Skip to content

สู่วิถีอสุรา 757

ตอนที่ 757 ทำลายผนึกออกมา

“เยวี่ยหงปังคารวะผู้อาวุโส ขอบคุณที่ผู้อาวุโสช่วยชีวิต” เยวี่ยหงปังมีสีหน้าฮึกเหิม พยายามยืนขึ้นมาข้างๆ แล้วก็รีบประสานมือคารวะ

เมื่อนี้ครู่นี้เขาพูดขอให้เทพช่วย แต่ไม่ได้เอ่ยว่าซูหมิงหรือผู้อาวุโส เพื่อล่อให้ชายชราผู้ล่าสังหารตนมาอย่างเลินเล่อติดกับดัก หากเขาบอกไปเลยว่าขอให้ผู้อาวุโสช่วย ชายชราจะต้องตกใจอย่างแน่นอน และจะไม่เข้ามาใกล้มาก

ทว่าชายชรามีชีวิตอยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตได้ สติปัญญาย่อมไม่ธรรมดา แม้จะถูกคำพูดของเยวี่ยหงปังรบกวน แต่ก็ยังไม่เข้ามาใกล้ด้วยตัวเอง ทำให้เยวี่ยหงปังถอนหายใจอยู่ภายใน

ยามนี้ชายชราหรี่ม่านตา มีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง ในสายตาเขาซูหมิงมีขั้นพลังเพียงระดับดินเท่านั้น แต่อีกฝ่ายฝึกฝนในภูเขาไฟได้ ซึ่งนี่ก็เพียงพอจะอธิบายได้ทุกอย่าง

โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินเสียงคำรามจากในปากภูเขาไฟกับร่างหงส์งูเพลิงตัวเล็กที่เวลานี้โผล่ขึ้นมาดูแล้ว ช่วงที่มันจ้องตนด้วยความดุร้าย หัวใจชายชราก็เต้นดังตึกๆ อีกครั้ง

เขาถอยไปอย่างไม่ลังเล ใบหน้าเผยรอยยิ้มแล้วประสานมือคารวะซูหมิง

“ข้าฉีเป่ยซาน ขออภัยที่มารบกวนผู้อาวุโสฝึกฝน แถมยังไม่ระวังเสียมารยาทอีก หวังว่าผู้อาวุโสจะให้อภัย” คนแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตจะมีนิสัยขี้ระวังอย่างยิ่งเนื่องด้วยสภาพแวดล้อมยากจะเอาชีวิตรอด หากไม่จำเป็นจริงๆ และไม่อยู่ในเงื่อนไขข้างต้น ก็จะไม่ลงมือง่ายๆ

แม้ในสายตาชายชราขั้นพลังซูหมิงจะอยู่เพียงระดับดิน แต่เขาก็ไม่คิดว่าผู้ฝึกฌานระดับดินคนหนึ่งจะใช้หมัดเดียวสลายร่างครึ่งหนึ่งของผู้ติดตามเขาได้ บวกกับความเคารพและฮึกเหิมของเยวี่ยหงปัง และยังมีความลับของอีกฝ่ายรวมถึงผู้แข็งแกร่งในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตส่วนใหญ่จะผนึกขั้นพลังตัวเอง และจะปล่อยมาในเวลาจำเป็นเท่านั้นด้วย

ทุกอย่างทำให้ชายชราผู้มีความรอบคอบเลือกถอยไป เขายิ้มพลางยกมือขวา ก่อนหยิบหินผลึกที่เต็มไปด้วยสิ่งเจือปนก้อนหนึ่งจากถุงเก็บวัตถุ หลังจากวางไว้บนพื้นแล้วก็รีบจากไปทันที

“ผู้อาวุโสจะให้มันหนีไปไม่ได้ หากมันเอาเรื่องวันนี้ไปบอกกับผู้นำของมันจะส่งผลร้ายกับผู้อาวุโส! อีกอย่างถ้ำของบุคคลนี้สร้างจากหินผลึกสีครามทั้งหมด ผู้เยาว์ไปที่นั่นก็เพื่อสืบข่าวให้ผู้อาวุโส เลยถูกล่าสังหารมาตลอดทาง…..” เยวี่ยหงปังเห็นชายชรากำลังจะไป จึงกล่าวกับซูหมิงอย่างร้อนรน

นัยน์ตาชายชรามีจิตสังหารวูบผ่าน เขาห้อเหยียดถอยไปอย่างไม่ลังเล สตรีข้างกายก็มีสีหน้าตื่นกลัว ตามชายชราออกไปพร้อมกัน กลายเป็นสายรุ้งยาวออกห่างจากภูเขาไฟโดยเร็ว

ซูหมิงไม่ได้ตามไป แต่ปล่อยให้ชายชราพาผู้ติดตามบินจากไปอย่างเร็วรี่ จนกระทั่งสายรุ้งหายลับจากขอบฟ้าแล้ว เยวี่ยหงปังก็มีสีหน้าย่ำแย่ยิ่งนัก ทว่าพอมองซูหมิงแล้วก็เก็บความไม่พอใจเอาไว้ แต่เอ่ยอย่างขมขื่น

“ในละแวกนี้หินผลึกสีครามที่ผู้อาวุโสต้องการมันลดน้อยลงเรื่อยๆ ในเวลาสองปีมานี้ เพื่อให้ผู้อาวุโสพอใจ แซ่เยวี่ยพาสหายหลายคนไปค้นหาที่ที่ไกลกว่า ถ้ำของฉีเป่ยซานคนนี้ห่างจากที่นี่ไม่ไกลนัก ตอนอยู่นอกถ้ำ ข้าเห็นหินสีครามจำนวนมาก กระทั่งถ้ำของเขาก็น่าจะขุดมาจากหินสีคราม

น่าเสียดายบุคคลนี้วางอาคมเอาไว้นอกถ้ำ ข้าเลยถูกล่าสังหารมาตลอดทาง สหายของข้าตายหมดแล้ว…..หากไม่ใช่เพราะผู้อาวุโสลงมือ แซ่เยวี่ยคงตายไปแล้ว” เยวี่ยหงปังมีใบหน้าขาวซีด อาการบาดเจ็บเขาสาหัสมาก ยามนี้ขณะเอ่ยตรงมุมปากยังมีโลหิตไหล

ซูหมิงมองเยวี่ยหงปังตรงหน้าอย่างเย็นชา บุรุษชุดคลุมม่วงในอดีตตอนนี้ตกอยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้ ช่วงที่ซูหมิงมองเขาก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ

“เป็นผู้ติดตามของแซ่ซู มันสำคัญสำหรับเจ้าขนาดนั้นเชียวรึ” คำพูดของซูหมิงกับของเยวี่ยหงปังก่อนหน้านี้ไม่สอดรับกัน และยังเอ่ยอย่างกะทันหันยิ่ง

ทว่าวินาทีที่กล่าว เยวี่ยหงปังตัวสั่นไหวเบาๆ สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย แต่ตะลึงงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีสีหน้าดีใจ โค้งคารวะซูหมิงลึกๆ

“แซ่เยวี่ยยินยอมเป็นผู้ติดตามผู้อาวุโส ยอมเป็นลิ่วล้อผู้อาวุโส เพื่อให้ผู้อาวุโสได้หินสีครามมากกว่าเดิม”

“เพื่อเป็นผู้ติดตามของข้าแซ่ซู ตลอดสองปีมานี้เจ้าค่อยๆ ทำให้ผู้ติดตามของเจ้าที่เห็นข้าในตอนนั้นตายไปทีละคน……คนสุดท้ายก็เพิ่งจะยอมตายเพื่อเจ้าโดยไม่รู้อะไรเลย” ซูหมิงมองเยวี่ยหงปังพลางกล่าวเนิบช้า

เยวี่ยหงปังตัวสั่นอีกครั้ง พยายามเค้นรอยยิ้มออกมา ขณะกำลังจะว่าตอบก็ถูกซูหมิงขัดขึ้นก่อน

“สองปีมานี้คนอื่นส่งศพมา แต่เจ้ากลับส่งหินผลึกสีคราม ครั้งนี้เจ้ามาขอความช่วยเหลือที่นี่ และบอกว่าถ้ำอีกฝ่ายสร้างจากหินสีครามที่ข้าต้องการ เพื่อชักนำข้าให้ช่วยเจ้าสังหารชายชราคนนั้น”

เสียงซูหมิงเข้าถึงหูเยวี่ยหงปัง ทุกคำพูดทำให้เขาหน้าขาวซีด

“กระทั่งที่เจ้าล่วงเกินชายชรา เกรงว่าจะเป็นเพราะเจ้าเข้าไปในอาคมของอีกฝ่ายเอง เป้าหมายคือเพื่อล่อให้เขามาที่นี่ การล่าสังหารตลอดทางนี้ เจ็ดส่วนเป็นจริง สามส่วนเป็นเท็จ!” นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา

ดวงตาไร้ปรานีเวลานี้อยู่ในสายตาเยวี่ยหงปัง ทำให้ในใจเขาเต้นตึกๆ หน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม กระทั่งส่วนลึกในใจยังเกิดความยำเกรงต่อซูหมิงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

แผนการทุกอย่างของเขา ถึงซูหมิงจะไม่ได้กล่าวออกมาทั้งหมด แต่ทุกตัวอักษรกลับทำให้เขาใจสั่นไหว เรื่องนี้เป็นเขาที่จงใจสร้างขึ้นจริงๆ

“ผู้อาวุโส…” เยวี่ยหงปังพยายามกล่าวขึ้น ทว่ายังว่าไม่จบก็ถูกขัดก่อน

“เอาวัตถุช่วยชีวิตที่เหลืออยู่ในตัวเจ้ามาให้ข้า” ซูหมิงว่าอย่างเย็นชา

เยวี่ยหงปังเงียบงัน ครู่ต่อมาก็ล้วงมือขวาเข้าไปในอกเสื้อ แล้วหยิบไผ่สีดำข้อต่อหนึ่งออกมามอบให้ซูหมิงอย่างนอบน้อม

“ผู้อาวุโสหลักแหลม อุบายเล็กจ้อยของผู้เยาว์ปิดผู้อาวุโสไม่ได้จริงๆ นี่คือของที่บรรพบุรุษทิ้งเป็นมรดกเอาไว้ นามว่าไผ่จักรพรรดิหยิน มันขยายเป็นโล่หมื่นไผ่ได้ในพริบตา หลังจากผนึกคนเอาไว้ข้างในแล้ว ต่อให้เป็นเจ้าปกครองโลกก็จะถูกขังเอาไว้ครึ่งเค่อ” หลังจากส่งมอบไผ่ดำให้แล้ว เยวี่ยหงปังก็เงยหน้าขึ้นมองซูหมิงด้วยสีหน้าเคารพ

“ตอนนั้นฉีเป่ยซานเคยหยามเกียรติข้า มันเกือบส่งข้าไปยังแดนมรณะ ข้ากับมันมีความแค้นส่วนตัวต่อกัน ข้าเลยล่อมันมาที่นี่ อยากจะให้ผู้อาวุโสช่วยลงมือสังหาร

สองปีมานี้ข้าทำให้สหายผู้ติดตามข้าตายไปทีละคนโดยไร้ร่องรอย ฆ่าปิดปากพวกเขาเพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ คนอื่นจะได้ไม่รู้เรื่องของผู้อาวุโส แต่จะรู้เพียงว่าผู้อาวุโสมาจากนอกดินแดน ไม่ใช่…นักโทษยุคแรกเริ่ม”

“อีกทั้งข้าอยากจะใช้สิ่งนี้กระชับความสัมพันธ์กับผู้อาวุโสด้วย ภายภาคหน้าจะได้เป็นสายเลือดตรงบนดาวแดงเพลิงของผู้อาวุโส” เยวี่ยหงปังคุกเข่าลงกับพื้น แล้วกล่าวเสียงหนักแน่น

“ทว่าแซ่เยวี่ยไม่ได้คิดทำร้ายผู้อาวุโสเลย เรื่องที่ทำลงไปเพียงอยากให้ผู้อาวุโสยอมรับ หวังว่าผู้อาวุโสจะให้แซ่เยวี่ยเป็นสายเลือดตรงของท่าน” เยวี่ยหงปังก้มหน้าลง

“นักโทษยุคสมัยแรกทุกคนที่สี่มหาโลกแท้จริงส่งมาจะต้องมีจุดที่สร้างความหวาดกลัวให้กับสี่มหาโลกแท้จริงอย่างแน่นอน แม้ขั้นพลังผู้อาวุโสไม่สูง แต่ข้าเชื่อมั่นว่าศักยภาพแท้จริงของผู้อาวุโสต้องไม่ธรรมดา

นักโทษยุคสมัยแรกทุกคนบนแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตล้วนเป็นเป้าหมายที่ขุมอำนาจทุกฝ่ายต้องการดึงตัวไป และก็มีเพียงนักโทษยุคสมัยแรกเท่านั้นถึงจะมีคุณสมบัติสร้างเผ่าพันธุ์บนแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตได้อย่างแท้จริง

แซ่เยวี่ยไร้ความสามารถ ไม่อยากให้คนอื่นรู้ประวัติของผู้อาวุโสก่อนที่ข้าจะเป็นสายเลือดตรงของท่าน ที่ทำไปก่อนหน้านี้และยังล่อบุคคลนี้มาที่นี่ส่วนใหญ่เป็นการหยั่งเชิง หวังว่าผู้อาวุโสจะลงโทษ” เยวี่ยหงปังเอ่ยเสียงต่ำ

ซูหมิงมองเยวี่ยหงปังด้วยความเย็นชาแวบหนึ่งแล้วก็หมุนตัวกลับไม่สนใจอีก ก่อนเดินเข้าไปในปากภูเขาไฟ ร่างค่อยๆ จมลงไป ส่วยเยวี่ยหงปังรู้สึกขมขื่นในใจกับท่าทีของซูหมิง เขาลอบถอนหายใจ ขณะกำลังหมดอาลัยตายอยากอยู่เล็กน้อย ทันใดนั้นตอนที่ซูหมิงดำลงไปก็เอ่ยมาหนึ่งประโยค

“ถ้ำของฉีเป่ยซานคนนั้นสร้างจากหินสีครามจริงๆ รึ?”

“ผู้เยาว์ไม่มั่นใจถึงสิบส่วน แต่ก็มั่นใจแปดส่วน เพราะนอกถ้ำมีหินสีครามกระจัดกระจายจำนวนมาก!” เยวี่ยหงปังมีสีหน้าตื่นตะลึง รีบเงยหน้าขึ้นตอบ

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ ไม่ได้ถามต่อ แต่ค่อยๆ หายไปตรงปากภูเขาไฟ

เยวี่ยหงปังนึกสงสัยในใจ เขาคาดเดาความคิดอีกฝ่ายไม่ออก ยามนี้นั่งขัดสมาธิอยู่นอกปากภูเขาไฟ หยิบหินผลึกซึ่งเต็มไปด้วยสิ่งเจือปนมาหลายก้อน ก่อนกำหนดลมหายใจรักษาอย่างเงียบๆ ภายในความคิดหมุนโคจรอย่างเร็วรี่ ทว่ากลับหาเงื่อนงำจากคำพูดอีกฝ่ายไม่พบ

ซูหมิงลงไปอยู่ในหินหนืดภูเขาไฟ แววตาขบคิด ครู่ต่อมาก็ดำลงไปในหินหนืดทั้งตัว ไม่นานหินหนืดไหลเชี่ยวอย่างรุนแรง หงส์งูเพลิงตัวใหญ่ส่งเสียงคำราม ก่อนบินขึ้นมาจากในหินหนืด ตรงศีรษะมันมีซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ มือขวาวางบนตัวหงส์งูเพลิง ดวงวิญญาณผสานรวมอยู่ในร่างกายมัน

หงส์งูเพลิงตัวใหญ่ร้องคำรามพร้อมกับกระโดดลอยขึ้น ช่วงที่ลอยขึ้นมาจากภูเขาไฟทั้งตัว ก็แผ่กระจายแรงกดดันของเจ้าปกครองโลก ทำให้เยวี่ยหงปังมีสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาโดยพลัน

กระเรียนขนร่วงกลายเป็นแสงสีเหลืองมาปรากฏอยู่ข้างซูหมิง มันหย่อนตัวลงบนหงส์งูเพลิงอย่างระมัดระวัง รูปร่างมันตอนนี้คือสุนัข แลบลิ้นพลางมองไปรอบๆ

“นำทางไป!” ซูหมิงว่าด้วยเสียงเย็นเยียบ เยวี่ยหงปังพลันบินขึ้น พอประสานมือคารวะซูหมิงแล้ว ก็หมุนตัวด้วยนัยน์ตามีจิตสังหาร แล้วห้อเหยียดไกลออกไป

ซูหมิงตบหงส์งูเพลิงใต้ร่างทีหนึ่ง สัตว์ร้ายตัวใหญ่ลังเลครู่หนึ่งแล้วพุ่งออกจากภูเขาไฟ ทว่ายังไม่ทันบินออกไปนอกพันจั้ง บนพื้นดินพลันปรากฏม่านแสงสีครามขึ้น ห่อหุ้มโดยรอบในระยะพันจั้งเอาไว้ หงส์งูเพลิงหยุดชะงักและมีสีหน้าตื่นกลัว

“เจ้าขนร่วง” ซูหมิงไม่แปลกใจ แต่มองกระเรียนขนร่วงแวบหนึ่ง

กระเรียนขนร่วงใจสั่นไหว ระหว่างที่บินออกมาก็คืนร่างเดิม แล้วใช้หัวชนกับอาคมผนึกม่านแสงสีคราม ครู่ต่อมาตัวมันบิดเบี้ยวกลายเป็นชายชราสวมเสื้อคลุมมังกรดำเก้าหัว ก่อนหลับตาลงตะโกนเสียงต่ำไปทางอาคมผนึก

“เปิด!” สิ้นเสียง ม่านแสงสีครามพลันสั่นสะท้านและเกิดรอยแยก หงส์งูเพลิงเบิกตากว้างและยังส่งเสียงคำรามด้วยความดีใจ จากนั้นกลายเป็นสายรุ้งสีแดงพุ่งออกจากรอยแยก

หงส์งูเพลิงตัวเล็กไม่ได้ออกมา แต่มองซูหมิงอยู่ในปากภูเขาไฟพร้อมกับส่งเสียงร้องแว่วมา กระเรียนขนร่วงขยับวูบไหวกลับมา ครั้งนี้มันยืนบนตัวหงส์งูเพลิงอย่างทะนงองอาจ ไม่ได้มีท่าทีระวังอย่างก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่ามันคิดว่าตนสร้างคุณูปการให้แล้ว

ขณะเดียวกับที่หงส์งูเพลิงตัวใหญ่บินออกจากม่านแสงอาคมสีคราม มันเงยหน้าร้องคำรามเสียงดังสะเทือนไปมากกว่าครึ่งดาวแดงเพลิง ร่างหลายพันจั้งบินอยู่กลางอากาศ ทำให้เมฆลมเปลี่ยนสี ในความทรงจำมัน นี่เป็นครั้งแรกที่บินออกมานอกระยะพันจั้งของภูเขาไฟ!

ท่ามกลางเสียงคำราม ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนหัวมัน เยวี่ยหงปังตรงหน้ามีสีหน้าฮึกเหิมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เขารู้ว่าตนเดิมพันถูกแล้ว!

“รีบนำทางไป”

“ขอรับ!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!