Skip to content

สู่วิถีอสุรา 753

ตอนที่ 753 ดาราแดงเพลิง

ตอนนี้นอกปากภูเขาไฟไม่ใช่คนเกือบร้อยอีก แต่มีราวเจ็ดถึงแปดสิบคน แต่ละคนหน้าซีดขาว ส่วนใหญ่บาดเจ็บ กำลังล้อมอยู่นอกปากภูเขาไฟ

เยวี่ยหงปังบุรุษชุดคลุมม่วงยืนอยู่ตรงขอบปากภูเขาไฟ ใบหน้าเขาซีดขาวเช่นกัน อีกทั้งยังไอเป็นบางครั้งเหมือนมีโลหิตอยู่ในปาก เจ็ดคนด้านหลังตอนนี้เหลือสี่คน ชายชราร่างซูบผอมก็อยู่ในนั้นด้วย

และก็เป็นชายชราเมื่อสามเดือนก่อนคนนั้นที่เอ่ยเมื่อครู่ ผู้ติดตามด้านหลังเหลือสิบคน ทุกคนล้วนแบกศพหนึ่งคน ในศพเหล่านั้นมีสหายในอดีตของพวกเขารวมทั้งคนแปลกหน้า

เมื่อเสียงชายชราดังก้อง ก็มีเสียงคำรามดังมาจากในภูเขาไฟ สัตว์ร้ายหัวหงส์ยักษ์หนาสิบจั้งพลันบินขึ้นมาจากในภูเขาไฟแล้วมองผู้ฝึกฌานรอบๆ อย่างเย็นชา

ครั้นชายชราโยนศพไปด้วยความเคารพ สัตว์ร้ายหัวหงส์ก็พุ่งชนศพจนสลายไปแบบเดิม ก่อนจะสูบกลิ่นอายสีเขียวอ่อนจากในศพ พ่นหินผลึกตามจำนวนออกมา

ตอนที่โยนศพราวๆ สี่สิบกว่าคน สัตว์ร้ายหัวหงส์ตัวค่อนข้างเล็กก็ร้องคำรามพร้อมกับบินขึ้นมา และเริ่มพุ่งชนกับสูบกิน

หลังจากกินศพไปยี่สิบกว่าคนมันก็ไม่กินอีก แต่ก้มหน้ามองข้างล่างในภูเขาไฟ สัตว์ร้ายหัวหงส์ยักษ์ข้างๆ ก็มองตามไปเช่นกัน ทั้งยังส่งเสียงคำราม

ภายในเสียงคำรามไม่มีเจตนาร้าย แต่กลับเหมือนเร่งรัดเสียมากกว่า

ภาพนี้ทำให้คนโดยรอบตะลึงงัน ผู้ฝึกฌานที่เตรียมโยนศพก็หยุดชะงัก

ซูหมิงค่อยๆ บินขึ้นมาจากปากภูเขาไฟภายใต้สายตาของสัตว์สองตัวกับคนเจ็ดถึงแปดสิบคนรอบๆ เขามีสีหน้าสงบนิ่ง ความเร็วไม่มาก ทว่าเมื่อปรากฏตัวแล้วก็เกิดเสียงดังระงมจากคนเจ็ดแปดสิบคนรอบๆ

“นะ….นี่คือใคร!”

“ไม่อยากเชื่อว่าจะมีคนอยู่ในภูเขาไฟถิ่นของหงส์งูเพลิงได้ บุคคลนี้…”

“หงส์งูเพลิงต่อต้านคนภายนอกมาตลอดและดุร้ายอย่างยิ่ง เหตุใดถึงมีคนอยู่ในถ้ำของพวกมันได้!”

เสียงดังเกรียวกราว เจ็ดแปดสิบคนนั้นสูดลมหายใจเข้าและพากันถอยไปอย่างไม่ลังเล เยวี่ยหงปังบุรุษชุดคลุมม่วงเห็นซูหมิงบินออกมาจากปากภูเขาไฟก็เบิกตากว้าง แม้ร่างกายซูหมิงจะเปลี่ยนจากกลิ่นอายมรณะ รูปลักษณ์ก็ยังคงเดิม เยวี่ยหงปังมองแวบแรกก็จำได้ว่าเป็นคนที่ตนเก็บมาเมื่อสามเดือนก่อน

ยามนี้ความหวาดกลัวในใจเขาเรียกได้ว่ามากที่สุดในกลุ่มคนเจ็ดแปดสิบคน เขามีสีหน้าเหลือเชื่อ โซเซถอยหลังไปหลายก้าว แล้วหันไปมองชายชราซูบผอมข้างๆ

สามเดือนก่อนชายชราคนนี้พาบุคคลที่ยังไม่ตายคนนั้นมาด้วย และยังโยนเข้าไปภูเขาไฟ ตอนนี้ดวงตาชายชราแทบจะถลนออกมา สีหน้าทั้งหวาดกลัวและเหลือเชื่อ กระทั่งลมหายใจยังแข็งค้างในพริบตา

ช่วงที่ทุกคนถอยไปด้วยความตื่นตระหนก สัตว์ร้ายหัวหงส์ตัวใหญ่พลันอ้าปากกว้างส่งเสียงคำรามสะเทือนขวัญ ทำให้ผู้คนโดยรอบพากันหยุดชะงัก ทว่าความหวาดกลัวทางสีหน้าของแต่ละคน ไม่ว่าอย่างไรก็ปกปิดไม่มิด

เรื่องนี้เกินกว่าจินตนาการพวกเขา

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง พอบินขึ้นมาแล้วก็เดินไปหาหงส์งูเพลิงตัวใหญ่ ยืนอยู่บนศีรษะมัน จ้องทุกคนด้วยความเย็นชา

สัตว์ร้ายตัวใหญ่ไม่หลบ แต่ปล่อยให้ซูหมิงยืนอยู่บนหัว ในความรู้สึกมัน กลิ่นอายพลังของซูหมิงคือทายาทที่มันคุ้นเคย

“โยนศพมา” ซูหมิงเอ่ยเสียงเบา

เมื่อสิ้นเสียง คนเจ็ดแปดสิบคนรอบๆ ต่างเงียบงันโดยพลัน นัยน์ตาทุกคนเป็นประกายขณะพากันมองซูหมิง ทว่าแววตาพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกอย่างชัดเจน

เหตุการณ์นี้เกินความคาดหมายพวกเขาจริงๆ มีเพียงคำอธิบายเดียวคือความคิดที่แทบจะเหมือนกันของคนส่วนใหญ่

แต่กลับไม่มีใครเอ่ยก่อน ผู้ฝึกฌานที่จับศพเมื่อครู่ ตอนนี้กัดฟันนำศพโยนไปทางซูหมิง

ศพกลายเป็นเส้นโค้งตรงไปหา วินาทีที่เข้าใกล้ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ยกมือขวากำหมัดชกไปยังศพ

ทันทีที่กำปั้นสัมผัสกับศพ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเข้าใจ ศพเกิดเสียงดังปัง ไม่มีโลหิต ไม่เป็นเศษเนื้อ แต่กระจายออกทันที กลายเป็นเถ้าธุลีหายไป

กลิ่นอายพลังสีเขียวอ่อนแผ่กระจายมา ซูหมิงไม่ได้สูบกินมัน หงส์งูเพลิงตัวเล็กข้างๆ กะพริบตาปริบๆ ก่อนอ้าปากกว้างสูบกลิ่นอายสีเขียวเข้าปากไป

ซูหมิงก้มหน้ามองกำปั้นตัวเอง วินาทีเมื่อครู่นี้ เขารู้สึกอย่างชัดเจนถึงพลังแห่งกฎพิลึกจากในร่างกาย มันมีพลังประหลาดซึ่งสามารถสลายวัตถุได้อย่างสมบูรณ์แบบ

“ที่นี่คือที่ใดของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต?” ซูหมิงเงยหน้า เอ่ยเสียงเย็นชาอยู่บนศีรษะหงส์งูเพลิง น้ำเสียงไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ความรู้สึกเย็นเยียบเหมือนจะทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงไม่น้อย

น้ำเสียงเย็นชาทำเอาผู้คนโดยรอบต่างมีสีหน้าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม การคาดเดาในหัวยามนี้มั่นใจยิ่งกว่าเดิมแล้ว

เยวี่ยหงปังบุรุษชุดคลุมม่วงใจสั่นไหว เขานึกไปถึงเมื่อสามเดือนก่อนที่อีกฝ่ายมีกลิ่นอายมรณะอยู่ในร่าง ไม่เพียงแต่ไม่ตายกลับยังมีสติ และยังมีดวงตาเย็นชาคู่นั้นที่ทำให้ในใจเขารู้สึกขมเฝื่อนขึ้นมาทันที

‘รอดจากกลิ่นอายมรณะเข้าสู่ร่างและยังกำราบสัตว์ร้ายแก่กล้าอย่างหงส์งูเพลิงได้ จากคำพูดจะรู้ได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่นี่ อีกทั้งในคำพูดยังมีความไร้ปรานีและเย็นชาจากนิสัยอีก หรือว่าเขาจะมาจาก…’ ชายชราร่างซูบผอมด้านข้างตัวสั่นเบาๆ เห็นได้ว่าเขานึกถึงเรื่องน่าสะพรึงกลัวอะไรบางอย่าง

‘มีเพียงคนที่สังหารมานับครั้งไม่ถ้วนเท่านั้น ถึงจะเย็นชาดุจดั่งน้ำแข็งและเอ่ยอย่างไร้อารมณ์เช่นนี้ได้ เพียงคนที่เฉยชาต่อความเป็นตายเท่านั้น ถึงจะข้ามผ่านฟ้ากระจ่างดาวมาอย่างไม่เกรงกลัว…และกำราบหงส์งูเพลิงได้!’ ชายชราผมขาวหน้าสุดใจสั่นสะท้าน แม้เขายังลังเลอยู่ ทว่าภายใต้สายตาหงส์งูเพลิง ความลังเลกลับหายไปในทันที เขาสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วประสานมือคารวะซูหมิง

“ที่นี่คือดาวแดงเพลิง เป็นชายแดนของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ห่างจากแดนดาราโลกแท้จริงราวๆ สามสิบปีหากใช้ความเร็วของยอดฝีมือก้าวที่สาม และห่างจากดาวทมิฬนอกแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตสองร้อยปี

ท่าน….มาจากนอกโลกรึ?” ชายชรามีสีหน้าเคารพอย่างยิ่ง ประโยคสุดท้ายแฝงไว้ด้วยความยำเกรงเล็กน้อย แม้ขั้นพลังซูหมิงไม่แกร่งนักในสายตาเขา ทว่าในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต เพื่อไม่ให้พลังกระจายสู่ภายนอกอย่างสิ้นเปลือง คนส่วนใหญ่จึงมักจะผนึกพลังเอาไว้

“ดาวแดงเพลิงมีผลผลิตอะไรบ้าง?” ซูหมิงเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วจึงเอ่ยเนิบๆ

“ที่นี่ไม่มีผลผลิตอะไร จะมีก็มีเพียงอย่างเดียวคือว่านแดงเพลิงที่จะเติบโตในเปลวเพลิง…” ชายชรารีบกล่าวขึ้น

“ที่นี่มีผู้แข็งแกร่งก้าวที่สามกี่คน?” ซูหมิงพลันถาม

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!