ตอนที่ 657 ตี้เทียน…ในชุดคลุมม่วง!
เขาถอยไปโดยจิตใต้สำนึก ตั้งใจว่าจะออกจากตรงนี้ไปก่อนชั่วคราว ทว่ายังถอยไปได้ไม่ไกลนักซูหมิงก็ตามมาอย่างรวดเร็วแล้วยกมือขวาชี้ไป
ในสายตาผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจของสำนักเซียน เขาเห็นซูหมิงและก็เห็นปี้ถู่กำลังเดินมาด้วยสีหน้าทะมึนอยู่ข้างหลังซูหมิง
ภาพนี้สร้างความหวาดหวั่นให้กับเขา บวกกับการโจมตีก่อนหน้านี้ สิ่งแรกที่ลอยขึ้นมาในความคิดคือกับดัก!
“สหายซุนเต้าอย่าเข้าใจผิด ข้ากับบุคคลนี้…” พอปี้ถู่เห็นสีหน้าของผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจสำนักเซียนแล้วจึงรีบกล่าวอธิบาย เขารู้ว่าเรื่องนี้ตนจะต้องอธิบายให้เร็ว จะลังเลมิได้
ทว่ายังกล่าวไม่จบ ด้วยความเร็วของซูหมิง เขาเข้าประชิดตัวอีกฝ่ายแล้วกดนิ้วตรงหน้าอกผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจสำนักเซียนแล้ว ทั่วร่างเขาสั่นไหว ขณะกระอักเลือดก็คิดจะหลบ
“ข้าเองก็เพิ่งสู้กับบุคคลนี้เหมือนกัน เป็นเขาที่สร้างความวุ่นวาย พูดมากไปคงไม่มีประโยชน์ เจ้ากับข้าร่วมมือกันสังหารเขาก็พอ!” ปี้ถู่มีสีหน้าทะมึนอย่างยิ่ง ขณะเอ่ยก็ก้าวเดินตรงไปหาซูหมิง อีกทั้งยังกลัวว่าสำนักเซียนจะเข้าใจผิด จึงยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือ พลันปรากฏดอกบัวสีเขียวดอกหนึ่งตรงไปหาซูหมิง
“สหายปี้ไม่เห็นต้องกลัวเขา ข้าทำให้เขาบาดเจ็บแล้ว สังหารเลย!” ขณะเดียวกับที่ปี้ถู่เอ่ย ซูหมิงกล่าวอย่างเย็นชา กำหมัดขวาแล้วชกไปยังชายชราแซ่ซุนที่กำลังจะหลบ พร้อมกันนั้นซูหมิงยังทำท่าท่างส่งของข้างหลังให้กับปี้ถู่ ภาพนี้ปรากฏอยู่ในสายตาชายชราขั้นทรงอำนาจสำนักเซียนอย่างชัดเจน
เดิมทีตอนที่ผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักเซียนได้ยินคำพูดของปี้ถู่ ก็เกิดความลังเลว่าจะหยุดถอยดีหรือไม่ แต่พอได้ยินคำพูดซูหมิงแล้วจึงไม่มีความลังเลอีก สุดท้ายหลังเห็นท่าทางส่งของข้างหลังให้ปี้ถู่ ในใจเขาก็ตื่นตกใจพร้อมกับถอยอย่างรวดเร็ว
ทว่าด้วยการถอยอย่างเร่งรีบเช่นนี้เขาเลยไม่สังเกตเห็นว่าช่วงที่ดอกบัวเข้าใกล้ซูหมิง ซูหมิงยกมือซ้ายสะบัดเบาๆ ดอกบัวอภินิหารนั้นกับปี้ถู่ที่กำลังเกรี้ยวโกรธถอยกลับไปเล็กน้อยราวกับกาลเวลาหวนคืน
ดังนั้นซูหมิงจึงเดินหน้าหนึ่งก้าวอย่างสงบนิ่ง ตรงมายังชายชราสำนักเซียนที่กำลังหนีแล้วร่างเงาก็หายวับไป
ภาพนี้ดูเหมือนซูหมิงหลบอภินิหารดอกบัวของปี้ถู่ ทว่าในสายตาชายชราขั้นทรงอำนาจสำนักเซียน หลังซูหมิงหายตัวไปก็มาปรากฏอยู่ข้างกายเขา จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด เขายังไม่ทันตรึกตรองอะไรให้ถี่ถ้วน ซูหมิงก็ชกหมัดเข้ามาแล้ว
“บุคคลนี้เชี่ยวชาญวิชาเลียนแบบ สหายซุนเต้าระวัง!” นัยน์ตาปี้ถู่ฉายแววโกรธแค้น ขณะกำลังจะขยับตัวในใจกลับเกิดความตื่นกลัว ร่างกายเขาเดินหน้าไม่ได้แต่ถอยหลัง
เมื่อร่างกายเขากลับมาเป็นปกติก็ได้ยินเสียงครึกโครมข้างหู
ชายชราสำนักเซียนเป็นเพียงขั้นทรงอำนาจตอนกลาง ถึงจะใช้สองมือประสานสัญลักษณ์มือแล้วกดไปข้างหน้าเพื่อรับหมัดซูหมิง ทว่าท่ามกลางเสียงครึกโครมดังสนั่นหวั่นไหว ร่างผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจกลับระเบิดกระจุย
แต่ถึงกระนั้นช่วงที่ร่างระเบิด จิตแรกของเขาก็หนีไปอย่างรวดเร็วแล้ว พริบตาเดียวก็พันจั้ง มุ่งหน้าไปยังสำนักเซียนอย่างบ้าคลั่ง
“สหายปี้วางใจเถอะ จิตแรกของเขาหนีไม่พ้นหรอก!” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ แล้วห้อเหยียดตามไป
“หุบปาก!” แววตาปี้ถู่คลุ้มคลั่ง มีเสียงระเบิดดังในร่างกาย แต่ก็ยังไม่หลุดจากวิชาวัฏจักรเวลา แม้จะเอ่ยได้แต่ร่างกายกลับถอยหลัง ภาพนี้ในสายตาคนอื่นเหมือนว่าเขาร่วมมือกับซูหมิงอย่างชัดเจน
“สหายสำนักเซียน สหายร่วมสำนักอสูรทุกท่าน ศึกนี้มีคนก่อกวนจะให้เราสองฝ่ายฆ่ากันเอง เขาเชี่ยวชาญวิชาเลียนแบบ รูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กหนุ่ม มีวิชาควบคุมเวลา ให้ร่างกายเราถอยกลับได้…
สหายซุนอย่าเข้าใจผิด เรื่องนี้…” ปี้ถู่กล่าวอย่างร้อนรน เพียงแต่กล่าวไปกล่าวมาแม้แต่เขาเองยังไม่รู้สึกไม่น่าเชื่อ
แทบเป็นขณะเดียวกับที่เอ่ยประโยคนี้ ชายชราขั้นทรงอำนาจสำนักเซียนที่กำลังหนีอยู่ข้างหน้าเกิดความแค้นในใจ ทุกอย่างเมื่อครู่เขาเห็นกับตาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิชาห้าภูตตอนแรกเริ่มหรือตอนปี้ถู่ถอยกลับ และยังมีร่างตนระเบิดอีก ยามนี้จิตแรกยังถูกล่าสังหาร เขาจึงไม่เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด!
หากเข้าใจผิดจริงๆ เขาก็อยากให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงผลการเข้าใจผิดแบบนี้สักหน่อย!
โดยเฉพาะตอนนี้ได้ยินคำพูดของปี้ถู่ เขาจึงยิ้มด้วยความโกรธพลางหลบหนี
“ปี้ถู่เจ้ามันเลวทราม สหายร่วมสำนักเซียนทุกท่าน คนสำนักอสูรคิดจะปกปิดความจริง วันนี้พวกมันจะฆ่าพวกเราสำนักเซียน ศึกครั้งนี้…ศิษย์สำนักเต๋าเทียนหลันไม่ต้องหยุดสงคราม ตาย…” แทบเป็นช่วงที่จิตแรกขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักเซียนเอ่ยประโยคนี้ ยังกล่าวไม่จบกลับมีเสียงร้องโหยหวนดังกังวานสนามรบ ร่างเงาซูหมิงวูบผ่านข้างจิตแรกของอีกฝ่ายแล้วทำลายล้างในหมัดเดียว
ในภาพนี้เพราะหมอกหนาเลยมีแต่เสียงดังกังวานโดยรอบ ถึงยินเพียงเสียงก็จริงทว่าก็รู้ว่ามันคือการฆ่าปิดปาก……
เดิมทีสงครามมีโอกาสหยุดแล้ว ทว่าด้วยความบ้าคลั่งของมังกรหยินและการเข่นฆ่าของวิญญาณเชมันเกือบร้อยคน ภายใต้ความวุ่นวายโดยรอบและยังมีเสียงแบบนี้ดังกังวานรอบๆ โอกาสที่จะหยุดสงครามจึงกลายเป็นศูนย์!
แม้สำนักเซียนกับสำนักอสูรมีสัญญาลับกันอยู่ แต่สัญญาลับนี้เบาะบางยิ่งนัก สองฝ่ายล้วนระวังกันเอง หลังจากเกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นจึงยากจะเกิดสัญญาลับอีก!
เสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่ในหมอก ภายใต้สงครามคลุ้มคลั่ง ทางฝ่ายสำนักเต๋าเทียนหลันพลันปรากฏระลอกคลื่นสีแดง ระลอกคลื่นนี้มาจากตะเกียงน้ำมันอันหนึ่ง เวลานี้มันลอยอยู่กลางอากาศ น้ำมันในตะเกียงเป็นสีแดงคล้ายโลหิต!
แสงจากเปลวเพลิงของมันทำให้โลหิตบนพื้นคล้ายเดือดพล่าน แล้วสร้างหมอกโลหิตนับไม่ถ้วนผสานรวมกับหมอกดำ อีกทั้งยังเหมือนจะมีพิษร้ายแรงบางอย่างอยู่ด้วย
นอกจากนี้มีเส้นเปลวเพลิงลอยขึ้นมาจากสนามรบประหนึ่งจะเผาทำลายทุกสิ่ง
นี่คือการตีโต้ตอบของสำนักเต๋าเทียนหลันหลังจากเสียผู้อาวุโสใหญ่ไป!
และยังมีสำนักชุมนุมเซียน เวลานี้สำนักซ่อนมังกรกับสำนักเต๋าเทียนหลันใช้ของวิเศษทรงพลังแล้ว ตนจึงไม่มีทางยอมน้อยหน้า เรียกไม้ยักษ์หนาหลายสิบจั้งสี่ท่อนไว้กลางอากาศตรงหน้าสำนักชุมนุมเซียน ด้านบนเขียนอักขระขยับวูบวาบไว้จำนวนมาก จากนั้นไม้ยักษ์สี่ท่อนนี้ก็ตกลงสู่พื้นพร้อมกัน เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พื้นดินสั่นสะเทือน มีเสียงกึกๆ ดังขึ้นพร้อมเกิดรอยแยก ทั้งยังมีปราณปฐพีเข้มข้นพวยพุ่งออกมา หลังผู้ฝึกฌานสำนักอสูรถูกสัมผัสต่างพากันตัวสั่น ร่างกายแห้งเหี่ยวในทันที ก่อนกลายเป็นโครงกระดูกใต้ปราณปฐพี
ทางสำนักอสูร ด้วยความที่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้แล้วจึงใช้กลอุบายสุดท้ายเช่นกัน อันดับแรกคือศิษย์สำนักกระหายอสูรต่างหยิบถุงหนังสีโลหิตจากถุงเก็บวัตถุขึ้นมาคนละใบ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วจึงเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ร่างกายส่งเสียงปุๆ พร้อมกับพองบวมขึ้นไม่น้อย ดวงตาแดงก่ำและเริ่มสังหารอย่างคลุ้มคลั่ง
หลังจากร้องคำราม ขั้นพลังพวกเขาเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยและเหมือนไม่รู้จักความเจ็บปวดและเหนื่อยล้า พุ่งกระโจนออกไปพลางส่งเสียงคำรามดุจสัตว์ป่า มิหนำซ้ำพวกเขาทุกคนล้วนมีเหงื่อสีโลหิตไหลออกมา เหงื่อสีแดงเหล่านั้นดีดออกขณะพวกเขาเดินหน้า แล้วรวมกันอย่างรวดเร็วกลางอากาศสร้างขึ้นมาเป็นกิเลนสีโลหิตยักษ์ตัวหนึ่ง!
แม้กิเลนตัวนี้จะเลือนราง ทว่าตอนปรากฏตัวกลับเขย่าสะเทือนฟ้าดิน ส่งผลให้หมอกรอบๆ กดต่ำลงเล็กน้อย!
นี่ต่างหากคือสงครามแท้จริง ด้วยการปะทุของสงครามจึงมีคนตายมากขึ้นเรื่อยๆ ซูหมิงสูดดมกลิ่นคาวเลือดลึกๆ อยู่ในสนามรบ อีกทั้งยังเกิดความรู้สึกมือซ้ายพองบวมจนเจ็บ สิ่งนี้เกิดจากการสูบกินกลิ่นอายมรณะมากเกินไป ทว่าก็ยังให้ผนึกตรงมือซ้ายสูบกินอย่างต่อเนื่อง
ส่วนคำสาปตรงมือขวา ตอนนี้ทำให้มือขวากลายเป็นสีดำ คนที่ต้องสาปมีมากขึ้นเรื่อยๆ การตายทุกครั้งร่างจะระเบิดออก เลยแพร่เชื่อให้กับคนรอบข้างต่อ
ซูหมิงปกปิดกลิ่นอายพลังรอบตัว ทว่าเขารู้สึกได้ว่าบนสนามรบมีจิตสัมผัสกำลังกวาดไปมาอย่างบ้าคลั่ง เห็นได้ชัดว่ากำลังตามหาตนอยู่แต่ก็ไม่พบ จนเมื่อสงครามดำเนินต่อไป คนที่ตามหาเขาก็ค่อยๆ น้อยลง ทว่าก็ยังมีอยู่สามสี่คนที่ยังหาอยู่!
ซูหมิงพิงหลังอยู่ข้างหินใหญ่ตรงจุดแรกที่เขาอยู่บนสนามรบ เฉียนเฉินอยู่ใต้หินก้อนใหญ่ด้านหลัง แสร้งนอนตายอยู่ตลอด ตอนนี้แม้ในใจจะสับสนกับสิ่งต่างๆ รอบตัว ทว่าเสียงรระเบิดกับเสียงกรีดร้องที่ดังอย่างต่อเนื่อง และยังมีโลหิตเดือดพล่านบนพื้นกลับสร้างความตื่นตกใจแก่เขา
สงครามดุเดือดขึ้นมาสักพักหนึ่ง จนเมื่อมีคนตายเพิ่มเยอะขึ้นมาก ในจิตสัมผัสซูหมิง เขาสังเกตเห็นว่าทางสำนักชุมนุมเซียนมีรถสงครามร้อยจั้งโผล่มาสองคัน!
ในรถสองคันนี้มีกลิ่นอายพลังทำลายล้างที่ซูหมิงต้องหรี่ม่านตาลง จากนั้นรถสองคันก็ส่งเสียงระเบิดสะเทือนนภา พบว่ามีลำแสงสีขาวสองเส้นปล่อยมาจากรถสงครามและตรงไปทางสำนักอสูร ชั่ววินาทีนี้โลกกลายเป็นสีขาว คล้ายกับว่าเวลาหยุดลงในพริบตา จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดังกึกก้อง นัยน์ตาซูหมิงแวววาว กลิ่นอายมรณะไร้รูปของหมื่นคนหลั่งทะลักมาทางเขาอย่างบ้าคลั่ง
ยามนี้เห็นรถสงครามสองคนของสำนักชุมนุมเซียนแผ่กลิ่นอายน่าสะพรึงอีกครั้ง ซูหมิงจึงสูดลมหายใจเข้าลึกและมีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง เขาไม่นึกเลยว่าสำนักชุมนุมเซียนจะมีของวิเศษน่ากลัวถึงเพียงนี้!
แววตาเขาเป็นประกายตื่นเต้นเล็กน้อย ในของวิเศษของแต่ละสำนัก นี่เป็นชิ้นแรกที่มีความน่าสนใจอย่างมากต่อเขา
ขณะกำลังจะเดินหน้าเขากลับหยุดชะงัก หน้าเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว ก่อนรีบเงยหน้าขึ้นจ้องฟ้าเขม็ง เวลานี้หมอกด้านบนปรากฏน้ำวนยักษ์ ในน้ำวนมีสายรุ้งสีม่วงเส้นหนึ่งลงมา
สายรุ้งนั้นลงมาจากฟ้าในหมอก นั่นคือ…ตี้เทียนในชุดคลุมม่วง!
ร่างเขาลงสู่พื้น ด้านหลังเป็นพัดสีดำหนึ่งอัน หลังจากคลี่ออกแล้วก็ไล่ตามมาติดๆ!
เวลานี้ซูหมิงไม่อาจระงับจิตสังหารและความบ้าคลั่งได้อีก กระทั่งยังไม่คิดจะระงับไว้แล้ว เขาไม่นึกเลยว่าตี้เทียนจะลงมา ทำให้ร่างแยกสองตนออกห่างกัน!
นี่คือโอกาส เป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้ซูหมิง!
ดวงตาเขาแดงก่ำในทันที!