ตอนที่ 444 โลกเก้าศักดิ์สิทธิ์
เทียบกับหินภูเขาคนเล็กสีดำแล้ว ความโปร่งใสที่เหมือนกับหินสองก้อนนี้ แม้แต่คุณลักษณะก็ยังเหมือนกัน! ที่ต่างกันคือขนาดเล็กใหญ่ และหนึ่งเป็นสมุนไพร อีกหนึ่งเป็นคนเล็กสีดำ
‘คนเล็กสีดำมาจากที่นี่! ข้าก็ว่าอยู่ว่าเหตุใดวัตถุดิบหลอมโอสถมอบจิตถึงหาข้างนอกได้ยากนัก นอกจากขาที่เก้าของแมงมุมที่ได้มาโดยบังเอิญในเมืองเขาหานแล้ว เห็นได้ชัดว่าคนเล็กสีดำมีอยู่แค่ที่นี่!
เมื่อเป็นเช่นนั้นเกล็ดหางของงูเหลือมจะต้องอยู่ที่นี่เช่นกัน บางทีในโลกเก้าหยินนี้ ข้าอาจจะรวบรวมวัตถุดิบทุกอย่างในการหลอมโอสถมอบจิตครบเลยก็ได้!’
ซูหมิงมองหินโปร่งใสในมือ มองสมุนไพรเจ็ดใบข้างใน ลักษณะของสมุนไพรนี้คล้ายกับที่เขาเห็นในหอเก้าเชมันเมื่อตอนกลางวันอย่างยิ่ง จุดที่ต่างกันก็คือต้นนี้มีเจ็ดใบ ส่วนของชายชุดขาวมีเพียงสามใบ
อีกทั้งต่อให้เทียบกับใบที่ยังมีชีวิต ต้นของชายชุดขาวก็ดูเหี่ยวเฉากว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ต้นนี้ของซูหมิงเปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต โดยเฉพาะขณะสังเกต เขาหรี่ม่านตาลง เพราะเห็นว่าหกใบที่เหลืออยู่ล้วนมีรอยถูกฉีกกัดอย่างเด่นชัด
รอยนี้เหมือนกับรอยกัดของอสรพิษ….
ซูหมิงมองใบที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิต ในความคิดผุดขึ้นมาหนึ่งภาพ ในภาพนั้นคือหลังจากว่านใบมังกรนี้ถูกผนึกในหินสีแดงแล้ว มันก็กัดใบอื่นๆ ด้านข้างเพื่อเอาชีวิตรอดภายใต้กาลเวลาอันไร้สิ้นสุด จนเวลาผ่านไปอีกไม่น้อย มันก็กัดอีกใบหนึ่ง จนกระทั่งกัดทุกใบแล้ว มันถึงยืนหยัดต่อมาจนถึงตอนนี้
“หากเป็นเช่นนั้น ก็ยังอธิบายได้…ทว่าบางทีอาจไม่ใช่อย่างนั้น” ซูหมิงพึมพำเบาๆ แม้ว่านต้นนี้อยู่ในหินโปร่งใส ซูหมิงก็ยังคงรู้สึกถึงกลิ่นอายเหมือนสัตว์ร้ายบางชนิดจากในตัวมัน
ทว่าก็เห็นชัดอยู่ว่ามันเป็นสมุนไพร!
สิ่งนั้นเป็นกลิ่นอายพลังเหี้ยมโหดของสัตว์ร้าย ทำให้ซูหมิงรู้สึกว่าทันทีที่สมุนไพรต้นนี้ถูกผนึก ใบนี้คงจะรีบกัดกินใบอื่นๆ อย่างรวดเร็ว สูบพลังชีวิตพวกมันเองไม่ว่า อีกทั้งยังมิให้ใบอื่นๆ แบ่งการบำรุงส่วนรากกับมัน เมื่อเป็นเช่นนั้น โอกาสมีชีวิตรอดของมันก็จะสูงขึ้นอีกไม่น้อย
ซูหมิงมองสมุนไพรในมือ เขาวิเคราะห์มูลค่ามันไม่ออกจริงๆ และก็ไม่รู้สรรพคุณของสมุนไพรต้นนี้ด้วย เขารู้เพียงว่าชายชุดขาวเคยใช้มันทดสอบโอสถชำระล้างว่าเป็นของจริงหรือปลอม
อีกทั้งจากท่าทางระมัดระวังของชายชุดขาว สิ่งนี้จะต้องล้ำค่าอย่างยิ่ง หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ซูหมิงคิดว่าสมุนไพรต้นนี้คงเป็นของหายากยิ่งกว่า
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนนำหินโปร่งใสใส่เข้าไปในถุงเก็บวัตถุ แล้วนั่งอยู่ในห้องว่างเปล่า นัยน์ตาขบคิด
‘เดิมทีข้าไม่สนใจงานพนันสมบัติครั้งใหญ่เลย ทว่า…ตอนนี้ข้าคงต้องเข้าร่วมแล้ว อีกทั้งไม่ใช่แค่เข้าร่วม ยังต้องใช้ความสามารถพิเศษของคนเล็กสีดำเพื่อเก็บเกี่ยวให้ได้มากที่สุด!
ส่วนจะดึงดูดสายตาคนหรือภยันตรายเข้ามา ตอนนี้ข้ามีวิญญาณนักรบนั่นปกป้องอยู่ ทั้งยังมีวิญญาณเก้าหยินเทียบเท่าเชมันระดับสิ้นสุดลงมือช่วยอีก ฉะนั้น…จะต้องประกาศศักดาในโลกเก้าหยินนี้ให้รู้กันไปเลย!’ นัยน์ตาซูหมิงวาววับ เขามีนิสัยขี้ระวัง ทว่าในความระมัดระวังมีความเด็ดขาดอยู่
ขอแค่คิดว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์กับตน เขาจะลงมืออย่างไม่ลังเล! หากพนันหินต้องพึ่งเพียงโชค ซูหมิงจะไม่เข้าร่วมเด็ดขาด เรื่องที่ไม่มีความมั่นใจแบบนั้น เขาจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับมัน
ทว่าตอนนี้ต่างออกไปโดยสิ้นเชิง พอรู้ถึงความมหัศจรรย์ของคนเล็กสีดำ ซูหมิงก็ใจเต้นแรง มองข้ามเรื่องมูลค่าของสมุนไพรนี้ไปก่อน ภายในหินสีแดงยังมีของอื่นๆ อีก ทุกอย่างเหล่านี้เท่ากับโอกาส และตอนนี้เขาจะไม่ยอมทิ้งมันไปด้วย
‘ดูท่าเรื่องของอูตัวคงต้องตัดสินใจใหม่แล้ว ก่อนหน้านี้ว่าจะไม่เข้าร่วมงานเลยลังเล ตอนนี้…ร่วมงานสักครั้งคงไม่เป็นไร!’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา หลับตาลงตกอยู่ในห้วงฌานสมาธิ ฟ้าลิขิตเอาไว้แล้วว่าต้องเข้าร่วมงานพนันสมบัติในครั้งนี้ ลิขิตเอาไว้ว่างานครั้งนี้เขาจะต้องเป็นที่จับตามอง และจะต้องเกิดเหตุนองเลือดขึ้น
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งเดือน หลังจากซูหมิงเข้าใจถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในครั้งนี้แล้ว เขาจึงเลือกนั่งฌานและใช้เวลาครึ่งเดือนทำให้ทุกอย่างของตนอยู่ในจุดสูงสุด เพื่อรับความตื่นตะลึงของผู้คนในครั้งนี้!
งานพนันสมบัติมาถึงอย่างช้าๆ ชาวเผ่าเชมันรีบมายังเมืองเชมันจากทุกสารทิศ ทุกวันจะมีคนเข้ามาไม่น้อย หากโชคไม่ดีถูกส่งไปยังจุดที่ไกลจากเมืองเชมัน เช่นนั้นต้องมีระดับพลังไม่ธรรมดาถึงจะมาถึงเมืองเชมันจากในระยะหนึ่งล้านลี้ได้
เมืองเชมันตอนนี้ครึกครื้นยิ่งนัก การค้าขายดุเดือดในทุกๆ วัน ต่อให้เป็นกลางคืนก็ยังลดน้อยลงไม่มากนัก
ทว่าจุดเช่าวิญญาณเก้าหยินยังคงมีคนไปไม่เยอะเช่นเคย ถึงอย่างไรการเช่าวิญญาณเก้าหยินก็มีราคาที่สูงเกินไป…นอกจากเผ่าขนาดกลางขึ้นไปแล้ว ส่วนใหญ่ที่เหลือได้แต่อิจฉา
เวลาครึ่งเดือนค่อยๆ ผ่านไปท่ามกลางความครึกครื้นในทุกๆ วัน หลังจากหลันหลันกับอาหู่เดินเล่นในเมืองหลายวันแล้วก็ไม่ออกไปข้างนอกอีก ถึงอย่างไรเมืองเชมันตอนนี้ก็ค่อนข้างวุ่นวาย มีคนเข้ามาเยอะมาก ด้วยขั้นพลังที่ยังไม่ถึงเชมันระดับต้นอย่างพวกเขา ทั้งยังมีฐานะมาจากเผ่าเล็ก จึงแทบไม่ต่างอะไรกับมดปลวก
หากมิใช่เพราะมีซูหมิงปกป้อง อย่าว่าแต่จะมีชีวิตรอดในเมืองเชมันเลย เกรงว่าแม้แต่กำแพงเมืองยังไม่ได้เห็น คงตายระหว่างเดินทางแล้ว
หนึ่งคืนสุดท้ายก่อนงานพนันสมบัติครั้งใหญ่ คืนนี้เป็นคืนที่เงียบสงบที่สุดในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แทบทุกร้านค้าล้วนปิดร้านก่อนเวลา และยังมีชาวเผ่าเชมันส่วนหนึ่งนั่งฌานเงียบๆ อยู่ในเรือนพักของตน และรักษาสภาพให้สมบูรณ์ที่สุดเพื่อเข้าร่วมงานพนันสมบัติครั้งใหญ่ในโลกเก้าหยินหลังฟ้าสาง
นี่คืองานครั้งใหญ่ เป็นการเปรียบกันด้านทุนทรัพย์ การพึ่งโชค ทั้งยังเป็นการทดสอบที่มีกลิ่นคาวเลือด!
ภายในเมืองเชมัน ณ หอแห่งหนึ่งตรงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่นี่ไม่ใช่โรงเตี๊ยมและไม่ใช่ร้านค้า แต่เป็นเรือนพักระยะยาวของเผ่าทะเลใบไม้ร่วง
ยามนี้ในห้องตรงยอด มีสตรีผู้หนึ่งยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ เส้นผมยาวปลิวไสว สวมชุดสีม่วงทั้งตัว แสงจันทร์สาดส่องใบหน้า เผยให้เห็นใบหน้าที่ทำให้คนต้องหวั่นไหว ความงามนั้นไม่มีการปรุงแต่งแต่อย่างใด…นอกเสียแต่คิ้วงามที่ขมวดขึ้น และยังมีแสงอ่อนๆ ตรงระหว่างคิ้ว
ลมไม่แรงนัก ทว่ากลับพัดเส้นผมดำของนางให้ลอยขึ้น นางยืนอยู่ตรงนั้นนานมาก จนกระทั่งสายลมค่อยๆ แรงขึ้นอีกเล็กน้อย นางจึงใช้มือขวารวบเส้นผมงามที่ถูกพัดลอย ทันทีที่นางยกมือขึ้น จะเห็นภายใต้แสงจันทร์ว่าบนแขนสีขาวนวลของนางมีสัญลักษณ์มังกรสีแดงฉานอยู่!
หวั่นชิว สตรีศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าทะเลใบไม้ร่วง…
ขณะเดียวกัน อีกทางหนึ่งในเมืองเชมัน กลางร้านค้าโออ่าแห่งหนึ่ง มีสตรีสวมชุดขาวนั่งอยู่ ตรงหน้านางมีหลายคนยืนอยู่ด้วยความนอบน้อม ทุกคนดูตึงเครียดยิ่งนัก กำลังกล่าวเสียงเบากับนาง
สตรีผู้นั้นฟังอยู่ก็จริง ทว่านัยน์ตากลับดูเหนื่อยล้าและสับสนเป็นบางครั้ง ให้ความรู้สึกเหมือนเหม่อลอย
ใบหน้านางเทียบไม่เท่าหวั่นชิว แต่ในตัวนางมีเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่ธรรมดา ดวงตาลุ่มลึก ในกายให้ความรู้สึกสูงส่งบริสุทธิ์ ทำให้คนพอมองออกว่านางไม่ใช่เผ่าเชมัน
นางมาจากเผ่าเซียน นางเป็นหญิงแห่งโชคชะตา
อีกจุดหนึ่งในเมืองเชมัน ณ หอแห่งหนึ่งซึ่งห่างจากเรือนพักของซูหมิงไปไม่ไกลนัก มีชายวัยกลางคนนั่งขัดสมาธิอยู่ ชายผู้นี้รูปร่างซูบผอม สีหน้าไร้เพลิงโทสะและน่าเกรงขาม ตรงหน้าเขามีสตรีนั่งตัวตรงอยู่สองคน
สตรีสองคนนี้มีใบหน้าแทบจะเหมือนกัน ทว่าหนึ่งนุ่มนวล อีกหนึ่งเย็นชา อาภรณ์ยังต่างกัน พวกนางกำลังนั่งหลับตาทำสมาธิอยู่
“เมิ่งเอ๋อร์ โยวเอ๋อร์ ครั้งนี้ข้าพาพวกเจ้าสองคนมาด้วย ส่วนใครจะได้รับสืบทอดวิชาของข้าไป ก็ต้องดูที่วาสนาของพวกเจ้าแล้ว” ผ่านไปพักใหญ่ ชายวัยกลางคนลืมตาขึ้น ดวงตาลึกล้ำ กล่าวด้วยเสียงแหบ
หากซูหมิงอยู่ตรงนั้นจะต้องรู้สึกคุ้นหูกับเสียงชายผู้นี้อย่างแน่นอน หากลองนึกดีๆ มีความเป็นไปได้สูงที่จะรู้ว่าเสียงนี้เป็นของบรรพบุรุษเทียนหลัน!
ส่วนสตรีสองคนนี้ หนึ่งคือเทียนหลันเมิ่ง และอีกหนึ่งคือเทียนหลันโยว! ช่วงที่บรรพบุรุษเทียนหลันกล่าว สตรีสองคนนี้ลืมตาขึ้นพร้อมกัน
เทียนหลันโยวมีสีหน้าเด็ดขาด ทว่าเทียนหลันเมิ่งกลับก้มหน้าลง ลอบถอนหายใจเบาๆ
“หลังจากสิ้นสุดงานพนันสมบัติแล้วจะเริ่มการฝึกของพวกเจ้า!”
บรรพบุรุษเทียนหลันกวาดสายตามองเทียนหลันเมิ่งก่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล่าวอะไร
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ดวงจันทร์เก้าดวงบนท้องฟ้าหายไปทีละน้อยเมื่อใกล้รุ่งอรุณ ทำให้ท้องฟ้าเป็นสีดำทึบ…
ภายใต้สีดำทึบนี้ หากมองเมืองเชมันจากไกลๆ เมืองนี้จะกลายเป็นเงามืดขนาดใหญ่ เหมือนสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในยามค่ำคืน
บนยอดเขาแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองเชมัน ยามนี้มีเงาคนสวมเสื้อคลุมดำยืนอยู่ เขามองเมืองเชมันด้วยนัยน์ตาวาววับ
“การต่อสู้ระหว่างนายท่านกับหงหลัว แม้ไม่รู้ว่าร่างเงาหายไปได้อย่างไร ทำให้ติดต่อในช่วงนี้ไม่ได้ก็ตาม…ทว่าข้ายังอยู่ที่นี่ หงหลัวจะต้องหายไปแล้วแน่ เช่นนั้นซู่มิ่ง…ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว!
ซู่มิ่ง เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นจากสายตาข้ารึ…ก่อนที่ร่างเงาที่สองของนายท่านจะมาถึง ข้าจะต้องพลิกโอกาสอาศัยสิ่งนี้สร้างคุณูปการครั้งใหญ่…”
เสียงเย็นชาดังพึมพำมาจากปาก บุคคลนี้คือทาสรับใช้ของตี้เทียน เป็นคนเผ่าเซียนที่มีหน้าที่จับตาดูซูหมิงในแดนหมาน
“ที่ต้องระวังคือเชมันระดับสิ้นสุดของที่นี่…และยังมีตำนานน่าสะพรึงของโลกเก้าศักดิ์สิทธิ์…” เงาร่างคนพึมพำกับตัวเอง แล้วมุ่งหน้าไปยังเมืองเชมัน
ท้องฟ้ายามรุ่งอรุณค่อยๆ ส่องสว่าง เงามืดบนแผ่นดินปานมีมือไร้รูปยกม่านสีดำขึ้น ทำให้แผ่นดินมีแสงสว่างทีละนิด…
รุ่งเช้าวันใหม่มาเยือน งานพนันสมบัติเริ่มต้น!