ตอนที่ 453 เทพผนึกปรากฏ 3
ซูหมิงไม่สนว่าหนานกงเหินจะจัดการกับว่านมังกรสี่ใบอย่างไร เขายกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ หินก้อนที่สองลอยเข้ามาในทันใด เมื่อก้อนหินอยู่ในของวิเศษวงแสงแล้ว ซูหมิงพลันชี้ไปยังของวิเศษ เสียงอื้ออึงดังกังวาน หินก้อนนี้ซูหมิงซื้อมั่วๆ มา ในนั้นมีอะไรเขาไม่รู้
จากการหมุนของของวิเศษ หินสีแดงก้อนนี้เล็กลงเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดแตกกระจาย ทว่าภายในว่างเปล่า
เมื่อเห็นซูหมิงล้มเหลว ผู้คนด้านล่างก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง หากซูหมิงเปิดได้อะไรอีก พวกเขาคงไม่เชื่อว่านี่คือโชค….
ซูหมิงมีสีหน้าเหมือนเดิม ดูไม่ได้ปวดใจอะไรมาก จนกระทั่งคว้าหินก้อนที่สามมา หลังจากหุ้มด้วยของวิเศษแล้วก็ตัดต่ออย่างไม่ลังเล การตัดครั้งนี้ซูหมิงไม่สนใจว่าจะเปิดได้อะไร ทว่าพอเอาเข้าจริงๆ กลับพลันมีแสงพิลึกเปล่งออกมาจากรูตัด
แสงพิลึกนี้ดึงดูดสายตาของผู้คนจำนวนมากในทันใด
ซูหมิงตะลึงงัน แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่ง เพียงแค่หัวใจเต้นเร็วขึ้นเท่านั้น การตัดครั้งนี้กับการตัดโดยที่รู้ผลอยู่แล้วไม่เหมือนกัน ความรู้สึกที่ไม่รู้ ความตื่นตะลึง ยังมีการคาดเดาว่าในหินสีแดงนี้มีอะไรหรือไม่ ซูหมิงเพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรก และนี่ก็คือสาเหตุที่ว่าเหตุใดในงานพนันสมบัติถึงมีคนคึกคักมากขนาดนี้
ซูหมิงหัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย เขาจ้องหินสีแดง ควบคุมวงแสงให้เจียระไนอย่างรวดเร็วจนหินเล็กลงเรื่อยๆ ครู่ต่อมา นัยน์ตาเขาเปล่งประกาย กลางวงแสงปรากฏหนามยื่นออกมาแล้วทะลวงเข้าไปในหินแดง ทำแบบนั้นอยู่หลายครั้ง ก่อนตัดด้วยวงแสงอีกหนึ่งครั้ง หินสีแดงจึงเหลือไม่ถึงครึ่ง
ทว่าหินสีแดงไม่ถึงครึ่งนี้ แม้มีแสงพิลึกหนึ่งสี มันกลับสว่างจ้าอย่างยิ่ง!
ซูหมิงหัวใจเต้นแรงขึ้น นี่คือความรู้สึกที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน ขณะลังเลว่าจะตัดอย่างไรต่อ หนานกงเหินก็เจรจาธุรกิจเสร็จแล้ว ผู้คนจึงต่างพากันมองขึ้นมา
“อะแฮ่ม น้องโม่ ในเมื่อขายว่านมังกรให้หอเก้าเชมันแล้ว เช่นนั้นก็ขายหินก้อนนี้ให้ข้าเถอะ ข้าให้หนึ่งล้านห้าแสน”
“ข้าให้หนึ่งล้านเจ็ดแสน!” หวั่นชิวสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งเผ่าทะเลใบไม้ร่วงกล่าวเรียบๆ นางยังคงมองซูหมิงตลอด
เมื่อนางกล่าวขึ้น หญิงแห่งโชคชะตาชุดขาวจึงเอ่ยตาม และตามด้วยเทียนหลันเมิ่ง
ตอนที่มองเทียนหลันเมิ่งพลันเกิดลูกคลื่นในใจซูหมิง แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาจะมาทักทายกัน อีกทั้งซูหมิงยังออกจากเผ่าหมานแล้ว จึงเกิดความรู้สึกซับซ้อนกับนาง
เห็นสตรีสามคนกล่าวราคาขึ้นอีกครั้งเหมือนก่อนหน้านี้ ซูหมิงก็ขบคิดอยู่ชั่วครู่ เขาไม่อยากขายหินทิ้งไปแบบนี้เลยตัดหินต่อไป
ครั้นลงมือตัดต่อก็มีเสียงโครมดังกังวาน เมื่อเปิดหินสีแดงก้อนนี้แล้ว แสงพิลึกข้างในค่อยๆ หายไป ตอนเห็นว่าภายในว่างเปล่า ซูหมิงยิ้มเจื่อนๆ ภายใต้หน้ากาก
ในที่สุดเขาก็ได้สัมผัสกับความรู้สึกหัวใจเต้นแล้ว และก็ได้รับรู้รสชาติที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มของหนานกงเหินตอนนั้นด้วย
‘ตอนแรกก็ขายได้ตั้งหนึ่งล้านกว่าแล้วเชียว ทว่าตอนนี้…’ ซูหมิงถอนหายใจเบาๆ รสชาติของการพนันเช่นนี้มันกระตุ้นความปรารถนาในใจคนได้ดีจริงๆ
หลังจากล้มเหลวมาสองครั้ง ทำให้สายตาที่มองมายังซูหมิงปกติมากขึ้น ในสายตาของผู้คนจำนวนมาก บางทีซูหมิงอาจโชคดีจริงๆ
แม้แต่ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันยังละสายตาไปจากเขา
ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก หลังจากสัมผัสกับความเร้าใจของการพนันแล้ว เขาก็รู้สึกว่าชอบวิธีตรวจสอบหินดั้งเดิมของตนมากที่สุด เขายกมือขวาคว้าอากาศ หินสีแดงหมายเลขเก้าร้อยสี่สิบเก้าค่อยๆ ลอยเข้ามา
ซูหมิงจ้องหินก้อนนี้ ในใจลังเล
เขารู้ว่าหินก้อนนี้มีอะไร บางทีอาจสร้างความตื่นตะลึงกว่าดอกวิญญาณภูต เพราะสมุนไพรข้างในนี้ แม้จะเหี่ยวเฉาและตรงส่วนรากมีพลังชีวิตอยู่ไม่มาก แต่มีผึ้งพิษกำลังหลับใหลอยู่ตัวหนึ่ง!
ผึ้งตัวนี้เป็นสัตว์ดึกดำบรรพ์ ยากจะคาดเดาความแกร่งของมัน ทว่าก่อนหน้านี้ซูหมิงเคยได้ยินอูตัวกับหนานกงเหินเล่าให้ฟังว่าในหินมีสมุนไพร มีของวิเศษ มีของหลากชนิด ทว่าไม่มีเพียงอย่างเดียวคือ…สิ่งมีชีวิต!
เหมือนกับคนเล็กสีดำ ก็พอคาดเดาได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเหมือนกัน หากแต่ผึ้งพิษในหินสีแดงเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างแน่นอน!
‘ในเมื่อเป็นสิ่งมีชีวิตหากยาก…เช่นนั้นหากข้าเปิดมันออกมาจะต้องสร้างความวุ่นวายอย่างแน่นอน…’ ซูหมิงกวาดสายตามองกลุ่มคนด้านล่าง มองผ่านคนในวิหารใหญ่ทั้งแปดโดยรอบ หลังจากมองผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันผู้มีสีหน้าทะมึนก็ละสายตากลับมามองหินสีแดง
‘ข้าอยากรู้นัก ใครจะกล้ามาแย่งของๆ ข้า!’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เขาทำสัญญากับชายชราเก้าหยินผู้มีพลังเทียบเท่าเชมันระดับสูงสุดเอาไว้ ตอนนี้เขาจึงมีคุณสมบัติพอจะกล่าวคำนี้ออกมา
ซูหมิงปรับลมหายใจครู่หนึ่ง หลังจากเตรียมรับความคลุ้มคลั่งของผู้คนหลังจากเขาเปิดหินนี้สักครู่หนึ่งแล้ว ถึงค่อยๆ ยกมือขวาขึ้นกดไปบนวงแสงของวิเศษ วงแสงตัดสลับกันและเริ่มเจียระไนทันใด
ความเคร่งขรึมของซูหมิงค่อยๆ ทำให้สายตาจากด้านล่างเพ่งมองขึ้นมา ยามนี้ซูหมิงหลับตา ภายใต้จิตสัมผัส คนเล็กสีดำสั่นไหวทว่าไม่แรงนัก นี่ตรงกับที่ซูหมิงคาดเดาเอาไว้พอดี คนเล็กนี้จะตอบสนองอย่างรุนแรงกับสมุนไพร
ตอนนี้สมุนไพรในหินสีแดงเหี่ยวเฉาไปมากกว่าครึ่ง เหลือเพียงส่วนรากที่ยังมีชีวิต ฉะนั้นแรงกระตุ้นต่อคนเล็กจึงลดน้อยลงมาก
เพียงแต่ช่วงที่ซูหมิงกำลังใช้จิตสัมผัสดูภาพตรงระหว่างคิ้วคนเล็กและทำการเปิดหินนั้น เขาพลันตะลึงงัน เพราะเห็นว่าคนเล็กสีดำในถุงเก็บวัตถุหดตัวเล็กลง
นี่คือการถอยหด ไม่ใช่การสั่นเทา จุดนี้ซูหมิงมั่นใจมากว่ามองไม่ผิด แม้ในใจเขายังนึกสงสัย แต่สีหน้ายังเป็นปกติ และควบคุมวงแสงให้เจียระไนต่อไป การเจียระไนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ฝุ่นเศษหินฟุ้งกระจายมากขึ้น จนเห็นว่าคนเล็กสีดำในถุงเก็บวัตถุหดตัวเล็กลงอีกครั้ง!
นี่คือการถอยหด เป็นการถอยด้วยความกลัว สีหน้ามันดูเจ็บปวดและตื่นกลัวอย่างเห็นได้ชัด ซูหมิงเห็นหน้าของคนเล็กสีดำเปลี่ยนสี ในใจจึงเต็มไปด้วยความสงสัย
ตอนหินก้อนนี้ยังไม่ถูกตัด คนเล็กสีดำยังเป็นปกติ ทว่าพอหินเล็กลงและค่อยๆ เผยของข้างในมากขึ้น มันกลับหน้าเปลี่ยนสีอย่างชัดเจน
ซูหมิงลืมตา ขมวดคิ้ว แต่ยังคงควบคุมวงแสงต่อไป เพียงแต่ระวังมากขึ้นเล็กน้อย หลังจากค่อยๆ เจียระไนหินไปมากกว่าครึ่ง คนเล็กสีดำก็มีสีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุด
นัยน์ตาซูหมิงวาววับ ควบคุมวงแสงให้ผ่าหินลงไป การผ่าครั้งนี้ทำให้หินสีแดงหายไปก้อนใหญ่ๆ
ขณะเดียวกัน มวลอากาศเหนือหินสีแดงพลันมีระลอกคลื่นบิดเบี้ยว จากนั้นปรากฏภาพเลือนรางกลางฟ้าดิน!
ภาพนี้เป็นว่านสีเขียวที่ดูธรรมดาอย่างยิ่งต้นหนึ่ง มันมีใบยาวหลายใบ ทุกส่วนเป็นสีเขียวมรกต หากจะให้พูดจริงๆ ก็มีส่วนต่างอยู่ นั่นคือทุกใบของมันมีเส้นสีทองอยู่หนึ่งเส้น!
แม้ภาพจะเลือนราง เส้นสีทองกลับเด่นชัด
ช่วงที่ภาพเงาปรากฏ กลุ่มคนด้านล่างลุกฮือขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแต่เสียงดังเกรียวกราวในครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงครู่เดียว จากนั้นพลันเงียบสงัด
สาเหตุที่เงียบสงัดเป็นเพราะผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันบินออกมาจากวิหารใหญ่ เส้นผมเคลื่อนไหวเองโดยไร้ลม สีหน้าเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน กระทั่งยังเห็นเขาเหมือนจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่!
สำหรับชายชราที่ฝึกฝนมานานปี ขั้นพลังครึ่งก้าวก่อนเชมันระดับสูงสุดอย่างเขา ในโลกนี้มีเรื่องน้อยนักที่จะทำให้เขาฮึกเหิมเช่นนี้ ทว่าตอนนี้ชายชรากลับไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้!
ทุกอย่างเป็นเพราะภาพมายาที่ปรากฏบนท้องฟ้า!
“เส้นวิญญาณจิต…นี่คือใบเส้นวิญญาณจิต!” หนานกงเหินพึมพำเบาๆ หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเขากล่าวขึ้น เถี่ยมู่ก็จำได้ว่าเคยเห็นบันทึกภาพสมุนไพรลักษณะนี้มาก่อน!
“นะ….นี่มัน หรือว่าจะเป็นใบเส้นวิญญาณจิตจริงๆ หนึ่งในเก้ามหาสมบัติอัศจรรย์ของโลกเก้าหยินในตำนาน ใบส่วนเสริมของดอกผนึกจิต!”
ยามนี้หวั่นชิวมีสีหน้าเหลือเชื่อเช่นกัน นางอึ้งมองภาพมายาสมุนไพรอันเลือนราง ลมหายใจกระชั้นขึ้น
หญิงแห่งโชคชะตาชุดขาวตัวสั่นสะท้าน มองภาพมายาทั้งยังมองซูหมิง ใบหน้าพลันซีดขาวในทันใด
เทียนหลันเมิ่งขมวดคิ้ว นางยังไม่ทันคิดอะไรก็มีเสียงแหบแห้งดังมาจากข้างหลังนาง ผู้กล่าวก็คือบรรพบุรุษเทียนหลันที่กำลังเดินออกมาจากวิหารใหญ่เป็นครั้งแรก!
“เก้ามหาสมบัติอัศจรรย์ของโลกเก้าหยิน เป็นภาพแกะสลักด้านหลังศิลาหินที่เคยตั้งตระหง่านอยู่ในแดนแห่งนี้ หนึ่งในนั้นมีนามว่าดอกผนึกจิต ดอกนี้มีความพิเศษอย่างหนึ่ง ตอนที่มันเบ่งบาน รอบตัวจะปรากฏใบเซียนทองคำขึ้น หรือเรียกอีกอย่างว่าใบเส้นวิญญาณจิต เส้นวิญญาณนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆ…แต่เมื่อมันปรากฏ นั่นก็หมายความว่าเก้ามหาสมบัติอัศจรรย์ไม่ใช่ตำนาน พวกมัน…มีอยู่จริงๆ!” เสียงบรรพบุรุษเทียนหลันดังก้องข้างหูเทียนหลันเมิ่ง นางฟังออกว่าในน้ำเสียงของเขามีความตื่นเต้นซ่อนเอาไว้
“ดอกผนึกจิต…..ดอกผนึกจิต…..ตำนานว่าน้ำผึ้งของดอกนี้แฝงไว้ด้วยพลังของจักรวาล เมื่อดื่มอึกหนึ่ง…ใบหน้าจะไม่เปลี่ยนไปชั่วนิรันดร์ พลังจะทะยานขึ้นในชั่วพริบตา ความเร็วระดับนั้นทำให้คนธรรมดากลายเป็นเซียนได้ในทันที!
ทำให้ผู้ฝึกตนอย่างพวกเราข้ามผ่านขั้นพลังและก้าวหน้าในฉับพลัน ทั้งยังทำให้รู้สึกถึงพลังของจักรวาล! ในหินก้อนนี้หรืออาจเป็นในหินก้อนหลัง ไม่แน่ว่า….อาจมีดอกผนึกจิต มิเช่นนั้นจะไม่มีทางปรากฏใบเส้นสีทองอย่างไร้เหตุผล!”
“สหายทุกท่าน หินนี้หนานกงเหินแห่งวิหารเทพเชมันซื้อมันแล้ว หากมีใครกล้าแย่งกับวิหารของข้า อย่าหาว่าใจร้ายลงมือสังหาร องครักษ์เทพเชมันอยู่ไหน!”
หลังจากผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันเห็นภาพมายาแล้วก็สาวเท้ายาวมาทางซูหมิง และปลดปล่อยพลังมหาศาลทั้งตัว
เขาไม่สนใจซูหมิงแม้แต่น้อย เขาสนใจเพียงคนอื่นๆ จากเผ่าใหญ่ ในสายตาเขา ซูหมิงคือมดปลวก!
เมื่อเขากล่าวจบพลันมีกลิ่นอายพลังหลายร้อยคนปะทุมาจากทั้งเมืองเชมัน กลายเป็นสายรุ้งยาวตรงมาทางนี้จากทุกจุดในเมือง