ตอนที่ 726 เป็นของใคร?
ยอดเขาลำดับเก้ากลางทะเล ภายใต้แสงอัสดงในเวลานี้ มันถูกอาบไปด้วยแสงสะท้อนจากทะเล มองดูแล้วให้ความรู้สึกตาพร่า โดยเฉพาะร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่บนยอดเขาลำดับเก้า หลังจากซูหมิงกับศิษย์พี่รองเห็นแล้ว พวกเขาก็ค่อยๆ หยุดบิน ยืนอยู่กลางอากาศห่างจากยอดเขาลำดับเก้าราวหลายร้อยจั้ง
ร่างที่คุ้นเคยนั้นคือหู่จื่อ!
ชายร่างกำยำสูงใหญ่ยืนอยู่บนยอดเขาลำดับเก้า กำลังมองซูหมิงและศิษย์พี่รอง เหมือนว่าเขาจะยืนอยู่ตรงนี้มานานมากแล้ว รอคอยมาโดยตลอด เขาเชื่อว่าจะต้องมีสักวันหนึ่งที่ซูหมิง ศิษย์พี่รอง และศิษย์พี่ใหญ่จะกลับมายอดเขาลำดับเก้า รวมถึง…เทียนเสียจื่อ อาจารย์ของพวกเขาผู้ชอบเปลี่ยนสีอาภรณ์
“ศิษย์พี่รอง!” เสียงหู่จื่อดังแว่วเข้ามา พอเสียงดังกังวาน หู่จื่อก็พลันก้าวเหยียบอากาศ พุ่งตรงมาหาซูหมิงกับศิษย์พี่รองเหมือนกับพยัคฆ์
ในระยะทางหลายร้อยลี้ หู่จื่อเข้ามาใกล้ในชั่วพริบตา ภายใต้สายลมที่ถาโถมใส่ใบหน้า ศิษย์พี่รองยิ้มอย่างอบอุ่นแล้วเดินเข้าไปกอดหู่จื่อเอาไว้
หู่จื่อมีสีหน้าตื่นเต้น เขากอดศิษย์พี่รองแรงๆ ดวงตาแดงเรื่อเล็กน้อยเหมือนมีน้ำตาคลอ นั่นคือน้ำตาแห่งความยินดีที่จะปรากฏเมื่อได้เจอกับพี่น้องหลังจากกันไปนานหลายปี
“ศิษย์พี่รอง เหตุใดท่านถึงเพิ่งกลับมา…” หู่จื่อน้ำตาไหลเหมือนกับตอนเจอซูหมิง เขาร้องไห้โฮยกใหญ่ เสียงดังกังวานไปรอบๆ ทำให้คนอื่นบนยอดเขาพากันเดินออกมา แล้วมองกลุ่มซูหมิงบนฟ้า
ไป๋ซู่ก็อยู่ในกลุ่มคนเช่นกัน นางมองซูหมิงด้วยรอยยิ้มน้อยๆ สวมอาภรณ์บางสีม่วงทั้งตัว ขณะยืนอยู่บนยอดเขา สายลมพัดเส้นผมดำปลิวไสว
เพียงแต่ไม่นานนางก็มองไปด้านหลังซูหมิง เด็กสาวบนหลังสุนัขสีเหลืองตัวหนึ่งกำลังยิ้มตาหยีพิจารณามองกลุ่มคน และตอนนี้เอง นางกับเด็กสาวสบตากันพอดี
เด็กสาวยิ้มมุมปาก พยักหน้าสื่อความหมายให้ไป๋ซู่ ไป๋ซู่เองก็ไม่แน่ใจว่าเด็กสาวกับซูหมิงมีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไร จึงยิ้มบางๆ และพยักหน้าให้
นางอ่านความคิดของเด็กสาวไม่ออก และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อวี่เซวียนถอนหายใจอยู่ภายในแล้ว นางเหลือบตามองซูหมิง อยู่ๆ ก็รู้สึกว่ารอบตัวเจ้าทึ่มซูน้อยมักจะมีสตรีมาพัวพันอย่างไม่ชัดเจนอยู่ เกาะบึงใต้ก็มี ยอดเขาลำดับเก้าก็มีอีก
อวี่เซวียนอ่านสีหน้าสตรีอาภรณ์ม่วงบนยอดเขาลำดับเก้าออก นางจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่ชัดเจนกับซูหมิงอย่างแน่นอน
และนางก็ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไร หลังจากศิษย์พี่รองกำหนดงานหมั้นเล่นๆ ให้นางกับซูหมิงแล้ว ทุกครั้งที่เห็นสตรีคนอื่นมาอยู่ข้างซูหมิง นางจะรู้สึกไม่ดีอยู่เล็กน้อย
ทว่าครั้งนี้ นางกลับไม่ได้ลงมือก่อนเหมือนอย่างตอนเกาะบึงใต้ แต่ยิ้มให้ไป๋ซู่ตอนสบตากัน และยังใช้มือรวบเส้นผมที่ปลิวอยู่ตรงหน้าไปทัดไว้หลังหู ท่าทางซึ่งเต็มไปด้วยความนุ่มนวลและงดงามของสตรีนี้ เมื่อเสริมเข้ากับใบหน้างดงามหยาดเยิ้มของนางแล้ว ความงามจึงดูเด่นตายิ่งกว่าเดิม
หู่จื่อร้องไห้โฮเสียงดัง น้ำตาไหลแทบจะเปียกอาภรณ์ของศิษย์พี่รอง ศิษย์พี่รองมีรูปร่างสูงโปร่งไม่อาจเทียบกับความกำยำของหู่จื่อได้ พอถูกหู่จื่อกอดเอาไว้แบบนี้เลยเหมือนทั้งตัวจมอยู่ในอ้อมกอด ข้างหูได้ยินเสียงร้องไห้หู่จื่อ เขาตบหลังหู่จื่อพลางระบายยิ้ม พอหู่จื่อเห็นแล้วก็ร้องไห้หนักกว่าเดิม
“ศิษย์พี่รอง ข้าขอโทษ ตอนท่านไปมีพืชดอกเต็มยอดเขา แต่พอท่านกลับมา ที่นี่ก็ไม่มีอีกแล้ว…พืชดอกพวกนั้นไม่อยู่แล้ว…”
ซูหมิงมองภาพนี้อยู่ข้างๆ ในใจเต็มไปด้วยความอบอุ่น ความซื่อบื้อน่าเอ็นดูของหู่จื่อ ความอบอุ่นราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิของศิษย์พี่รอง ทุกอย่างทำให้ยอดเขาลำดับเก้าเหมือนมีกลิ่นอายในอดีต
“เอาละๆ หู่จื่อ เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว พืชดอกพวกนั้นไม่อยู่แล้วก็ช่างเถอะ ข้าปลูกใหม่เอาก็ได้” ศิษย์พี่รองตบหลังหู่จื่อ ยิ้มพลางกล่าวขึ้น
“ศิษย์พี่รอง ท่านต้องรับปากข้านะว่าจะไม่โทษข้าเพราะพืชดอกพวกนั้น” หู่จื่อกะพริบตาปริบๆ แล้วบีบน้ำตาอีกครั้ง ร้องไห้เสียเสียงดัง
“ได้ๆ ข้าจะไม่กล่าวโทษเจ้า” ศิษย์พี่รองยิ้มพร้อมกับส่ายศีรษะ ทว่าในใจเริ่มเกิดความสงสัยบ้างแล้ว
“จริงรึ?” หู่จื่อหยุดร้องทันที หยดน้ำตายังหายไปทันควัน
“จริง หู่จื่อ ไม่ใช่ว่าเจ้าทำไปอะไรมารึ?” ศิษย์พี่รองสงสัยยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ท่านพูดแล้วนะ…หลังจากท่านไปในตอนนั้น ข้าเห็นว่าพืชดอกพวกนั้นกินพื้นที่เยอะเกินไป ข้าเลยจัดการมัน…”
“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ ไม่เป็นไร ศิษย์พี่รองจะไม่โทษเจ้า” ศิษย์พี่รองยิ้มเอ่ยขึ้น
“รวมถึงพืชดอกนอกที่พักของท่านด้วย ข้าเห็นว่ามันสวยมากเลยไปนอนดื่มสุราตรงนั้น ทว่าพอตื่นมาก็พบว่าพวกมันตายหมดแล้ว…” หู่จื่อปล่อยมือ แล้วถอยหลายก้าวไปหาซูหมิง
“ยังมีอีกหรือไม่” ศิษย์พี่รองยังคงยิ้มบางๆ เรื่องแค่นี้เขาไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
“ต้นไม้ต้นเล็กสีครามทั้งสามที่ปลูกอยู่ในห้องท่าน มีวันหนึ่งมันออกดอก กลิ่นหอมเป็นพิเศษ วันนั้น…ข้าหิว เลยเด็ดพวกมันมากินแกล้มกับสุรา” หู่จื่อถอยอีกหลายก้าว มายืนอยู่ข้างซูหมิง
“ยังมีเมล็ดพันธุ์ในกล่องสี่กล่องที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงท่านด้วย ข้าเอามากะเทาะกินแล้ว…”
“และยังมีหลังห้องท่านอีก สวนดอกไม้ที่ท่านวางวงแหวนอาคมซ่อนเอาไว้ ไม่อยากให้ใครมาเห็น ข้าทำลายลงแหวนอาคมแล้วเอาดอกไม้ในนั้นมากลั่นเป็นสุรา…ดื่มไปหมดแล้ว”
“แล้วก็ผลไม้แห้งที่ท่านซ่อนเอาไว้ใต้หินก้อนใหญ่ตรงตีนเขา พอข้าเจอก็เอามากินหมดแล้ว…ไม่เห็นอร่อยเลย ขมจะตาย ไม่รู้เหตุใดท่านต้องเปลี่ยนที่ซ่อนมันทุกวันเพื่อกันไม่ให้ข้าหาเจอด้วย”
“ยังมีอีก ขวดน้ำพวกนั้นที่ท่านชอบเป็นพิเศษในถ้ำของอาจารย์ มีวันหนึ่งข้าคอแห้งและไม่มีสุรา ข้าเลยดื่มมันไป…ทำเอาข้าท้องเสียอยู่หลายวัน”
“อีกอย่าง หลังจากท่านไปแล้ว ก่อนหน้าภัยพิบัติรกร้างบูรพาจะมาถึง นอกจากข้าแล้ว ข้าอยากให้คนในอื่นๆ ยอดเขารู้ว่าท่านจากไปไม่มาก จึงเลยคิดค้นอาคมแปลงกายขึ้นมา ก่อนปลอมตัวเป็นท่าน สวมอาภรณ์ของท่าน ไปถ้ำมองอยู่บ่อยครั้ง…”
ศิษย์พี่รองหน้าเปลี่ยนสีไปแล้ว ทว่ายังคงยิ้มน้อยๆ พลางมองหู่จื่อ
“ยังมีอีกหรือไม่?”
“ยังมีอีกหรือ? อืม…ศิษย์พี่รอง ข้ารับประกันได้ว่าทุกจุดที่ท่านซ่อนของเอาไว้บนยอดเขา ข้าหาเจอหมดแล้ว จะให้พูดจริงๆ คือผนึกของท่านหลอกคนอื่นได้ ทว่าข้าหู่จื่อเป็นใคร แค่มองแวบเดียวก็รู้แล้ว แต่มีอันหนึ่งที่ยากขึ้นมาบ้าง ข้าต้องใช้เวลาอยู่นาน ใช้กำลังและสมาธิไปมากกว่าจะเปิดมันออก นั่นคือจุดที่ท่านซ่อนเอาไว้ห่างจากถ้ำอาจารย์เจ็ดก้าว…เฮอะๆ ศิษย์พี่รอง ตอนแรกข้าก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าท่านจะมีความชอบแบบนี้อยู่ ไม่อยากเชื่อว่าจะซ่อนคัมภีร์หนังสัตว์น่าสนุกเอาไว้ ในนั้นมีมีบุรุษกับสตรีกำลังทะเลาะกันด้วย ช่างถึงอกถึงใจยิ่งนัก…”
“มารดาเจ้าเถอะ นั่นมันของอาจารย์!” ศิษย์พี่รองถลึงตามอง ใบหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนเพ่งมองกลุ่มคนบนยอดเขาลำดับเก้าโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก็เคลื่อนตัวมาอยู่ข้างหู่จื่อในพริบตา แล้วคว้าคอเขาเอาไว้
“ท่านบอกว่าจะไม่โทษข้า ศิษย์น้องเล็กช่วยข้าด้วย…” หู่จื่อตัวสั่น พลันร้องตะโกนเสียงดัง แต่ก็ถูกศิษย์พี่รองลากคอบินมาถึงยอดเขาลำดับเก้า ก่อนเข้าไปในถ้ำของเทียนเสียจื่อ
เสียงร้องโหยหวนดังแว่วมาจากในถ้ำ ซูหมิงมีสีหน้าพิลึก ตอนเขากลับมายอดเขาลำดับเก้า หู่จื่อไม่ใช่แบบนี้ แต่ตอนนี้จะเห็นได้ว่าหู่จื่อน่าจะมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยมทีเดียว
“เจ้าทึ่มซูน้อย คัมภีร์หนังสัตว์ชายหญิงกำลังทะเลาะกันที่ศิษย์พี่เจ้าบอก มันคืออะไรหรือ? หรือจะเป็นวิชาอภินิหารอะไรบางอย่าง แต่เหตุใดถึงบรรยายว่าชายหญิงทะเลาะกัน?” อวี่เซวียนขมวดคิ้ว ขบคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนถามซูหมิงด้วยความไม่เข้าใจ
ซูหมิงเองก็อึ้งงันไป พอตรึกตรองอย่างละเอียดอยู่ชั่วครู่แล้วก็ส่ายศีรษะ
เมื่อครู่นี้พอหู่จื่อเอ่ยออกไป ศิษย์พี่รองก็หน้าเปลี่ยนสี แล้วรีบกล่าวแก้ต่าง หนำซ้ำยังมองกลุ่มคนด้านล่างก่อนลากหู่จื่อเข้าไปจัดการในถ้ำของอาจารย์
‘หรือจะเป็นอภินิหารอะไรบางอย่างจริงๆ? อีกทั้งยังห้ามไม่ให้คนนอกรู้?’ ซูหมิงมองถ้ำของอาจารย์แวบหนึ่ง ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของหู่จื่อแว่วมาจากภายใน ขณะครุ่นคิดอยู่ก็ตั้งใจว่าจะหาเวลาไปถามเสียหน่อยว่ามันคือวิชาอภินิหารอะไรกันแน่
ส่วนเฉียนเฉินกับกระเรียนขนร่วง และยังมีสุนัขข้างๆ สุนัขตัวนี้กลอกตา มองอย่างดูถูกดูแคลน ส่วนเฉียนเฉินก็มีสีหน้าชั่วร้าย มีเพียงกระเรียนขนร่วงที่ยังมึนงง มีสีหน้าใกล้เคียงกับซูหมิงและอวี่เซวียน มันเกาศีรษะพลางพึมพำกับตัวเอง “ชายหญิงทะเลาะกัน? จะต้องเป็นอภินิหารแปลกๆ อย่างแน่นอน หากมีโอกาสต้องเรียนไว้สักหน่อย”
นอกจากพวกเขาแล้ว ยังมีคนจำนวนไม่น้อยบนยอดเขาลำดับเก้าในยามนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นชายหนุ่มหญิงสาว พวกเขาล้วนมีสีหน้าแปลกพิลึกอย่างยิ่งในทันที และมองถ้ำที่มีเสียงร้องแว่วมาอยู่ตลอด ทั้งยังมองซูหมิงที่เป็นดั่งเทพเจ้าในใจกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก
ไป๋ซู่หน้าแดง คัมภีร์หนังสัตว์ชายหญิงทะเลาะกันที่ว่า เมื่อหลายปีก่อนตอนซูหมิงออกไปตามหาอาจารย์และหู่จื่อฟื้นพลังกลับมาแล้ว เขาก็ใช้เวลาอยู่นานมากกว่าจะเปิดวงแหวนอาคมนั้นสำเร็จ
ตอนนั้นนางได้ยินหู่จื่อกล่าวพึมพำ เหมือนว่าเขาเคยลองเปิดอาคมนี้แล้วล้มเหลวมาหลายครั้ง จนกระทั่งเปิดสำเร็จเมื่อหนึ่งปีก่อน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของไป๋ซู่ นางเลยมามองคัมภีร์หนังสัตว์ชายหญิงทะเลาะกันอยู่ข้างๆ คนส่วนใหญ่ทั้งในและนอกยอดเขาลำดับเก้าล้วนมีสีหน้าแปลกๆ พยายามกลั้นยิ้มเอาไว้
ขณะที่ซูหมิง อวี่เซวียนและกระเรียนขนร่วงกำลังงุนงงอยู่นั้น ภายในถ้ำที่มีเสียงร้องโหยหวนก็มีเสียงของหู่จื่อดังก้องออกมาด้วยความน้อยใจ
“ศิษย์พี่รองไม่ทำตามสัญญา….ข้าก็แค่อ่านคัมภีร์หนังสัตว์ล้ำค่าของท่านเองไม่ใช่รึ มันก็แค่ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ชายหนึ่งหญิงสอง ชายหนึ่งหญิงสาม กับชายหนึ่งหญิงสี่กำลังถอดเสื้อผ้าทะเลาะกันเองไม่ใช่รึ…อ๊าก…”
“นั่นไม่ใช่ของข้า นั่นมันของอาจารย์!” น้ำเสียงศิษย์พี่รองแฝงไว้ด้วยความโกรธ
“ท่านพูดจาเหลวไหล วงแหวนอาคมนั่นมีกลิ่นอายพลังของท่านอยู่ กลิ่นอายพลังก็เหมือนกับผนึกอื่นๆ ของท่าน อย่ามาหลอกข้าเสียให้ยาก อ้อ ในคัมภีร์หนังสัตว์นั้นมีหญิงกับหญิงสองคนด้วย…”
“อาจารย์เลียนแบบผนึกของข้า สมควรตาย หู่จื่อ วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้ได้!”