Skip to content

สู่วิถีอสุรา 666

ตอนที่ 666 วิญญาณหมานมาเยือนครั้งแรก

ทั่วแผ่นดินหมานกำลังสั่นสะเทือน ทวีปทางเหนือกับพันธมิตรตะวันตกอยู่ห่างไปไกลยิ่งนัก ต่อให้รู้สึกถึงการแผดเผาสายเลือดก็มาไม่ได้

ทว่าในแดนอรุณใต้กับแดนรกร้างบูรพากลับมีสายรุ้งบินอยู่เต็มฟ้าภายใต้สภาวะนี้

แต่ก็มีไม่น้อยที่ฝืนอดกลั้นสายเลือดแผดเผาเอาไว้ ไม่ได้ไปตามการเรียกหาของสายเลือด บางทีพวกเขาอาจไม่เชื่อตำนาน บ้างอาจเชื่อตัวเองหรือไม่ก็ไม่อยากละทิ้งทุกอย่างไป

สิ่งเหล่านี้ซูหมิงไม่รู้

เขาในตอนนี้นอนอยู่บนพื้นหญ้า เหนือขึ้นไปเป็นสายรุ้งสว่างพร่างพราวนับไม่ถ้วน มีลายหมานภูเขาทมิฬมายา มียอดเขาลำดับเก้าในใจเขา สองยอดเขาอยู่บนผืนฟ้า ก่อนซ้อนทับกันตามจิตใจของซูหมิง

วินาทีที่ซ้อนทับกัน ฟ้าดินส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เผ่าเซียนหลายหมื่นคนรอบๆ ล้วนรู้สึกว่ามีแรงปะทะรุนแรงจากซูหมิงกระจายออกเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว พวกเขาเลยจำต้องถอยออกมา

แม้แต่ตี้เทียนชุดคลุมทองบนฟ้ายังถอยออกมาด้วยสีหน้าทะมึน

ลายหมานปรากฏอย่างชัดเจนแล้วผสานรวมกันจากภาพมายา อาศัยพลังเซ่นไหว้กระดูกสมบูรณ์เป็นตัวผลักดัน ส่งผลให้ลายหมานสมจริงขึ้นแล้วรวมออกมาเป็นหนึ่งวิญญาณ!

วิญญาณนี้เชื่อมต่อกับฟ้าดิน สูบพลังฟ้าดิน จากนั้นก็เกิดการวิวัฒนาการคล้ายกับการผลัดเปลี่ยนของวิญญาณ หลังจากการรวมเป็นวิญญาณ รวมเป็นจิตใจแน่วแน่และสายเลือดทั่งร่างแล้ว จึงก่อร่างออกมาเป็นเทวรูปหมานของตน

หากเทวรูปหมานปรากฏ เทวรูปหมานนี้จะส่องสะท้อนตน ทำให้ใบหน้าของเทวรูปเหมือนกับตนทุกประการ จากนั้นก็จะหลอมรวมเข้าสู่ร่างกาย เป็นอันจบการทะลวงขั้นวิญญาณหมาน

สิ่งนี้ดูเหมือนง่าย ทว่าความจริงคือหากขณะทะลวงขั้นเกิดข้อผิดพลาดแม้แต่น้อยก็จะล้มเหลวทันที

ก่อนหน้านี้ซูหมิงทะลวงขั้นวิญญาณหมานล้มเหลวมาครั้งหนึ่งแล้ว นั่นก็เท่ากับว่าเดินพลาดในก้าวแรกของการผสานรวมหมานเป็นวิญญาณ วิญญาณของเขาไม่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้หลังหล่อหลอมกับหินสีม่วงอมดำ เขามีความรู้สึกเด่นชัดว่าวิญญาณของตนสมบูรณ์แล้ว

“ภูเขาทมิฬคือวิญญาณ…ยอดเขาลำดับเก้าคือจิต!” ซูหมิงเอ่ยเสียงเบา ทันทีที่สิ้นเสียง ภูเขาทมิฬกับยอดเขาลำดับเก้าบนฟ้าพลันซ้อนทับกันและเกิดเค้าลางว่าจะผสานรวมกัน

สายรุ้งโค้งบนฟ้ามีมากขึ้น มวลอากาศด้านหลังสายรุ้งก็บิดเบี้ยวรุนแรงขึ้น เหมือนว่าวัตถุข้างในกำลังสั่นไหวและตื่นเต้น หมายมั่นจะบุกฝ่าอากาศที่บิดเบี้ยวลงมาเยือน อีกทั้งยามนี้ ในความคิดซูหมิงรู้สึกถึงผนึกแห่งความทรงจำตอนทะลวงขั้นวิญญาณหมานครั้งแรกอีกครั้ง ผนึกนี้มีท่าทีว่าจะคลายอีกครา

“วิญญาณหมาน วันนี้ข้าซูหมิง…..จะทะลวงสู่วิญญาณหมาน!”

ซูหมิงเงยหน้าร้องคำราม ก่อนยืนขึ้นจากพื้นหญ้าอย่างช้าๆ ตัวเขากำลังสั่นไหว แต่นัยน์ตากลับมีเปลวเพลิงแห่งความยึดมั่น

เขาจ้องตี้เทียนชุดคลุมทองเขม็ง กระทั่งตี้เทียนชุดคลุมทองยังเห็นจิตสังหารในแววตาเขา จิตใจเกิดการสั่นสะท้าน นี่ไม่ใช่จิตสังหารธรรมดาและไม่ใช่จิตสังหารในแววตาทั่วไป แต่มันมีกลิ่นอายชั่วร้ายเด่นชัดยิ่ง และที่กลิ่นอายชั่วร้ายนี้สร้างความหวาดหวั่นให้กับตี้เทียนชุดคลุมทองได้ นั่นก็เป็นเพราะว่ามันเคยเผยออกมาก่อนที่ร่างแยกชุดคลุมม่วงจะสูญสลายไป

ซูหมิงยกมือขวาแล้วพลันสะบัดไปบนฟ้า

“โชคชะตาคือฟ้า!” พอซูหมิงสะบัดมือไป ด้านนอกภูเขาทมิฬกับยอดเขาลำดับเก้าที่กำลังซ้อนทับกันปรากฏร่างมายาของเด็กทารกขึ้นคนหนึ่ง ร่างมายานี้เปลี่ยนไปอย่างเร็วรี่ นอกจากนี้ยังเผยรูปร่างของชายหนุ่มผมม่วง สองร่างนี้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แล้วสร้างเป็นภาพเหตุการณ์พิลึกที่แทบจะทำให้คนหายใจติดขัด

สายรุ้งเพิ่มมากขึ้นอีก!

มวลอากาศบิดเบี้ยวบนฟ้าเหมือนจะพังทลายทั้งผืน!

เผ่าเซียนผู้ฝึกฌานหลายหมื่นคนรอบๆ ยังพอว่า ทว่าพอตี้เทียนชุดคลุมทองกับจี๋อั้นเห็นรูปร่างชายหนุ่มผมม่วงแล้วกลับหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง และยังแฝงไว้ด้วยความตระหนกตื่นกลัวที่ปกปิดไม่มิด

‘สมควรตาย ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะสร้างภาพมายาอาคมขึ้น!’ จี๋อั้นหน้าเปลี่ยนพร้อมกับรีบร้อนถอยไป ราวกับว่าร่างมายาชายหนุ่มผมม่วงคนนั้นเป็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวจนไม่อาจบรรยาย

ตี้เทียนหน้าขาวซีด ร่างโซเซ ทว่ากลับหัวเราะลั่นอย่างบ้าคลั่ง

“ซู่มิ่ง…ภาพมายาอาคม…แล้วอย่างไร!”

“วิญญาณอยู่ในโลกมนุษย์…” ซูหมิงหลับตาพลางเอ่ยเสียงเบา เมื่อสิ้นเสียงฟ้าดินพลันส่งเสียงดังสนั่น จากนั้นภูเขาทมิฬ ยอดเขาลำดับเก้า และร่างเงาซู่มิ่งก็ซ้อนทับกันในทันที

หลังจากสามสิ่งผสานรวมกัน ซูหมิงตัวสั่น แต่นัยน์ตาเหนื่อยล้ากลับเป็นประกายแวววาว

“ในเมื่อพวกเจ้าเกรงกลัวร่างผมม่วง…เช่นนั้นวิญญาณของข้าก็จะใช้ร่างนี้เป็นเครื่องเซ่นไหว้ และกลายเป็นรูปลักษณ์ของเขา…”

“ซู่มิ่งคือเครื่องเซ่นไหว้ ภูเขาทมิฬคือวิญญาณ ยอดเขาลำดับเก้าคือจิต หลอมรวม!” ซูหมิงตะโกนเสียงต่ำ ฉับพลันนั้นชายหนุ่มผมม่วงในร่างมายาทั้งสามบนฟ้าหลับตาลงแล้วกลายเป็นศูนย์กลาง

ยอดเขาลำดับเก้าอยู่ทางขวา ภูเขาทมิฬอยู่ทางซ้าย ระหว่างซ้อนทับกันก็เกิดเสียงครึกโครมดังสนั่นแก้วหู ชั่วพริบตาเดียวสามร่างมายาก็หลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์!

ในความคิดซูหมิงก็มีเสียงระเบิดเช่นกัน ผนึกในความคิดถูกฉีกออกเป็นวงกว้าง แต่ก็ยังไม่พังทลายโดยสมบูรณ์ ประหนึ่งว่ามีพลังบางอย่างส่งมาจากอากาศและขวางไม่ให้ผนึกในความคิดถูกฉีกออกทั้งหมด

ซูหมิงยิ้มเยาะมุมปาก ท้องฟ้าเป็นของวิญญาณเขา หลังสามร่างมายาหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์แล้วก็ออกมาเป็นร่างมายาของชายหนุ่มผมม่วงต่อหน้าทุกคนทันใด

ชายหนุ่มผมม่วงหลับตาอยู่ เส้นผมยาวพลิ้วไหว ยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ แต่กลับมีพลังฟ้าดินไร้ขีดจำกัดหลั่งทะลักมาอย่างบ้าคลั่ง ในระหว่างที่เขารวมขึ้นจากวิญญาณ พลังฟ้าดินบุกทะลวงเข้าไปในร่างกายทั้งหมดทันที ทำให้ร่างวิญญาณมายาสมจริงขึ้นอย่างรวดเร็ว

เมื่อวิญญาณตนนี้สูบพลังฟ้าดินดุจกลืนกินและกลายเป็นร่างสมจริงขึ้นมาแล้ว ก็มีแรงกดดันมหาศาลถาโถมลงมาจากอากาศบิดเบี้ยวด้านหลังสายรุ้งนับไม่ถ้วนบนฟ้า

วินาทีที่แรงกดดันถาโถมลงมา เผ่าเซียนหลายหมื่นคนรอบๆ ล้วนตัวสั่นในทันที หลายคนที่บาดเจ็บเป็นทุนเดิมอยู่แล้วกระอักโลหิตทันใด ร่างสั่นงันงกก่อนคุกเข่าลง คล้ายว่าหากไม่คุกเข่าคำนับร่างจะระเบิดกระจุย

หลังจากเผ่าเซียนคุกเข่าลงคนแรก เผ่าเซียนคนอื่นๆ ก็พากันคุกเข่าลงเป็นวงกว้าง กระทั่งตี้เทียนชุดคลุมทองกับจี๋อั้นบนฟ้ายังหน้าเปลี่ยนสีและรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน

‘เพียงทะลวงขั้นวิญญาณหมาน เหตุใดถึงเกิดปรากฏการณ์ฟ้าดินน่าตะลึงเช่นนี้ และยังมีแรงกดดันนี้อีก!’

‘ต่อให้รวมดวงชะตาเผ่าหมานมาอยู่ในร่างเดียว ก็ไม่มีทางสร้างอานุภาพกดดันขนาดนี้ตอนทะลวงวิญญาณหมาน เว้นแต่จะข้ามจากวิญญาณหมานไปสู่อีกขั้นพลังหนึ่ง บางทีอาจจะทำได้’

ตี้เทียนชุดคลุมทองใจสั่นไหว ก่อนมองซูหมิงทันใด เมื่อมองไปมองมาก็หรี่ตาลง

ตอนนี้จี๋อั้นที่ถอยออกไปเล็กน้อยเพ่งมองซูหมิงเช่นกัน ลมหายใจเริ่มกระชั้น กำพัดในมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เขาเองก็เหมือนจะมองเงื่อนงำออกบ้างเหมือนกัน

“เทวรูปหมาน หลอมรวม!” ทันใดนั้นซูหมิงเงยหน้าขึ้น แล้วเปล่งเสียงตะโกนทุ้มต่ำไปทางวิญญาณของเขาบนฟ้า จากนั้นวิญญาณพลันลืมตาขึ้น

พอลืมตาแล้ว วิญญาณของเขาก็หันไปมองตี้เทียนชุดคลุมทอง

ตี้เทียนหรี่ตาลง ขยับถอยไปเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ถึงจะปกปิดความคิดในใจเอาไว้สุดกำลัง ทว่าท่าทางการถอยกลับบ่งบอกว่าเขากำลังตื่นกลัว

เวลานี้ท่ามกลางเสียงตะโกนของซูหมิง สายรุ้งบนฟ้าพลันระเบิดกระจายออกไปครึ่งหนึ่ง กลายเป็นจุดแสงผลึกพร่างพราวตรงไปหาวิญญาณบนฟ้า ก่อนผสานรวมเข้าไปในพริบตา ทันทีที่ผสานรวมกัน วิญญาณซูหมิงกลับระเบิดกระจาย

การระเบิดครั้งนี้ไม่ใช่ล้มเหลว แต่เป็นการรวมเทวรูปหมาน!

หลังจากวิญญาณผมม่วงระเบิด จุดแสงวาววับเหล่านั้นก็หล่อหลอมเข้าด้วยกันกลายเป็นเทวรูปหมานกลางอากาศ

นี่คือเทวรูปหมานของซูหมิง ทว่าตอนที่เทวรูปหมานปรากฏและเป็นที่จับตามองของคนหลายหมื่นนั้น กลับเกิดเสียงดังเกรียวกราวที่ไม่อาจระงับได้กึกก้องไปรอบๆ

เสียงดังเกรียวกราวมาจากคนหลายหมื่นคนด้านล่าง กระทั่งตี้เทียนชุดคลุมทองกับจี๋อั้นยังตะลึงงัน ทว่าพอสองคนตะลึงงันครู่หนึ่งแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีอีกครั้ง ในการแปรเปลี่ยนทางสีหน้า มีความตื่นตะลึงเผยให้เห็นมากที่สุด

เพราะเทวรูปหมานของซูหมิงไม่สมบูรณ์ มันปรากฏเพียงมือข้างเดียว!

มันคือมือขวาเท่านั้น

ทุกส่วนแวววาวปานหยก แสงสว่างแพรวพราววนเวียนอยู่ด้านบน ดูแล้วเหมือนรวมขึ้นจากความงดงามของโลกใบนี้ มือขวาข้างนั้นลอยอยู่กลางอากาศ แผ่กลิ่นอายพลังแก่กล้าของขั้นวิญญาณหมานออกมา

ทางด้านซูหมิง ตอนนี้ร่างกายที่สูญเสียพลังไปฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ภายใต้แรงปะทะอย่างบ้าคลั่งยังเกิดเสียงปุดๆ แว่วมาจากในร่างกาย ร่างเขาลอยขึ้น เส้นผมเคลื่อนไหวเองแม้ไร้ลม ในเวลาเดียวกัน แขนขวาเทวรูปหมานก็ตรงมายังมามือขวาเขาแล้วหล่อหลอมเข้าไปข้างใน

ช่วงที่แขนขวาเทวรูปหมานหลอมเข้ากับมือขวาซูหมิง พลันมีกลิ่นอายพลังขั้นวิญญาณหมานที่แท้จริงปะทุมาจากตัวเขา!

เขาในตอนนี้ข้ามผ่านขั้นเซ่นไหว้กระดูกไปสู่ขั้นวิญญาณหมานแล้ว แม้เป็นเพียงวิญญาณหมานตอนต้น ทว่าความต่างระหว่างเซ่นไหว้กระดูกกับวิญญาณหมานกลับต่างกันโดยสิ้นเชิงราวฟ้ากับดิน

พลังฟ้าดินหลั่งทะลักเข้าสู่ร่างกายเขาอย่างบ้าคลั่งในวินาทีนั้น ส่งผลให้ความเหนื่อยล้าในแววตาหายไป แล้วแทนที่ด้วยประกายแวววาวไร้สิ้นสุด ประกายนั้นเหมือนมีดาราอยู่ในดวงตา ไม่ว่าใครก็มองตรงๆ ไม่ได้

สายรุ้งบนฟ้าขยับวูบวาบตาม ผืนฟ้าที่บิดเบี้ยวขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ได้ปกคลุมแดนรกร้างบูรพาอย่างเดียว แต่ปกคลุมไปมากกว่าครึ่งโลกหมาน อีกทั้งด้านบนยังมีเสียงดังโครมครามพร้อมกับแรงกดดันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

“เทวรูปหมานมีเพียงแขนข้างเดียว เรื่องนี้มัน…..หรือว่าเขายังทะลวงขั้นวิญญาณหมานไม่จบสิ้น!”

“ปรากฏการณ์พิลึกบนฟ้าก็ยังอยู่ นอกจากจะไม่หายไปแล้ว มันกลับรุนแรงขึ้นอีก!”

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่…..”

ท่ามกลางเสียงดังอื้ออึง พลันมีเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวพอจะสร้างความตื่นตะลึงกับทุกคนบนพื้นแว่วมาจากในมวลอากาศบิดเบี้ยวบนฟ้า มันคือเสียงท้องฟ้าแตกกระจาย

จากนั้นก็มีมือขวาใหญ่ยักษ์ยื่นลงมาจากเศษผืนฟ้าที่แยกออก!

ซูหมิงขยับวูบไหวตัว มายืนอยู่ตรงกลางฝ่ามือขวาใหญ่ยักษ์ที่ยื่นลงมาจากบนฟ้า ก่อนก้มหน้ามองตี้เทียนด้านล่าง

“ตี้เทียน มาเริ่มการต่อสู้ของเราต่อได้แล้ว” ซูหมิงกล่าวจบ อานุภาพกดดันที่ขวางตี้เทียนไม่ให้เข้ามาใกล้พลันหายไป

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!