ตอนที่ 485 เผ่าชะตาชีวิต 1
นอกหุบเขาที่มีเผ่าเชมันอาศัยเกือบพันคน ยามนี้เมฆดำแน่นขนัดเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ จะเห็นได้ว่าเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่มีสองปีกบนหลังหลายร้อยตัวนี้ล้วนมีสีหน้าดุร้าย เผยเขี้ยวคมกริบ นัยน์ตาเปล่งแสงสีแดงชั่วร้าย
ชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์นี้มีลักษณะน่ากลัวยิ่งนัก ทั้งตัวเป็นสีดำทึบไม่ว่า ตัวมันยังใหญ่กว่าชาวเผ่าเชมันธรรมดาถึงสามเท่า ดูแล้วเกือบสองจั้ง แขนหนากำยำ ราวกับมีแรงพอจะฉีกคนทั้งเป็น
พวกมันไม่สวมอาภรณ์ แต่มีขนขึ้นปกคลุมแน่นขนัดจนเหมือนเสื้อผ้า ในมือพวกมันแทบทุกตัวถือดาบโค้ง ดาบนี้มีสีแดงฉานปานย้อมด้วยโลหิต
เสียงคำรามดังกังวาน ภายใต้แสงจันทร์ส่องสะท้อน กลุ่มเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์นี้เข้ามาใกล้หุบเขาด้วยความดุร้าย
“ผู้อาวุโสเถี่ยมู่เป็นอย่างไรบ้าง?” บนแท่นหินเปิดในหุบเขา หนานกงเหินที่มีเส้นผมขาวอยู่ปลายๆ มองค้างคาวศักดิ์สิทธิ์บนท้องฟ้าพลางกล่าวอย่างหนักแน่น
“ผู้อาวุโสเถี่ยมู่ยังหลับอยู่…ไม่มีเค้าลางจะตื่นเลย ครั้งก่อนเขาบาดเจ็บสาหัสเกินไป พวกเราก็ไม่มียาพอด้วย เกรงว่าต่อให้ตื่นขึ้นมา ระดับพลังคงร่วงหล่นไปเยอะ” หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง หนึ่งในสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหนานกงเหินก็กล่าวเสียงเบา
“เช่นนั้นผู้อาวุโสเฮยหยา?” หนานกงเหินลอบถอนหายใจ แล้วกล่าวต่อ
“ครั้งก่อนส่งคนไปเชิญผู้อาวุโสเฮยหยามา ทว่าไม่รู้ว่าเพราเหตุใดถึงปิดด่านฝึกพลัง ไม่ยอมพบใครเลย ทั้งยังปิดถ้ำของตัวเอง…”
ขณะพวกเขากำลังคุยกัน เมฆดำบนท้องฟ้าหมุนตลบก่อนดิ่งลงมา ขณะเดียวกันมีเสียงคำรามด้วยความตื่นเต้นดังก้อง ชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดแปดตัวดิ่งลงมาจากท้องฟ้าสู่หุบเขา
ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดแปดตัวนี้รวดเร็วอย่างยิ่ง พริบตาเดียวก็เข้ามาใกล้ หนานกงเหินยืนจ้องอยู่อย่างนั้น นัยน์ตาฉายจิตสังหาร สิบกว่าคนด้านหลังเขาก็เช่นกัน ทั้งยังมีหลายคนกำหมัดแน่น สีหน้าเคียดแค้น ไม่เพียงแค่พวกเขา ยามนี้ชาวเผ่าเชมันที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาล้วนมองท้องฟ้า เหตุการณ์นี้ในความฝันพวกเขาคือฝันร้าย ส่วนในสายตากลับเป็นความจริงอันโหดร้าย
พริบตาเดียว ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดแปดตัวนั้นก็ห่างจากหุบเขาไม่ถึงยี่สิบจั้ง ทว่าหลังจากพวกมันพุ่งเข้ามาอีกสิบจั้งพร้อมกับเสียงคำรามด้วยความตื่นเต้นแล้วก็มีเสียงโครมครามดังกึกก้อง ก่อนปรากฏม่านแสงมายาขึ้นนอกหุบเขา ยามนี้ม่านแสงเกิดระลอกคลื่นอย่างรุนแรง และเข้าปะทะร่างค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดแปดตัวนั้น
พวกมันกลับไม่บาดเจ็บใดๆ เพียงถูกสะท้อนกลับไปสิบกว่าจั้ง
“เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ต่อสู้เหมือนกับครั้งก่อน พยายามจะล่อให้พวกเราออกไปต่อสู้กับพวกมันข้างนอก จากนั้นก็จะถูกล่าเป็นเหยื่อ
ร่างกายแข็งแกร่งเทียบเท่าจุดสูงสุดขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนกลาง ครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าตอนมาครั้งก่อนเล็กน้อย เดาว่าครั้งหน้าที่พวกมันมาอีก ร่างกายคงจะอยู่ระดับเซ่นไหว้กระดูกตอนปลายของเผ่าหมาน” หญิงชราซูบผอมคนหนึ่งในกลุ่มคนสิบกว่าคนด้านหลังหนานกงเหินกล่าวเสียงเบา นางมีใบหน้าเหี่ยวย่น ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
“เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์บุกมาในครั้งนี้ มีชาวเผ่าทั่วไปเพิ่มขึ้นมาอีกไม่น้อย เช่นนั้นชาวเผ่าหลักๆ ของพวกมันคงมีร่างกายแกร่งเทียบเท่าเซ่นไหว้กระดูกตอนปลายของเผ่าหมานก่อนแล้ว”
ช่วงที่หญิงชรากล่าว ม่านแสงหุบเขาที่สะท้อนค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เจ็ดแปดตัวพลันเปล่งแสงสว่างจ้า แสงเหล่านี้ตัดสลับกันสร้างเป็นตาข่ายใหญ่ แล้วตรงไปยังค้างคาวแปดตัวนั้น ราวกับจะคลุมพวกมันเอาไว้ข้างใน
ทว่าเมื่อตาข่ายเข้ามาใกล้ หนึ่งในค้างคาวศักดิ์สิทธิ์แปดตัวยกมือขวาวางตรงหน้าอกแล้วบริกรรมคาถาซับซ้อนยากจะเข้าใจ ขณะเสียงมนต์คาถาดังก้อง มวลอากาศด้านหลังค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เหมือนถูกฉีกออก ก่อนจะมีค้างคาวยักษ์สีโลหิตบินออกมา
ค้างคาวสีโลหิตนี้ใหญ่หลายจั้ง หลังจากพุ่งมาแล้วก็ตรงไปยังตาข่ายใหญ่ ทันทีที่ปะทะกัน ค้างคาวโลหิตพลันระเบิดกระจุยกลายเป็นแสงสีแดงหลายร้อยกลุ่ม พุ่งชนเข้าใส่ตาข่ายแสง ฟ้าดินส่งเสียงระเบิดดังกังวาน แสงหลายร้อยกลุ่มราวกับมีชีวิต พวกมันเวียนว่ายอยู่รอบๆ เหมือนวิญญาณสีแดงฉานหลายร้อยดวง
“อภินิหารก็แข็งแกร่งขึ้นมาก ต่างจากครั้งก่อนอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ชาวเผ่าธรรมดาของเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าเชมันระดับกลางแล้ว…
การต่อสู้ครั้งนี้…หากไม่มีอะไรผิดพลาด หากไม่ส่งเครื่องเซ่นไหว้ ขอแค่ม่านแสงนี้ยืดหยัดไหว เช่นนั้นพวกเราก็มีโอกาสชนะหกส่วน…ทว่าก็ต้องแลกกับชีวิตของชาวเผ่าสามร้อยถึงห้าร้อยคนให้กับม่านแสง” หญิงชรากล่าวเสียงเบา น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความเศร้าโศก
หนานกงเหินเงียบงัน ทุกคนด้านหลังยามนี้เงียบเช่นกัน
บนท้องฟ้า ภายในชั้นเมฆดำหมุนตลบที่กำลังลดระดับลงมา ร่างเงาสิบกว่าตัวพุ่งออกมารวมกับสหายร่วมเผ่าอีกแปดตัว จากนั้นก็ตรงไปยังม่านแสง
เสียงระเบิดดังสนั่น ม่านแสงขยับแสงวูบวาบอย่างรุนแรง ภายในหุบเขาด้านล่างมีอยู่จุดหนึ่งถูกขุดเอาไว้ พื้นดินตรงนั้นมีวงแหวนอาคมยักษ์ราวร้อยจั้งอยู่ บนวงแหวนอาคม เวลานี้มีชาวเผ่าเชมันนั่งขัดสมาธิอยู่สามสิบคน
ชาวเผ่าเหล่านี้ล้วนซูบผอม ใบหน้าซีดขาว พลังเชมันจากในตัวพวกเขาถูกวงแหวนอาคมสูบไปอย่างไม่ขาดสาย แล้วกลายเป็นต้นกำเนิดการหมุนโคจรวงแหวนอาคมข้างนอก
วงแหวนอาคมขยับวูบวาบอย่างต่อเนื่อง ความถี่ในการขยับแสงตรงกับอัตราความถี่ของวงแหวนอาคมที่ถูกโจมตีอยู่ข้างนอก หลังจากวงแหวนอาคมขยับแสงเด่นชัดยิ่งขึ้น ชาวเผ่าเชมันสามสิบกว่าคนตัวสั่น มีหลายคนกระอักโลหิต ตัวโงนเงน ก่อนมีคนจากโดยรอบเข้ามาพยุงเอาไว้ เพื่อจัดท่านั่งใหม่และโคจรวงแหวนอาคมต่อ
คนที่เข้ามาพยุงเหล่านี้พ่นลมหายใจอยู่ข้างๆ อย่างไม่ลังเล ฟื้นฟูพลังให้แม้เป็นเพียงเศษเสี้ยวก็ตาม
แต่ก็มีชาวเผ่าหลายคนที่ยังไม่ทันมีคนเข้ามาพยุง ก็ถูกวงแหวนอาคมสูบไม่หยุดจนร่างแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็วพร้อมกับรอยยิ้มปวดร้าว หลังจากเป็นโครงกระดูกแล้วก็กลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไป พลังชีวิตและกลิ่นอายพลังทั้งหมดกลายเป็นส่วนหนึ่งในการโคจรวงแหวนอาคม
บนท้องฟ้านอกหุบเขา เมื่อเวลาผ่านไปเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่เข้ามาโจมตีม่านแสงก็มีเกือบหนึ่งร้อยตัวแล้ว ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เกือบร้อยตัวนี้ส่งเสียงร้องพิลึกพร้อมกับโจมตี ยังผลให้ม่านแสงเกิดเสียงดังสนั่นปานไม่อาจรับไหว และพังทลายได้ทุกเมื่อ
“ท่าน พวกเราลงมือเถอะ! มีชาวเผ่าถูกวงแหวนอาคมสูบจนแห้งตายไปสิบหกคนแล้ว!” มีเสียงดังเข้ามาอย่างร้อนรนจากสิบกว่าคนด้านหลังหนานกงเหิน
หนานกงเหินเงียบงันแล้วส่ายศีรษะ ใบหน้ายังคงซีดขาว
เสียงโครมครามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ครู่ต่อมา ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่โจมตีม่านแสงมีมากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบตัวแล้ว เสียงคำรามของพวกมันทำให้จิตใจผู้คนสั่นไหว
“รอก่อน พวกเรามีโอกาสเดียว จะสิ้นเปลืองไม่ได้…” หนานกงเหินกัดฟัน พึมพำเบาๆ
“ท่าน ตอนนี้ชาวเผ่าสี่สิบสามคนถูกวงแหวนสูบจนตายแล้ว หากรอต่อไปจะมีคนตายมากขึ้นอีก”
หนานกงเหินมองเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่ยามนี้มีเกือบสองร้อย ทั้งยังมองเมฆดำบนท้องฟ้า ก่อนจะกัดฟัน
“เตรียมคันธนูมารให้พร้อม!” กล่าวจบพลันมีคนถอยไปอย่างรวดเร็ว สิบกว่าลมหายใจต่อมาก็มีชายร่างกำยำเดินออกมาจากถ้ำในหุบเขาเก้าคน
ชายร่างกำยำเก้าคนนี้ล้วนเป็นเชมันนักสู้ พวกเขายืนอยู่บนแท่นนอกถ้ำของตัวเอง เงยหน้ามองท้องฟ้า ในมือทุกคนถือคันธนูใหญ่สีดำ
คันธนูนี้มีความสูงมากกว่าคน อยู่ในมือของชายร่างกำยำทั้งเก้า พวกเขาใช้แรงทั้งหมดค่อยๆ ดึงมัน วินาทีที่ง้างสายธนู ด้านหลังทั้งเก้าคนมีผู้สื่อวิญญาณสามคน ผู้ดูดวิญญาณสามคน และจิตพยากรณ์สามคนแบ่งกันเดินออกมา
ผู้สื่อวิญญาณพึมพำเบาๆ พลังความตายเข้มข้นรวมขึ้นใต้หุบเขาในทันใด แล้วตรงไปยังเชมันนักสู้ทั้งเก้าคนที่กำลังง้างคันธนูมาร สร้างขึ้นเป็นลูกธนูเก้าดอก!
ผู้ดูดวิญญาณลืมตาขึ้น พลังพิลึกของผู้ดูดวิญญาณหมุนวนอยู่ในอากาศ ราวกับว่าในจิตใจพวกเขารวมอยู่ในลูกธนูอยู่นานไม่เลือนหาย
จิตพยากรณ์หลับตาคล้ายครุ่นคิด ช่วงที่หลับตาลง นัยน์ตาดิ้นรนและเกรี้ยวโกรธของเชมันนักสู้ทั้งเก้าคนปรากฏแสงสีขาว ประหนึ่งว่าพวกเขาเสียสติสัมปชัญญะไปชั่วพริบตา ดวงตาสีขาวดูว่างเปล่า
“ปล่อยคันธนูมาร!” หนานกงเหินคำรามเสียงต่ำ ทันทีที่เสียงเขาดังก้องหุบเขา เชมันนักสู้ดวงตาสีขาวทั้งเก้าคนร้องคำราม เมื่อดึงธนูมารที่ง้างเอาไว้อีกเล็กน้อยแล้ว แขนและบ่าพวกเขาฉีกขาด มีโลหิตซึมออกมา ทว่าก็ยังง้างคันธนูมารจนเสร็จ ก่อนปล่อยมือ
เสียงอื้ออึงดังกังวานรอบหุบเขาพร้อมกับเสียงโครมคราม ขณะเดียวกัน ในหุบเขาเหมือนมีมังกรดำเก้าตัวพุ่งทะลวงผ่านม่านแสงคุ้มกันด้วยความเร็วสูง แล้วตรงเข้าไปใกล้เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เกือบสองร้อยตัว
เสียงร้องโหยหวนดังสนั่นรอบๆ ลูกธนูทั้งเก้าดอกนี้มาพร้อมกับความบ้าคลั่ง มาพร้อมกับการโจมตีอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ช่วงที่มันทะลวงผ่านชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เก้าตัว พลังของมันยังคงอยู่และทะลวงต่อไปอีกครั้ง!
เสียงระเบิดดังกระจายออกไป ค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ทุกตัวที่ถูกลูกธนูทะลวงผ่านระเบิดกระจุยกลายเป็นเศษเนื้อ
ลูกธนูมารเก้าดอกนี้ ทุกดอกล้วนสังหารไปอย่างน้อยสามชีวิต หลังจากพลังที่เหลืออยู่ของลูกธนูเก้าดอกหายไป ลูกธนูกลับไม่หายไปด้วย แต่มันระเบิดตัวเองกลายเป็นพลังความตายปกคลุมท้องฟ้าข้างนอกม่านแสงเอาไว้
“ใช้พลังความตายเป็นตัวชี้นำ ปลดปล่อยพลังความตายในครั้งนี้!”
หนานกงเหินตะโกนเสียงดัง หุบเขาพลันสั่นสะเทือน พลังความตายลอยขึ้นมาจากผืนดิน รวมตัวขึ้นโดยมีหุบเขาเป็นใจกลาง ทำให้หุบเขาดูขมุกขมัว
ขณะเดียวกัน หลังจากพลังความตายอบอวลอยู่เป็นวงกว้าง หลายลมหายใจต่อมาก็สร้างเป็นแรงระเบิด เกิดเสียงโครมครามดังสนั่น พลังความตายทั้งหมดในหุบเขาตรงออกไปปานเสาควันยักษ์ พุ่งเข้าใส่เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์บนท้องฟ้า