ตอนที่ 465 หก เจ็ด!
ไขกระดูกทะเลหยดนั้นราวระเบิดในตัวซูหมิง กลายเป็นธารร้อนประดุจหินหนืดไหลอยู่ในร่างกาย และก่อขึ้นเป็นพลังแกร่งกล้าเชื่อมเข้าสู่กระดูกหมานห้าชิ้น หลังจากถูกกระดูกหมานสูบไปด้วยความเร็วแล้วก็กระจายสู่ข้างนอกอีกครั้ง!
การกระจายออกครั้งนี้ดุจดั่งแม่น้ำยาวกลายเป็นลำธารนับพันนับร้อยสาย ขยายไปทุกจุดของร่างกายในพริบตา ทำให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกว่ามีแรงในกายโดยไร้ขีดจำกัด
พลังของไขกระดูกทะเลนี้ทำให้นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ขณะทะยานไปข้างหน้าก็ใช้ความเร็วสูงสุด
เขาไม่ต้องใช้อภินิหารอื่นๆ แล้ว เกราะแม่ทัพเทพ ระฆังเขาหาน ร่างกายเขา และยังมีกระบี่ใหญ่สีดำตรงหน้า สิ่งเหล่านี้คืออาวุธที่ดีที่สุด!
ขอแค่มีพลังในการทะลวงปานลูกศร เช่นนั้นก็จะ…ไม่มีสิ่งใดขวางได้!
เสียงอึกทึกดังอยู่ตลอดทาง มารกระดูกที่ขวางอยู่ตรงหน้าซูหมิงถูกบุกทะลวงอย่างบ้าคลั่งจนกระเด็นถอยไป ร่างแหลกสลาย ยังไม่ทันฟื้นตัวกลับมาซูหมิงก็กระโดดข้ามไป ส่วนสัตว์หมอกเหล่านั้นก็ร้องโหยหวนเช่นกัน ร่างกายเน่าเปื่อยและแตกกระจายออกรอบๆ
ยังมีเงาสีขาวสะอื้นไห้ พวกมันล้วนกรีดร้อง ขณะซูหมิงใช้ความเร็วสูง พวกมันก็ยังพุ่งเข้ามา ทว่ากลับสลายเป็นควันท่ามกลางเสียงระเบิดโครมคราม จากนั้นซูหมิงใช้ความเร็วสูงสุดทะยานไกลออกไปหลายร้อยจั้งในพริบตา
ระยะหลายร้อยจั้งเขาใช้เวลาเพียงลมหายใจเดียว หนึ่งลมหายใจนี้ก็คือพลังทั้งหมดของไขกระดูกทะเล ตอนนี้หลังทะลักออกมาแล้ว ใบหน้าก็ขาวซีด มีโลหิตไหลจากมุมปาก ระฆังเขาหานเล็กลงมาก เกราะแม่ทัพเทพแตกเสียหายมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าการบุกทะลวงเมื่อครู่นี้สร้างภาระให้กับเขาไม่น้อย
วิญญาณแรกอยู่ตรงศีรษะ ตอนนี้นัยน์ตาขยับวูบวาบ ควบคุมกระบี่เล็กแสงดำให้บินฉวัดเฉวียนอยู่รอบตัว
ภายในเส้นทางของร่างจู๋จิ่วอินตรงหน้ายังคงมีสัตว์ดุร้ายอยู่กันแน่นขนัด และมองไม่เห็นสุดปลาย พวกมันกำเนิดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ราวกับไม่มีขีดจำกัด
สิ่งนี้อาจทำให้คนเสียสติและเกิดความรู้สึกว่าไม่อาจบุกทะลวงผ่านไปได้
ซูหมิงหอบหายใจหลายครั้ง ก่อนหยิบขวดเล็กไขกระดูกทะเลออกมาดื่มอีกหยด ทันใดนั้นเขารู้สึกเหมือนร่างกายจะระเบิดออก เส้นเลือดดำปูดโปนบนใบหน้า ร่างกายยังพองบวมขึ้นมาก ทว่าภายนอกยังดูเป็นปกติ ราวกับว่ามันเป็นเพียงภาพหลอนเท่านั้น
ซูหมิงเปล่งเสียงคำรามต่ำ ดวงตามีเส้นมีเลือดฝอย ก้าวยาวบุกทะลวงไปข้างหน้าอีกหลายร้อยจั้งอีกครั้ง สัตว์ร้ายที่ขวางทางอยู่ล้วนสลายไป
แต่เมื่อไขกระดูกทะเลในตัวหมดไป เขาก็กระอักเลือดมาหนึ่งกอง ระฆังเขาหานย่อกลับเข้ามา เกราะแม่ทัพเทพเสียหายอย่างหนัก ใบหน้าเขาซีดขาว ทว่าแววตายังแน่วแน่
“ยิ่งเจ้าใช้ศพของเจ้าสร้างสัตว์พวกนี้มาขวางข้ามากเท่าไร มันก็ยิ่งอธิบายได้ว่าจิตที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเจ้ากำลังกลัวข้าจะตามไปทัน! เมื่อเป็นเช่นนั้น สภาพเจ้าตอนนี้คงจะอ่อนแอมาก อ่อนแอจนถึงขั้น…แค่ถูกกระแทกทีเดียวก็สลายหายไป…” ซูหมิงหอบหายใจพลางยิ้มกล่าว เขารู้ว่าในร่างของจู๋จิ่วอินตนนี้ จิตที่เหลืออยู่ของอีกฝ่ายจะต้องได้ยินคำพูดของตนอย่างแน่นอน
โดยรอบไม่มีเสียงชราตอบรับ มีเพียงสัตว์ร้ายเหล่านั้นที่ดูคลุ้มคลั่งมากขึ้น และกระโจนเข้าใส่ซูหมิงไม่หยุด
นัยน์ตาซูหมิงฉายแววจิตสังหาร ขณะพุ่งทะยานก็กินไขกระดูกทะเลหยดที่สามลงไป ช่วงที่มีความรู้สึกว่าร่างกายจะระเบิดอีกครั้ง ซูหมิงร้องคำรามแล้วบุกทะลวงเข้าไปหลายร้องจั้งอีกรอบ
ขณะบุกทะลวงตรงไปมีเสียงเปรี๊ยะๆ ดังขึ้น เสียงนี้ดังมาจากกระดูกหมานห้าชิ้น ตอนที่เกิดเสียงนี้ กระดูกหมานชิ้นที่เจ็ดของซูหมิงเปล่งแสงสีทอง
เพียงแต่แสงสีทองจากกระดูกหมานชิ้นที่เจ็ดยังอ่อนอยู่ ไม่อาจเทียบกับกระดูกหมานห้าชิ้น แต่ก็เปล่งแสงทองจริงๆ เมื่อแสงนี้ปรากฏ พลังของซูหมิงเพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย คล้ายข้ามผ่านขีดของกระดูกหมานห้าชิ้นในชั่วพริบตา
นัยน์ตาซูหมิงเพ่งสมาธิ ก่อนดื่มไขกระดูกทะเลและใช้พลังทั้งหมดก็ยังรู้สึกว่ายังมีพลังเหลืออยู่ ตอนนั้นเขาเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายจำนวนมาก จึงไม่มีเวลาขบคิดอย่างถี่ถ้วน จนเมื่อดื่มไขกระดูกทะเลสามหยด ความรู้สึกว่ายังมีพลังเหลืออยู่ถึงเพิ่มขึ้นมาทุกครั้งทีละนิด
จนถึงตอนนี้ ความรู้สึกที่ว่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้กระดูกหมานชิ้นที่เจ็ดเปล่งแสงทอง นั่นก็หมายความว่ากระดูกหมานชิ้นนี้กำลังจะตื่นขึ้นแล้ว
หลังจากสั่งสมเพื่อรอปลดปล่อยอยู่นาน ภายใต้แรงกดดันของที่นี่และแรงกระตุ้นของไขกระดูกทะเล สุดท้ายขั้นพลังของซูหมิงก็ทะยานขึ้นขณะต่อสู้!
แสงจากกระดูกหมานชิ้นที่เจ็ดค่อยๆ เปล่งแสงอ่อนจาง แม้ยังไม่อาจเทียบกับกระดูกหมานห้าชิ้น ทว่าดูทรงแล้ว เหมือนแค่กระตุ้นเพียงครั้งเดียวก็จะทำให้มันปะทุออกมาอย่างสมบูรณ์ได้
ซูหมิงพลันหยิบขวดไขกระดูกทะเลออกมาดื่มไปอีกหนึ่งหยด ดวงตาเขาเป็นสีแดงฉาน เส้นผมเคลื่อนไหวเองแม้ไร้ลม และมีเสียงระเบิดดังมาจากในร่างกาย อีกทั้งยังมีแสงสีทองวาบผ่านมาจากส่วนกระดูกสันหลัง
ไขกระดูกทะเลเหมือนเดือดพล่านในตัวซูหมิง
ครั้งนี้มันหลั่งทะลักเข้าไปในกระดูกหมานอย่างเดียว ไม่ได้แผ่กระจายสู่ข้างนอก เมื่อกระดูกหมานชิ้นที่เจ็ดสูบไปจนหมดในรวดเดียวแล้ว มันก็เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าเหมือนกับกระดูกหมานอีกห้าชิ้นที่เหลือ
กระดูกหมานหกชิ้นทำให้พลังของซูหมิงพลันเพิ่มขึ้นมาก เส้นเลือดดำปูดโปนบนตัว ขณะเขาเปล่งเสียงคำรามก็สาวเท้ายาวชกหมัดไปข้างหน้าอย่างหนักหน่วง
กระดูกหมานหกชิ้นโคจรพลังทั้งหมดแล้วส่งพลังไปยังแขนขวา เมื่อชกหมัดออกไปก็เกิดระลอกคลื่นแผ่กระจายสู่ด้านหน้า สัตวร้ายตรงหน้าล้วนกระเด็นถอยทันที ทั้งยังมีหลายตัวร่างระเบิดกระจุย
ซูหมิงหอบหายใจ กลายเป็นสายรุ้งยาวตรงไปข้างหน้า ทว่าหลังจากห้อเหยียดมาหลายร้อยจั้งแล้ว บนผนังเนื้อศพจู๋จิ่วอินตรงหน้าพลันปรากฏใบหน้าสัตว์ร้ายนูนออกมาจำนวนมาก แล้วหลุดมาเป็นสัตว์หมอก ขณะเดียวกันก็มีหนามกระดูกแทงขึ้นจากผืนดิน กลายเป็นมารกระดูกนับไม่ถ้วน…
ราวกับว่าไร้ที่สิ้นสุด ซูหมิงจ้องส่วนลึกในเส้นทางของร่างจู๋จิ่วอิน ขณะมองตรงนั้นก็มีสีหน้าเด็ดขาด ใต้เสื้อด้านหลังเขามีกระดูกหมานชิ้นหนึ่งนูนออกมา ปกติกระดูกหมานชิ้นนี้จะซ่อนอยู่ใต้เสื้อผ้า คนนอกมองไม่เห็น มีเพียงซูหมิงคนเดียวที่รู้สึกถึงได้
จุดที่มันอยู่คือกระดูกหมานชิ้นที่หก ตอนนี้ซูหมิงมองเข้าไปใน และเห็นอย่างชัดเจนว่าหลังจากกระดูกหมานห้าชิ้นเปล่งแสงสีทองแล้ว กระดูกหมานชิ้นที่หกยังดำมืดอยู่ ส่วนกระดูกชิ้นที่เจ็ดกลับเปล่งแสงทองวิบวับ พอเป็นเช่นนั้น มันเลยดูไม่สมบูรณ์
อีกทั้งบริเวณนั้นยังมีความรู้สึกชาๆ เป็นบางครั้ง ราวกับมีสายฟ้าไหลเวียนอยู่ข้างใน ตอนนั้นซูหมิงอยู่บนธารน้ำแข็ง เขาใช้ไอหนาวแช่แข็งร่างกายเอาไว้ แล้วเปิดกระดูกสันหลังเพื่อฝังผลึกผู้สืบทอดหมานอัสนีครึ่งหนึ่งในกระดูกชิ้นนี้!
ตอนนั้นตรงธารน้ำแข็ง เขาเพียงแค่ผสานกับผลึกหมานวายุเท่านั้น ส่วนผลึกหมานอัสนี จนถึงตอนนี้ยังไม่มีโอกาสหลอมรวมมัน ถึงอย่างไรการผสานผลึกหมานวายุ ซูหมิงก็ต้องใช้จิตใจและกำลังอย่างหนัก
ยามนี้ ผลึกหมานวายุละลายเข้ากับกระดูกหมานชิ้นที่ห้าของซูหมิงแล้ว ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะรอให้จิตใจสงบก่อนค่อยหลอมรวมกับผลึกหมานอัสนี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วนเหล่านั้น ชั่วขณะที่พวกมันเพิ่งกระโจนเข้ามา เขาจึงค่อยกัดฟันยกมือขวาขึ้น แล้วตบไปยังกระดูกหมานชิ้นที่หกที่นูนออกมาอย่างแรง
ซูหมิงตัวสั่นอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกัน ผลึกหมานอัสนีครึ่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในกระดูกหมานชิ้นที่หกพลันแทงลึกเข้าไปในกระดูกสันหลัง
สายฟ้ารุนแรงพลันระเบิดออกมาจากกระดูกสันหลังของซูหมิง ก่อนพุ่งขึ้นด้านบนและเชื่อมลงมาถึงเท้า ท่ามกลางเสียงโครมครามดังกังวาน สายฟ้าจำนวนมากปรากฏขึ้นล้อมซูหมิงเอาไว้ จากนั้นของวิเศษประจำตัวขั้นชำระล้างในร่างมีสายฟ้าไหลเวียนไปยังกระดูกหมานชิ้นที่หกอย่างบ้าคลั่ง ก่อนผสานเข้าด้วยกันในชั่วพริบตา
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วร่าง เขามีสีหน้าเจ็บปวดและร้องคำราม ขณะเดียวกันผลึกหมานอัสนีก็ฝืนผสานรวมกับกระดูกหมานด้วยวิธีที่สุดโต่งอย่างยิ่งนี้
แสงสายฟ้าขยับวูบวาบ ทั้งยังมีเสียงสายฟ้าฟาดดังสนั่น
ทันใดนั้นกระดูกหมานชิ้นที่หกก็ค่อยๆ เปล่งแสงสีทอง กระดูกหมานเจ็ดชิ้นบนกระดูกสันหลังเชื่อมเข้าด้วยกัน จากนั้นซูหมิงเงยหน้าขึ้นแล้วบุกทะลวงตรงไป
แทบจะเป็นวินาทีที่ซูหมิงฝืนผสานรวมกับผลึกผู้สืบทอดหมานอัสนี นอกโลกเก้าหยิน นอกแผ่นดินเผ่าเชมัน บนทะเลสีดำอันกว้างไกล มีแผ่นดินใหญ่ไร้พรมแดนกำลังมุ่งหน้าเข้ามายังแดนอรุณใต้ด้วยความเร็วสูง ความเร็วของมันทำให้เกิดลูกคลื่นยักษ์ และยังมีเสียงดังสนั่นก้องกังวานทุกสารทิศอยู่ตลอด
บนแผ่นดินใหญ่มีภูเขาลูกหนึ่ง ภูเขาลูกนี้มีสายฟ้าเก้าสายผ่าลงมาติดต่อกันไม่รู้กี่ปีมาแล้ว ทำให้มันโอบล้อมด้วยสายฟ้าตลอดทั้งปี
ยามนี้บนยอดเขามีชายชราผมแดงฉานนั่งขัดสมาธิอยู่ผู้หนึ่ง ชายชราคนนี้มีจมูกเหมือนนกอินทรี ใบหน้าตึงเครียด เขาพลันลืมตาขึ้น แววตาเย็นชาแฝงไว้ด้วยความแค้นและจิตสังหาร ทั้งยังมีความกลัวอยู่เล็กน้อย
เขาก็คือ ‘ชื่อเหลยเทียน’ แห่งแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพา! ผู้สืบทอดหมานอัสนีที่แท้จริง เพียงแต่ในตัวเขาตอนนี้เหลือผลึกผู้สืบทอดหมานอัสนีเพียงครึ่งเดียว ครึ่งก้อนที่เหลืออยู่ก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาโกรธแค้นและคลุ้มคลั่งเช่นนี้