Skip to content

สู่วิถีอสุรา 784

ตอนที่ 784 ผนึกต้นกำเนิดจิต

ซูหมิงหรี่ม่านตาลง เขาเคยใช้ภาพมายาตะวันจันทราและดารากับเพียงสองคนเท่านั้น คนแรกคือเถียนหลิน คนที่สองคือ จิงหนานจื่อตรงหน้า

หลังจากใช้วิชากับสองคนนี้ต่างมีผลคล้ายกัน สิ่งล้ำค่าที่สุดในก้นบึ้งหัวใจพวกเขา หรืออาจเรียกว่าความทรงจำที่ไม่อยากรื้อฟื้นที่สุด จะถูกขุดค้นออกมาอยู่ตรงหน้า ทำให้พวกเขาต้องเจ็บปวดอีกครั้ง อีกทั้งในระหว่างขั้นตอน สภาพจิตใจจะเสียการป้องกัน เพราะคนที่โจมตีจิตใจพวกเขาไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตัวพวกเขาเอง

และซูหมิงเป็นผู้ใช้วิชา เขาเห็นทุกอย่างในความทรงจำอีกฝ่ายที่ไม่อยากให้ใครรู้ กระทั่งรับความรู้สึกแบบเดียวกันมา อย่างเช่นภาพเมื่อครู่นี้ที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับเขา มันเป็นภาพตอนจิงหนานจื่อกินศพพี่ชายตัวเอง

‘บาดเจ็บทางร่างกายยังใช้ยารักษาได้ ยังโคจรพลังฟื้นฟูได้ ทว่าบาดเจ็บทางจิตใจเหมือนกับโดนทำร้ายถึงจิตวิญญาณ วิธีรักษาคือลืม มิเช่นนั้นแล้วก็มีแต่ต้องใช้เวลา

ภาพมายาตะวันจันทราและดาราไม่ได้จู่โจมร่างกาย กระทั่งไม่อาจเรียกว่าจู่โจม มันกระตุ้นความทรงจำที่เปราะบางที่สุดในใจอีกฝ่าย ทำให้มันกลายเป็นตราประทับเงามืดอย่างหนึ่ง คล้ายกับการฉีกรอยแผลเป็นเก่าให้จิตวิญญาณเจ็บปวด!’

นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเข้าใจขณะเห็นจิงหนานจื่อเงยหน้าคำรามเสียงแหลม แล้วกระชากหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าชั่วร้ายและผมยาวสีโลหิต

เพียงแต่ว่าตอนนี้ใบหน้าเขาซีดขาว เส้นเลือดอัดแน่นเต็มดวงตา ทั้งยังกระอักโลหิตกองใหญ่ ร่างซวนเซถอยหลังไป เหตุที่กระอักโลหิตนอกจากเพราะเถียนหลินโจมตีอย่างบ้าคลั่งแล้ว สิ่งที่มากกว่าคือความเจ็บปวดในใจยังมีความทรงจำที่เหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานอยู่

“พี่ข้า…” จิงหนานจื่อถอยไปไม่หยุด นัยน์ตามีความเจ็บปวดรวดร้าว ร่างกายสั่นเทิ้ม ยามนี้เถียนหลินตรงหน้ามีจิตสังหารบ้าคลั่ง กำลังใช้วิชาทั้งหมดพร้อมกันโดยไม่สนสิ่งใด เขาใช้วิชาและของวิเศษที่มีอานุภาพสังหารรุนแรงที่สุดโจมตีใส่จิงหนานจื่ออย่างคลุ้มคลั่งและรวดเร็วยิ่ง

โครม โครม โครม โครม!

จิงหนานจื่อถอยไปอย่างต่อเนื่อง มุมปากมีโลหิตไหล แววตาเหม่อลอย เจ็บปวดและสับสน เถียนหลินก็โจมตีอย่างสุดกำลัง รัวหมัดใส่จิงหนานจื่อดังสนั่น

“เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้หรือว่าเหตุใดตอนนั้นเจ้าถึงไม่สังหารข้า! นั่นเป็นเพราะอภินิหารพรสวรรค์ของสายเลือดตระกูลเถียนหายากยิ่งในหมู่ผู้ฝึกฌาน สามารถผสานรวมกับพืชได้อย่างสมบูรณ์แบบ อีกทั้งยังมีโอกาสรวมขึ้นเป็นเกราะพฤกษาที่หายาก

เจ้าไม่สังหารข้า เพราะเจ้าอยากได้เกราะพฤกษาของสายเลือดตระกูลเถียน อยากได้ความแกร่งของมัน ทว่าเจ้าไม่อาจไปเอามันมาจากตระกูลเถียนในโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ เลยตั้งใจมาหาสายเลือดตระกูลเถียนในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต”

“เจ้าไม่สังหารข้า เป็นเพราะสายเลือดข้าเข้มข้นกว่าบรรพบุรุษ เพราะข้าคือคนที่มีโอกาสรวมเกราะพฤกษาในสายเลือดตระกูลเถียนมากที่สุด!”

“ต้นหลัวซานี้ ตอนนั้นเจ้าก็เป็นคนมอบให้บรรพบุรุษรุ่นหนึ่งตระกูลเถียนและสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้ เจ้าต้องการเกราะพฤกษาจากต้นหลัวซา แต่ทั้งๆ ที่ข้ารู้แผนของเจ้า ข้าก็ยังผสานรวมกับต้นหลัวซา เพราะมีแต่แบบนี้เท่านั้นข้าถึงใช้พลังได้แกร่งที่สุดเพื่อสังหารเจ้า!” เถียนหลินตะโกน กิ่งไม้ตรงหน้าตวัดอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงโครมกึกก้อง เดินบีบจิงหนานจื่อให้ถอยไป พริบตาเดียวก็จะชนกับผนังหินข้างๆ อยู่แล้ว

โครม เศษหินแตกกระจาย ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกอยู่ไกลๆ ตะวันและจันทราในดวงตาหายไป เขากำกระบี่สังหารในมือแน่น ดวงตาวาววับ ขณะกำลังจะลงมือกลับหรี่ม่านตาลงโดยพลัน

“เจ้า…บุกพอรึยัง” จิงหนานจื่อถูกอัดเข้าไปในผนังหินครึ่งร่าง ยามนี้เงยหน้าขึ้นมา ตรงมุมปากยังมีโลหิตไหล ทว่าแววตาเหม่อลอยและสับสนหายไป แล้วแทนที่ด้วยความเย็นชาน่าสะพรึง

แทบเป็นทันทีที่กล่าว จิงหนานจื่อใช้มือขวาคว้าแขนเถียนหลินที่กำลังชกหมัดเข้ามาเอาไว้ ก่อนกระชากไปข้างหน้าและหลัง ร่างเถียนหลินพลันสั่นไหวแล้วระเบิดเป็นแสงผลึกกลุ่มใหญ่

แสงผลึกเหล่านั้นคือแก่นสำคัญของจิตแรกเถียนหลิน เวลานี้ถูกสลายไปแล้วครึ่งหนึ่ง พอจิงหนานจื่อกระชากอีกครั้ง ร่างเถียนหลินก็ลอยไปตกอยู่บนพื้นไม่ไกลนัก เขาพยายามยืนขึ้น สีหน้าขมขื่นและสิ้นหวัง เขาใช้พลังทั้งหมดแล้ว แต่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้จิงหนานจื่อ

“ข้าดูถูกเจ้าอีกแล้ว” จิงหนานจื่อบิดคอ แล้วเดินออกมาจากผนังหินที่เว้าลงไป สายตาไม่มองเถียนหลิน แต่มองซูหมิงด้วยความเย็นชาราวกับอสรพิษ

“มีผึ้งที่มีพิษน่าสะพรึง มีน้ำเต้ามหัศจรรย์ และยังมีวิชามายาทำให้ข้าตกอยู่ในห้วงอีก…เจ้าร้ายกาจมาก หากเจ้าบรรลุถึงระดับเจ้าปกครองโลก ต่อให้เป็นเพียงเจ้าปกครองโลกตอนต้น ข้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ด้วยแล้ว

ทว่าตอนนี้ เจ้าต้องตายแน่” นัยน์ตาจิงหนานจื่อเผยจิตสังหารรุนแรง เขาไม่ได้เจอคนที่อยากสังหารขนาดนี้มานานหลายปี ซูหมิงทำลายร่างแยกก็ยั่วโมโหเขาแล้ว แต่เหตุการณ์เมื่อครู่คงใช้คำว่ายั่วโมโหไม่ได้ ต้องเรียกว่าล้ำเส้นย้อนเกล็ดเขาเสียมากกว่า!

จิงหนานจื่อขยับวูบไหวหายวับไป ช่วงที่หายไป ซูหมิงหน้าเปลี่ยนสี ก่อนจะใช้วิชาเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาเช่นเดียวกัน แล้วมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเถียนหลิน

แทบเป็นเวลาเดียวกัน จิงหนานจื่อเดินออกมาจากมวลอากาศตรงหน้า ไม่ได้ใช้อภินิหารซับซ้อนใดๆ เพียงหนึ่งชกหมัดใส่ซูหมิง

“อายุยังน้อย ความคิดกลับเกินหยั่ง ไม่อยากเชื่อว่าจะมองออกว่าข้าจะสังหารเจ้าเถียนก่อน”

ซูหมิงไม่ยอมให้จิงหนานจื่อสังหารเถียนหลินง่ายๆ เพราะในเขาสองคน เถียนหลินมีกำลังรบแกร่งที่สุด หากเถียนหลินยังมีชีวิต บางทีการต่อสู้อาจไม่มีหวังจะชนะ ทว่าหากเถียนหลินตายไป การต่อสู้ครั้งนี้คงสิ้นหวังเรียบร้อย

ซูหมิงที่ขวางอยู่ระหว่างเถียนหลินกับจิงหนานจื่อฟันกระบี่สังหารไปข้างหน้าทันควัน พร้อมกันนั้นก็เข้าปะทะกับหมัดจิงหนานจื่อ เขาโจมตีไปเหมือนเป็นการต่อต้าน แต่ความจริงคือเขาไม่คิดจะสวนกลับเลย แต่รับเอาไว้ทั้งหมด

โครม!

มือขวาที่กำกระบี่สังหารอยู่ฉีกขาด นอกร่างซูหมิงปรากฏผนึกห้าชั้นขึ้นมา อีกทั้งในผนึกห้าชั้นยังมีระฆังเขาหานอยู่ด้วย มันส่งเสียงระฆังมาพร้อมกับเสียงคำรามและดวงตาดูดวิญญาณของงูน้อยจู๋จิ่วอิน นอกจากนี้ยังปรากฏร่างจิ่วอิงของระฆังเขาหานขึ้น ทุกอย่างนี้กลายเป็นแรงต่อต้านในพริบตา ทำให้เกิดเป็นเสียงสั่นสะเทือนแก้วหูกึกก้องอยู่ระหว่างซูหมิงกับจิงหนานจื่อ

บนตัวซูหมิงยังมีเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา แม้เขาจะใช้สมบัติชิ้นนี้ไม่ได้อย่างเต็มที่ แต่การป้องกันจากตัวมันยังคงอยู่ แต่ถึงมีเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา เขาก็ยังกระอักเลือดติดกันหลายครั้ง ถึงจะคว้าตัวเถียนหลินห้อเหยียดถอยไป

ขณะเดียวกับที่ล่าถอย เขาปลดปล่อยพลังซู่มิ่งจากมือซ้าย

ตอนที่กดนิ้วไปทางจิงหนานจื่อ ผึ้งพิษขยับไหววูบออกมาจากแขนเสื้อแล้วตรงไปหาศัตรู

จิงหนานจื่อแค่นเสียงหึเย็นชา ทว่าในใจกลับตื่นตะลึง

รู้กันดีว่าเขาอยู่ระดับเจ้าปกครองโลกตอนกลาง แต่ภายนอกซูหมิงเป็นเพียงผู้ฝึกฌานระดับดิน แต่ถึงอย่างนั้นกลับรับมือยุ่งยากถึงเพียงนี้ ขณะจิงหนานจื่อกำลังจะไล่ตามก็สังเกตเห็นว่ารอบๆ มีกฎเกณฑ์เปลี่ยนไป เหมือนกับกาลเวลาเหนี่ยวร่างตนให้ย้อนกลับ

มิหนำซ้ำยามนี้ภยันตรายยังอบอวลอยู่รอบๆ จิงหนานจื่อพลันหมุนตัวไปชี้อากาศข้างๆ กาย ภายในมวลอากาศมีตำแหน่งหนึ่งเกิดคลื่นกระเพื่อมหลายชั้น ผึ้งพิษในนั้นจึงต้องปรากฏตัวออกมา ทว่าวินาทีที่จะถูกนิ้วของจิงหนานจื่อชี้เข้า มันกลับหายวับไป

“หืม?” จิงหนานจื่อตาเป็นประกาย ยามหันไปมองซูหมิงที่กำลังร่นถอยอยู่ นัยน์ตากลับฉายแววประหลาดใจ “แบบแผนของที่นี่คือไฟ กฎของที่นี่คือโลหิต ด้วยผนึกแห่งต้นกำเนิดจิตของข้าจิงหนานจื่อ พิสูจน์เส้นทางแห่งเจ้าปกครองโลก หมื่นจั้งของที่นี่ จงผนึกความเร็ว ผนึกการรักษา ผนึกพลังแห่งเลือดเนื้อ ผนึกอานุภาพของวิเศษ ผนึกการโคจรพลัง!” จิงหนานจื่อยกมือขวาห้านิ้วมือคว้าอากาศ ดวงตาสองข้างเปล่งแสงหม่นพร้อมเอ่ยเสียงต่ำ

ครั้นสิ้นเสียง คล้ายทุกประโยคล้วนแฝงไว้ด้วยจิตใจแน่วแน่อันอยู่จุดสูงสุด ราวกับว่าคำพูดเขาคือกฎเกณฑ์ที่สามารถตัดสินการโคจรหรือการแปรเปลี่ยนฟ้าดินในระยะเท่าไรก็ได้

โดยเฉพาะการผนึกความเร็ว ผนึกการรักษา ผนึกพลังแห่งเลือดเนื้อ ผนึกของวิเศษ และผนึกการโคจรพลัง วินาทีที่เกิดการผนึกห้าอย่างนี้ ความเร็วในการถอยของซูหมิงหายไป เหมือนกับเสียความรวดเร็วทุกอย่าง

โดยเฉพาะการรักษาในร่างกายเถียนหลิน ตอนนี้ยังหยุดนิ่ง อาการบาดเจ็บรอยฉีกเป็นวงกว้างเลวร้ายลง ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาได้

จากนั้นซูหมิงก็รู้สึกว่าร่างกายเสียพละกำลังทั้งหมด การเชื่อมต่อระหว่างของวิเศษกับจิตใจถูกตัดขาดประหนึ่งเสียการควบคุม กระทั่งขั้นพลังยังติดขัดจนไม่อาจโคจร

“พลังแห่งโลกที่สมบูรณ์รวมออกมาเป็นต้นกำเนิดจิต ใช้ผนึกต้นกำเนิดจิตรบกวนการโคจรของฟ้าดินบางแห่ง และให้มันเข้าแทนที่ดวงจิตของฟ้าดิน บรรลุถึงระดับที่คำพูดเปลี่ยนแปลงกฎ ทำให้แบบแผนของที่นี่คือความปรารถนาและกฎเกณฑ์คือความคิดเขา

ในระดับเจ้าปกครองโลก คนที่ทำแบบนี้ได้มีไม่เยอะ เขามีผนึกต้นกำเนิดจิตและเอ่ยเปลี่ยนกฎได้เช่นนี้ นั่นหมายความว่าทุกอย่างเมื่อครู่ เขาเพียงหยอกล้อเราสองคนเท่านั้น” เถียนหลินกล่าวด้วยความขมขื่น

จิงหนานจื่อดึงมือขวากลับ สายตามองซูหมิงอย่างเย็นชาพลางเข้าประชิดตัวในพริบตา ภยันตรายถึงตายแผ่ปกคลุมมาโดยพลัน

ซูหมิงหรี่ตาลง นัยน์ตามีประกายเฉียบคมวูบผ่าน อีกฝ่ายผนึกทุกอย่างไว้ แต่กลับไม่ผนึกวิญญาณ อย่างมากเขาก็แค่ละทิ้งกายเนื้อให้วิญญาณหนีไป

ทว่าตอนนี้

“สหายซู แซ่เถียนขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ หลังจากข้าตายจะรวมเกราะพฤกษาออกมา เจ้าเอาไปได้เลย ข้าให้เจ้า”

เถียนหลินพลันเอ่ยขึ้นพร้อมกับสลับตำแหน่งกับซูหมิง จากนั้นแผดเผาจิตแรกทั้งหมดรวมถึงร่างเงาต้นไม้ใหญ่

“จิงหนานจื่อ ต่อให้ตาย ข้าก็จะระเบิดตัวเองให้เจ้าต้องชดใช้คืน!”

แววตาเถียนหลินคลุ้มคลั่ง เขาตั้งใจจะระเบิดตัวเอง หลังจากผลักซูหมิงออกไปแล้ว ทั่วร่างเถียนหลินก็พลันกลายเป็นดวงตะวันสว่างจ้าตา แสงสว่างส่องสะท้อนทุกอย่างภายในถ้ำ กลบจิงหนานจื่อผู้มีสีหน้าทะมึนและหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยไป

ตูม! เสียงครึกโครมสนั่นแก้วหูกึกก้องไม่มีสิ้นสุด

ซากร่างเถียนหลินกับกลิ่นอายมรณะม้วนตลบไปรอบๆ และยังผลักซูหมิงกระเด็นถอยไปอยู่ข้างโครงกระดูกชื่อหั่วโหว ครึ่งร่างตกไปในหินหนืดสีม่วงอมดำ

“ในที่สุดเจ้าก็ยอมเข้ามา…พันธมิตรเผ่าศักดิ์สิทธิ์ยมโลก…ข้าไม่มีเจตนาร้าย…พวกเรามาจากบ้านเกิดเดียวกัน…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!