Skip to content

สู่วิถีอสุรา 417

ตอนที่ 417 แย่งสมบัติ

‘มันไม่ได้สนใจพวกเรา แต่สนใจของในผนึกน้ำแข็ง…’ ซูหมิงหรี่ม่านตา ยามนี้เขาไม่ยั่วยุเต่าทมิฬโดยการจะเข้าไปเอากระบองสีดำ แต่ขบคิดชั่วครู่ นัยน์ตาร่างแยกซูหมิงขยับประกาย ยกมือขวาขึ้นใช้สองนิ้ววาดเป็นวงกลมหนึ่งวงบนชั้นน้ำแข็งแล้วกดมือลงไป วงกลมชั้นน้ำแข็งพลันแตกกระจาย จากนั้นก็เดินออกมาจากในโพรงน้ำแข็ง

ร่างจริงซูหมิงจ้องเต่าทมิฬ เตรียมทางหลบหนีให้วิญญาณแรกเรียบร้อยแล้ว ทว่าเต่าทมิฬเพียงมองร่างแยกซูหมิงแวบหนึ่งแล้วก็ไม่สนใจอีก

‘หรือว่าแค่ไม่แตะต้องของในผนึกน้ำแข็ง เต่าร้ายตัวนี้ก็จะไม่สนใจ…’

ซูหมิงกัดฟัน ค่อยๆ เดินออกมาจากโพรงภูเขาน้ำแข็ง

ตอนที่เขาเดินออกมาหัวใจเต้นระรัว เห็นเต่าทมิฬหันมามองตนด้วยความเย็นชาแวบหนึ่งแล้วละสายตากลับ ซูหมิงก็โล่งอก

เขาเดินหน้าไปอย่างช้าๆ ทว่าเมื่อเดินไปได้หลายก้าว ซูหมิงกลับมีสีหน้าดิ้นรน ไม่นานก็ชะงักฝีเท้า ช่วงที่เดินหน้าต่อไป ร่างแยกเขาสวนทางกลับในทันใด แล้วมุดเข้าไปในโพรงภูเขาน้ำแข็งอีกครั้ง

ตอนทำเช่นนี้ซูหมิงตึงเครียดยิ่งนัก เขาลอบมองเต่าทมิฬตลอด เห็นมันไม่ตอบสนองอะไรมากเลยสาวเท้าไวๆ สุดท้ายก็เดินมาแปดสิบจั้งจนมาถึงภูเขาน้ำแข็งผนึกประตูความว่างเปล่า เมื่อก้าวเข้าไปแล้วก็ตรงมาอยู่ข้างประตูและจัดการกับน้ำแข็งโดยรอบ ก่อนเตรียมให้ประตูนี้เปิดได้ทุกเมื่อ

เมื่อเตรียมการเสร็จ ซูหมิงก็หันกลับไปมองเต่าทมิฬน่าสะพรึงข้างนอก และยังมีร่างแยกในโพรงภูเขาน้ำแข็งห่างไปแปดสิบจั้ง

‘จะแย่งดีหรือไม่…..เห็นได้ชัดว่าเต่าตัวนี้เป็นผู้ปกครองที่นี่ ของที่มันปกป้องจะต้องไม่ธรรมดา อีกทั้งธารน้ำแข็งยังกว้างใหญ่ ข้าสงสัยว่า…..ผู้ปกครองที่นี่จะไม่ได้มีเพียงเต่าตัวนี้ อีกทั้งครั้งก่อนตอนที่ข้าโจมตีภูเขาน้ำแข็งผนึกชายร่างกำยำเกล็ดปลาสีดำก็ไม่เห็นมันปรากฏตัว เห็นได้ชัดว่าระดับการทำลายยังไม่มากพอ แต่ครั้งนี้ตอนใกล้จะสำเร็จมันกลับปรากฏตัวขึ้น ตอนนี้ดึงความสนใจมันเข้าแล้ว ครั้งหน้าจะหาโอกาสไม่ให้มันมาอีกคงยาก’

‘ต้องแย่งมา!’ ซูหมิงมีสีหน้าเด็ดขาด

ภายในโพรงภูเขาน้ำแข็งผนึกชายร่างกำยำ นัยน์ตาร่างแยกซูหมิงขยับประกายวาววับ ใช้สองนิ้วมือกดบนน้ำแข็งบาง เมื่อกดอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง น้ำแข็งบางพลันแตกกระจาย เผยกระบองเขี้ยวสีดำข้างใน!

เต่าทมิฬปานคลุ้มคลั่ง มันแผดเสียงร้องคำรามพร้อมกับฟาดหางไปมา ร่างแยกกดบนกระบองเขี้ยวสีดำ จะเก็บมันเข้าถุงเก็บวัตถุ ทว่ากระบองนี้กลับไม่มีเส้นคลื่นจึงไม่อาจเก็บได้

ซูหมิงตัดสินใจแน่วแน่ ให้ร่างแยกใช้สองนิ้วทะลวงชั้นน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง ทำให้กระบองเขี้ยวสีดำเผยมาเกือบครึ่ง ร่างแยกกอดกระบองสีดำยักษ์เอาไว้แล้วดึงออกมา เสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว กระบองสีดำยักษ์ถูกกระชากหลุดออกมา

เต่าทมิฬคำรามเสียงต่ำ มันขวางปากทางออกภูเขาน้ำแข็งเอาไว้ขณะคำรามด้วยแววตาดุร้าย ทว่าทันใดนั้น ร่างจริงซูหมิงก้าวเดินออกมา ช่วงที่ออกห่างจากประตูสิบกว่าจั้ง ร่างแยกร้องตะโกนเสียงแหลม ปะทุขั้นพลังทั้งหมดดุจเผาวิญญาณแรกและใช้มันไปกับความเร็ว ทำให้ร่างแยกพุ่งทะยานออกมาข้างนอกพร้อมกับกระบองสีดำแล้วหายวับไป

วินาทีที่หายไป เต่าทมิฬอึ้งงัน ขณะเดียวกันร่างแยกก็ปรากฏขึ้นห่างออกไปห้าสิบกว่าจั้ง รูปร่างเขายังปกติ ทว่าวิญญาณแรกในกายกลับเล็กลงหลายรอบ ทั้งยังไม่เสถียร คลับคล้ายจะสลายไป หลังจากปรากฏตัวแล้ว ร่างจริงซูหมิงก็คว้าตัวร่างแยกเอาไว้ แล้วใช้ความเร็วสูงสุดห้อเหยียดไปทางภูเขาน้ำแข็งผนึกประตูความว่างเปล่า

เต่าทมิฬหันหน้ากลับพร้อมคำรามด้วยความโกรธ มันยกเท้าขวากระทืบลงพื้น ธารน้ำแข็งสั่นสะเทือน มีหนามน้ำแข็งพุ่งขึ้นมาจากพื้นตรงซ้ายขวาหน้าหลังของซูหมิง อีกทั้งหนามน้ำแข็งนี้ยังพุ่งขึ้นมาจากพื้นในชั่วพริบตา ขณะซูหมิงห้อเหยียดก็พุ่งขึ้นมาตลอดทาง ทั้งยังสร้างขึ้นเป็นกำแพงหนามน้ำแข็งโดยรอบเพื่อขวางเขาเอาไว้

ในเวลาเดียวกัน เต่าทมิฬก็ฟาดหางเข้ามาพร้อมกับระลอกคลื่นน่าสะพรึง น้ำทะเลแยกออก หนามน้ำแข็งที่ขวางซูหมิงเอาไว้ไม่อยู่ถูกหางมันฟาดจนแตกกระจาย ทว่าความเร็วของหางไม่ลดน้อยลง กลับฟาดไปทางซูหมิงเร็วขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเต่าทมิฬตัวนี้แค้นซูหมิงยิ่งนัก มันสะบัดหางยังไม่เท่าไร แต่ยังอ้าปากพ่นไอสีขาวมาด้วย ทันทีที่พ่นไอออกมาพลันมีเสียงกึกๆ ดังขึ้น น้ำทะเลตรงหน้าเต่าทมิฬกลายเป็นน้ำแข็งและลุกลามไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนซูหมิง ตอนที่เขาดึงร่างแยกห้อเหยียดหนีไปก็ถูกหนามพุ่งขึ้นมาจากพื้นขวางเอาไว้ ทว่าเขาขยับตัววิบวับหลายที พร้อมทั้งโคจรต้นกำเนิดวายุด้วยความเร็วรี่ จึงทำให้ความเร็วเพิ่มมากขึ้นและพุ่งทะลวงออกมาจากหนามน้ำแข็งเหล่านั้น

เมื่อห่างจากประตูน้ำแข็งไม่ถึงสามจั้ง เสียงลากยาวตรงเข้ามาฟาดจนน้ำทะเลแยกออก ซูหมิงรู้สึกตื่นตระหนกจึงเรียกเกราะแม่ทัพเทพและระฆังเขาหานขึ้นมา ส่วนร่างแยกในยามนี้ วิญญาณแรกในกายพ่นส่วนสำคัญออกมา แล้วเคลื่อนตัวด้วยความเร็วอีกครั้ง ทำให้ช่วงที่จะถูกหางเต่าทมิฬฟาดใส่ ตัวซูหมิงพลันหายวับไป

ซูหมิงมาปรากฏตัวอยู่ข้างประตูความว่างเปล่า กระอักโลหิตหนึ่งครา

ระฆังเขาหานส่งเสียงอื้ออึงแล้วย่อขนาดกลับเข้าไปในตัวเขา เกราะแม่ทัพเทพสลายไป ทว่าภยันตรายยังไม่จบ ตอนที่ซูหมิงปรากฏตัวและจะดึงร่างแยกเข้าไปในประตูนั้น ไอขาวจากปากเต่าทมิฬด้านหลังทำให้น้ำทะเลแช่แข็งในชั่วพริบตา

ร่างซูหมิงหนาวเยือก ใบหน้าพลันซีดขาว ทว่าเขากลับไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย รีบดึงร่างแยกรวมถึงกระบองไม้สีดำเข้าไปในประตู

หลังจากซูหมิงหายไป น้ำแข็งลุกลามเข้ามาปกคลุมภูเขาน้ำแข็งที่ผนึกประตูเอาไว้ ภูเขาลูกนี้จึงใหญ่ขึ้นหลายเท่า เมื่อผนึกน้ำแข็งแล้ว เต่าทมิฬก็ลอยตัวขึ้นร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง ฟาดหางไม่หยุดราวกับโกรธแค้นถึงขีดสุด

สุดท้ายมันจ้องประตูมายาเขม็ง แล้วนอนจ้องอยู่ตรงนั้นตลอด

ณ แดนอรุณใต้ นอกเทือกเขา อีกด้านหนึ่งของประตูความว่างเปล่า ยามนี้ประตูขยับแสงอ่อน ซูหมิงกับร่างแยกพุ่งตัวออกมาจากข้างใน

หลังจากออกมา ร่างแยกซูหมิงล้มลงกับพื้นในทันใด วิญญาณแรกใกล้จะดับสูญ มันหลับตาแน่น โคจรพลังเพื่อรักษาตัวอยู่ในร่างแยกอย่างเงียบๆ

ร่างจริงซูหมิงหน้าซีดขาว หันกลับไปมองประตูแวบหนึ่ง สีหน้ายังตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ยามนี้พอนึกถึงการกระทำเมื่อครู่ก็ยังรู้สึกว่าบ้าบิ่นเกินไปหน่อย

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก รีบนั่งขัดสมาธิลง ไม่มีเวลาสนใจหนอนงูกับวานรเพลิงที่กำลังตรงเข้ามา แต่รีบนั่งฌาณปรับกลิ่นอายพลังในร่าง

จนผ่านไปหลายวัน ซูหมิงลืมตาขึ้น สีหน้าดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว เขาพ่นลมหายใจยาว ก่อนหันไปมองกระบองไม้สีดำยักษ์ข้างกายร่างแยก เขี้ยวเก้าซี่ด้านบนปล่อยไอหนาวออกมา

กระบอกไม้สีดำนี้มีความสูงราวซูหมิง เต็มไปด้วยความรู้สึกป่าเถื่อน ซูหมิงยืนขึ้นแล้วเดินมาอยู่ข้างกระบองไม้สีดำ ก้มหน้ามองครู่หนึ่งก่อนใช้มือขวาจับกระบอง เขาขมวดคิ้ว สูดลมหายใจเบา แล้วยกมันขึ้นมา

‘ไม่รู้ว่าสิ่งนี้สร้างขึ้นจากอะไรถึงหนักขนาดนี้ หากเบากว่านี้หน่อยก็คงดี’

ซูหมิงควงแบบง่ายๆ จนเกิดเป็นเสียงหวืดๆ ขณะกำลังจะวางลงก็พลันเบิกตากว้าง จ้องกระบองไม้ในมือ จากนั้นยกมันขึ้นมาควงอีกครั้งหนึ่ง นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อ

‘เบาแล้ว?’

“เบาอีกหน่อย…เบาอีก….” ซูหมิงจับกระบองไม้สีดำยักษ์ยืนหมุนอย่างต่อเนื่อง น้ำหนักมันเบาลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายซูหมิงแทบจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนัก หลังจากนั้นเขาก็กระโดดลอยขึ้นแล้วฟาดลงบนพื้น

กระบองยักษ์ฟาดลงเกิดเสียงดังสนั่น แผ่นดินสั่นสะเทือน แรงสะท้อนกลับรุนแรงส่งมาจากกระบองไม้ ไหลไปตามมือขวาเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ซูหมิงหยุดชะงักแล้วต้องคลายมือออก ร่างกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว ใบหน้าเป็นสีขาวอมแดง ผ่านไปพักหนึ่งถึงจะกลับมาเป็นปกติ

‘หากทำได้แค่เบาอย่างเดียว มันก็ไม่ค่อยคุ้มกับที่ข้าเสี่ยงอันตรายก่อนหน้านี้สักเท่าไร….’ ซูหมิงเดินหน้าหลายก้าว หยิบกระบองไม้ขึ้นมาใหม่ เขามองเขี้ยวเก้าซี่ด้านบน หลังจากลังเลครู่หนึ่งก็ควงกระบองไม้อีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้กระโดดลอยขึ้น แต่หลังจากควงแล้วกำลังจะฟาดลงพื้นนั้นเอง…

“หนัก!” หนึ่งคำหลุดจากปาก ตอนที่กำลังจะฟาดกระบองลงพื้น น้ำหนักมันเพิ่มมากขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด จนเมื่อกระบองถึงพื้นก็เกิดเสียงโครมดังสนั่น แผ่นดินสั่นสะเทือน เกิดรอยร้าวยักษ์ลุกลามไกลออกไป จนทะลวงออกจากผนึกของหงหลัวไปปรากฏอยู่บนแผ่นดินภายนอก และยังขยายออกไปไกลอีกหลายพันจั้ง

ซูหมิงมีโลหิตไหลจากมุมปาก มือที่จับกระบองสั่นไหว กระบองนั้นถูกแรงดีดกลับ กระเด็นออกไปตกบนพื้นข้างๆ จนเกิดเสียงโครมอีกครั้ง

ซูหมิงหายใจกระชั้นถี่ สายตามองกระบองที่อยู่ไกลๆ แล้วมองรอยแยกยักษ์เส้นนั้น ก่อนจะหัวเราะเสียงดังและดังขึ้นเรื่อยๆ

“จ้าวเชมันเผ่าโคขาวมาขอพบท่านผู้ดูดวิญญาณ ท่านยังจำข้าน้อยได้หรือไม่ ตอนนั้นข้าน้อยเคยเตรียมสตรีบริสุทธิ์ให้ท่านสามคน” ขณะซูหมิงกำลังหัวเราะเสียงดัง มีเสียงเบาบางที่เต็มไปด้วยการเอาใจดังแว่วมาจากในรอยแยกบนพื้น

เสียงนี้ดังแว่วมาจากในรอยแยก แต่ความจริงแล้วมาจากบนพื้นนอกผนึก

ชายชราปากแหลมแก้มลิงจากเผ่าโคขาว ยามนี้หน้าซีดขาว มองรอยแยกที่พลันปรากฏห่างจากตรงหน้าตนสามจั้ง เหงื่อเย็นๆ ไหลซึม

‘ระยำ ไอ้บัดซบตัวไหนมันสร้างรอยแยกขึ้นมากะทันหันเช่นนี้ ทำเอาข้าตกใจแทบแย่!’ ชายชราปาดเหงื่อ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!