ตอนที่ 682 ครั้งที่สามสิบเจ็ด
ทันทีที่ขั้นพลังก้าวสู่วิญญาณหมานสมบูรณ์ ผนึกในหัวซูหมิงพลันส่งความเจ็บปวดสุดขีดเข้ามา ทำให้ใบหน้าเขามีเส้นเลือดดำปูดโปน ผนึกฉีกขาด และเขายังรู้สึกอีกครั้งว่าพลังที่ส่งเข้ามาจากที่ไกล…เหมือนไม่ใช่การส่งผ่านอากาศอีก แต่มาจากตรงหน้าเขาไม่ไกลนัก ตรงนั้นเหมือนมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องตนเขม็ง
สิ่งนั้นรบกวนผนึกในความคิดเขา ส่งผลให้มันไม่อาจคลายออก มิหนำซ้ำขณะผนึกฉีกแยกอยู่นี้ก็ยังสมานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และต่อต้านในจิตสำนึกเขาอยู่เรื่อยๆ
ซูหมิงคาดการณ์ได้ว่าพลังชนิดนี้หมายมั่นจะผนึกความทรงจำของตนทั้งก่อนหน้าและตอนนี้ ความต่างคือก่อนหน้านี้ส่งผ่านอากาศมา ทว่าตอนนี้เหมือนอยู่ตรงหน้า ราวกับมาถึงเผ่าหมานแล้ว
ซูหมิงค่อยๆ เงยหน้าขึ้น การปะทุของพลัง การต่อต้านในจิตสำนึก การฉีกขาดและสมานของผนึก ทำให้ดวงตาเขามีเส้นเลือดจำนวนมาก มองไปเป็นสีแดงฉาน เขากวาดสายตามองไปรอบๆ แวบเดียวก็มองไปทางเสาลำแสงของวงแหวนอาคมผู้มาเยือน!
“พวกเจ้า…เตรียมพร้อมแล้วรึยัง” ซูหมิงกล่าวเสียงแหบแห้ง ในร่างกายเต็มไปด้วยพลังฟ้าดินไม่อาจจินตนาการถึง กระทั่งเขายังมีความรู้สึกว่าเพียงตนความคิดเคลื่อนไหว ฟ้าดินก็ถล่มทลายลงได้
เหมือนว่าเขาคือฟ้า ฟ้าก็คือเขา!
เมื่อเอ่ยออกไป เสียงเขาดังสนั่นหวั่นไหวปานรวมเป็นหนึ่งเดียว เอ่ยออกไปดุจมีคนว่าตาม สั่นสะเทือนฟ้าดิน อีกทั้งหลังจากเสียงดังก้องกังวาน ลำแสงน้ำวนสองจุดสั่นไหวเพียงเพราะเสียงเขา เหมือนใกล้จะรับไม่ไหวแล้วพังพินาศลง
ร่างเงาเซียนเกือบร้อยในลำแสง ตอนนี้มากกว่าครึ่งมาเยือนเสร็จสิ้น ทว่ากลับมองซูหมิงอย่างเงียบๆ ด้วยใจตื่นตระหนก
พวกเขาเห็นขั้นตอนขณะซูหมิงก้าวสู่ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ เห็นเทวรูปหมานยักษ์พันจั้งตรงหน้าซูหมิง โดยเฉพาะแรงกดดันอันน่าสะพรึงจากเทวรูปหมาน ทำให้พวกเขาหัวใจเต้นระรัว
บวกกับลำแสงสั่นไหวเพราะเสียงของซูหมิง ก็ยิ่งทำให้พวกเขาทุกคนมีสีหน้าเหลือเชื่อระคนตื่นตระหนก
“ยินดีต้อนรับสู่…เผ่าหมาน!” ซูหมิงพลันเงยหน้า เมื่อเอ่ยคำนี้ไป ฟ้าดินส่งเสียงครืนๆ ทันใด ลำแสงมาเยือนสองจุดสั่นไหวอย่างรุนแรงก่อนพังพินาศลง ขณะเดียวกัน คนเกือบร้อยภายในพลันพุ่งออกมา
คนเกือบร้อยนี้ส่วนใหญ่มีขั้นพลังไม่ธรรมดา ในนั้นมีหลายคนอยู่ขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์ กระทั่งยังมีสองคนเทียบเท่าร่างแยกของตี้เทียน
ทว่าตอนนี้ ชั่วขณะที่พวกเขาพุ่งออกมา ซูหมิงยกมือขวาคว้าไปตรงหน้า เหมือนกับชายชราที่เจอในโลกอมตะกางมือคว้าไปยังวิญญาณอมตะนับไม่ถ้วน
ซูหมิงในตอนนี้เป็นอย่างนั้น ทันทีที่เขายกมือขวา เทวรูปหมานก็ยกมือขวาตามในท่าเดียวกัน
เสียงระเบิดดังสนั่นสะเทือนฟ้าในชั่วพริบตา เผ่าเซียนเกือบร้อยคนมีมากกว่าครึ่งหยุดชะงักแล้วตัวสั่น ร้องโหยหวนด้วยความสิ้นหวัง ก่อนร่างระเบิดกระจุยไปทีละคน
ครั้นพวกเขาร่างระเบิด พลังชีวิตหลายเส้นม้วนตรงมายังมือขวาซูหมิง เมื่ออยู่ในหมัดเขาแล้วก็แผ่กระจายพลังคำสาปส่งกลับไปยังแดนเซียน!
ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวในขณะเดียวกัน แล้วมาปรากฏอยู่ข้างผู้ฝึกฌานที่มีพลังเทียบเท่าร่างแยกตี้เทียน ผู้ฝึกฌานคนนั้นหันหน้ามามองทันที ฉับพลันนั้นทั่วร่างเปล่งแสงสีเขียวเข้ม จังหวะที่กำลังจะถอยไป ซูหมิงใช้มือซ้ายทะลวงเข้าไปโดยไม่สนใจแสงสีเขียวแม้แต่น้อย ก่อนจะคว้าหน้าอกผู้ฝึกฌานแล้วบีบห้านิ้วมือ ฝ่ายตรงข้ามเบิกตากว้าง ถูกเขาบดขยี้หัวใจไป
นอกจากนี้ยังส่งคำสาปออกมาทำลายจิตแรกของคนผู้นี้ และส่งไปทำลายร่างจริงในแดนเซียน!
“จากนี้ไป เผ่าหมาน…คือแดนต้องห้ามของพวกเซียน!”
ซูหมิงกล่าวนิ่งๆ แล้วคลายฝ่ามือ ขณะหมุนตัวเส้นผมยาวปลิวไสว มือซ้ายยกชี้ไปข้างหน้า ตอนที่เขาหมุนตัวไป ผู้ฝึกฌานที่มีพลังเทียบเท่าร่างแยกตี้เทียนอีกคนก็เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาเข้ามาใกล้แล้ว แม่น้ำภูเขาปรากฏในมือเขา ตะวันจันทราและดาราเหมือนแฝงทั้งท้องนภาไว้ภายใน แล้วรวมขึ้นเป็นธงปลายแหลมผืนใหญ่สะบัดไปหาซูหมิง
ซูหมิงยังคงชี้นิ้วมือซ้าย ทะลวงผ่านธงปลายแหลมเข้าไปกดตรงหน้าอกผู้ฝึกฌานคนนั้น อีกฝ่ายกระอักเลือดแล้วถอยหนีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวพลางใช้มือขวาแย่งธงปลายแหลมมา ก่อนชกหมัดซ้ายผ่านอากาศไปทางผู้ฝึกฌานคนนั้น
“เผ่าเซียนทุกคนที่มาที่นี่ต้องตาย!” ตอนที่เสียงเบาๆ ของซูหมิงดังกังวานก็ชกหมัดนั้นเข้าไปแล้ว เกิดเป็นคลื่นเสียงสั่นสะเทือนฟ้าดิน ผู้ฝึกฌานคนนั้นร่างระเบิดกระจายเป็นเศษเนื้อ เขากับคนก่อนหน้านี้ไม่ใช่ร่างแยกธรรมดา แต่เป็นร่างอาคม!
ร่างอาคมจะอยู่สูงกว่าร่างแยกระดับหนึ่ง ตัวตนของมันเทียบเท่ากับจิตแรกของเซียนผู้ฝึกฌาน และเป็นของเซ่นไหว้ที่ใช้ฝากชีวิตและเก็บรักษาชีวิตได้
ฉะนั้นขั้นพลังของร่างอาคมนี้จึงนับว่าเทียบเท่ากับร่างแยกตี้เทียน แต่ตอนนี้หลังจากซูหมิงทะลวงสู่ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์และได้รับดวงชะตาของทั้งเผ่าหมานมาแล้ว ต่อให้เป็นร่างแยกของตี้เทียน…การจะสังหารก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ ก่อนก้าวเดินขึ้นมาปรากฏบนบ่าเทวรูปหมาน ยืนมองฟ้าอยู่ตรงนั้น นัยน์ตามีจิตสังหารปรากฏ
“ตี้เทียน ในเมื่อมาตั้งนานแล้ว เหตุใดถึงยังไม่ปรากฏตัว”
ครั้นซูหมิงกล่าวขึ้น กลางท้องฟ้าแท้จริงของเผ่าหมาน วงแหวนอมคมของผู้มาเยือนที่สว่างพร่างพราวสองจุดท่ามกลางน้ำวนยักษ์ส่งเสียงกระหึ่มอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน ตรงด้านล่างทางขวาของวงแหวนอาคมก็ค่อยๆ เผยร่างชายสวมมงกุฎจักรพรรดิสีดำ ใส่เสื้อคลุมจักรพรรดิสีดำคนหนึ่ง
ทันทีที่เผยร่าง ระลอกคลื่นพลังแก่กล้าที่แท้จริงแผ่กระจายรอบตัวบุคคลผู้นั้น กลายเป็นเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นไปรอบๆ
นี่ไม่ใช่ร่างแยก!
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่งยามมองตี้เทียนชุดคลุมดำ มองแวบเดียวก็รู้ว่าตี้เทียนในครั้งนี้ต่างกับร่างแยกสามคนก่อนหน้านี้ที่เขาสังหารไปอย่างชัดเจน
บุคคลนี้ทำให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกเหมือนว่าไม่ใช่การยึดร่าง แต่รวมออกมากลางฟ้าดินจริงๆ อีกทั้งใบหน้ายังสมจริงยิ่งนัก ไม่มีเลือนรางเลย
กระทั่งในความรู้สึกซูหมิง นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว ตอนมองตี้เทียน ในความคิดเขาจะมีภาพตอนออกจากภูเขาทมิฬแล้วมายังแดนอรุณใต้ลอยขึ้นมา ในมิติดำมืดนั้น ตรงหน้าตนที่ถูกล่ามโซ่มีคนเสื้อคลุมดำยืนอยู่บนศีรษะยักษ์
ตอนที่เกิดความรู้สึกเช่นนี้คือตอนที่ซูหมิงเจอร่างแยกตี้เทียนเป็นครั้งแรก ด้วยขั้นพลังในตอนนั้น เขาเลยมองเงื่อนงำออกไม่มากนัก ฉะนั้นจึงมองข้ามความรู้สึกในครั้งแรกไป
จากนั้นเขาก็เจอกับร่างแยกคนที่สองและสาม แม้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่ง เขากลับไม่เกิดความรู้สึกเหมือนครั้งแรก เว้นแต่…..ในตอนนี้!
กล่าวได้ว่าเพราะขั้นพลังของซูหมิงในตอนนี้ วินาทีที่มองตี้เทียนชุดคลุมดำ ผนึกความทรงจำในความคิดเกิดรอยฉีกแยกเป็นวงกว้าง เขาเหมือนนึกอะไรบางอย่างออกในความเลือนราง
ทว่ามันกลับขมุกขมัว สิ่งที่ชัดเจนคือความรู้สึกจากห้วงลึกว่าตน…ไม่ได้เจอตี้เทียนชุดคลุมดำเป็นครั้งแรก เพราะคนที่ปรากฏในมิติดำมืดนั้นก็คือตี้เทียนชุดคลุมดำ!
บางทีอาจกล่าวได้อีกว่านี่ต่างหากคือตี้เทียนในความหมายจริงๆ ร่างที่สังหารไปก่อนหน้านี้ล้วนเป็นร่างแยกที่ถูกตี้เทียนควบคุมแล้วใส่จิตสำนึกของตนลงไป!
“นี่คือ…ร่างอาคมที่มาเยือนครั้งที่สามสิบเจ็ดของข้า…” ตี้เทียนชุดคลุมดำกล่าวนิ่งๆ น้ำเสียงดูผ่านโลกมาโชกโชน และเสียงยังต่างกับร่างแยกนัก ในน้ำเสียงไม่มีความน่าเกรงขาม แต่สูงส่งเหนือใคร มองซูหมิงเหมือนอยู่บนที่สูงกว่า
เขาก้าวเดินมาทางซูหมิงทีละก้าวอย่างเนิบช้า
“สามสิบหกครั้งก่อนหน้านี้เป็นเพราะเจ้าไม่ทำตามสัญญา ไม่ปฏิบัติตามสิ่งที่เจ้ารับปากกับข้าเอาไว้ คิดจะต่อต้านข้า….สุดท้ายก็ถูกข้าสังหารไปสามสิบหกครั้ง
ทุกครั้ง ข้าไม่ได้จะสังหารเจ้าจริงๆ แต่ทำให้เจ้าตกอยู่ในห้วงความคิดใหม่…นี่คือครั้งที่สามสิบเจ็ด…และก็จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” เสียงแผ่วเบาของตี้เทียนคล้ายแฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์ พอเข้ามาใกล้ซูหมิง ผนึกในความทรงจำก็ส่งความเจ็บปวดมารุนแรงขึ้นและก็คลายออกมากขึ้นเรื่อยๆ
“ครั้งนี้เปลี่ยนไปมากที่สุด….และก็เป็นครั้งเดียวที่เจ้าทำลายร่างแยกของข้าได้ทั้งหมด…ทว่า เจ้าก็ยังต้องหลับใหล!”
ตอนนี้ตี้เทียนชุดคลุมดำอยู่ห่างจากซูหมิงเพียงสองสามร้อยจั้งเท่านั้น ในหัวซูหมิงเกิดความเจ็บปวดจนเขาใกล้จะคลุ้มคลั่ง ความทรงจำ…กำลังค่อยๆ เปิดออก
ทันทีที่ตี้เทียนก้าวเดินอีกหนึ่งก้าว มีเสียงระเบิดดังขึ้นในหัวซูหมิง ภาพจำนวนมากระเบิดปะทุออก กลายเป็นความปั่นป่วนในความคิด
ในความปั่นป่วนนั้น เขาเห็น…ภาพแต่ละฉากเมื่อหนึ่งพันปีก่อน!
เด็กหนุ่มเมื่อหนึ่งพันปีก่อนถูกดูดเข้าไปในมิติจากเหตุการณ์ครั้งใหญ่ของภูเขาทมิฬ ที่ที่เขาปรากฏไม่ใช่แดนอรุณใต้ แต่เป็นแผ่นดินใหญ่ที่เขาไม่เคยไป ที่นั่นเต็มไปด้วยพายุหิมะ…ที่นั่นมีคนแปลกหน้า ทุกอย่างดูแปลกตา…
หลายร้อยปีต่อมา เมื่อเขาบรรลุถึงขั้นวิญญาณหมานตอนปลายและค้นพบความทรงจำของตัวเอง ตอนที่กำลังจะฝืนลิขิตฟ้า ตี้เทียนก็ปรากฏตัวขึ้น การต่อสู้ครั้งนั้นเขาถูกโซ่นับไม่ถ้วนพันธนาการเอาไว้และแพ้อย่างน่าอนาถยิ่ง ซึ่งคนที่เขาพ่ายให้คือชายที่ยืนอยู่บนศีรษะยักษ์…นั่นก็คือตี้เทียนชุดคลุมดำตรงหน้า!
‘นี่คือการมาเยือนครั้งที่สามสิบหกของข้า มันก็เหมือนกับครั้งที่สามสิบห้า หากเจ้าทำลายร่างอาคมข้าได้ จากนี้ไปข้าจะมาเยือนไม่ได้อีก และเจ้าจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง…กระทั่งข้าจะมอบตรานี้ให้เจ้าด้วย…’ ยามนี้ความทรงจำซูหมิงปะทุขึ้นมา นี่คือคำพูดของอีกฝ่ายก่อนต่อสู้กับตี้เทียนชุดคลุมดำเมื่อพันปีก่อน
‘เจ้าทำให้ข้าผิดหวังมาก…’ นี่คือตอนจบของความทรงจำเมื่อพันปีก่อน เป็นคำพูดจากตี้เทียนชุดคลุมดำ
“นึกออกแล้วรึ?” ตี้เทียนชุดคลุมดำเดินเข้ามาช้าๆ พลางกล่าวเสียงเบา
ดวงตาซูหมิงเป็นสีแดงฉานยิ่งกว่าเดิม เขาเงยหน้าจ้องตี้เทียนชุดคลุมดำ นัยน์ตามีจิตสังหารวูบผ่าน
“ครั้งนี้ก็เหมือนกับสามสิบหกครั้งก่อน หากเจ้าทำลายร่างอาคมข้าได้ จากนี้ไปเจ้าจะเป็นอิสระอย่างแท้จริง ข้าจะมอบตรานี้…ให้เจ้าด้วย” ตี้เทียนกล่าวพลางยกมือขวาขึ้น ตราสีดำชิ้นหนึ่งลอยออกมา บนตรานั้นมีกระดูกสันหลังที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง ความรู้สึกอึมครึมอบอวลอยู่ทางซ้ายและขวาของตรา
วินาทีที่เห็นตรานี้ก็พลันเกิดเสียงโครมดังในจิตใจซูหมิง เขาเคยเห็นตรานี้มาก่อน!



