Skip to content

สู่วิถีอสุรา 783

ตอนที่ 783 อานุภาพมายา

ซูหมิงอึ้งงัน เสียงนี้เบาบาง ทว่ากลับทะลวงผ่านจิตใจ โดยเฉพาะอีกฝ่ายเรียกตัวเองว่าชื่อหั่วโหว นี่ยิ่งทำให้ตกใจไปใหญ่

“พันธมิตรสหายเผ่าศักดิ์สิทธิ์ยมโลก อย่าตระหนก เสียงข้ามีเพียงเจ้าที่ได้ยิน เรื่องสัญญายมโลกลำดับห้าเราค่อยคุยกันหลังจากนี้ ตอนนี้ข้าจะช่วยเจ้าก่อน…พลังแห่งผนึกยังอยู่ ในร่างกายข้าไม่มีขั้นพลังใดๆ และยังไม่อาจขับเคลื่อนได้แม้แต่น้อย เจ้า…มาตรงข้า มาอยู่ข้างข้า แล้วข้าจะปกป้องเจ้าได้”

เสียงเบาบางดังกังวานในหูซูหมิง นัยน์ตาเขาลอบเป็นประกายบางจนไม่อาจตรวจจับ และก็ไม่ได้หันไปมองโครงกระดูกในหินหนืดสีม่วงอมดำ

ตอนนี้เอง เถียนหลินเช็ดโลหิตตรงมุมปาก ก่อนหัวเราะเสียงแหลมดัง หัวเราะไปหัวเราะมา น้ำเสียงก็แฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่งและเศร้าโศก ราวกับว่าอัดอั้นความเสียใจมาหลายพันปี ยามนี้ปะทุออกมา

“จะให้แซ่เถียนเลือกวิธีตายอย่างนั้นหรือ ข้าขอเลือกตายไปพร้อมกับเจ้า!” เถียนหลินยกมือขวากดตรงหน้าอก จากนั้นซูหมิงก็เห็นว่ากายหยาบในร่างจิตแรกเถียนหลินแหลกละเอียดในพริบตา นี่หมายความว่าเขาละทิ้งกายหยาบอย่างสมบูรณ์ ตอนนี้ใช้ร่างจิตแรกอย่างเต็มที่

ทว่าจะคงอยู่สิ่งเดียวไม่ได้ ร่างจิตแรกบริสุทธิ์ไม่ใช่ได้มาเพราะการฝึกฝนอย่างเดียว แต่เถียนหลินใช้วิชาจิตแรกสลับกายหยาบได้มา แม้จะแกร่งมาก ทว่ามันก็เหมือนกับการเผาตัวเองเพื่อรีดเค้นศักยภาพ จะคงอยู่ได้ไม่นานนัก อีกไม่นานจากนี้ เพราะไม่มีกายหยาบรองรับ จิตแรกของเถียนหลินจะต้องหายไปอย่างแน่นอน

เขาเลือกความตาย นี่คือการเลือกของเขา ถึงต้องตายก็ขอตายด้วยการเผาตัวเอง แม้ต้องตาย ก็ขอตาย……ในการต่อสู้กับจิงหนานจื่อศัตรูคู่อาฆาต

“บรรพบุรุษทุกท่านของตระกูลเถียน ข้าพเจ้าชนรุ่นหลังเถียนหลิน วันนี้ขอใช้ความตายล้างแค้น หวังว่าบรรพบุรุษทุกท่านจะปกป้องอยู่ ณ วิญญาณแห่งสวรรค์ ให้ข้า…..สังหารบุคคลนี้!” พลังที่ไม่เคยมีมาก่อนพลันปะทุจากตัวเถียนหลิน เปลือกนอกจิตแรกเป็นสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้อย่างเร็วไว พริบตาเดียวร่างกายก็เหมือนกับมนุษย์ต้นไม้

ภายในปลายนิ้วสองมือยังมีกิ่งไม้จำนวนมากงอกออกมา ขณะเดียวกันร่างกายยังเต็มไปด้วยพลังแห่งต้นไม้

‘จิตแรกกับต้นไม้ล้ำค่าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว……’ นัยน์ตาซูหมิงแวววาว เขามองสภาวะกับความคลุ้มคลั่งของเถียนหลินออก อีกฝ่ายไม่สนใจความตาย หลังจากก้าวสู่ความตายครึ่งก้าวแล้วก็ใช้พลังที่ทรงอานุภาพมากที่สุดในชีวิต

จิงหนานจื่อถือทวนยาวสีแดงอยู่กลางอากาศ สองดวงตาพลันหรี่ลง นัยน์ตาฉายแววมุ่งมั่นในการต่อสู้และกระหายเลือด มุมปากใต้หมวกยังยกยิ้ม

“ที่ไว้ชีวิตเจ้าในตอนนั้นเป็นเพราะสังเกตเห็นสายเลือดในตัวเจ้า เจ้ามีสายเลือดตระกูลเถียนเข้มข้นที่สุด แทบจะเรียกว่าวิวัฒนาการ……” จิงหนานจื่อควงทวนยาวไปข้างหน้า

โครมโครมโครม

มวลอากาศตรงหน้าจิงหนานจื่อพังทลาย ลุกลามไปสร้างเป็นพายุคลั่งไร้รูปตรงไปหาเถียนหลิน

เถียนหลินคำรามเสียงดัง ขั้นพลังเดือดพล่านดุจเผาไหม้ ความเร็วเพิ่มขึ้นหลายเท่า แรงกดดันยังสูสีกับจิงหนานจื่อ

ปัง ปัง ปัง

สองคนปะทะกันหลายครั้ง ทุกครั้งร่างกายเถียนหลินจะเกิดเสียงโครมสั่นสะเทือน มีหลายจุดแตกเป็นชิ้นๆ ทว่าก็จะฟื้นฟูกลับมาโดยเร็ว ถึงอย่างไรจิตแรกก็ผสานรวมกับต้นไม้ล้ำค่าแล้ว อีกทั้งต้นไม้ยังมีพลังชีวิตหนาแน่นอย่างยิ่งและมหาศาลไร้ที่เปรียบ

ฉะนั้นถึงจะบาดเจ็บ แต่เถียนหลินก็ยังอยู่จุดสูงสุดได้ในพริบตา พลังเจ้าปกครองโลกตอนต้นสมบูรณ์ของเขา หลังจากผสานรวมแล้วก็มีความน่ากลัวเทียบเท่าเจ้าปกครองโลกตอนกลาง จึงสู้กับจิงหนานจื่ออย่างสูสีได้ในเวลาสั้นๆ

แรงสั่นสะเทือนรุนแรงลามไปรอบๆ จิงหนานจื่อถือทวนยาวพลางเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง

“ดี ไอ้หนูตระกูลเถียน เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ สายเลือดตระกูลเถียนในโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงโด่งดังและมั่งคั่ง……หากบรรพบุรุษของเจ้าไม่หักหลังตระกูลจนพ่ายแพ้ ก็คงไม่ถูกขังอยู่ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต” จิงหนานจื่อตาแวววาว เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบพร้อมกับเป็นสายรุ้งยาวมาอยู่ตรงหน้าเถียนหลินในพริบตา

โครม

มวลอากาศระหว่างสองคนแตกเป็นเสี่ยงๆ แรงปะทะรุนแรงกระจายไปโดยรอบ เสียงครึกโครมสั่นสะเทือนแปดทิศ

เถียนหลินมีสีหน้าทะมึนทึบ ไม่กล่าวใดๆ เห็นได้ว่าเรื่องที่จิงหนานจื่อกล่าวมาสำหรับเขาแล้วไม่ใช่ความลับ เขาพุ่งตัวออกไปก่อนปะทะกันอีกครั้ง

ซูหมิงยืนอยู่บนเทวรูปหมาน แรงปะทะม้วนตลบมาพัดเส้นผม นัยน์ตาเป็นประกายพลางกำกระบี่สังหารในมือแน่นก่อนคลายออกช้าๆ เขาไม่ได้ร่วมสู้ด้วย และก็ไม่ได้ถอยไปอยู่ข้างชื่อหั่วโหว

หากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่เลือกวิธีของชื่อหั่วโหว ถึงอย่างไรใจคนนั้นชั่วร้าย หากไม่ระวังจะเป็นพิษภัยไม่จบสิ้น

ซูหมิงยืนสงบนิ่ง มือถือกระบี่สังหาร ดวงตาซ้ายค่อยๆ ปรากฏเงาดวงตะวัน ดวงตาขวาเป็นดวงจันทร์โค้ง ขณะเดียวกับที่ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยความรู้สึกขมุกขมัว ในใจเขาก็ลอยขึ้นมาเป็นดวงดาว

ภาพมายาตะวันจันทราและดารา!

ขณะจิงหนานจื่อกับเถียนหลินกำลังสู้กันอย่างดุเดือด ซูหมิงเลือกใช้วิชามายานี้กับจิงหนานจื่อ วิชานี้คนอื่นไม่อาจต่อต้าน ขอเพียงลดทอนจิตส่วนหนึ่งก็จะตกอยู่ในห้วงแดนมายาทันที

แทบเป็นช่วงที่เขาใช้ภาพมายาตะวันจันทราและดารา

จิงหนานจื่อที่สู้กับเถียนหลินอยู่ใจพลันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับว่ามีการบอกเตือนถึงภยันตรายร้ายแรงบางอย่าง นัยน์ตาเขาขยับประกาย แต่ยังไม่ทันตรวจสอบต้นตอภยันตรายนั้น ก็…..

“จิงหนานจื่อ!” ซูหมิงตะโกนเสียงดัง เขากระโดดลอยจากเทวรูปหมาน น้ำเสียงดังสนั่นราวฟ้าผ่า กระทั่งแฝงไว้ด้วยอภินิหารเสียงคำรามแห่งเทพหมาน ทำให้เสียงคำรามดังกึกก้องไม่มีสิ้นสุดอยู่ในถ้ำจำกัดขนาดนี้

“จิงหนานจื่อ”

“จิงหนานจื่อ…..”

“จิงหนานจื่อ……” คลื่นเสียงกังวานไปรอบๆ พริบตาเดียวก็ผสานรวมกันเป็นเสียงคำรามดุจดั่งอานุภาพสวรรค์

“จิง หนาน จื่อ!” เสียงคำรามสั่นสะเทือนหูสองข้างของเถียนหลิน สั่นสะเทือนจิตใจจิงหนานจื่อจนความคิดขาวโพลนราวกับถูกเรียกวิญญาณ เขามองซูหมิงต้นตอเสียงโดยจิตใต้สำนึก เขาไม่เห็นใบหน้าซูหมิง แต่เห็นแสงสว่างของดวงตะวันและดวงจันทร์ วินาทีที่มองไป เขามีความรู้สึกเหมือนว่าเขากลายเป็นดวงดาว ความรู้สึกนี้เพิ่งปรากฏ ก็เกิดเสียงระเบิดดังในความคิด

ตอนที่ทุกอย่างตรงหน้าชัดเจนอีกครั้ง เขาเห็นรอยยิ้มเจิดจ้า เห็นสายตาอบอุ่น และยังมีมือยื่นมาข้างหนึ่ง ลายมือด้านบนหยาบกร้านมาก ทว่ากลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเป็นที่พึ่งพิง

“พี่……” จิงหนานจื่อตะลึงงัน เขาเหม่อมองชายหนุ่มร่างกำยำอายุราวยี่สิบกว่าปีตรงหน้า ด้านหลังชายหนุ่มแบกกระบี่ใหญ่เล่มหนึ่ง ยามนี้กำลังยื่นมือขวามาวางบนใบหน้าจิงหนานจื่อ

“น้องเล็ก มีพี่อยู่ไม่ต้องร้อง…..ตั้งใจฝึกฝนเถอะ จากนั้นเราสองพี่น้องจะเดินทางให้รอบฟ้ากระจ่างดาว”

จิงหนานจื่อมองตัวเอง นั่นคือเด็กหนุ่มอายุเพียงสิบสองสิบสามปี เด็กหนุ่มคนนี้ผมสั้น ร่างกายซูบผอมและกำลังหลั่งน้ำตา เขานึกออกแล้ว นี่คือตัวเขาเมื่อนานมาแล้ว นี่คือความทรงจำล้ำค่าที่สุด เป็นความทรงจำเกี่ยวกับพี่ชาย

ทว่าเขาไม่อยากนึกถึงความทรงจำนี้ที่สุด แต่ตอนนี้มันกลับลอยอยู่ตรงหน้าอย่างสมจริง

“ลูกผู้ชายต้องตรงไปตรงมา ต้ององอาจผ่าเผย น้องเล็กเจ้ามีนิสัยชั่วร้าย ข้าไม่ชอบตรงนี้เลย ทว่ามีข้าอยู่สักวันหนึ่งข้าจะเปลี่ยนใจเจ้า” เสียงพี่ชายจิงหนานจื่อดังก้องอยู่ข้างหู ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไป เขาเห็นตนเติบใหญ่ขึ้น ทว่ากลับมีสีหน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง มีเพียงตอนอยู่ต่อหน้าพี่ชายเท่านั้น ความทะมึนนี้ถึงจะกลายเป็นรอยยิ้มสดใส

“ข้าคือพี่ชายเขา ในเมื่อเขาทำผิดข้าจะชดใช้เอง!” จิงหนานจื่อมองภาพไปเรื่อยๆ รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งข้าง กลายเป็นความเศร้าและเสียใจ นี่คือจุดเปลี่ยนในชีวิต มันเปลี่ยนเขาไปชั่วชีวิตต่อให้ตายก็ไม่อาจลืมภาพความทรงจำนี้

ในภาพความทรงนี้ เขาเสียพี่ชายไป

เขาเห็นตัวเองคุกเข่าลงกับพื้นตัวสั่นงันงก เห็นพี่ชายยืนอยู่ตรงหน้า มือถือกระบี่ยาว และยังเห็นอีกว่ามีชายชราคนหนึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า ชายชราคนนั้นกำลังมองพี่ชายของตนด้วยสีหน้าเฉยชา ด้านหลังชายชราเป็นเด็กสาวที่เย็นชายิ่งกว่ายืนอยู่ เด็กสาวคนนั้นมองตนอย่างรังเกียจ

“ข้าเฉินจิงเป็นพี่ชายเขา เขายังเล็ก ข้าจะตายแทนเขาเอง” จิงหนานจื่อเห็นพี่ชายหันหน้ามายิ้มอ่อนโยนให้กับตน ในรอยยิ้มนั้น เขาเห็นพี่ชายใช้กระบี่ในมือทะลวงคอตัวเอง ระหว่างที่โลหิตพุ่งกระฉูด จิงหนานจื่อร้องคำรามอย่างเสียสติ

“จำไว้ว่าพี่ชายเจ้าใช้ความตายลบล้างความผิด เรื่องนี้ถือว่าแล้วกันไปเถอะ”

จิงหนานจื่อตัวสั่น เขาร้องคำรามเสียงเล็กโดยไม่อาจคุมตัวเอง นี่คือภาพที่เจ็บปวดที่สุดในความทรงจำ เขาไม่อยากนึกถึงมัน อยากฝังมันไว้ในส่วนลึกจิตใจ ทว่าตอนนี้มันกลับลอยขึ้นมาให้เห็นอีกครั้ง

เขายังเห็นอีกว่าคล้อยหลังชายชรากับเด็กสาว ตนนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าศพพี่ชายเงียบๆ อยู่หลายวัน จากนั้นเส้นผมก็กลายเป็นสีแดง กลิ่นอายชั่วร้ายมหาศาลอบอวลอยู่ในตัว ดวงตาของตนไม่มีความปราณีใดๆ มีเพียงความกระหายเลือดและบ้าคลั่ง

เขายังเห็นตนกอดศพพี่ชายเอาไว้ แล้ว…..กินศพพี่ชายไปทีละคำ กระทั่งกระดูกยังเคี้ยว โลหิตเต็มปาก

“พี่ ข้ากับท่านอยู่ด้วยกัน ข้าก็คือท่าน จากนี้ข้าไม่ใช่เฉินหนานอีก ข้าคือจิงหนาน!”

จิงหนานจื่อฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว ร่างกายส่งความเจ็บปวดไม่มีสิ้นสุด ความเจ็บปวดนั้นอยู่บนตัวและในร่างกาย มันรุนแรงเสียจนภาพความทรงจำตรงหน้าทุกอย่างแตกเป็นเสี่ยงๆ ตอนที่ชัดเจนอีกครั้ง เขายังคงอยู่ในถ้ำ ตรงหน้าเป็นเถียนหลินกำลังใช้พลังอย่างเต็มกำลังโจมตีใส่ร่างกายเขาไม่หยุด

กลิ่นคาวเลือดในปากก่อนหน้านี้ พอมองตอนนี้แล้วมาจากการโจมตีของเถียนหลินนั่นเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!