Skip to content

สู่วิถีอสุรา 487

ตอนที่ 487 ข้าก็เป็นคนนอกเผ่าเช่นกัน

นี่คือการต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง เทียบกับชาวเผ่าเชมันที่ขาดยารักษามาสิบห้าปี อีกทั้งในใจยังสับสนไม่รู้ว่าอนาคตอยู่ที่ใดแล้ว เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ล้วนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง

สิบห้าปีมานี้ ชาวเผ่าเชมันต่อสู้ดิ้นรนตายไปมาก ผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่ก็สิ้นลง ตอนนี้ที่เหลืออยู่นอกจากเด็กและคนชราแล้ว กำลังสำคัญมีไม่มาก

นอกจากนี้จิตใจยังป่นปี้ ทำให้ส่วนลึกในใจเผ่าเชมันหวาดกลัวเผ่านี้ในโลกเก้าหยิน โดยเฉพาะครั้งนี้ มีชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองปรากฏ มันตัวนี้แข็งแกร่งกว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนมาก

คำพูดและการกระทำของหนานกงเหิน เพียงกระตุ้นเลือดร้อนให้กับชาวเผ่าได้เพียงชั่วครู่ ทว่าเมื่อสงครามเริ่มขึ้น เลือดร้อนที่ว่านี้กลับคงอยู่ไม่นานนัก

เสียงร้องโหยหวนดังก้อง เมื่อเผชิญหน้ากับเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ร่างสูงใหญ่ ชาวเผ่าเชมันส่วนใหญ่ไม่มีแรงต่อต้านเลย ต่อให้ดิ้นรน ทว่าเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์นี้มีร่างกายเทียบเท่าเผ่าหมาน และมีอภินิหารมากกว่าเผ่าเชมัน บวกกับจำนวนมากกว่า

ฉะนั้นการต่อสู้ครั้งนี้สำหรับเผ่าเชมันแล้ว นอกจากอนาถ ก็ไม่มีสิ่งใดอีก

โดยเฉพาะเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่มีเส้นม่วง พวกมันทุกตัวล้วนมีระดับพลังเทียบเท่าเชมันระดับปลาย มีร่างกายเทียบเท่าขั้นวิญญาณหมาน จุดที่ผ่านล้วนมีเสียงหัวเราะด้วยความเหี้ยมโหดดังกังวาน ชาวเผ่าเชมันที่ขวางอยู่ตรงหน้าล้วนถูกพวกมันฉีกร่างทั้งเป็น

พวกมันไม่ต้องใช้วิชาอะไร เพียงสองมือทรงพลังก็แทนได้ทุกสิ่ง ศีรษะคนหลุดจากบ่า มือเท้าทั้งสี่ฉีกออก เลือดเนื้อสาดกระจาย กลายเป็นฉากภาพบนท้องฟ้าชั่วนิรันดร์

หนานกงเหินกระอักเลือด ร้องคำรามพร้อมกับแทงทวนยาวในมือทะลุระหว่างคิ้วเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นก็ยกมือซ้ายขึ้นสะบัด พลันมีพลังความตายรวมขึ้นจำนวนมาก แล้วก่อเป็นลักษณะน้ำวนรอบตัวเขา ก่อนมีวิญญาณพุ่งออกมาจากน้ำวนจำนวนมาก

เขาเป็นผู้สื่อวิญญาณ แม้จะเป็นเช่นนั้น ต่อให้เชมันผู้สื่อวิญญาณส่วนใหญ่เห็นใจคนตาย และเย็นชากับคนเป็น ทว่าหนานกงเหินต่างออกไป เชมันผู้สื่อวิญญาณไม่อาจระงับนิสัยตรงไปตรงมาของเขา นี่ตือเหตุผลหลักที่ว่าเหตุใดเขาถึงไม่ก้าวเข้าสู่เชมันระดับปลายเสียที

ชาวเผ่าเชมันด้านหลังเขาตายลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้จำนวนน้อยลงเรื่อยๆ เมื่อเสียงระเบิดตัวเองดังก้องสนั่น การต่อสู้ครั้งนี้ก็ทะยานถึงขีดสุด

คนที่ระเบิดตัวเองเป็นชายชราเผ่าเชมันเหล่านั้น พวกเขายอมระเบิดก่อนตาย เพื่อกระตุ้นเผ่าเชมันทั้งหมด

“สู้เถอะ ไม่ก็ตายอย่างนั้น!” หนานกงเหินตะโกนเสียงดัง

“สู้เพื่อตัวเอง เพื่อเผ่าชะตาชีวิตของเรา สู้เพื่อเปลี่ยนชะตาชีวิตของตัวเอง และเพื่ออนาคต!” ชาวเผ่าเชมันทั้งหมดตาแดงก่ำ เผชิญหน้ากับเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ หากหนึ่งคนสู้ไม่ไหว เช่นนั้นก็สอง สองไม่พอก็สาม!

ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ด้วยความที่เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์มีมากกว่าเผ่าเชมัน จึงมีชาวเผ่าตายอย่างต่อเนื่อง โลหิตอาบชโลม เสียงร้องโหยหวนดังกึกก้อง ทางขวาของหนานกงเหิน เขาเห็นกับตาว่ามีชาวเผ่าคนหนึ่งถูกฉีกศีรษะทั้งเป็น โลหิตพุ่งกระฉูด และมีหลายหยดตกใส่หน้าเขา

การต่อสู้เพียงสั้นๆ ชาวเผ่าเชมันห้าร้อยกว่าคนเหลือไม่ถึงสามร้อย พวกเขาพุ่งไปข้างหน้าไม่ได้อีก แต่ถูกเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์บีบเข้ามาจากท้องฟ้า และบีบอย่างต่อเนื่องจนพวกเขาเริ่มถอย จนกลับมาอยู่บนม่านแสง

ในใจหนานกงเหินสิ้นหวัง เขามองชาวเผ่าตายไปทีละคน มองใบหน้าคุ้นตาที่รู้จักกันมาสิบห้าปีป่นปี้ มองทุกอย่าง ทว่าเขากลับไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนมัน

ทว่าวินาทีที่พวกเขาถอยมาจนถึงม่านแสง พลันมีฝ่ามือยักษ์ปรากฏบนท้องฟ้า แล้วตรงเข้ามายังหนานกงเหินและเผ่าเชมันด้วยความเร็วน่าทึ่ง

หากมองไกลๆ ฝ่ามือนี้ใหญ่ยักษ์ ขนาดราวหลายร้อยจั้ง ช่วงที่วางฝ่ามือลงมา เกิดเป็นเสียงโครมครามดังสนั่น เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่มีเส้นสีทองตรงระหว่างคิ้วยืนอยู่บนฝ่ามือนั้น มันยกมือขวาขึ้นแล้วค่อยๆ กดลง มุมปากยังเผยรอยยิ้มเยาะและเหยียดหยาม ในสายตาของมัน คนนอกเผ่าพวกนี้เปราะบางจนรับไม่ไหวแม้กระบวนท่าเดียว!

หนานกงเหินร้องคำราม เส้นเลือดดำปูดโปนบนใบหน้า ชาวเผ่าทั้งหมดด้านหลังล้วนโคจรพลังทั้งหมดอย่างบ้าคลั่ง เพื่อต้านกับฝ่ามือยักษ์

หากพวกเขาต้านไม่ไหว ความตายยังเป็นรอง ส่วนม่านแสงนี้ก็เกรงว่าคงยากจะรับไหว หากม่านแสงแตก เด็กน้อยในหุบเขาและยังมีคนบาดเจ็บเหล่านั้น จะต้องถูกสังหารโดยที่ไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่น้อย!

เห็นฝ่ามือห่างจากพวกเขาไม่ถึงห้าสิบจั้ง ทันใดนั้น มีเสียงคำรามแก่ชราดังแว่วมาจากในหุบเขา ก่อนมีชายชราผมขาว ใบหน้าซีดขาวพุ่งออกมาจากในหุบเขา ด้วยความเร็วของเขาพริบตาเดียวก็ทะลวงผ่านม่านแสง ผ่านพวกหนานกงเหิน ก่อนยกมือขวาขึ้นกำหมัดแล้วชกเข้าใส่ฝ่ามือยักษ์ที่กดทับลงมาเหนือพวกเขา

“ผู้อาวุโสเถี่ยมู่!”

“เป็นผู้อาวุโสเถี่ยมู่!” เสียงร้องด้วยความตื่นเต้นดังกังวานอยู่ในกลุ่มคนด้านล่าง ชายชราคนนี้คือเถี่ยมู่ที่ได้รับบาดเจ็บในการต่อสู้ครั้งก่อน และยังคงสลบจากอาการบาดเจ็บ!

ช่วงที่ทั้งหุบเขากำลังเผชิญหน้ากับภยันตราย เขาตื่นขึ้น ยามนี้ลงมือโดยไม่สนตัวเอง วินาทีที่กำปั้นปะทะกับฝ่ามือยักษ์ เถี่ยมู่กระอักเลือด มีหมอกโลหิตขับมาจากทั้งตัว ก่อนกระเด็นออกไปปานว่าวเชือกขาด

“นี่คือพลังที่แกร่งที่สุดของเผ่าอื่นอย่างนั้นรึ ปวกเปียกเช่นนี้ แค่กระบวนท่าเดียวยังรับไม่ไหว……คนนอกเผ่าทั้งหมดสมควรตาย!” เสียงเย็นชาดังแว่วมาจากท้องฟ้า เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ลอยอยู่รอบๆ มีสีหน้าเย้ยเยาะ เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นม่วงสิบกว่าตัวก็ยิ้มเยาะพลางมองข้างล่าง

ตัวที่กล่าวประโยคนี้คือชาวเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองที่อยู่สูงสุดบนท้องฟ้า และใช้ฝ่ามือยักษ์เมื่อครู่

หนานกงเหินมีสีหน้าสิ้นหวัง เขาตรงเข้ามาประคองเถี่ยมู่ในทันใด เถี่ยมู่หน้าไร้เลือดฝาด หลับตาทั้งสองข้าง เดิมทีเขาบาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว ยามนี้ฝืนลงมือและยังรับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้ง ชีวิตจึงแขวนอยู่บนเส้นด้ายแล้ว

ขณะที่มือยักษ์กดทับลงมาใกล้จะปะทะกับพวกหนานกงเหิน หนานกงเหินก็คำรามเสียงต่ำ ชาวเผ่าเชมันทั้งหมดเข้าไปในม่านแสงและมองฝ่ามือปะทะกับม่านแสง ท่ามกลางเสียงโครมครามดังสนั่น ม่านแสงระเบิดกระจุยกลายเป็นเศษกระเด็นไปรอบๆ นับไม่ถ้วน

ทั้งหุบเขาในตอนนี้ ไม่มีเกราะคุ้มกันแล้ว!

ครั้นฝ่ามือยักษ์ทำลายม่านแสง มันก็ยังไม่หายไป แต่กดทับลงมายังชาวเผ่าเชมันในหุบเขาหมายมั่นจะทำลายทุกสิ่ง!

ยอดเขาแหลกละเอียด เศษหินจำนวนมากหล่นลงมากลายเป็นฝุ่น ส่วนผืนดินเกิดรอยร้าวจากแรงฝ่ามือปานจะถล่มทลาย

จุดที่วางวงแหวนอาคมในหุบเขาไม่มีศพผู้ใด มีเพียงฝุ่นกระจายเป็นชั้นๆ เมื่อครู่นี้ คนที่อยู่ตรงนี้ทั้งหมดกลายเป็นฝุ่นธุลีตามวงหวนอาคมที่สลายไป

ภายในถ้ำต่างๆ ในหุบเขาสั่นสะเทือน และมีเศษหินร่วงลงมา เด็กน้อยเหล่านั้นกอดมารดาของตัวเองเอาไว้แน่น หลับตารอคอยความตายมาเยือน

“อนาคตอยู่ที่นั่น…..มันจบลงเช่นนี้แหละ…..”

ยามนี้ เสียงเย็นชาของเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองยังคงดังกังวาน และมีการเหยียดหยามอยู่ในความหมายอย่างไม่ต้องสงสัย

“….คนนอกเผ่าทั้งหมด สมควรตาย!”

ทว่าทันใดนั้น ช่วงที่เสียงเย็นชายังคงดังก้อง ฝ่ามือยักษ์ห่างจากพวกหนานกงเหินไม่ถึงสามสิบจั้ง และทุกคนล้วนสิ้นหวังนั้น

มีเสียงเย็นชาเช่นเดียวกันดังแว่วเข้ามา และมีอำนาจพลังมากกว่าเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์เส้นทองตัวนั้นปานสายฟ้าฝ่า

“ข้า……” มันเป็นคำเดียว วินาทีที่คำนี้ดังแว่วเข้ามา เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดบนท้องฟ้าล้วนรู้สึกถึงพายุคลั่งถาโถมเข้ามาไกลๆ พายุนี้ปานเสียงคำรามด้วยความโกรธของสวรรค์ ทำให้พวกมันต้องกระเด็นถอยไปโดยไม่อาจขืนเอาไว้

“ก็…..” นี่คือคำที่สอง ตอนที่คำแรกดังแว่วมายังให้ความรู้สึกอยู่ไกลๆ ทว่าคำที่สองนี้กลับรู้สึกเหมือนอยู่ข้างหูปานสายฟ้าระเบิด ส่งให้เผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ยินล้วนมีเสียงระเบิดดังในความคิดและจิตใจพร้อมกัน

แสงสีทองเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นในหุบเขาด้วยความเร็วไม่อาจบรรยาย ขณะฝ่ามือยักษ์กดทับลงมา แสงสีทองนั้นกลายเป็นร่างเงาคน มองเห็นใบหน้าไม่ชัด เห็นเพียงว่าเขายกมือขวาแล้วกดนิ้วบนฝ่ามือยักษ์อย่างง่ายๆ

“เป็น…” นี่คือคำที่สาม มันเป็นเสียงที่แทนทุกอย่างและโดยรอบท่ามกลางความรู้สึกเงียบสงบ ปานแฝงไว้ด้วยกฎบางอย่างของฟ้าดิน!

เมื่อร่างเงานี้เทียบกับฝ่ามือยักษ์แล้วเล็กจ้อยยิ่งนัก ทว่าหลังจากนิ้วมือสัมผัสกับฝ่ามือยักษ์แล้ว กลับเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นกระจายไปรอบๆ หลายร้อยลี้ อีกทั้งยังมีแรงปะทะแผ่ขยายออกปานพายุหมุนถาโถมด้วยความเกรี้ยวกราด

ฝ่ามือยักษ์สั่นไหวท่ามกลางเสียงระเบิด ก่อนแตกเป็นชิ้นๆ สุดท้ายก็ระเบิดกระจุยกลายเป็นแรงปะทะส่งคืนกลับท้องฟ้า

“…..คนนอกเผ่าเช่นกัน!” นี่คือประโยคสุดท้าย ขณะที่ฝ่ามือระเบิดกระจุย ร่างเงานี้ก็กล่าวเรียบๆ

ยามนี้โดยรอบเกิดพายุคลั่ง ร่างเงานั้นยืนอยู่กลางอากาศ เส้นผมยาวปลิวไสว อาภรณ์ขาวปานหิมะ ใบหน้าหล่อเหลา ตรงระหว่างคิ้วมีสัญลักษณ์รูปดอกท้อ บนบ่ามีงูน้อยเงยหน้าขู่ฟ่อๆ เขายืนอยู่ตรงนั้น ดึงดูกสายตาของทุกคน!

ดวงตาบุคคลนี้หยั่งลึก ราวกับแฝงไว้ด้วยทั้งผืนฟ้า ตัวเขาเปล่งแสงสีทองมาจากทั้งตัว ทำให้เหมือนว่าเขาสวมด้วยเกราะสีทองอยู่!

นอกจากดวงตาหยั่งลึกแล้ว ยังมีความรู้สึกที่ผู้มองต้องตะลึงค้าง เพียงแต่ว่าเมื่อสบตากับเผ่าค้างคาวศักดิ์สิทธิ์ พวกมันล้วนมีเสียงโครมดังในความคิด ประหนึ่งว่าเพียงสบตาแวบเดียว ก็มีความรู้สึกปานร่างกายจะแหลกสลาย

ความแข็งแกร่งระดับนี้ มันมากกว่าพลังทั้งหมดของที่นี่!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!