Skip to content

สู่วิถีอสุรา 715

ตอนที่ 715 ค่ายกลกระบี่ชุมนุมเซียน

ท้องฟ้ากลายเป็นสีแดงอ่อนคล้ายฤดูใบไม้ร่วง ตอนที่มองไปจะเกิดความรู้สึกอ้างว้าง

แผ่นดินเต็มไปด้วยโลหิตเหนียวหนืด คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด พอได้กลิ่นแล้วหากไม่อาเจียนก็จะตื่นเต้น ที่นี่ไม่ใช่ขุมนรก แต่มันคล้ายกับยมโลก

สำนักซ่อนมังกรบนแผ่นดินหมาน…สูญสิ้นนับจากนี้ไป

ทุกสิ่งมีชีวิตในสำนัก นอกจากหนึ่งพันกว่าคนที่ตัวสั่นคุกเข่ายอมศิโรราบ เลือกเปลี่ยนสายเลือดเพื่อมีชีวิตรอดแล้ว คนที่เหลือ…ล้วนตายหมด

เป็นการตายอย่างน่าอนาถ ไม่มีแรงต่อสู้ดิ้นรนมากนัก ภายใต้การเข่นฆ่าของกองทัพเผ่าหมานสี่แสนคน ไม่มีใครมีชีวิตรอด….โดยเฉพาะภายภาคหน้าที่นี่จะเป็นที่ตั้งชนเผ่าของหยาหมาน ฉะนั้นเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดคิด หยาหมานจึงให้ชาวเผ่าของเขาปิดล้อมที่นี่เอาไว้อย่างแน่นหนา เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีศิษย์สำนักซ่อนมังกรคนใดหนีไปได้

การต่อสู้ครั้งนี้ซูหมิงไม่ได้ลงมือ เขายืนอยู่กลางอากาศอย่างสงบนิ่ง มองการแสดงกลิ่นคาวเลือดอย่างเย็นชา ข้างหูมีเสียงกรีดร้องแว่วมา และยังมีคำด่าทอสาปแช่งก่อนตายนับไม่หวัดไม่ไหว

ทุกอย่างนี้อยู่ในสายตาเขา ตอนที่ได้ยิน ความสับสนและชัดเจนในแววตาตัดสลับกัน เขายืนนิ่งไม่ขยับไหว

หนานกงเหินคุ้มกันซูหมิงอย่างเงียบๆ และยังมีชาวเผ่าชะตาชีวิต พวกเขาแบ่งกันโอบล้อมซูหมิง หากคนสำนักซ่อนมังกรบุกเข้ามา พวกเขาจะกลายเป็นหิมะตายแทนทันที

“คนเรามีวันตาย…..จากกำเนิดสู่ความตาย เหมือนกับฤดูใบไม้ผลิสู่ฤดูหนาว…เพียงแต่ว่าสีของฤดูใบไม้ร่วงยังคงเจือจาง” ซูหมิงกล่าวพึมพำเสียงเบา

ยามค่ำคืนใกล้จะมาถึง ดวงจันทร์ลอยสูงอยู่บนฟ้า กลิ่นอายมรณะในสำนักซ่อนมังกรพุ่งขึ้นฟ้าและกระจายไปรอบๆ วิหารใหญ่นับไม่ถ้วนที่พังทลายลงจากสงครามครั้งนี้

ที่นี่ไม่มีสำนักซ่อนมังกรอีก แต่เป็นส่วนชนเผ่าของหยาหมาน

ทรัพยากรของสำนักซ่อนมังกรจำนวนมากถูกขุดขึ้นมา

ผนึกนับไม่ถ้วนถูกพวกหยาหมานห้าคนใช้พลังทำลายล้างจนเปิดออกมาเป็นถ้ำจำนวนมาก จากนั้นทรัพยากรยิ่งใหญ่ที่แทบจะทำให้ทุกคนหายใจกระชั้นก็ปรากฏตรงหน้าซูหมิง

มันเป็นหินวิญญาณจำนวนมาก เม็ดยาอีกเหลือคณานับ ทั้งยังมีคัมภีร์จำนวนมากกับทรัพยากรยิ่งใหญ่สำหรับหลอมของวิเศษ ทุกอย่างล้วนบ่งบอกถึงความมั่งคั่งและความลับของสำนักซ่อนมังกรว่ามีมากเพียงใด

ต่อให้เป็นสำนักเทียนหลัน แม้ในผืนฟ้ากระจ่างดาวโลกเซียนจะมีชื่อเสียงเทียบเคียงกับสำนักซ่อนมังกร ทว่าจากการทำลายและปล้นชิงสำนัก ก็พบว่าของที่ได้มามีเพียงสามส่วนของสำนักซ่อนมังกรเท่านั้น

ของเหล่านี้ซูหมิงไม่ได้เอามามากนัก ส่วนใหญ่จะมอบให้เผ่าใหญ่เหล่านี้บนแดนรกร้างบูรพา ให้เป็นทรัพยากรสำคัญในการพัฒนาชนเผ่า

เจ็ดวันต่อมา ภายใต้การบุกโจมตีของกองทัพเผ่าหมาน สำนักวิญญาณอสูรต่อต้านได้เพียงครึ่งวัน วงแหวนอาคมของสำนักก็พังทลายลง จากนั้นทั้งสำนักบนแผ่นดินหมานก็กลายเป็นอดีต

ทั้งสำนัก นอกจากไม่กี่คนที่เว้นเอาไว้กับหลายร้อยคนที่ยอมศิโรราบเพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว ทุกคน…..ตายหมด

โลหิตไหลลงมาตามยอดเขาสำนักวิญญาณอสูร ไหลมาตลอดจนถึงตีนเขา เสียงกรีดร้องกับเสียงระเบิดดังกึกก้องอยู่ตลอด

เซินตงไม่ตาย เด็กสาวที่ซูหมิงเคยใช้วิชาหุ่นของเล่นควบคุมก็รอดจากสงคราม แต่ถูกเผ่าหมานเชิญตัวไป นี่คือคำสั่งของซูหมิง

นอกจากนี้แล้ว ทั้งสำนักวิญญาณอสูรพังพินาศลง กลายเป็นที่ตั้งสำนักใหม่ของชายชราเทียนฉี่

ผ่านไปอีกห้าวัน ณ สำนักกระหายอสูร พอกองทัพเผ่าหมานหลายแสนคนเข้ามาใกล้ ทางสำนักก็เลือกระเบิดวงแหวนอาคมฝ่ายภูเขาของตัวเอง การระเบิดแบบนี้คือความคลุ้มคลั่งของฟ้าดินในระยะแสนลี้ บางทีคนสำนักกระหายอสูรอาจมีไม่น้อยที่ไม่ยอม แต่สุดท้ายก็ไม่อาจขวางความตาย

ท่ามกลางเสียงดังก้องกังวานไปทั้งแดนรกร้างบูรพา สำนักกระหายอสูรรวมถึงแผ่นดินที่ตั้งของสำนักกลายเป็นเถ้าธุลี แม้แต่ชาวเผ่าหมานยังบาดเจ็บล้มตายไปจำนวนมาก การบาดเจ็บล้มตายครั้งนี้มากกว่าสำนักเทียนหลัน ทว่ามันกลับกระตุ้นความบ้าคลั่งของสายเลือดหมาน ทำให้กองทัพหมานบุกไปยังสำนักเซียนอสูรด้วยความคลุ้มคลั่ง

สงครามกับสำนักนี้ หลังจากวงแหวนอาคมของสำนักพังลงในที่สุด ชั่วขณะที่กองทัพเผ่าหมานกำลังจะบุกเข้าไปสังหารคนในสำนักเซียนอสูรนั้น ก็เกิดภาพอันน่าตื่นเต้นเร้าใจขึ้น

คนสำนักเซียนอสูรเกิดการแตกแยกกันในสำนัก จังหวะเดียวกับที่วงแหวนอาคมพังทลายลง คนในสำนักก็ฆ่ากันเองตายไปครึ่งหนึ่งแล้ว ส่วนหลายพันคนที่เหลือล้วนคุกเข่าคารวะเผ่าหมาน ยอมเปลี่ยนสายเลือด ยอมเป็นทาสและยอมศิโรราบ

จนถึงตอนนี้ หลังจากสำนักเซียนบนแผ่นดินรกร้างบูรพาถูกทำลายลงเรื่อยๆ ก็เหลือเพียงสำนักเดียวแล้ว สำนักชุมนุมเซียน!

ส่วนสำนักที่ถูกทำลายลงเหล่านั้นก็กลายเป็นเผ่าใหญ่บนแผ่นดินรกร้างบูรพาของพวกเสวี่ยวซาที่ติดตามซูหมิง และยังมีคนหมานครึ่งเซียนจากทุกสำนักที่เคยเปลี่ยนสายเลือดอีกด้วย คนเหล่านี้เคยเป็นเผ่าหมานมาก่อน ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นพวกประหลาด

สำหรับการจัดการคนเหล่านี้ ภายในเผ่าใหญ่ของทุกเผ่าในกองทัพหมาน ตอนแรกมีการถกเถียงกัน บางคนว่าให้พวกเขาอยู่ได้ ถึงอย่างไรพวกเขาส่วนมากเดิมทีเป็นคนในเผ่าตนมาก่อน กระทั่งยังเป็นญาติพี่น้อง ทว่าเผ่าหมานส่วนใหญ่รังเกียจพวกเขา คิดว่าคนทรยศเผ่าหมานเหล่านี้จะต้องใช้โลหิตชะล้างความอัปยศ

ด้วยความที่มีเสียงต่างกันและลงรอยกันไม่ได้ สุดท้ายซูหมิงจึงตัดสินใจกับเรื่องนี้เอง

ชาวเผ่าหมานที่เคยทรยศเผ่าหมานจำนวนไม่น้อยเหล่านี้ต้องถูกลงโทษ การลงโทษคือให้พวกเขาเป็นทัพหน้าของกองทัพคนนอกเผ่าตอนกวาดล้างแดนพันธมิตรตะวันตกกับแดนทวีปเหนือ

คนนอกเผ่าพวกนี้ต้องสังหารให้มากพอ ใช้คุณูปการมาแลกคุณสมบัติในการกลับเผ่าหมาน หากไม่ตายก็จะยังเป็นเผ่าหมาน และเข้าคารวะเทพหมานได้อีกครั้ง

การตัดสินใจนี้ไม่ใช่ว่าเผ่าหมานปรับสายเลือดทุกคนจะยอมรับได้ ทว่าหากมีคนไม่ยอมรับ ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของฤดูใบไม้ร่วง

ภายใต้การสังหารอย่างเหี้ยมโหด นอกจากเขตหนึ่งบนแผ่นดินรกร้างบูรพาแล้ว ทุกส่วนล้วนกลับมาเป็นของเผ่าหมานอย่างแท้จริงอีกครั้ง หลังจากนั้นจะต้องข้ามผ่านทะเลมรณะมุ่งหน้าไปรวมพลกันที่แดนพันธมิตรตะวันตกกับทวีปเหนือและดำเนินการต่อ

การข้ามผ่านทะเลมรณะ โดยเฉพาะข้ามผ่านหลายแสนคนกระทั่งถึงหนึ่งล้าน หลังจากเผ่าหมานแยกออกเป็นห้าแผ่นดินแล้วก็ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้มาก่อน เรื่องนี้จึงสร้างความตื่นเต้นให้กับเผ่าหมานทุกคน

หากใช้เพียงการบินผ่าน นอกจากซูหมิงกับไม่กี่คนที่จำกัดเอาไว้แล้ว เผ่าหมานส่วนใหญ่ทำไม่ได้ ฉะนั้นจึงต้องใช้เรือข้ามทะเลมรณะจำนวนมาก

ขณะกำลังเตรียมตัวอยู่ทั้งแผ่นดินรกร้างบูรพา ซูหมิงไม่ได้พาชาวเผ่าคนใดไป เพียงพาชาวเผ่าชะตาชีวิตมายังฝ่ายภูเขาสำนักชุมนุมเซียน

สำนักชุมนุมเซียนตอนนี้เป็นถิ่นเซียนเพียงจุดเดียวบนแผ่นดินรกร้างบูรพา ที่นี่ซูหมิงไม่ให้เผ่าหมานลงมือ เพราะเขาจะทำลายล้างสำนักชุมนุมเซียนด้วยตัวคนเดียว

เพราะว่าสำนักนี้เป็นสำนักของตี้เทียน

ฝ่ายภูเขาของสำนักชุมนุมเซียนเป็นภูเขาใหญ่สูงเสียบเมฆ ภูเขานี้ดูเหมือนกระบี่ใหญ่เล่มหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนแผ่นดิน ดูแล้วน่าสะพรึงกลัว เทียบกับมันแล้วผู้คนเป็นดั่งมดปลวก

บางทีสำนักชุมนุมเซียนในอดีตอาจไม่ใช่อย่างนี้ ทว่าสำนักตรงหน้าตอนนี้เป็นยอดเขาลูกหนึ่ง เป็นกระบี่ที่ปรารถนาจะทะลวงฟ้า!

ปราณกระบี่แผ่กระจายรอบๆ อบอวลอยู่ในระยะหนึ่งหมื่นลี้รอบสำนัก ทุกสิ่งมีชีวิตที่เข้าไปในเขตหนึ่งหมื่นลี้ล้วนต้องถูกปราณกระบี่สังหาร

“ท่านโม่ ให้ชาวเผ่าชะตาชีวิตไปด้วยเถอะ” หนานกงเหินอยู่ข้างๆ ซูหมิง ด้านหลังเขาเป็นชาวเผ่าชะตาชีวิตหลายร้อยคน ทุกคนล้วนมีสีหน้าฮึกเหิม สายตามองซูหมิงพลางรอฟังคำสั่ง

ซูหมิงส่ายศีรษะ เขามองชาวเผ่าชะตาชีวิตหลายร้อยคนแล้วยกยิ้ม ก่อนหมุนตัวเดินเข้าไปในเขตหมื่นลี้ วินาทีที่เขาก้าวเดิน ภายในระยะหมื่นลี้รอบสำนักชุมนุมเซียนพลันมีปราณกระบี่ตรงเข้ามาจากรอบๆ พร้อมกับเสียงเล็กแหลม รวมๆ แล้วหลายร้อยเล่มตรงเข้ามาหาเขา

ทันทีที่ซูหมิงเดินมาสามก้าว พลันเกิดเสียงระเบิดดังกึกก้อง ปราณกระบี่หลายร้อยเล่มระเบิดใส่เขา ทว่าพวกมันกลับขวางเขาไม่ได้แม้แต่น้อย ตอนที่ปราณกระบี่เข้ามาใกล้เขาสิบจั้ง มันก็ระเบิดออกเหมือนกับชนกำแพงไร้รูปตรงหน้า

ห่างจากซูหมิงไปสิบจั้งปรากฏเป็นม่านแสงเก้าสีหนึ่งชั้น ม่านแสงนี้กระจายมาจากผนึกบนศีรษะเขา ซึ่งผนึกนี้ก็คือผนึกห้าเหลี่ยมสมบัติล้ำค่าของเขาเอง!

หลังจากซูหมิงขั้นพลังสูงขึ้น หนึ่งปีในหอคอยรกร้างบูรพา

เขาได้ขัดเกลาผนึกห้าเหลี่ยมในร่างกาย ตอนนี้เขาควบคุมผนึกได้ค่อนข้างดีแล้ว ทั้งยังสร้างเป็นม่านแสงได้เก้าสี

ขณะเผ่าชะตาชีวิตเฝ้ามองอยู่ พวกเขาเห็นว่าโม่จวินเดินห่างออกไปทีละก้าว พอเข้าไปใกล้สำนักชุมนุมเซียนขึ้นเรื่อยๆ ปราณกระบี่จากโดยรอบก็เปลี่ยนจากหลายร้อยเป็นหลายพันเล่ม

ปราณกระบี่หลายพันเล่มวนเวียนรอบฟ้าดินและบุกโจมตีซูหมิงอย่างต่อเนื่อง กลับไม่มีปราณกระบี่เล่มใดที่ทะลวงผ่านม่านแสงเข้าไปได้แม้แต่น้อย จนกระทั่งซูหมิงขยับวูบไหวตัว ใช้ความเร็วสูงสุดกลายเป็นสายรุ้งยาวบินขึ้นฟ้ามุ่งหน้าไปยังยอดเขาสำนักชุมนุมเซียน ปราณกระบี่หลายพันเล่มพลันระเบิดกลายเป็นปราณกระบี่หลายหมื่น บุกโจมตีตามหลังเขามาจากทุกทางพร้อมกัน อีกทั้งด้านหลังปราณกระบี่หลายหมื่นเล่มยังมีปราณกระบี่นับไม่ถ้วนอีกหลายหมื่น ท่ามกลางเสียงครึกโครมตัวซูหมิงถูกมองเห็นไม่ชัด ร่างถูกซ่อนอยู่กลางปราณกระบี่จำนวนมาก

จนกระทั่งเขาเข้าไปใกล้ยอดเขาสำนักชุมนุมเซียนซึ่งห่างไปไม่ถึงพันลี้ ทั้งสำนักชุมนุมเซียนก็ส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แผ่นดินพลันฉีกออกเป็นรอยแยกยักษ์เก้าเส้น ก่อนมีปราณกระบี่น่าสะพรึงเก้าเล่มลอยมาจากในรอยแยก ปราณกระบี่เก้าเล่มนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำเมื่อปรากฏตัวแล้วยังรวมเป็นตัวกระบี่พุ่งตรงไปหาซูหมิงทันที

ขณะเดียวกัน กลางฟ้าดินก็ปรากฏปราณกระบี่เกือบหลายแสนเล่มวนเวียนอยู่รอบๆ ปราณกระบี่เก้าเล่มนั้นจนกลายเป็นกลิ่นอายของกระบี่จริงๆ จากนั้นก็พุ่งตรงไปหาซูหมิง

ซูหมิงมีสีหน้าเฉยชา วินาทีที่ปราณกระบี่เข้ามาใกล้ เขายกมือขวาขึ้นคว้าอากาศ พลันปรากฏกระบี่สังหารขยับแสงสีทองวูบวาบในมือ

ซูหมิงถือกระบี่เล่มนี้ นัยน์ตาเป็นประกายเฉียบคม

“กระบี่ที่ไม่ถืออยู่ในมือ ยังเรียกว่ากระบี่อยู่อีกหรือ” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา ก่อนแทงกระบี่สังหารไปข้างหน้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!