Skip to content

สู่วิถีอสุรา 723

ตอนที่ 723 อวี่เซวียน ให้ผมข้าเส้นหนึ่งได้หรือไม่

“ยังมีอีก อาจารย์บอกว่าอาจารย์ปู่เคยสังหารมังกรยมโลกข้ามผ่านโลกาตัวหนึ่ง แล้วเก็บเกล็ดมังกรยมโลกเอาไว้สามอันไว้สำหรับหลอมของวิเศษ หนึ่งในนั้นมีอยู่เกล็ดหนึ่งมอบให้อาจารย์…จากนั้นอาจารย์ก็ใช้มันหลอมรวมอยู่ในร่างภูตผีของข้า ข้าเลยคงสภาพร่างคนไว้ได้อย่างมั่นคง

เกล็ดนั้นหลอมรวมเป็นหนึ่งกับร่างกายข้านานแล้ว ฉะนั้นข้าเลยรู้สึกได้ว่าสุนัขตัวนั้นต่างออกไป มัน…ไม่ใช่สุนัข แต่คือมังกรยมโลก อีกทั้งยังไม่ใช่มังกรยมโลกธรรมดา มันแกร่งกว่าเจ้าของเกล็ดมังกรที่ข้าหลอมรวมเสียอีก”

ศิษย์พี่รองกล่าวเนิบนาบ พอซูหมิงได้ยินก็มีสีหน้าเหมือนเช่นปกติ ทว่าในใจสั่นไหว

“มังกรยมโลก เรียกอีกชื่อหนึ่งคือวิญญาณข้ามโลก มังกรตัวนี้น่าจะหายากอย่างยิ่ง เป็นสัตว์ร้ายส่วนน้อยที่ข้ามผ่านสี่โลกแท้จริงได้ หากเจ้ากำราบมันไว้ใช้งาน มันจะมีส่วนช่วยให้พวกเราออกจากแดนมรณะหยินได้มาก ถ้าใช้มันความเป็นไปได้ที่เราจะออกจากที่นี่ก็จะมีสูงขึ้น ขอเพียงออกจากเผ่าหมาน…พวกเราก็จะไปตามหาอาจารย์ได้”

ซูหมิงเงียบ ผ่านไปพักหนึ่งก็พยักหน้า

“อีกทั้งแม่นางน้อยคนนั้นใช้ได้จริงๆ คู่ควรกับเจ้าอย่างยิ่ง” ศิษย์พี่รองกะพริบตาปริบๆ กล่าวพลางยิ้มน้อยๆ

ซูหมิงส่ายศีรษะ ไม่กล่าวอะไร

ศิษย์พี่รองให้ความสำคัญกับเด็กสาวเพราะนางช่วยให้ออกจากแดนมรณะหยินได้ กระทั่งยังมีความสามารถของวิญญาณข้ามโลกที่ใช้ข้ามผ่านสี่โลกแท้จริง ความสามารถนี้สำคัญต่อพวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องยิ่งนัก เป็นก้าวแรกในการออกไปตามหาอาจารย์

วิธีออกจากที่นี่ไม่ได้มีเพียงวิธีนี้ ทว่าศิษย์พี่รองตัดสินใจแล้ว ซูหมิงจึงไม่ปฏิเสธ

หนำซ้ำเรื่องนี้ยังเป็นการหาประโยชน์จากกันและกัน บางทีการหาประโยชน์นี้อาจส่งผลหนักไปเล็กน้อย แต่ความจริงก็เป็นแบบนี้จริงๆ ซูหมิงเชื่อว่าเด็กสาวติดตามตนมาตลอด และยังเคยลงมือช่วยตอนอยู่บนทะเลมรณะ ทุกอย่างต้องมีเหตุผลแน่นอน

ส่วนเหตุผลอะไรนั้น เขามีการคาดเดาในใจอยู่บ้างแล้ว แต่ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้

“นางติดตามข้าจะต้องมีเป้าหมายอย่างแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราก็วางแผนกันบ้างดีกว่า แบบนี้ถึงจะเท่าเทียมและไม่เสียเปรียบ ศิษย์น้องเล็กวางใจเถอะ ศิษย์พี่รองจะช่วยเจ้าจัดการเอง ข้าพอจะเดาความคิดนางออกอยู่บ้าง” ศิษย์พี่รองยิ้มอย่างอบอุ่น แล้วขยิบตาให้ซูหมิง

“ไปกันเถอะ พาศิษย์พี่ใหญ่…กลับยอดเขาลำดับเก้า!” ศิษย์พี่รองสะบัดแขนเสื้อ พลันมีหมอกดำลอยมาจากตัวเขา หมอกโอบล้อมรอบรูปปั้นศิษย์พี่ใหญ่ แล้วม้วนรูปปั้นเข้าไปในแขนเสื้อศิษย์พี่รอง

แผ่นดินรกร้างบูรพาไม่มีเผ่าเซียนอีกแล้ว ทุกชนเผ่ากำลังรวมพลกัน ต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งถึงจะรวมชาวเผ่าจำนวนมากเพื่อเดินทางไปยังแผ่นดินอื่นๆ ได้ และการจะสร้างเรือข้ามทะเลมรณะจำนวนมากจำเป็นต้องใช้เวลา

ตามการนัดหมายของซูหมิงกับพวกชื่อเหลยเทียนและเสวี่ยซา พวกเขาต้องเตรียมตัวให้เร็วที่สุด หากเสร็จแล้วต้องรีบแจ้งเขาทันที

“ยอดเขาลำดับเก้า…” ซูหมิงเงยหน้ามองไกลออกไป นัยน์ตาฉายแววคิดถึง

“ศิษย์พี่รอง หลายปีก่อนข้าเจอ…จื่อเยียน” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา

“นางสบายดีหรือไม่” ศิษย์พี่รองอึ้งงัน ผ่านไปพักหนึ่งก็ยังคงเผยยิ้มอบอุ่น เพียงแต่สีหน้ามีการหวนรำลึกเล็กน้อย

“นางแต่งงานแล้ว” ซูหมิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเลือกกล่าวออกไป

ศิษย์พี่รองหลับตาลง ตอนที่ลืมตาอีกครั้งก็ไม่เห็นว่าสีหน้ามีอะไรต่างไปหรือไม่ แต่ซูหมิงรู้สึกรางๆ ว่าศิษย์พี่รองเหมือนจะห่อเหี่ยวเล็กน้อย

“เช่นนั้นก็ไปเยี่ยมนางกัน” ศิษย์พี่รองเงยหน้าให้แสงตะวันส่องเสี้ยวหน้า แววตาเขาเหมือนสงบนิ่ง ทว่ามีเพียงเขาที่รู้ว่าตอนนี้ในความคิดปรากฏภาพหญิงสาวผู้งดงามยืนอยู่บนยอดเขาลำดับเก้า กำลังเอาสองมือเท้าเอวพลางมองด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ

ซูหมิงพยักหน้าเงียบๆ แล้วลอยขึ้นฟ้าช้าๆ กลายเป็นสายรุ้งยาวบินไป ศิษย์พี่รองตามอยู่ด้านหลังอย่างเงียบเชียบ และยังมีสุนัขกับเด็กสาวอวี่เซวียนที่บินวนอยู่บนฟ้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย รวมถึง…กระเรียนขนร่วงที่ขี่เฉียนเฉินอยู่ ก็บินไกลออกไปพร้อมกัน

อวี่เซวียนพิจารณาซูหมิงตลอดทาง บ้างก็มองศิษย์พี่รอง นางเริ่มมองเห็นเงื่อนงำอะไรบางอย่าง จึงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมา ดึงขนสุนัขให้มันวิ่งเร็วขึ้นเพื่อตามไปอยู่ข้างซูหมิง

“นี่ เจ้าทึ่มซู ศิษย์พี่รองของเจ้าเป็นอะไร?” อวี่เซวียนกะพริบตาปริบๆ ท่าทางค่อนข้างประหลาดใจ

ซูหมิงขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้สนใจอวี่เซวียน

“เจ้าทึ่มซูน้อย!” อวี๋เซวี่ยนตะโกนอีกครั้ง

“เจ้าทึ่มซูน้อย เจ้าทึ่มซูน้อย เจ้าทึ่มซูน้อย…ข้าเป็นคู่หมั้นของเจ้านะ นี่ยังไม่ทันเข้าหอเลย เจ้าก็ไม่สนใจข้าแล้ว ข้าจะถอนหมั้น!” อวี่เซวียนเชิดหน้ากล่าวเสียงดัง

“เจ้าพูดจบหรือยัง?” ซูหมิงขมวดคิ้วพลางมองอวี่เซวียนแวบหนึ่ง

เห็นซูหมิงเย็นชา อวี่เซวียนจึงแค่นเสียงหึเบาๆ นางยกมือขวาขึ้น ในมือมีขวดหยกเพิ่มมาหนึ่งขวด จากนั้นก็เทเม็ดยาที่มีกลิ่นหอมสมุนไพรเข้มข้นออกมาหลายเม็ด ก่อนโยนเข้าไปในปากหนึ่งเม็ด เคี้ยวเสียงดังกรุบๆ

กลิ่นหอมของเม็ดยาทำให้สุนัขเลียริมฝีปากในทันที แม้แต่กระเรียนขนร่วงด้านหลังที่ขี่เฉียนเฉินอยู่ยังเบิกตากว้าง รีบเข้ามาใกล้อีกนิด แล้วสูดดมทีหนึ่ง ดวงตาพลันเปล่งประกาย

“เม็ดยาวิญญาณระดับสูงสุด ไม่ผิดแน่ นี่มันเม็ดยาวิญญาณระดับสูงสุด!”

“โอสถเจ้านรก มันมีประโยชน์อย่างยิ่งต่อกายวิญญาณกับผู้ฝึกฝนพลังยมโลก และมีผลในการรักษาดีเยี่ยม เพิ่มขั้นพลังโดยไม่มีอันตราย ถึงจะกินมากก็ไม่ส่งผลชัดเจน ทั้งยังช่วยบำรุงใบหน้าอีกด้วย” อวี่เซวียนเทออกมาอีกหนึ่งเม็ด สายตามองซูหมิงแวบหนึ่ง ก่อนวางใส่ปากเคี้ยวกรุบๆ

ซูหมิงมองเม็ดยาแวบหนึ่ง ยังไม่ทันกล่าวอะไร ศิษย์พี่รองด้านหลังก็ตรงเข้ามาทันที ใบหน้าเผยรอยยิ้มอบอุ่น

“น้องสะใภ้ ศิษย์น้องเล็กของข้ามีนิสัยไม่ค่อยพูด เจ้าอย่าสนใจเขาเลย เอาแบบนี้ ข้าจะตอบเจ้าเอง หนึ่งคำถาม เม็ดยาห้าเม็ด” ศิษย์พี่รองยิ้มตาหยีพลางเอ่ยขึ้น

“ข้าจะให้เขาตอบ สิบคำถาม เม็ดยาหนึ่งเม็ด” อวี่เซวียนยิ้มตาหยีจนเป็นลักษณะจันทร์เสี้ยวเช่นกัน เดิมทีนางก็งดงามมากอยู่แล้ว ตอนนี้ทำแบบนี้อีกยิ่งเพิ่มความงามของนางขึ้นอีกหลายส่วนราวกับดอกไม้เบ่งบาน

“ศิษย์น้องเล็กไม่ยอมพูดนี่ นี่มันก็ค่อนข้างลำบากใจอยู่นา สองคำถามยาสิบเม็ด” ศิษย์พี่รองกล่าวไม่ช้าไม่เร็ว

“เขาจะต้องฟังข้าตลอดทาง สามคำถาม ยาสองเม็ด” อวี่เซวียนกะพริบตา

“ไม่ได้ศิษย์น้องเล็กไม่มีทางยอมแน่ เรื่องนี้พวกเรามาตกลงดีๆ กันดีกว่า…”

ศิษย์พี่รองส่ายศีรษะ สองคนนี้คุยกันเรื่องจำนวนเม็ดยาและคำถามไม่หยุด

ซูหมิงคลึงขมับอีกครั้ง มองท้องฟ้าและมองศิษย์พี่รองกับอวี่เซวียนอีกครา แล้วถอนหายใจยาว

ผ่านไปพักหนึ่ง ศิษย์พี่รองกับอวี่เซวียนก็ตกลงกันได้ ส่วนจำนวนเม็ดยาเท่าไรซูหมิงไม่รู้ เขารู้เพียงว่าตลอดทางจะไม่มีความสงบอีกต่อไป…

“เจ้าทึ่มซูน้อย!”

“ถ้าเจ้าไม่ตอบข้า ข้าจะหักเม็ดยาหนึ่งเม็ด”

“เจ้าทึ่มซูใหญ่?”

“ยังไม่ตอบรึ ได้ ข้าจะหักเม็ดยาอีกเม็ด”

“เจ้าทึ่มซูเฒ่า!”

ซูหมิงหันมามองอวี่เซวียนอย่างเย็นชา แค่นเสียงหึเย็นชาหนึ่งที อวี่เซวียนพลันมีท่าทางยิ้มแย้มดีใจ ม้วนเส้นผมเป็นวงอย่างอวดดี

“อ้อ ที่แท้เจ้าก็ชอบชื่อเจ้าทึ่มซูเฒ่านี่เอง”

ศิษย์พี่รองกระแอมหลายที ก่อนรีบถอยไปหลายก้าว แล้วมองซูหมิงที่ถูกอวี่เซวียนก่อกวนพร้อมกับเฉียนเฉินและกระเรียนขนร่วง เขาถอนหายใจ จากนั้นหยิบเม็ดยาขึ้นมากินหนึ่งเม็ด

“ศิษย์น้องเล็กหนอ มีแม่นางน้อยน่ารักขนาดนี้มาตอแย หากเป็นศิษย์พี่หู่จื่อของเจ้า ไม่รู้ว่าจะดีใจมากเพียงใด” ศิษย์พี่รองกล่าวพลางหยิบเม็ดยาใส่ปากอีกเม็ด

กระเรียนขนร่วงด้านข้างมองตาปริบๆ มันเลียริมฝีปากอยู่ตลอดเวลา และยังน้ำลายไหล ส่วนเฉียนเฉินที่ถูกเอามาเป็นสัตว์นั่งขี่ก็ถอนหายใจไม่หยุดด้วยสีหน้าสิ้นหวัง

‘เจ้ากระเรียนระยำ ข้าเฉียนเฉินขอสาบานว่าหากออกจากแดนหมานแล้ว ขั้นพลังข้าฟื้นฟูกลับมาเมื่อไร ข้าจะให้เจ้าได้เห็นดีกัน!’ เฉียนเฉินมีสีหน้าอยากจะร้องไห้ เอ่ยคำสาบานแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วตลอดทาง

กลุ่มคนเดินทางด้วยสภาพการณ์แบบนี้ไปเรื่อยๆ จนบินออกจากแดนรกร้างบูรพาไปทีละน้อย และขึ้นมาอยู่บนทะเลมรณะ ห่างจากเกาะจำนวนมากของแดนอรุณใต้อีกไม่ไกล

“เจ้าทึ่มซูน้อย เจ้าดูสิ ปลาตัวใหญ่ในทะเลงดงามมาก ช่วยจับมาให้ข้าตัวหนึ่งสิ”

“เจ้าซูน้อย เรียกข้าว่าพี่สาวสิ เร็วๆ เข้า เรียกข้าว่าพี่สาว…หึ ศิษย์พี่รองเพิ่มเม็ดยาอีกสามเม็ดให้ท่าน ให้เขาเรียกข้าว่าพี่สาวครั้งหนึ่ง สามเม็ดเชียวนา คุ้มมากๆ เลย”

“ซูซูน้อย คนยักษ์ในทะเลนั่นมันถลึงตามองข้า เจ้าไปทุบตีมันที”

“เจ้าทึ่มซูซู แสงตะวันมันช่างทำพิษนัก เจ้าช่วยกางร่มให้ข้าที…”

ตลอดทางมานี้ซูหมิงแทบจะเสียสติ อวี่เซวียนไม่จบไม่สิ้นเสียที ทุ่มเทแรงใจก่อกวนเขาอย่างเต็มที่ กระทั่งลดการรังแกสุนัขลงไปมากกว่าครึ่งทำให้มันดีใจอย่างยิ่ง เฝ้าภาวนาให้เด็กสาวเมินเฉยต่อมันไปตลอด ฉะนั้นตลอดทางนี้มันจึงไม่แลบลิ้นเลย ทั้งยังไม่ส่งเสียงใดๆ เพราะกลัวว่าอวี่เซวียนจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีมันอยู่

ศิษย์พี่รองมองซูหมิงด้วยความเห็นใจ ก่อนกินยาไปอีกหลายเม็ด ด้วยการบำรุงร่างกายซึ่งอ่อนแออยู่ตลอดทาง ตอนนี้เขาเลยดีขึ้นมากกว่าครึ่งแล้ว สายตามองซูหมิงที่ถูกทรมานพลางถอนหายใจ

“ศิษย์น้องเล็ก ข้ารู้แล้วว่าแม่นางน้อยคนนี้…เหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมกับเจ้าจริงๆ…”

ศิษย์พี่รองเพิ่งเอ่ยถึงตรงนี้ ก็พลันมีขวดยาสองขวดถูกโยนมาจากทางอวี่เซวียน พอเขารับเอาไว้แล้ว รอยยิ้มบนก็ใบหน้าพลันฉีกกว้างมากขึ้น

“ไม่ใช่ เหมาะสมที่สุดเลยถึงจะถูก ศิษย์น้องเล็ก พวกเจ้าสองคนคือเนื้อคู่กันจริงๆ ต้องพยายามเข้า จะต้องมีลูกตัวน้อยกันหลายคนให้ได้”

กระเรียนขนร่วงมองซูหมิงด้วยความเห็นใจเช่นกัน รวมถึงเฉียนเฉินก็รู้สึกอย่างนั้น เทียบกับซูหมิงแล้วความเจ็บปวดของตนยังไม่เท่าไรจริงๆ

จนกระทั่งห่างจากเกาะที่จื่อเยียนอยู่ไม่ไกลมากแล้ว ในที่สุดซูหมิงก็ทนการทรมานนี้ไม่ไหว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วพลันมองอวี่เซวียน สีหน้าไม่มืดทะมึน แต่เผยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนกับศิษย์พี่รอง เดิมทีใบหน้าเขาก็หล่อเหลาอยู่แล้วบวกกับกลิ่นอายพลังสร้างชะตาจึงดูไปแล้วมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด

เสน่ห์นี้สำหรับคนอื่นยังพอไหว ทว่าสำหรับอวี่เซวียน ตัวซูหมิงมีกลิ่นอายพลังยมโลกในวิญญาณซึ่งมีต้นกำเนิดคล้ายกับนาง อีกทั้งยังบริสุทธิ์กว่า นางจึงเกิดความรู้สึกเป็นกันเองกับเขาโดยธรรมชาติ ตอนนี้เห็นซูหมิงมองตนก็ตะลึงงัน

“อวี่เซวียน มอบเส้นผมให้ข้าเส้นหนึ่งได้หรือไม่” ซูหมิงกล่าวเสียงนุ่มนวล เดินมาทางอวี่เซวียนที่กำลังตะลึงงัน ก่อนยกมือขวาลูบเส้นผมนางเบาๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!