ตอนที่ 57 เจ้าเชื่อหรือไม่?
ซูหมิงขยับแล้ว เขาก้าวเท้าขึ้นไปบนขั้นที่หนึ่งร้อย
ก่อนหน้านี้เขาอยู่บนขั้นเก้าสิบเก้าอยู่นาน นั่นเป็นเพราะเมื่อเส้นเลือดเส้นที่ห้าสิบสามปรากฏขึ้น โลหิตในกายเดือดพล่านโอบล้อมทั้งในและนอกร่างกายของเขา ฉะนั้นจึงต้องทำให้ร่างกายปรับสภาพได้ก่อนถึงจะเดินต่อไปได้ ถึงอย่างไรการปรากฏขึ้นของเส้นเลือดหนึ่งเส้น ก็แสดงถึงการทะลวงขั้นพลัง ไม่ใช่การเพิ่มแบบธรรมดา
เวลานี้ซูหมิงพลันเดินหน้าต่อ เงาร่างภายใต้จันทร์บนท้องฟ้าราวกับกำลังดูดรับแสงจันทร์อย่างไม่หยุดหย่อน ขณะเดินไปเบื้องหน้า พริบตาเดียวก็มาถึงขั้นที่หนึ่งร้อยสิบห้า
ยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ซูหมิงสัมผัสได้ถึงแรงต้านที่รุนแรงมากขึ้นจากยอดเขา เขาพลันพุ่งทะยานร่างไปเบื้องหน้า ขั้นที่หนึ่งร้อยยี่สิบ หนึ่งร้อยสามสิบ หนึ่งร้อยสี่สิบ หนึ่งร้อยห้าสิบ หนึ่งร้อยหกสิบ!
เพียงไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ เขาเดินต่อเนื่องมาได้หกสิบขั้น เมื่อเขายืนอยู่บนขั้นหนึ่งร้อยหกสิบ ซูหมิงพลันสัมผัสได้ถึงแรงต้านจากยอดเขาราวกับมีพลังมหาศาลพลันปรากฏขึ้นและกดทับบนตัวของเขา
ทว่าเวลานี้ พระจันทร์บนท้องฟ้าส่องแสงสุกสกาว แสงจันทร์โอบล้อมทั่วตัวของซูหมิง ทำให้เส้นผมสีดำที่ถูกมัดไว้ลวกๆ ด้วยเชือกฟางปลิวไสวขึ้นแม้ไร้ลมท่ามกลางแสงจันทร์สาดส่อง
การเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของเขาไม่สำคัญ เพียงแค่ผู้เข้าร่วมแข่งขันแทบทุกคนบนภูเขาและยังมีบนลานด้านนอกพลันเงียบเป็นป่าช้า!
อูลาเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง ตอนแรกนางยังเป็นกังวลถึงเรื่องอันดับของตน อีกทั้งยังรู้สึกคับอกคับใจและไม่ยินยอม ทว่ายามนี้ความรู้สึกซับซ้อนทั้งหมดพลันมลายหายไป นางเข้าใจแล้วว่า ตนกับอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ในเมื่อไม่ใช่ระดับเดียวกัน ตนยังไปฝืนเทียบกับเขา การเทียบครั้งนี้ นอกจากสร้างความอัปยศให้ตนเองแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นอีก
เหลยเฉินพลันยืนขึ้น มองตราหินในมืออย่างตื่นตะลึง ก่อนหน้านี้เขาเคยคาดคะเนเกี่ยวกับคนชื่อโม่ซูไปแล้ว ทว่ายามนี้กลับเกิดความลังเลขึ้น รู้สึกไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนคิดถูกต้องหรือไม่
เป่ยหลิงจ้องตราหินในมือเขม็ง หัวใจเต้นตุบๆ ระรัว การเคลื่อนไหวพริบตาเดียวเมื่อครู่นี้ ทำให้เขารู้สึกตกตะลึงยิ่งนัก มองคนชื่อโม่ซูไต่ขึ้นมาหกสิบขั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ ความเร็วระดับนี้ทำให้เขาเหลือเชื่อ และแทบลืมหายใจ
เดิมทีเขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นพวกเรียกร้องความสนใจด้วยการฝืนเดินในยามค่ำคืน ทว่าเวลานี้ได้เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่เช่นนั้น อีกฝ่ายมีพลังที่เป็นของจริง!
มิเช่นนั้นแล้ว จะไต่ขึ้นมาหกสิบขั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจได้หรือ!
ทั้งภูเขาเงียบสงัด เฉินชงออกแรงขยิบตา พยามไม่สนใจ ทว่าลางสังหรณ์กลับบอกเขาว่า คนที่ชื่อโม่ซูมีความเป็นได้สูงมากที่จะเป็นเจ้าของเสียงระเบิดการทะลวงขั้นพลังก่อนหน้านี้!
“น่าจะเป็นเขา…น่าจะใช่! แต่เขาเป็นใครกัน ไม่ใช่เผ่าร่องลมของข้า ไม่รู้ว่าข้าเคยเจอเขาบนลานก่อนหน้านี้หรือไม่”
เฉินชงในยามนี้ไม่ทราบว่า ในกลุ่มคนที่โอบล้อมเขาบนลานและส่งเสียงหัวเราะเพื่อขอเข้าร่วมวงสนทนาก่อนหน้านี้ มีอยู่คนหนึ่งที่รอยยิ้มอ่อนๆ ลักษณะดูธรรมดา จืดจางราวกับจะเลือนหาย ธรรมดาจนไม่มีใครสนใจ
คนคนนี้มองเขาเฉินชง มองเขาที่กำลังส่งเสียงหัวเราะ มองเขาที่เป็นดั่งดาวล้อมเดือน มองเขาที่เดินไปหาไป๋หลิง…..
ขณะเฉินชงกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ณ ขั้นบันไดใกล้ซูหมิงที่สุด ปี้ซู่เบิกตากว้างราวกับอยากมองทะเลหมอก อยากรู้ว่าเขาคนนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร ต่างกับเฉินชง ปี้ซู่อยู่ใกล้มาก เขาแทบจะชี้ขาดได้เลยว่าคนชื่อโม่ซู อยู่บนขั้นบันไดหลังหมอกที่เขามองเห็น อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับเขามาก!
“ก็แค่หกสิบขั้น ต่างกับข้าในตอนนี้หนึ่งเท่าตัว ไม่มีค่าพอให้สนใจ! หากเจ้าใกล้ข้าได้ ค่อยว่ากันอีกทีคงไม่สาย” ปี้ซู่คิดขึ้นในใจ ยิ้มเยาะพลางหลับตาลง
บนขั้นบันไดอีกสายหนึ่งด้านข้าง อูเซินกำลังมีสีหน้ามืดครึ้ม แววตาเป็นประกายวูบวาบ จ้องมองอันดับรายชื่อในตราหิน โดยเฉพาะชื่อของปี้ซู่กับโม่ซู เขาใช้เวลามองนานกว่าเล็กน้อย
“ตอนนี้ข้าอยู่อันดับที่สิบสอง สองร้อยเก้าสิบห้าขั้น…ช่างเถอะ หนึ่งในสิบคงไม่มีหวังแล้ว ตอนนี้ข้ารู้สึกได้ว่าร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ…ไอ้คนที่ชิงโลหิตต้นกำเนิดของข้าไป จะต้องเป็นหนึ่งในสองคนนี้แน่!”
อูเซินไม่โง่เขลา แต่กลับเฉลียวฉลาด มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางครอบครองฐานะที่มั่นคงในชนเผ่าการแข่งขันสูงเช่นนี้ได้ แม้แต่คนเหล่านั้นรวมถึงเป่ยหลิงก็ยังอยู่ในกำมือของเขา
“ปี้ซู่!” อูเซินเลื่อนสายตาจากโม่ซู นัยน์ตาฉายแววโหดเหี้ยม จ้องมองปี้ซู่ที่อยู่อันดับสอง ทว่าสีหน้าของเขากลับซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ตรงส่วนลึกของความโหดเหี้ยม คนที่ติดอันดับสอง เขาอูเซินไม่มั่นใจเลยว่าจะชิงโลหิตต้นกำเนิดกลับคืนมาได้…
ซือคงในเวลานี้มีสีหน้าตึงเครียด ไม่ต่างกับอูลาก่อนหน้านี้ เขากำลังมองชื่อโม่ซูที่อยู่ขั้นหนึ่งร้อยหกสิบ หัวใจเต้นระรัว เป็นกังวลว่าตนจะถูกแซง หากเป็นยามเที่ยงวันก็แล้วไป ทว่าตอนนี้เป็นยามค่ำคืน เขาไม่กล้าเดินต่อ มิหนำซ้ำอันดับของเขายังอยู่ที่สี่สิบเก้า หากโดนแซงก็จะเป็นห้าสิบทันที อย่ามองว่ามันเป็นเพียงแค่หนึ่งอันดับ เพราะความหมายของมันต่างกันโดยสิ้นเชิง
นอกจากพวกเขาแล้ว ผู้เข้าร่วมแข่งขันแทบทุกคนต่างมองไปยังชื่อของโม่ซูบนตราหินของแต่ละคน มีเพียงแค่เยี่ยวั่ง เขาไม่เคยมองตราหินเลย และไม่ทราบด้วยว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ทว่าด้วยนิสัยของเขา ต่อให้ทราบก็คงไม่ใส่ใจ
หากเทียบกับความเงียบสงัดบนภูเขายักษ์แล้ว บนลานด้านนอกในยามนี้กลับเงียบสงัดอย่างแท้จริง ราวกับลมหายใจถูกปิดกั้น ไม่อาจส่งเสียงใดๆ พลังที่ทำให้เป็นเช่นนี้มาจากอาการตกตะลึงของพวกเขาเอง และมาจากการที่พวกเขาได้เห็นแถบรายชื่อหนึ่งบนรูปปั้นหลายตัวพร้อมกัน
อันดับหกสิบสาม โม่ซู หนึ่งร้อยหกสิบขั้น
ด้วยเหตุการณ์ไต่อันดับและจำนวนขั้นในพริบตาเดียวเมื่อครู่นี้ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่บนลานเลิกมองว่าโม่ซูเป็นตัวตลกที่พยามเรียกร้องความสนใจ แต่กลับให้ความสำคัญอย่างแท้จริง เพราะการไต่ขึ้นมาหกสิบขั้นในพริบตาเดียว พวกเขาจึงเกิดความตื่นตะลึงและเหลือเชื่อ!
หากเป็นยามเที่ยงวัน อาจจะใช้คำว่าตื่นตะลึงมิได้ ทว่าตอนนี้เป็นยามค่ำคืน เป็นช่วงเวลาที่แรงต้านบนเขาสูงกว่ายามกลางวัน ในความคิดของพวกเขาแทบทุกคน หากสามารถไต่ขึ้นมาได้หกสิบขั้นเพียงไม่กี่ลมหายใจในยามค่ำคืนเช่นนี้ ยามกลางวันจำนวนตัวเลขจะต้องเพิ่มขึ้นหลายเท่าอย่างแน่นอน!
คนที่ทำเช่นนี้ได้ ในจำนวนผู้เข้าร่วมแข่งขันจากแต่ละชนเผ่าทั้งหมด นับว่ามีไม่มากจริงๆ!
“เขา…เป็นใครกันแน่…”
“โม่ซู….โม่ซู…เมื่อครู่ข้านับเอาไว้ ประมาณไม่ถึงสิบลมหายใจ จากเก้าสิบเก้าขั้นมาถึงหนึ่งร้อยหกสิบขั้น…นี่…นี่มันเหลือเชื่อ!”
“จากอันดับหนึ่งร้อยหนึ่ง พรวดเดียวขึ้นมาเป็นหกสิบสาม เขาคนนี้…..ในเมื่อมีพลังเช่นนี้ หากเป็นยามกลางวัน อาจจะติดหนึ่งในสามสิบก็ได้ เหตุใดถึงเลือกเดินในยามค่ำคืนเช่นนี้…..”
ผ่านไปครู่ใหญ่ จึงค่อยเริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นบนลาน อีกทั้งยังดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ผู้นำจากแต่ละเผ่ายังทยอยมองตามกันไป ทว่ามีเพียงยายเฒ่าเผ่ามังกรทมิฬและจ้าวเผ่าภูผาดำเท่านั้นที่ยังไม่สนใจ
ในค่ำคืนนี้ ชะตาลิขิตเป็นของผู้โดดเด่น ในค่ำคืนนี้ ชะตาลิขิตเป็นความรุ่งโรจน์ ทุกอย่างล้วนเป็นของคนเพียงผู้เดียว เป็นของซูหมิง!
ท่านปู่โม่ซังเผยรอยยิ้มเล็กน้อย มองอันดับรายชื่อบนรูปปั้น ความปรารถนาในใจเพิ่มมากขึ้น เขาเข้าใจดีว่าซูหมิงได้บรรลุถึงความหมายของตัวเลขทั้งหกแล้ว
จิงหนานที่อยู่ด้านข้างมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่เผยความเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ด้วยขั้นพลังและฐานะของเขา หากไม่สามารถควบคุมสีหน้าของตนได้ คงไม่มีทางมาได้ไกลถึงเพียงนี้
“ไม่เลว โม่ซัง เจ้าสอนเด็กที่เจ้าเก็บมาในตอนนั้นได้ดีจริงๆ ตามจริงแล้วข้าสงสัยเกี่ยวกับเบื้องหลังชีวิตของเขามาโดยตลอด…. “ จิงหนานเผยรอยยิ้ม มองไปทางโม่ซัง
“สงสัยรึ หากข้าบอกว่าเขาเป็นองค์ชายแห่งราชวงศ์ต้าอวี๋ เจ้าจะเชื่อหรือไม่?” โม่ซังมองจิงหนานพลางยิ้มกล่าว สีหน้าของเขามองไม่ออกว่าจริงหรือเท็จ บางทีความลับเกี่ยวกับเบื้องหลังชีวิตของซูหมิง นอกจากเขาแล้ว อาจจะไม่มีใครรู้
“เหตุใดเจ้าไม่บอกว่าเขาเป็นบุตรแห่งเทพหมานไปเลยเล่า น่าสนใจ น่าสนใจ” จิงหนานตกตะลึง ก่อนหัวเราะเสียงดังตามขึ้นมา
“บางทีก็ไม่แน่” ท่านปู่โม่ซังยิ้มกล่าว
จิงหนานหัวเราะเสียงดัง ทว่าในใจกลับสั่นไหวเล็กน้อย เขาไม่ทราบว่าควรจะเชื่อคำพูดของโม่ซังดีหรือไม่ เขาไม่ชอบความรู้สึกนี้ยิ่งนัก ตลอดชีวิตของเขาทุกครั้งที่พบหน้ากับโม่ซัง มักจะเกิดความรู้สึกเช่นนี้ขึ้น
ในขณะนั้นเอง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์บนลาน พลันมีเสียงร้องอย่างตื่นตะลึงดังขึ้น!
“ขยับอีกแล้ว! เขาจะหยุดตรงขั้นที่เท่าไหร่กันแน่! รีบดูเร็ว หนึ่งร้อยหกสิบแปดขั้นแล้ว!”
“หนึ่งร้อยเจ็ดสิบสอง หนึ่งร้อยเจ็ดสิบเก้า เหมือนว่าจะช้ากว่าเมื่อครู่เล็กน้อย….”
“น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว ข้ามั่นใจว่าอย่างมากก็แค่สองร้อยขั้น ไม่มีทางเกินไปกว่านั้น!”
“ใกล้เคียง บางทีแม้แต่หนึ่งร้อยเก้าสิบก็ยังไปไม่ถึง ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นยามดึก ยิ่งขึ้นสูงแรงต้านจะยิ่งมาก!” สายตาหลายร้อยจ้องไปยังอันดับรายชื่อบนรูปปั้น แววตาเหล่านั้นมีทั้งเย็นชา ไม่แยแส เฝ้ารอคอย ชื่นชม และริษยา
ซูหมิงในยามนี้ถูกแสงจันทร์โอบล้อม กำลังเดินขึ้นบันไดเบื้องหน้าทีละก้าว เส้นเลือดห้าสิบสามเส้นเปล่งแสงสีแดงสว่างไสว ยิ่งไปกว่านั้นยังปรากฏเส้นเลือดเส้นที่ห้าสิบสี่ขึ้น
จากนั้นจึงเป็นเส้นที่ห้าสิบห้า ห้าสิบหก และห้าสิบเจ็ดในเวลาเดียวกัน แสงโลหิตทั้งตัวของซูหมิงจึงเข้มข้นมากขึ้น ทำให้ในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังมหาศาล
ซูหมิงแผดเสียงตะโกนหนึ่งครั้ง พลันสาวเท้ายาวไปเบื้องหน้า เมื่อเดินมาถึงขั้นที่หนึ่งร้อยแปดสิบหกแล้ว
ทันใดนั้น ร่างกายของเขาเกิดเสียงเส้นเลือดผุดขึ้นดังตุบตุบอีกครั้ง เสียงดังกล่าวทำให้ปี้ซู่ที่อยู่เส้นทางใกล้เคียงขมวดคิ้วขึ้น เฉินชงที่กำลังกระดิกหูฟังจากที่ห่างไกลต้องกัดฟันด้วยความโมโห เพราะอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง
หนึ่งร้อยแปดสิบเก้า หนึ่งร้อยเก้าสิบสอง หนึ่งร้อยเก้าสิบเก้า….สองร้อย!
อันดับรายชื่อบนรูปปั้นพลันเปลี่ยนอีกครั้งในชั่วพริบตา!
อันดับหนึ่ง เยี่ยวั่ง หกร้อยขั้น
อันดับสอง ปี้ซู่ สามร้อยเก้าสิบเจ็ดขั้น
อันดับสาม เฉินชง สามร้อยเก้าสิบเอ็ดขั้น
………..
อันดับสี่สิบแปด เป่ยหลิง สองร้อยหกขั้น
อันดับสี่สิบเก้า ซือคง สองร้อยหนึ่งขั้น
อันดับห้าสิบ โม่ซู สองร้อยขั้น