ยากจะเดินทางไกล ฉะนั้น….เลยเลือกที่จะอยู่บ้านเกิด
เผ่าโคขาวเป็นชนเผ่าแบบนี้ พวกเขาเคยต่อสู้ดิ้นรน เคยขบคิด มีอารมณ์ชั่ววูบว่าจะอพยพหนี กระทั่งส่งคนออกไปข้างนอกเพื่อหาชนเผ่าอพยพที่ผ่านทางมาแถวนี้ ทว่าสุดท้ายแล้วก็ต้องล้มเลิก
ที่นี่เดิมทีเป็นถิ่นกันดาร เว้นแต่จะพาชาวเผ่าเดินไกลออกไป ถึงอาจเจอชนเผ่าอพยพ ทว่าบางทีอาจไม่พบเลย หากมีจุดจบแบบนั้น สู้อยู่ในเผ่าของตนเองไม่ดีกว่าหรือ
ในหนึ่งเดือนสุดท้ายของครึ่งปี ชายชราปากแหลมแก้มลิงหรือจ้าวเชมันเผ่าโคขาวคิดจะไปนอกเทือกเขาถ้ำของซูหมิงหลายครั้ง เขาคิดเสมอว่ามีบางอย่างผิดปกติไป จนกระทั่งรู้เรื่องทุกอย่างของเผ่ากระเรียนดำ เขาก็ยิ่งสงสัยในความพิลึกของเทือกเขาถ้ำนั้น
มาเยือนหลายครั้ง ทุกครั้งชายชราจะนบนอบเป็นอย่างยิ่ง กล่าวอ้อนวอนเสียงดังอย่างเคารพอยู่ข้างนอก ทว่าก็ยังไม่มีเสียงตอบรับ แต่ถึงกระนั้นชายชราก็ไม่ยอมแพ้ เขาจะมาในทุกๆ หลายวัน
เวลาผ่านไปเช่นนี้ ภายในผนึกเทือกเขาถ้ำ วานรเพลิงกำลังนอนอย่างเกียจคร้าน หนอนงูก็บินไปมา ส่วนศพพิษยังคงยืนอยู่นอกถ้ำ ครึ่งปีมานี้ไม่เคยขยับเลย
ประตูความว่างเปล่าที่ถูกแช่แข็ง ครึ่งปีมานี้น้ำแข็งก็ยังคงอยู่ แผ่ไอหนาวเยือก ไม่มีวันละลาย
ซูหมิงในตอนนี้อยู่ใต้ทะเลสีดำ กำลังนั่งฌานอยู่ในภูเขาของโลกธารน้ำแข็ง รอบตัวถูกแช่แข็ง ร่างแยกอยู่ข้างๆ คอยคุ้มกันมาครึ่งปี
บริเวณหลังซูหมิงไม่มีโลหิตไหลนานแล้ว ภายในครึ่งปีนี้แผลค่อยๆ ผสานกัน ตอนนี้เห็นเพียงหนังที่บวมจากผลึกผู้สืบทอดหมานอัสนี ส่วนผลึกหมานวายุแทบมองไม่เห็นแล้ว
ภายในร่างกายซูหมิง ตรงกระดูกสันหลังมีกระดูกหมานสี่ชิ้น ทว่ายามนี้กระดูกชิ้นที่ห้าขยับแสงสีดำ ดูแปรเปลี่ยนไป แม้รูปร่างไม่เปลี่ยน ความรู้สึกที่ได้กลับคล้ายผลึกหมานวายุ ประหนึ่งผลึกที่หดเล็กลงถูกกระดูกชิ้นที่ห้าสูบไป
จนกระทั่งผ่านไปอีกหนึ่งเดือน วันนี้ซูหมิงปิดด่านนั่งฌานครบเจ็ดเดือนแล้ว ชั้นน้ำแข็งรอบตัวเขาพลันสั่นไหวและเกิดรอยร้าวพร้อมกับเสียงดังกึกๆ
ขณะเดียวกันซูหมิงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้น ในดวงตาเขานอกจากความลุ่มลึกแล้วยังมีสายลมหมุนวน
ขณะเดียวกัน ชั้นน้ำแข็งโดยรอบเกิดเสียงโครมก่อนแตกกระจายพร้อมกัน ทำให้ซูหมิงกลับมาขยับตัวได้อีกครั้ง
เขาค่อยๆ ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ซูหมิงรู้สึกชัดว่าตนแข็งแกร่งกว่าตอนก่อนนั่งฌานไม่น้อย อีกทั้งที่ทำสำคัญสุดคือ…
“เบิกตะวันหรือ….” ซูหมิงก้มหน้ามองมือขวาของตน
นัยน์ตาวาววับ ท่ามกลางการตระหนักรู้ของผู้สืบทอดหมานวายุ ในโอกาสที่ได้รู้แจ้งครั้งนั้น เขาไม่รู้ว่าลองวิชาเบิกตะวันมาแล้วกี่ครั้ง ภายใต้ความเข้าใจ ภายในภาพมายาที่เต็มไปด้วยสายลม ซูหมิงมีความรู้สึกปานได้ผลัดเปลี่ยนกระดูก
เขากำหมัดเบาๆ แล้วค่อยๆ ยืนขึ้น ร่างแยกด้านหลังก็ยืนขึ้นตามเช่นกัน
ซูหมิงไม่หันไปมอง แต่จ้องโลกธารน้ำแข็งนอกเปลือกภูเขาน้ำแข็งเบื้องหน้าแล้วขบคิดชั่วครู่ สายตามองห่างไปแปดสิบจั้ง ตรงนั้นเป็นจุดแช่แข็งชายร่างกำยำมีเกล็ดปลาสีดำ
ซูหมิงขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนยกมือขวาตบชั้นน้ำแข็งตรงหน้า เสียงกึกๆ ดังขึ้น เกิดรอยร้าวขึ้นหลายเส้น ครู่เดียวก็แตกกระจาย น้ำทะเลสีดำหลั่งไหลเข้ามา ทว่าตอนนั้นซูหมิงก็เดินออกจากภูเขาน้ำแข็งพร้อมกับร่างแยกที่ตามอยู่ข้างหลังไปแล้ว
เขาไม่สนใจภูเขาน้ำแข็งด้านหลัง ภายในทะเลสีดำมีแรงกดดันถาโถมเข้ามา ทำให้ตัวซูหมิงยวบลง แต่เขากลับมีสีหน้าเช่นปกติ ค่อยๆ เดินหน้าไป
เขาเดินไปทีละก้าว ตอนที่เดินมาถึงแปดสิบจั้ง ตรงจุดที่ชายร่างกำยำเกล็ดสีดำถูกแช่แข็ง เขารู้สึกถึงความต่างของตนตอนนี้กับตอนแรกอีกครั้ง ก่อนผสานรวมกับผลึกสืบทอดหมานวายุ เดินมาถึงแปดสิบจั้งก็คือขีดจำกัดแล้ว ทว่าตอนนี้เขารู้สึกว่าตนยังเดินต่อไปได้อีกหลายสิบจั้ง
ซูหมิงจ้องภูเขาน้ำแข็งที่ผนึกชายร่างกำยำเกล็ดดำตรงหน้า กำหมัดขวาแล้วชกลงไป ขณะเดียวกันร่างแยกด้านหลังก็เดินเข้ามา กดสองนิ้วมือตามลงไปเช่นกัน
ชั้นน้ำแข็งที่ถูกซูหมิงต่อยเกิดรอยร้าวแน่นขนัดหลายวง แสงดำขยับวิบวับ กระบี่เล็กบินมาจากในตัวร่างแยกแล้วแทงไปยังรอยร้าวตรงนั้น ซูหมิงยกมือขวาขึ้น ช่วงที่กระบี่เล็กถอยมาเขาก็ต่อยลงไปอีกครั้ง
หลังจากทำซ้ำแบบนี้ติดกันหลายครั้ง รอยร้าวบนชั้นน้ำแข็งค่อยๆ ลุกลามไปข้างใน ในเวลาเดียวกัน เศษน้ำแข็งจากชั้นนอกก็หลุดออกมา
ซูหมิงตื่นตะลึงและเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ ภายใต้การร่วมมือกับร่างแยก เขาขุดเป็นโพรงบนภูเขาน้ำแข็งทีละน้อย ด้านหลังอุโมงค์นั้นเป็นกระบองไม้ดำที่มีเขี้ยวเก้าอันในมือของชายร่างกำยำเกล็ดสีดำ
ชั้นน้ำแข็งบางลงอย่างต่อเนื่อง ช่วงที่ห่างจากปลายแหลมของกระบองไม้สามชุ่น ทะเลสีดำบนธารน้ำแข็งพลันมีลูกคลื่นซัดเข้ามา อีกทั้งซูหมิงยังได้ยินเสียงคำรามต่ำ
ก่อนพบว่าในทะเลสีดำมีเงาเลือนรางร่างยักษ์กำลังตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว พอเข้ามาใกล้ เสียงคำรามก็สั่นสะเทือนธารน้ำแข็ง น้ำทะเลไหลเชี่ยวกราก ก่อเป็นแรงกดดันที่ทำให้ซูหมิงตื่นตะลึง
นัยน์ตาเขาวูบไหว ยามนี้โพรงใหญ่ตรงหน้าเขาพอให้คนเข้าไปได้แล้ว และห่างจากกระบองนั้นไม่ถึงสามชุ่น อีกไม่นานก็จะขุดถึงอยู่แล้ว
ทว่าเสียงคำรามนั้นทำให้ซูหมิงเกิดความลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะเผยสีหน้าเด็ดขาด กำหมัดขวาชกใส่ชั้นน้ำแข็งหนาสามชุ่น ร่างแยกเขาก็ลงมือเช่นกัน จะต้องทำลายชั้นน้ำแข็งนี้ก่อนสัตว์ร้ายที่ไม่รู้ชื่อตัวนั้นจะมาถึงให้ได้
ทว่าวินาทีที่ซูหมิงลงมือ เสียงคำรามนั้นแว่วเข้ามาปานดังอยู่ข้างหู ทะเลโดยรอบล้วนบิดเบี้ยว แรงทะลวงโจมตีมหาศาลกำลังตรงเข้ามา
ซูหมิงหน้าเปลี่ยนสี มุดตัวเข้าไปในโพรงใหญ่ที่ขุดไว้อย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันร่างแยกก็มุดเข้าไปด้วยแล้วอุดปากโพรงเอาไว้ ทันใดนั้นซูหมิงรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนของทั้งผิวธารน้ำแข็ง เขาหรี่ม่านตาลง และเห็นว่ามีสัตว์ร้ายใหญ่ยักษ์น่าสะพรึงกำลังตรงเข้ามาจากในทะเล
มันเป็นเต่าทมิฬสองเศียร!
สัตว์ยักษ์มีสองเศียรอยู่นอกกระดอง จ้องชั้นน้ำแข็งที่ซูหมิงซ่อนตัวไว้อย่างเย็นชา ทั้งยังฉายแววดุร้าย ขณะสะบัดหางก็ยกหางขึ้น พบว่าตรงหางมันยังมีอีกหนึ่งเศียร!
นี่มันไม่ใช่เต่าสองเศียร แต่มันคือเต่าสามเศียร!
รูปร่างของมันไม่ใหญ่มาก มีขนาดเพียงหนึ่งร้อยจั้ง มันยืนบนธารน้ำแข็ง ในตัวไม่มีกลิ่นอายพลังมากมายนัก แต่ความรู้สึกถึงพลังโลหิตทั้งตัวกลับทำให้ซูหมิงตื่นตกใจ
โฮก!
ศีรษะสามเศียรคำรามใส่ซูหมิงพร้อมกัน ทว่ากลับยืนอยู่ตรงนั้น นอกจากคำรามแล้วก็ไม่ทำอะไรอีก ซูหมิงซ่อนตัวอยู่ในชั้นน้ำแข็ง ร่างแยกอยู่ข้างนอก ถูกภูเขาน้ำแข็งที่ก่อตัวขึ้นผนึกเอาไว้เช่นกัน เขามองเต่าทมิฬสามเศียรข้างนอกพลางร้องทุกข์ในใจ
ทว่าซูหมิงเริ่มเห็นถึงความแปลกของมัน สัตว์ตัวนี้เพียงคำรามแต่ไม่บุกเข้ามา จุดนี้ทำให้ซูหมิงอึ้งงัน
ซูหมิงเงียบอยู่ชั่วครู่หนึ่ง มองภูเขาน้ำแข็งกำลังก่อตัวขึ้นมาผนึกอย่างช้าๆ ก่อนยกมือขวาขึ้นปล่อยหมัดไปยังน้ำแข็งบางที่ตอนนี้กลับมาหนาสามชุ่นใหม่แล้ว เสียงกึกๆ ดังก้อง น้ำแข็งนั้นเหลือแค่สองชุ่น
ทันใดนั้น เต่าสามเศียรปานคลุ้มคลั่ง มันคำรามรุนแรงขึ้นแล้วสาวเท้ายาวเข้ามา ขณะเข้ามาใกล้ก็ใช้หางสะบัดไปยังภูเขาน้ำแข็ง แต่กลับฟาดไม่โดน เพียงกวาดผ่านข้างๆ เท่านั้น เต่าทมิฬตัวนี้มีสีหน้าดุร้ายยิ่งขึ้น มันจ้องซูหมิงพร้อมกับร้องคำราม
‘สัตว์ตัวนี้มีพลังโลหิตแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่ามีพละกำลังมหาศาล ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน…..แต่มันเหมือนไม่รู้จักวิชาอะไรเลย’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย
‘อีกทั้งการกระทำเมื่อครู่ของมัน…หรือว่ามันจะไม่ทำลายภูเขาน้ำแข็งตรงนี้….แต่เป็นสัตว์คุ้มกันที่นี่?’ ในใจซูหมิงสั่นไหว ขยับตัวเข้าไปใกล้น้ำแข็งบางอีกเล็กน้อย
เต่าทมิฬข้างนอกพลันคำรามรุนแรงยิ่งขึ้น มันสะบัดหางไปมา ร้องคำรามเสียงแหลม
ซูหมิงรีบถอยออกห่างจากน้ำแข็งบางอีกเล็กน้อย เห็นชัดว่าเต่าทมิฬดูอ่อนลง ไม่มองซูหมิงอีก แต่จ้องชายร่างกำยำเกล็ดปลาสีดำที่อยู่ห่างจากน้ำแข็งบางหลายชุ่น
ยามนี้ซูหมิงตึงเครียดยิ่งนัก ทว่าความคิดกลับสงบนิ่ง หลังจากเห็นการกระทำของเต่าทมิฬแล้ว เขาก็รู้ว่ายิ่งอยู่ที่นี่นานจะยิ่งส่งผลเสียต่อตัวเขา ฉะนั้นจึงส่งกระแสจิตไปยังร่างแยก
ร่างแยกพลันใช้สองนิ้วมือกดไปบนผนึกน้ำแข็งข้างนอก ผลึกน้ำแข็งนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ฉะนั้นเพียงนิ้วมือก็ทะลวงมันจนกลายเป็นโพรงเล็กได้ ทันใดนั้นก็มีแมลงปีกแข็งสีดำหนึ่งตัวบินมาจากร่างแยกซูหมิง แล้วมุดออกไปจากโพรงเล็ก
ซูหมิงจ้องแมลงตัวนั้น หลังจากมันบินออกไปแล้ว เต่าทมิฬเพียงมองแวบหนึ่งก็ไม่สนใจอีก ปล่อยให้แมลงตัวนั้นบินออกไปแปดสิบจั้ง จนกลับมาถึงภูเขาน้ำแข็งอันเป็นที่ตั้งของประตูแห่งความว่างเปล่า