ตอนที่ 456 ไม่อาจมีสิ่งใดมาเทียบเทียม
แค่ลม…ไม่พอจริงๆ!
ถึงเข้าใจการเบิกตะวันในสามรูปแบบวิชาแยกวายุ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะใช้พลังได้น่าสะพรึงเท่าเทพหมานวายุ ถึงอย่างไรขั้นพลังเขาก็ยังอ่อนแอมาก
สายลมระดับนี้ หากรับมือกับเชมันระดับปลายธรรมดาคงไม่เกิดผลน่าตะลึง แต่จะส่งผลค่อนข้างธรรมดาตอนใช้อภินิหารสู้กันก็เท่านั้น
ตอนนี้เผชิญหน้ากับผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันขั้นครึ่งก้าวก่อนเชมันระดับสูงสุด แม้แต่ชายร่างกำยำวิญญาณหยินยังรับมือไม่ไหวจนบาดเจ็บ ซูหมิงรู้ว่าลมแค่นี้…..มันไม่พอ!
รูปแบบการเบิกตะวัน จุดสำคัญคือสายลมที่ส่งไป เจ้าส่งลมไปเท่าไรก็จะได้คืนกลับมาหลายเท่า ยิ่งส่งไปมาก อานุภาพพลังก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น!
ฉะนั้นนัยน์ตาซูหมิงจึงขยับประกาย เขาไม่ได้เดินหรือถอยหลัง แต่ใช้ความเร็วสูงสุดเดินขึ้นฟ้าไปราวกับดาวตก
ในเมื่อลมจากชายแขนเสื้อไม่เพียงพอ เช่นนั้นซูหมิงก็จะใช้ร่างกาย ใช้ความเร็วสูงสุดของตนสร้างพายุที่รุนแรงที่สุด!
เมื่อเงาร่างซูหมิงทะยานขึ้นฟ้าด้วยความเร็วที่ผู้คนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเนื้อ ด้วยความเร็วที่มากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังตรงดิ่งขึ้นฟ้า จึงเกิดพายุคลั่งตามเข้ามาอยู่รอบตัวเขา และพัดขึ้นสู่ท้องฟ้าในฉับพลัน
เขาส่งสายลมเบิกตะวันเสร็จแล้ว!
พายุคลั่งกวาดไปทุกสารทิศ ทันทีที่ทะยานขึ้นฟ้า ทะเลเมฆส่งเสียงคำรามและแผ่กระจายออกโดยรอบอย่างรุนแรง พริบตาเดียวก็กระจายไปถึงหนึ่งพันลี้ ซึ่งมากกว่าระยะหลายร้อยลี้ก่อนหน้านี้!
บนท้องฟ้าในระยะหนึ่งพันลี้ ทะเลเมฆกลายเป็นน้ำวนยักษ์ กำลังหมุนเสียงดังครืนๆ ทุกอย่างนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ซูหมิงกำหมัดอีกครั้งยามอยู่บนท้องฟ้า
เกิดเป็นภาพซึ่งทำให้ผู้คนที่จับตามองอยู่ยากจะลืมเลือนและตื่นตะลึง!
ทะเลเมฆในระยะหนึ่งพันลี้เหมือนย้อนเวลา กลับมายังมือขวาซูหมิงจากทุกสารทิศ หลังจากรวมอยู่ในหมัดขวาก็ราวกับว่าตรงกลางมือนั้นกำน้ำวนเมฆลมบนท้องฟ้าเมื่อครู่นี้เอาไว้!
บนท้องฟ้าสีครามหนึ่งพันลี้ไม่มีเมฆลมอีก นี่คือจุดสำคัญที่สองของการเบิกตะวัน…ยืมสายลม!
นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา ก่อนปล่อยหมัดขวาไปยังผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันด้านล่าง!
หนึ่งหมัดนี้เหมือนไม่มีแรงมากนัก ทว่าเมื่อปล่อยออกไปกลับสร้างพายุที่ไม่อาจบรรยาย ปะทุจากในหมัดของซูหมิง!
พายุนี้ส่งเสียงแหลมหวีดหวิว ปานภูตผีร้องไห้โหยหวน ทำให้คนฟังต้องตื่นตกใจ! ราวกับเกิดสายฟ้าดังสนั่นในยามรุ่งอรุณอันเงียบสงบ เหมือนเกิดพายุบนผิวทะเลสงบนิ่ง ประดุจเกิดแผ่นดินสะเทือนบนผืนปฐพี!
มังกรวายุตัวหนึ่งบินออกจากหมัดขวาซูหมิง พุ่งตรงไปยังผู้อาวุโสวิหารเทพเชมัน มังกรตัวนี้มีขนาดยาวหลายร้อยจั้ง ดุร้ายอย่างยิ่ง ร่างกึ่งโปร่งใส เสียงลมหวีดหวิวก็คือเสียงคำราม เสียงแหลมลากยาวก็คือเสียงร้องของมัน!
“เบิกตะวัน!” ซูหมิงพึมพำเบาๆ มังกรวายุเข้ามาใกล้ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันในชั่วพริบตา เวลานี้สีหน้าชายชราดูจริงจังอย่างยิ่ง เส้นผมขาวปลิวไสวอย่างบ้าคลั่ง ปรากฏปุ่มหนังพองตรงคอเขา ปุ่มหนังพองนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วปานเนื้องอก
สุดท้ายช่วงที่มังกรวายุมาถึง เนื้องอกนี้แตกออกแล้วมีศีรษะยื่นออกมาจากข้างใน
ยามนี้ชายชราดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก มีสองศีรษะ ศีรษะที่เพิ่งเกิดใหม่นั้นยังเป็นเด็กหนุ่ม ทว่าสีหน้ากลับเหี้ยมเกรียม ยามปรากฏศีรษะขึ้น ชายชราใช้มือขวาคว้าอากาศ หอยสังข์ยักษ์สองขอนเผยขึ้นกลางฝ่ามือเขาทันใด
เขาถือหอยสังข์ข้างละมือแล้วเป่าพร้อมกัน พลันมีเสียงอูๆ ดังขึ้น ภายใต้เสียงนี้ มวลอากาศตรงหน้าเขาบิดเบี้ยว เสียงคำรามแหลมดังแว่วเข้ามา มวลอากาศบิดเบี้ยวตรงนั้นแตกกระจายในทันใด ก่อนมีวิญญาณร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งตัวออกมาจากเศษมวลอากาศเมื่อครู่ หากมองไกลๆ จะเหมือนกับเส้นโค้งยาวสีดำที่เต็มไปด้วยวิญญาณร้ายตรงเข้าไปยังมังกรวายุ
เสียงระเบิดดังกังวานรอบทิศ มังกรวายุสลายไป ทว่าเส้นวิญญาณร้ายของผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันก็สลายไปมากกว่าครึ่งเช่นกัน ยังเหลือเพียงเล็กน้อย หลังจากมังกรวายุหายไปมันก็ตรงเข้ามายังซูหมิง
แต่แม้จะดูเหมือนเป็นเช่นนั้น ความจริงแล้ววินาทีที่มังกรวายุสลายไป ชายชราวิหารเทพเชมันพลันหน้าขาวซีดก่อนกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว คนอื่นยากจะสังเกตเห็น
ยามนี้ในใจเขาตื่นตะลึงนัก รู้ดีว่าซูหมิงกับระดับพลังของเขาต่างกันมากเพียงใด ทว่าด้วยความต่างนี้ มังกรวายุยังทำให้เลือดลมในกายชายชราหยุดชะงัก เกิดอาการจะหลั่งไหลออกสู่ภายนอก นี่แสดงให้เห็นว่าวิชานี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
ซูหมิงกระอักเลือด ร่างโซเซถอยหลังไปหลายก้าวติดกัน ก่อนปรากฏระฆังเขาหานพร้อมกับเสียงระฆังดังกังวาน ซูหมิงทำสัญลักษณ์สองมือแล้วชี้ไปยังระฆัง พลันมีแสงสว่างขยับวูบวาบบนนั้น เงาสัตว์จิ่วอิงปรากฏกายบนท้องฟ้า นัยน์ตาทั้งหกเศียรวูบไหว จากนั้นสูบไปยังเส้นโค้งวิญญาณร้าย
การสูบครั้งนี้ทำให้วิญญาณร้ายที่ตรงมายังซูหมิงถูกเปลี่ยนทิศทาง โดนศีรษะที่หกของระฆังเขาหานสูบเข้าไปจำนวนมาก
“เดิมทีข้าเห็นแก่หน้าคนอื่นเลยจะไว้ชีวิตเจ้า แต่ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักชั่วดี เช่นนั้นข้าจะส่งเจ้าไปยมโลก!” ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันมีสีหน้าทะมึนอย่างยิ่ง
ยามนี้ การต่อสู้ของทั้งสองคนกล่าวได้ว่าเป็นที่สนใจของแทบทุกคน จนไม่ทันสังเกตนอกวิหารใหญ่หลังหนึ่งที่ไกลออกไป ตราสัญลักษณ์รูปมังกรบนแขนขวาของหวั่นชิวสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าทะเลใบไม้ร่วงกำลังขยับวิบวับ
ชั่วขณะที่ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันกล่าว ตรงคอเขาปรากฏก้อนเนื้อขึ้นมาอีกห้าจุด พวกมันแตกกระจายพร้อมกัน อีกห้าศีรษะที่ต่างกันมุดออกมา!
ตอนนี้ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันเหมือนกับปีศาจ เมื่อห้าศีรษะปรากฏก็มีกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงออกมาจากตัวเขาอย่างชัดเจน
ยามนี้บนตัวเขามีเจ็ดศีรษะด้วยกัน มีชายหญิงเด็กและคนชราครบถ้วน ทั้งหมดล้วนคำรามใส่ซูหมิงอย่างดุร้าย นี่จึงทำให้ชายชราเหมือนกับวิญญาณร้ายตนแรกที่เขาเรียกออกมา
“วิชาสิ้นสุดสื่อวิญญาณ รอยแห่งผนึกสวรรค์!” เวลานี้ ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันมีปุ่มหนังพองขึ้นนับไม่ถ้วน ทำให้ดูน่าสะพรึงสุดขีด ขณะเดียวกันก็ยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังชายร่างกำยำวิญญาณหยิน
การชี้ไปครั้งนี้มองไม่เห็นคลื่นพลังใดๆ ได้ยินเพียงเสียงคำรามของหกศีรษะของชายชรา ในเสียงคำรามเหมือนมีคำสาปบางอย่างแฝงอยู่ภายใน!
“ผนึกโบราณแห่งเผ่าสื่อวิญญาณ!” ชายร่างกำยำวิญญาณหยินพลันหน้าเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัด เขายกสองมือขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วตบตัวเองหลายที ทุกครั้งที่ตบลง บนร่างกายใหญ่ยักษ์จะปรากฏวงปีจำนวนมาก อีกทั้งโดยรอบตัวยังปรากฏวงปีมายาขึ้นมากมาย ราวกับกำลังต่อต้านอะไรบางอย่าง ขณะเดียวกัน เขายังก้าวเท้ายาวมุ่งหน้าไปยังชายชรา
“ผนึก!” ชายชราวิหารเทพเชมันยิ้มเยาะ ศีรษะทั้งสามส่งเสียงคำรามพร้อมกับแห้งเหี่ยว ตอนที่พวกมันหายไป รอบตัววิญญาณหยินปรากฏม่านแสงขยับวิบวับ กลายเป็นผนึกยักษ์
ชายร่างกำยำที่ถูกผนึกอยู่ข้างในมีสีหน้าเจ็บปวดทรมาน
ในยามนั้น ชายชราชี้ไปยังร่างแยกของซูหมิง เงาร่างแยกพลันหายไป ทว่าช่วงที่จะหายไปนั้น มันถูกบีบออกมาจากอากาศ เผยสีหน้าเจ็บปวด และรอบตัวร่างแยกก็ปรากฏม่านแสงขึ้นเป็นผนึกเช่นเดียวกัน!
ศพพิษของซูหมิงก็ยากจะเปลี่ยนโชคชะตานี้ ทันทีที่ชายชราชี้มา ผนึกรอบตัวมันขยับวิบวับ ถูกผนึกเอาไว้กลางอากาศ
นี่คืออภินิหารที่ช่างใช้อำนาจบาตรใหญ่ยิ่งนัก ยากจะต่อต้านหรือดิ้นรน ครั้นทำเสร็จสิ้นแล้ว ศีรษะทั้งหกบนตัวชายชราหายไปทั้งหมด เขาจ้องซูหมิงด้วยแววตาจิตสังหารและเหมือนมองมดปลวก พลางก้าวเท้าเดินเข้าไป
“ไม่มีองครักษ์เก้าหยิน ไม่มีหุ่นเชิดสองตัว เหลือแค่ตัวเจ้าเองคนเดียวแล้ว เช่นนั้น…ข้าจะให้เจ้าตายอย่างช้าๆ….”
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง มองผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันเดินมาทีละก้าว การต่อสู้ครั้งนี้เขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ ต่อให้เป็นชายร่างกำยำวิญญาณหยินก็ยังถูกชายชราครึ่งก้าวก่อนระดับสูงสุดผนึกเอาไว้อย่างน่าเหลือเชื่อ
ซูหมิงถอนหายใจ
“ขั้นพลังแข็งแกร่ง ก็จะเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็ก…”
“ขั้นพลังแข็งแกร่ง จิตใจอันแน่วแน่จะเป็นทุกสิ่ง…”
“ขั้นพลังแข็งแกร่ง จะแย่งชิงของคนอื่นได้ตามใจชอบ…”
“ขั้นพลังแข็งแกร่ง จะตัดสินความเป็นตายของคนอื่นได้…”
“ถ้าเป็นเช่นนั้น หากข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า ข้าก็จะเป็นปลาใหญ่กินปลาเล็กอย่างเจ้า จิตใจอันแน่วแน่ของข้าจะอยู่เหนือจิตวิญญาณของเจ้า และข้าจะตัดสินความเป็นตายของเจ้าได้….” ซูหมิงมองชายชราที่กำลังเดินเข้ามา
“ไม่ผิด หากเจ้าเป็นเชมันระดับสูงสุด อย่าว่าแต่เอาหินสีแดงก้อนนี้เลย ต่อให้ยิ่งใหญ่กว่านั้นเจ้าก็เอาไปได้ตามใจชอบ” ชายชราวิหารเทพเชมันเดินมาทีละก้าว ขณะที่กล่าวด้วยความเย็นชา เขาอยู่ห่างจากซูหมิงไม่กี่สิบจั้ง ยามแค่นเสียงหึก็สะบัดแขนเสื้อ ยกมือขวาคว้าอากาศไปทางซูหมิง!
“ละครครั้งนี้จบแล้ว!”
“มันจบแล้ว…..เจ้อหลงเซิน…..” ซูหมิงมองตราสัญลักษณ์ตรงมือซ้าย สัญลักษณ์นี้ดูไม่เหมือนของวิญญาณหยิน มันดูเลือนรางมากนัก แต่เขารู้สึกได้ว่ามันยังอยู่
ตอนที่กล่าวคำว่าเจ้อหลงเซิน มือใหญ่ของชายชราที่คว้าอากาศมาอยู่ห่างจากซูหมิงไม่ถึงสามจั้ง ทว่าทันใดนั้น มวลอากาศตรงหน้าซูหมิงบิดเบี้ยว มีหนึ่งนิ้วมือยื่นออกมาอย่างกะทันหัน ก่อนกดไปยังกลางมือของชายชราจากวิหารเทพเชมัน
นิ้วนี้ทำให้ชายชราวิหารเทพเชมันร้องโหยหวน ทั้งแขนขวาพลันกลายเป็นเศษเนื้อ ร่างกระเด็นถอยไปอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีสีหน้าตื่นกลัวและเหลือเชื่อ
ขณะเดียวกัน มีเสียงมังกรคำรามด้วยความโกรธแค้นดังมาจากตัวหวั่นชิวแห่งเผ่าทะเลใบไม้ร่วงที่อยู่ไกลออกไป
เสียงคำรามมังกรนี้แม้แต่หวั่นชิวยังตะลึงงัน สัญลักษณ์มังกรบนแขนขวานางเปล่งแสงสีแดงสว่างจ้า มังกรสีแดงฉานใหญ่ยักษ์ปรากฏตัวขึ้น มันส่งเสียงคำราม หลังจากปรากฏตัวแล้วก็พุ่งศีรษะไปอยู่ใต้เท้าของซูหมิง!
ซูหมิงในตอนนี้ดุจยืนอยู่บนตัวมังกรแดงฉาน เส้นยาวผมปลิวไสว เสื้อคลุมดำทั้งตัว ไม่อาจมีผู้ใดมาเทียบเทียม!