ตอนที่ 421 โลกเก้าหยิน
“โลกเก้าหยิน เป็นโบราณสถานค่อนข้างใหญ่ในสมัยบรรพกาล เผ่าเก้าอรุณค้นพบมันช่วงเริ่มต้นเผ่าเชมัน ตำแหน่งของมันตั้งอยู่ในมิติบางแห่งที่ต่างจากแผ่นดินเผ่าหมาน…..
เหตุที่ตั้งชื่อว่าเก้าก็เพราะเผ่าเก้าอรุณค้นพบมัน อีกทั้งยังปกครองในเขตเล็กๆ จากนั้นวิหารเทพเชมันก็กลายเป็นผู้ปกครอง อีกทั้งยังสร้างเมืองเพียงหนึ่งเดียวของเผ่าเชมันเอาไว้ ชื่อของเมืองนี้คือ เมืองเชมัน
เสียงเยาว์วัยของเด็กหนุ่มดังข้างหูซูหมิงเบาๆ ที่นี่มีท้องฟ้าขมุกขมัว ชั้นเมฆม้วนตลบ บ้างก็มีฟ้าผ่าลงมาเกิดเสียงดังสนั่น อีกทั้งเพราะชั้นเมฆหนักอึ้งกดทับลงมา จึงทำให้คนรู้สึกอึดอัด
“ส่วนคำว่าหยิน เพราะตอนถูกค้นพบมันเต็มไปด้วยพลังความตายเข้มข้น พลังนี้ทำให้คนเป็นสิ้นใจลงในชั่วพริบตา อีกทั้งที่นี่ยังมีภยันตรายมากมาย ฉะนั้นจึงตั้งชื่อว่าหยิน (เงามืด)” เด็กหนุ่มกล่าวเสียงเบา สายตาซูหมิงกวาดมองไปรอบๆ
จุดที่พวกเขาอยู่คือป่าเขาเต็มไปด้วยหมอก ต้นไม้ในป่าเขานี้ไม่มีใบ ทว่าไม่ได้เหี่ยวเฉา แต่มีลักษณะเหมือนนิ้วมือคนอัดแน่นปนเปกันอยู่กลางเทือกเขา
“เทียบกับความใหญ่ของโลกเก้าหยินแล้ว เผ่าเชมันครอบครองพื้นที่เพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น ทว่าจากการค้นพบหลายจุดในนี้ ทำให้เผ่าเชมันมีการฝึกฝนเพิ่มมาอีกสามชนิด
หนึ่งในนั้นคือผู้ดูดวิญญาณ เพราะว่าบรรพบุรุษเผ่าเชมันค้นพบศพของสัตว์จู๋จิ่วอินร่างสมบูรณ์ที่นี่ สัตว์ร้ายยุคบรรพกาลในตำนานนี้แม้จะเคยมีบันทึกเอาไว้ ส่วนใหญ่ก็ชำรุด อีกทั้งคนส่วนใหญ่ยังคิดว่ามันเป็นเพียงตำนาน
โลกใบนี้ไม่มีความจริงหรือมายา คิดว่านี่เป็นเพียงตำนานที่ชาวเผ่ายุคบรรพกาลสร้างขึ้น เพราะไม่เข้าใจในตะวันจันทราและดารา ทว่าการค้นพบศพนี้กลับเปลี่ยนทุกอย่าง…..” เด็กหนุ่มหายใจกระชั้น นัยน์ตาร้อนใจยามกล่าวเร็วๆ ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินภูเขา มองป่าเขาทะมึนตรงหน้า เด็กหนุ่มคนนั้นยืนอยู่ข้างเขา
ส่วนเด็กสาวยามนี้ห่างไปสิบกว่าจั้ง ถูกกิ่งไม้แห้งจากต้นไม้ใหญ่พันตัวเอาไว้ ใบหน้าซีดขาว พยายามดิ้นรนไม่หยุด ในมือนางถือกริชหนึ่งเล่ม ตอนนี้กริชแทงกิ่งไม้แห้ง มีของเหลวสีเขียวซึมออกมา
“พูดต่อไป” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ
“ศพของจู๋จิ่วอินสมบูรณ์นั้น แม้จะตายไปแล้ว แต่จิตแกร่งกล้ายังคงอยู่ พวกบรรพบุรุษเผ่าเชมันพบว่าจิตนี้มีเพียงคนที่มีคุณสมบัติพิเศษเท่านั้นถึงจะสูบเข้าสู่ร่างกายได้เสี้ยวหนึ่ง แล้วใช้สิ่งนี้เป็นการฝึกฝน ใช้คนเป็นรากฐาน ฝึกฝนอภินิหารพรสวรรค์ของมันในจิตของจู๋จิ่วอิน!
นี่คือต้นกำเนิดของผู้ดูดวิญญาณ…..ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ศพของจู๋จิ่วอินถึงนำออกจากที่นี่ไม่ได้ ฉะนั้นการสืบทอดจันทร์วิญญาณในทุกๆ สิบปี…ช่วงเริ่มต้นของจันทร์วิญญาณ ทุกชนเผ่าจะเตรียมหินจิตวิญญาณมา แล้วให้ชาวเผ่าที่ทำให้หินนั้นเปล่งแสงใช้พลังของหินจิตวิญญาณ เพื่อยืมวิชาของวิหารเทพเชมันในการเปิดเข้าสู่ในโลกที่เก้านี้” เด็กหนุ่มเสียงสั่น เขาเห็นใบหน้าเด็กสาวยามนี้ขาวซีด แรงถือกริชในมือก็เหลือไม่มากนัก อีกทั้งใบหน้ายังเผยกลิ่นอายความตาย
ทว่านางก็ยังคงดิ้นรน
“ผู้อาวุโส ช่วยหลันหลันด้วย นาง….นางใกล้จะไม่ไหวแล้ว นางน่าจะสำนึกผิดแล้ว ได้โปรดท่าน…..”
“พูดต่อไป” ซูหมิงมีสีหน้าปกติ มองเด็กหนุ่มอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเรียบๆ
เด็กหนุ่มตัวสั่น เงียบครู่หนึ่งแล้วก็กล่าวต่อ
“นอกจากพบศพของจู๋จิ่วอินแล้ว ยังพบแท่นบวงสรวงที่นี่ด้วย แท่นบวงสรวงนี้สร้างขึ้นจากกระดูกสัตว์ เล่ากันว่ายิ่งใหญ่นัก ด้านบนมีพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าจู๋จิ่วอิน พลังนี้มิใช่จิตใจแต่เป็นพลังพิลึกบอกไม่ถูก
ชาวเผ่าเชมันส่วนใหญ่จะเกิดภาพหลอนเมื่อเจอกับพลังนี้ จนกระทั่งสิ้นใจลง……ทว่ามีบางคนที่หลังจากเกิดภาพหลอนแล้วกลับไม่ตาย ตอนที่พวกเขาเดินออกมาจะมีพลังคล้ายกัน นั่นก็คือจิตพยากรณ์….”
ช่วงที่เด็กหนุ่มกล่าว แรงดิ้นของเด็กสาวค่อยๆ อ่อนลง นางหายใจลำบาก ใบหน้าไร้เลือดฝาด กริชในมือตกลงสู่พื้น ขณะเดียวกันอีกหนึ่งกิ่งไม้แห้งจากต้นไม้ประหลาดก็ค่อยๆ ยกขึ้น ตรงปลายกิ่งคมกริบยิ่งนัก ก่อนพุ่งไปยังศีรษะเด็กสาว
ทว่าทันใดนั้น ในตัวซูหมิงขยับแสงสีดำ กระบี่เล็กสีดำลากยาวออกมา หนึ่งกระบี่ทะลวงผ่านกิ่งไม้แห้งจนตัดขาดสะบั้น ร่างต้นไม้ใหญ่สั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นกระบี่เล็กแสงดำขยับวิบวับอีกครั้ง ตัดกิ่งไม้แห้งทั้งหมดของต้นไม้ใหญ่ รวมถึงกิ่งที่พันเด็กสาวเอาไว้รอบหนึ่งด้วย ทำให้กิ่งไม้ทั้งหมดบนตัวเด็กสาวขาดกระจาย ร่างนางล้มลงกับพื้น
นางกัดฟัน พยายามยืนขึ้นแล้วเก็บกริชขึ้นมา ทว่าก็ไม่ได้วิ่งมาหาซูหมิงในทันที แต่หมุนตัวกลับใช้กริชแทงเข้าไปในร่างต้นไม้ใหญ่ ทำให้มันสั่นไหวอย่างรุนแรง นางดึงกริชออกแล้ววิ่งมาหาซูหมิงอย่างเร็ว
จนกระทั่งอยู่ตรงหน้าซูหมิงห่างไปหนึ่งจั้ง นางคุกเข่าลงกับพื้น ก้มหน้า ใบหน้ายังคงซีดขาว
“ผู้อาวุโส ขะ….ข้าผิดไปแล้ว….”
“ผิดเรื่องอะไร” ซูหมิงมองเด็กสาวแวบหนึ่ง บนตัวนางมีเศษดินติดอยู่ โลหิตอาบชุ่ม
“หลังจากพวกเราถูกส่งมานี่แล้ว ถ้าผู้อาวุโสยังไม่บอก ข้าไม่ควรละโมบอยากได้กริชที่ปักบนต้นไม้นั่นจนออกห่างจากท่านสิบจั้งเพื่อไปดึงมันมา…..ได้โปรดให้โอกาสข้าอีกครั้ง จากนี้ข้าจะไม่บุ่มบ่ามอีกแล้ว” เด็กสาวก้มหน้า สีหน้ายังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา เหตุการณ์เมื่อครู่นี้ทำให้นางรู้สึกถึงความตายและสิ้นหวังจริงๆ
“เจ้าไม่ได้ผิด” ดวงตาหยั่งลึกภายใต้หน้ากากซูหมิงมองเด็กสาว
เด็กสาวอึ้งงัน เงยหน้ามองซูหมิงด้วยสีหน้าสับสน
“อยากได้ก็ต้องจ่าย ยิ่งอยากได้มาก ราคาที่ต้องจ่ายก็ยิ่งแพง…..มันคือการแลกเปลี่ยน ในเมื่อเจ้าชอบกริชนั้นก็ต้องจ่ายเพื่อเอามันมา ประสบการณ์เมื่อครู่นี้คือราคา คิดให้ดีๆ ข้าสัญญากับปู่ของเจ้าก็จริง แต่จะช่วยเจ้าเพียงสามครั้งเท่านั้น”
ซูหมิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“เจ้าเป็นคนกล้าหาญ รู้ว่าถ้าเจออันตราย ข้าจะต้องลงมือช่วยเจ้าแน่ จุดนี้เจ้าเด่นกว่าเขา ทว่าตอนที่ตนยังเป็นผู้อ่อนแออยู่ เจ้าพึ่งพาคนอื่นมากเกินไป ไม่มีความระมัดระวัง และขาดประสบการณ์ในการเผชิญหน้ากับอันตราย จุดนี้เจ้าสู้เขาไม่ได้”
ซูหมิงละสายตาจากเด็กสาว แล้วมองแผ่นดินสีเทาไกลๆ
“อาหู่ เจ้าพูดต่อไป”
เด็กหนุ่มมองเด็กสาวที่คุกเข่าอยู่อย่างเป็นห่วงแวบหนึ่ง ก่อนก้มหน้าลงขานรับแล้วกล่าวต่อข้างกายซูหมิง
“ส่วนสถานที่ที่สาม เป็นหลุมฝังศพคนจำนวนมาก ความเข้มข้นของพลังความตายที่นั่น ได้ยินมาว่าเกือบจะกลายเป็นของจริง ที่นั่นคือจุดกำเนิดของผู้สื่อวิญญาณ คนที่มีคุณสมบัติจะรู้สึกถึงความเศร้าของคนตาย จะรู้สึกเห็นใจคนตาย แต่เย็นชากับสิ่งมีชีวิต เมื่อนั้นจะได้พลังแห่งความตายมา
ในระยะหนึ่งล้านลี้รอบเมืองเชมันเป็นขอบเขตตั้งรกรากของเผ่าเชมัน เลยหนึ่งล้านลี้ไปจะเป็นเขตต้องห้าม ห้ามไม่ให้ชาวเผ่าเหยียบเข้าไปในเขตนั้นเด็ดขาด…..หากเหยียบเข้าไป มีน้อยคนนักที่จะรอดกลับมา…..” ช่วงที่กล่าวถึงตรงนี้ เด็กสาวมายืนอยู่ข้างซูหมิง ในความคิดกึกก้องคำพูดของซูหมิงเมื่อครู่ ก้มหน้ามองกริชในมือราวกับกำลังขบคิด
“ในระยะหนึ่งล้านลี้ เมื่อช่วงแรกของจันทร์วิญญาณมาเยือน เราจะอยู่ในตำแหน่งต่างกัน ไม่อาจควบคุมเพื่อให้มาปรากฏตัวอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการได้ เพียงแต่ว่าเมื่อปรากฏตัวแล้ว จะต้องระวังสามข้อ หนึ่ง อย่าคิดสำรวจรอบๆ แต่ให้รีบตรวจสอบสัญลักษณ์หินจิตวิญญาณโดยเร็ว และเดินทางไปยังเมืองเชมันโดยเร็วที่สุด
ที่นั่นจะมีการลงทะเบียนฐานะและชนเผ่า จากนั้นวิหารเทพเชมันจะมอบของกับแผนที่มาให้เพื่อฝึกฝนการดูดวิญญาณ…..
ข้อสอง ห้ามขัดแย้งกันระหว่างชาวเผ่าเด็ดขาด และก่อนสำเร็จการฝึกฝนดูดวิญญาณ ห้ามสร้างพันธมิตรกับชนเผ่าอื่นๆ เรื่องพันธมิตรหรือเข้าร่วมกลุ่ม จะต้องไว้หลังจากสำเร็จการฝึกฝนดูดวิญญาณแล้ว ข้อสามห้ามละโมบ หลังจากสำเร็จการฝึกฝนดูดวิญญาณแล้วจะต้องกลับเมืองเชมันทันที”
กล่าวถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มมองซูหมิงแวบหนึ่ง เห็นซูหมิงยังมีสีหน้าปกติจึงกล่าวต่อ
“ในโลกเก้าหยินมีอันตรายหลายอย่าง อย่างแรกคือนอกเผ่ามีผู้บุกรุก ฉะนั้นจึงต้องเกิดการเข่นฆ่ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สองคือมาจากเผ่าเชมันด้วยกันเอง เพราะทุกครั้งที่จันทร์วิญญาณปรากฏ ผู้ที่สำเร็จการฝึกฝนดูดวิญญาณมีไม่เคยเกินร้อยคนมาก่อน ฉะนั้นจึงพอคาดเดาได้ว่าการฝึกฝนดูดวิญญาณมีจำนวนจำกัด บางทีจำนวนเยอะไปอาจมีจิตให้สูบไม่เพียงพอ หรือไม่ก็เป็นเพราะสาเหตุอื่น ฉะนั้นจึงต้องระวังชาวเผ่าคนอื่นๆ ด้วย……
สามก็คือผนึกจำนวนมากของที่นี่ และยังมีอันตรายจากวิญญาณร้ายจำนวนมาก…..” เด็กหนุ่มเงียบไปชั่วครู่
“ผู้อาวุโส ข้าพูดจบแล้ว…..ท่านปู่ว่าหลังจากข้ามานี่ ก็ให้บอกสิ่งนี้กับผู้อาวุโส ห้ามขาดแม้แต่คำเดียว ข้าเลยท่องตอนอยู่ในชนเผ่าตั้งหลายรอบ” ขณะเด็กหนุ่มกล่าวก็มองซูหมิงอย่างตึงเครียด
ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้จ้าวเชมันเผ่าโคขาวไม่ได้บอกว่าที่นี่ยังมีการเข่นฆ่ากันระหว่างชนเผ่าด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นเรื่องนี้คงไม่ง่ายอย่างที่คิดแล้ว
ทว่าเห็นแก่ว่าชายชราเผ่าโคขาวควรค่าแก่การนับถือ อีกทั้งยังมอบของที่เขาตื่นตะลึงให้อีก ในเมื่อซูหมิงรับปากว่าจะช่วยแล้วก็คงไม่ต้องพูดอะไรอีก
“เจ้าดูทีว่าเมืองเชมันอยู่ที่ใด ห่างจากตรงนี้ไกลเท่าไร พวกเราจะไปเมืองเชมันเพื่อให้พวกเจ้าลงทะเบียนก่อน จากนั้นพวกเราก็จะเดินทางทันที” ซูหมิงยืนขึ้นพลางกล่าวช้าๆ
เด็กสาวหยิบหินจิตวิญญาณมาจากในอกเสื้อ กัดปลายนิ้วบีบหยดโลหิตลงไป จากนั้นกดบนหินจิตวิญญาณ ก้อนหินพลันเปล่งแสงอ่อนและชี้นำทางไป
“ตรงนี้ ราวๆ สามแสนลี้…..” เด็กสาวโล่งอก ชี้ไปยังทิศทางป่าไม้ประหลาด การถูกสุ่มส่งมาภายในระยะหนึ่งล้านลี้แล้วอยู่ใกล้เมืองเชมันเพียงสามแสนลี้ถือเป็นโชคดี
“ไปกันเถอะ” ซูหมิงเดินหน้าอย่างสงบนิ่ง รอบตัวเขามีแสงสีดำขยับวิบวับ กระบี่เล็กบินเป็นวงกลม คอยปกป้องเด็กสาวเด็กหนุ่ม และติดตามซูหมิงมุ่งหน้าเข้าไปในป่าไม้พิลึก