Skip to content

สู่วิถีอสุรา 474

ตอนที่ 474 เหมือนกันหรือ?

ซูหมิงผู้มีแววตาเฉยชาค่อยๆ บินอยู่บนท้องฟ้า เขาไม่มองผืนดิน ทว่าทุกจุดที่ผ่าน วิญญาณอมตะทุกตนบนพื้นจะตัวสั่น ถูกเขากดและคว้ามือตามแต่ใจนึก ก่อนระเบิดกลายเป็นเงาหมอกขาวนับไม่ถ้วนตามเขาไป

เขาในตอนนี้เหมือนกับชายชราเสื้อคลุมขาวตอนนั้นทุกประการ

เป็นเช่นนี้ไปนานมากนัก หนึ่งปี สองปี สามปี…สิบปี สามสิบปี ห้าสิบปี…หนึ่งร้อยปี…บางทีอาจนานกว่านั้น

ซูหมิงไม่ตายอีกแล้ว เขาตายเพียงสองครั้ง หลังจากฟื้นคืนชีพครั้งที่สองก็เดินทางตามเสียงสัญญาณตลอด และกินหมอกขาวนับไม่ถ้วนบนโลกกว้างใหญ่นี้

ความแข็งแกร่งทำให้เขาเฉยชามากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าสับสนและเหนื่อยล้าหายไป มีเพียงความสงบนิ่ง หากแต่ความสงบนี้มิใช่ที่จิตใจ แต่มาจากความเฉยชาที่ภายนอก

เขาไม่รู้ว่าตนกินวิญญาณอมตะไปมากเท่าไร ในกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ เขาไม่เคยหยุดแม้ครู่เดียว เขาเดินทางและกลืนกินตลอด ส่วนวิญญาณที่เหมือนกับชายร่างกำยำผมแดงนั่น เขากินไปมากกว่าเก้าตนแล้ว

ทุกครั้งที่กินวิญญาณอมตะเช่นนี้จะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น การกดและคว้าเหมือนจะกลายเป็นสัญชาตญาณของเขาไปแล้ว

จนกระทั่งวันหนึ่ง ซูหมิงเห็นภูเขาลูกหนึ่งตรงหน้า มันเป็นยอดเขายักษ์สูงเสียดเมฆ นอกยอดเขามีรูปปั้นมังกรงูใหญ่ยักษ์นอนขดอยู่ ศีรษะมันยกขึ้นเหมือนมองผืนดินจากที่สูง

เสียงแตรสัญญาณดังแว่วมาจากในรูปปั้นกับยอดเขานั้น และกระจายออกโดยรอบ ช่วงที่เห็นรูปปั้นกับยอดเขา ในจิตใจที่เฉยชาของซูหมิงรู้สึกถึงการร้องเรียกอย่างแรงกล้า

“วิญญาณนักรบอมตะ…กลับมา…” เสียงแก่ชราดังก้องในใจซูหมิง เสียงนั้นปานมาจากอดีตอันไกลโพ้น เมื่อเข้าถึงจิตใจก็ทำให้เขาตัวสั่น

ซูหมิงค่อยๆ เดินหน้าไปด้วยแววตาตายด้าน จนกระทั่งมาอยู่ใต้ยอดเขา เขากระโดดขึ้นมาอยู่บนตัวมังกรงูยักษ์

ในใจซูหมิงมีการชี้นำบางอย่างกำลังร้องเรียกให้เขามาอยู่บนเกล็ดตัวมังกรงู และนั่งขัดสมาธิลงตรงนี้เพื่อรอการกลับมาของวิญญาณนักรบอมตะ…

ซูหมิงเดินอยู่บนเกล็ดยักษ์ของมังกรงู และเดินหน้าต่อไป เมื่อทอดสายตามองจะเห็นเกล็ดมังกรงูตัวนี้หนาแน่น มีมากกว่าหลายแสนชิ้น ซูหมิงนั่งอยู่บนเกล็ดหนึ่งในนั้น มองไปข้างหน้าด้วยสีหน้าแข็งทื่อ

ราวกับว่าตรงนี้คือตำแหน่งของเขา คือปลายทางของเขาในที่แห่งนี้ เสียงสัญญาณบนท้องฟ้า ยามนี้ดังข้างหูอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น เสียงนี้ค่อยๆ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกง่วงนอน ดวงตาปิดลงทีละน้อย ความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจบรรยายแผ่ปกคลุมปานน้ำหลาก

ทว่าตอนที่กำลังจะหลับตาสนิท เขาก้มหน้าลง หางตาเหลือบไปมองเกล็ดด้านล่างที่ตนนั่งอยู่ บนจุดที่ไม่ไกลนักมีแถวตัวอักษรเขียนด้วยมือแบบลวกๆ…

“ข้าคือซูหมิง….”

บนเกล็ดมีสี่คำนี้อยู่…..

ทันใดนั้น แววตาเฉยชาชะงัก จากนั้นก็หรี่ม่านตาลง เขาดูตะลึงงันอย่างชัดเจน สี่คำนี้ราวกับขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า และกลายเป็นเสียงดังสนั่นในความคิด

เขาแทบจะยืนขึ้นในทันใด จ้องตัวอักษรแถวนั้นเขม็ง ลมหายใจกระชั้นถี่ ประหนึ่งเกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจ ตัวอักษรเหล่านี้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก เหมือนกับว่า…เขาเป็นคนเขียนมันเอง!

ขณะซูหมิงตื่นตะลึง พลันมีเสียงแก่ชราดังก้องฟ้าดินอีกครั้ง

“วิญญาณนักรบอมตะ…กลับมา…” ขณะเดียวกัน เกล็ดใต้เท้าซูหมิงพลันปล่อยแรงดึงดูดมหาศาล ทำให้เขาไม่อาจต่อต้านได้เลย ราวกับว่าความแข็งแกร่งของเขามาจากรูปปั้นนี้ อีกฝ่ายมอบพลังให้เขาได้ ก็เอาคืนได้ทุกเมื่อเช่นกัน

ท่ามกลางการปะทุของแรงฉุดดึง ร่างซูหมิงพลันขมุกขมัว หมอกขาวจำนวนมากลอยออกมาจากตัวเขาอย่างบ้าคลั่ง ก่อนถูกเกล็ดใต้เท้าสูบไปอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกอ่อนแอแผ่ซ่านในใจซูหมิง สายตาพร่ามัว ทว่าขณะนั้นเอง มีเสียงดังลั่นในความคิดเขา ประหนึ่งมีสายฟ้าแล่นผ่านความคิด ทำให้เขาพลันนึกออก!

เขานึกออกว่าที่นี่คือที่ใด เขานึกออกว่าเหตุใดถึงมาอยู่นี่ เขานึกออกว่าตัวเองเป็นใคร นึกถึงงูน้อย นึกถึงจู๋จิ่วอิน นึกออกถึงทุกอย่าง

และเขายังนึกออกว่ามีคำสาปและคำพูดของจู๋จิ่วอินด้วย

“หากเจ้าทุกข์ทรมาน ข้าก็จะกลืนกินจนฟื้นคืนชีพสำเร็จ หากเจ้าตื่น ข้าจะยอมถูกเผ่าเดียวกันกลืนกิน และอวยพรให้มันเกิดใหม่!”

“ข้าจะไม่ทุกข์ทรมาน ไม่มีวัน! ข้าไม่ใช่วิญญาณนักรบอมตะ ข้าคือ…ซูหมิง!”

ซูหมิงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า สองเท้าเขาหายไปแล้ว ร่างมากกว่าครึ่งโปร่งใสอย่างรวดเร็ว

วินาทีที่เขากำลังจะถูกรูปปั้นมังกรงูสูบไปจนหมดนั้น เขาพลันก้มหน้าลง ใช้นิ้วชี้มือขวาที่เหลืออยู่ ออกแรงทั้งหมดเท่าที่มีเหลือเขียนเป็นตัวอักษรแถวหนึ่งบนเกล็ด!

“นี่คือโลกอมตะของจู๋จิ่วอิน…” ตัวอักษรนี้เขียนไว้อย่างลวกๆ ด้านหลังคำว่า ‘ข้าคือซูหมิง’ ก่อนที่ร่างเขาจะหายไป

ชั่วเวลาที่กำลังจะเขียนเสร็จ คำสุดท้ายยังเขียนได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น มือขวาเขาก็กลายเป็นหมอกไปแล้ว รวมถึงทุกอย่างของร่างกาย ยามนี้กลายเป็นหมอกทั้งหมดและถูกเกล็ดแผ่นนั้นสูบจนเกลี้ยง

ซูหมิงตายและหายไป

เมื่อเขาตายลง ยอดเขานี้กลับมาสงบอีกครั้ง รูปปั้นมังกรงูยังคงนอนขดอยู่นอกยอดเขา แน่นิ่งปานศพก็ไม่ปาน

เพียงแต่ว่าเกล็ดหลายแสนบนตัวมัน ยามนี้หากเดินอยู่ด้านบนและมองดีๆ จะเห็นว่าบนเกล็ดมากกว่าแสนนั้นมีตัวอักษรเหมือนกันอยู่…

“ข้าคือซูหมิง…”

“ข้าคือซูหมิง…”

“ข้าคือซูหมิง ที่นี่คือโลกอมตะของ…”

“จู๋จิ่วอิน”

“ข้าคือซูหมิง ข้าต้องตื่นขึ้น ต้องไม่ทรมาน….”

“ข้าคือซูหมิง หนอนงูตกอยู่ในอันตราย ข้าต้องตื่นถึงจะช่วยมันได้…”

“ข้าคือซูหมิง มาจากเผ่าหมาน…”

“ข้าคือซูหมิง ฟ้ากับดิน น้ำแข็งกับไฟ…”

“ข้าคือซูหมิง อย่ากินวิญญาณอมตะ อย่ากินเด็ดขาด…”

“หากกินแม้เพียงตนเดียว ก็จะไม่มีทาง…”

ตัวอักษรเหล่านี้อยู่บนเกล็ดมากกว่าแสนชิ้น ในนั้นส่วนใหญ่มีแต่คำว่าข้าคือซูหมิงอยู่ มีบางเกล็ดถึงจะมีอักษรสองแถว หากมองดีๆ จะพบว่าตัวอักษรสองแถวนี้ใช้เวลาเขียนต่างกันอย่างชัดเจน…

สิ่งเหล่านี้ซูหมิงเป็นคนเขียน! เขาไม่ได้ตายมาแล้วแค่สองครั้ง นี่เป็นเพียงสิ่งที่อยู่ในความทรงจำเขา แท้จริงแล้ว ภูเขาลูกนี้ รูปปั้นนี้ เขามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว…

ทุกครั้งที่มาถึง ช่วงสุดท้ายที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นหมอกและถูกเกล็ดสูบไป จะทำให้เขานึกออกทุกสิ่ง เขาไม่มีวิธีต่อต้าน จึงได้แต่เพียงใช้วิธีโง่เขลาเช่นนี้มาบอกกับตัวเองในครั้งหน้าว่า ที่นี่คือที่ใด ภารกิจของตนคืออะไร ตนต้องทำอะไร และห้ามทุกข์ทรมาน!

นี่เป็นวิธีที่โง่เขลาอย่างยิ่ง และก็เป็นวิธีที่น่าสงสาร ทว่าขณะเดียวกัน จากบนเกล็ดมากกว่าแสนชิ้น จะเห็นได้ถึงความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ของซูหมิง เห็นได้ถึงความยึดมั่น…และบ้าบิ่น!

นี่คือโลกอมตะของ…จู๋จิ่วอิน!

แผ่นดินกว้างใหญ่ ไม่มีแสงตะวันเด่นชัด เส้นแสงโดยรอบมีอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่สว่าง ไม่มืดสลัว แผ่นดินสีขาวมีหมอกขาวลอยขึ้นมา รวมเป็นเงาคนขมุกขมัวจำนวนมากอย่างช้าๆ

ในนั้นมีร่างเงาคนหนึ่งลืมตาขึ้น แววตาเป็นสีเทาดูสับสน เขาคือซูหมิง…

เวลาผ่านไป เขาเดินไปตามเสียงสัญญาณอีกครั้งพร้อมวิญญาณอมตะข้างกาย หลังจากตายมาหลายครั้ง ในที่สุดครั้งสุดท้ายนี้เขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มวิญญาณอมตะ

เขาเดินไปทีละก้าว กลืนกินไปเรื่อยๆ จนแข็งแกร่งขึ้น จนมีพลังแข็งแกร่ง เรียนรู้ทักษะการต่อสู้อย่างเช่นการกดและคว้า เร็วและช้า สงบนิ่งและเคลื่อนไหวเหล่านี้ หลังจากเดินทางต่อไป กินวิญญาณอมตะจนแกร่งและรู้สึกสบายแล้ว จากดวงตาสีเทาก็กลายเป็นวาววับและนึกชื่อตัวเองออก

ทว่าสุดท้ายก็ยังสงบนิ่งและเฉยชา ก่อนจะมาถึงจุดของสัญญาณอีกครั้ง

ซูหมิงมาอยู่บนเกล็ดบนรูปปั้นมังกรงูบนยอดเขา ช่วงที่ร่างเขากำลังจะหายไปก็พลันนึกทุกอย่างออก และเขียนประโยคบอกตัวเองในครั้งต่อไปว่าอย่าสิ้นหวัง….

บางทีประโยคนี้ ตัวเขาในครั้งต่อไปอาจไม่เห็น เพราะเกล็ดที่นี่มีเยอะเกินไปจริงๆ

แต่ว่านี่ก็เป็นความหวัง เป็นความหวังสุดท้ายที่เขานึกออก…..เขาจะไม่ยอมทรมาน เขาต้องต่อต้าน!

เวลาผ่านไป ซูหมิงตายและเกิดใหม่อีกหลายครั้ง มาถึงรูปปั้นมังกรงูและเขียนตัวอักษรเอาไว้หลายคราว บนเกล็ดหลายแสนของมังกรงู ส่วนใหญ่จะเขียนตัวอักษรของเขาเอาไว้หลังมาถึง

ในนั้นก็มีส่วนใหญ่ที่เขียนไว้เป็นสองแถว มีบางเกล็ดเขียนไว้สามแถว มีน้อยมากที่มีสี่แถว และมีไม่ถึงสามสิบเกล็ดที่มีห้าแถว…

“ข้าคือซูหมิง…”

“ที่นี่คือโลกอมตะของจู๋จิ่วอิน…”

“หนอนงูกำลังมีอันตราย ข้าต้องตื่นถึงจะช่วยมันได้…”

“ตระหนักรู้ถึงฟ้าดิน น้ำแข็งกับไฟ หาสองด้านตรงข้ามของตัวเองให้ได้ นี่คือวิธีออกจากที่นี่เพียงหนึ่งเดียว….”

“อย่ากินวิญญาณอมตะ แม้แต่ตัวเดียวก็อย่า…อย่า อย่ากินเด็ดขาด……”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!