Skip to content

สู่วิถีอสุรา 785

ตอนที่ 785 ถ่วงเวลา

เสียงโครมดังภายในถ้ำ ร่างเถียนหลินระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ก่อเป็นพลังทำลายล้างปะปนกับพลังชีวิตมหาศาลหลังจากเขาผสานรวมกับต้นหลัวซาแผ่กระจายเป็นวงกว้าง

เถียนหลิน สิ้นชีพ!

ถ้ำสั่นสะเทือน เศษหินจำนวนมากร่วงหล่น โดยรอบสั่นสะเทือนจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซูหมิงแช่อยู่ในหินหนืดสีม่วงอมดำอยู่ครึ่งตัว ใบหน้าซีดขาวขณะสายตามองภาพตรงหน้า

ซุนคุน ตาย!

เถียนหลิน ตาย!

ส่วนเยียเซินถง ในเมื่อจิงหนานจื่อมาที่นี่แล้ว ร่างแยกคงตายแล้วอย่างแน่นอน

‘จิงหนานจื่อมีขั้นพลังสูงส่ง ซุนคุน เถียนหลินตายตามกันไป หรือว่าจะต้องทิ้งกายเนื้อร่างนี้เป็นวิญญาณหนีไปจริงๆ’ ยามนัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย พลันได้ยินเสียงอ่อนแรงแว่วมาข้างหู

“ข้าไม่มีเจตนาร้าย…ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะพูดมาก พันธมิตรเผ่าศักดิ์สิทธิ์ยมโลก ช่วยข้าถ่วงเวลาที ขอเพียงข้าเอากระบี่ผนึกเล่มแรกออกได้ ก็จะลงมือช่วยเจ้าได้!”

“ขอเพียงข้าเอากระบี่เล่มแรกออกได้ การสังหารบุคคลนี้จะเป็นเรื่องง่าย อีกทั้งข้ายังมอบโชควาสนาให้กับเจ้าได้ ถึงอย่างไรเราก็มาจากบ้านเกิดเดียวกัน…

เวลา ช่วยถ่วงเวลาให้ข้าสักพักหนึ่ง…เพื่อให้เจ้ามีพลังพอจะถ่วงเวลา ข้าจะมอบพลังแห่งเลือดเนื้อให้เจ้าก่อน!” เสียงอ่อนแรงกึกก้องอยู่ในใจซูหมิง เขารู้สึกชัดเจนว่าในหินหนืดสีม่วงอมดำมีธารร้อนสองสายทะลวงจากสองเท้าเข้าสู่ร่างกาย

ธารร้อนนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกยิ่งใหญ่ หลังเข้าสู่ร่างกายแล้วก็ผสานรวมกับเลือดเนื้อและกระดูก ไม่ได้ส่งผลถึงขั้นพลังของเขา แต่ปรับโครงสร้างร่างกายอย่างรวดเร็ว

ภาพนี้เหมือนกับตอนที่ซูหมิงสูบพลังแห่งเลือดเนื้อในหินเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ว่าครั้งนี้เขาไม่ต้องสูบ เพราะพลังแห่งเลือดเนื้ออันเข้มข้นหลั่งไหลเข้ามาเอง

ขณะเดียวกับที่ร่างกายเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ภายในถ้ำตรงหน้าเกิดเสียงกระหึ่มสะท้อนไปรอบๆ หมอกฝุ่นจำนวนมากหมุนตลบ เสียงเย็นเยียบของจิงหนานจื่อดังกังวานอยู่ภายในถ้ำ

“คนสุดท้ายของตระกูลเถียนในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ตายไปด้วยความเจ็บปวดไม่มีสิ้นสุด นี่ถือว่าข้าเมตตาแล้ว” จิงหนานจื่อเดินออกมาจากหมอกฝุ่นอย่างช้าๆ จนกระทั่งอยู่ห่างจากซูหมิงเพียงร้อยจั้งจึงมองมายังเขา

“ตอนนี้ ถึงตาเจ้าแล้ว” ผมแดงของจิงหนานจื่อพลิ้วสะบัด ยามนี้แม้เสื้อเกราะบนตัวจะเสียหายหลายจุด กระทั่งตรงมุมปากยังมีโลหิตไหล แต่ในแววตากลับแวววาวดังเดิม หากถูกเขาจับจ้องจะเกิดความรู้สึกเจ็บปวดราวกับสายตานั้นเป็นของจริง

จิงหนานจื่อเอ่ยพลางใช้มือขวาคว้าอากาศ พลันปรากฏทวนยาวสีแดงขึ้นมา เมื่อคว้าเอาไว้แล้วก็ค่อยๆ เดินหน้าไปหาซูหมิงช้าๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน

“เจ้าเหมือนจะเกลียดชังสายเลือดตระกูลเถียนมาก?” ซูหมิงถามขึ้น ตอนนี้ร่างกายเขากำลังแกร่งขึ้นเรื่อยๆ การสูบกินก็ยังเร็วขึ้นทุกที ทว่าคนนอกกลับมองไม่ออกอย่างน่าประหลาด ดูท่าคงเกี่ยวกับยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดชื่อหั่วโหว ไม่รู้ว่าใช้วิธีอะไร จิงหนานจื่อถึงมองสภาวะเขาในยามนี้ไม่ออก

“เกลียดชัง? เจ้าดูอยากรู้อยากเห็นดีจริง” นัยน์ตาจิงหนานจื่อมีประกายเย็นชาวูบผ่าน ก่อนขยับวูบไหวตัวถือทวนยาวตรงไปหาซูหมิงราวกับสายฟ้า

ทว่าทันทีที่เพิ่งกระโดดเข้าไปใกล้ ดวงตาซูหมิงก็ขยับประกายแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา

“ตอนนั้นพี่ชายเจ้าแลกชีวิตแทนเจ้า สาเหตุคงเป็นเพราะเจ้าไปล่วงเกินตระกูลเถียนในโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์เข้ากระมัง เด็กสาวข้างชายชราคนนั้นชื่อเถียนอะไรรึ?”

วินาทีที่ซูหมิงกล่าวประโยคนี้ ร่างจิงหนานจื่อที่อยู่กลางอากาศพลันเผยตัวออกมา หลังจากหยุดนิ่งกลางอากาศแล้ว นัยน์ตาเขาเผยจิตสังหารที่เข้มข้นถึงขีดสุด จ้องซูหมิงด้วยความเย็นชา

ดูเผินๆ เหมือนธรรมดา แต่ซูหมิงพบว่าลมหายใจจิงหนานจื่อดูกระชั้นกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย

“เดิมทีเถียนหลินเป็นคนตระกูลเถียนของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ ตอนนั้นเจ้าล่วงเกินตระกูลของเด็กสาวคนนั้น เพราะอย่างนั้นพี่ชายเจ้าจึงต้องตาย เจ้าเลยรอดไปได้

จากนั้นตระกูลเถียนก็กลายเป็นเป้าหมายแก้แค้นของเจ้า จนกระทั่งตระกูลเถียนมีคนหักหลัง คนในตระกูลส่วนหนึ่งถูกส่งมายังแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ก็กลายเป็นเหยื่อของเจ้า ถูกเจ้ากดขี่ ถูกเจ้าสังหารอย่างเหี้ยมโหดไม่หยุดหย่อน สุดท้ายก็เหลือเถียนหลินเอาไว้ ให้เขาเจ็บปวดทรมานจากการแก้แค้น หากข้าเดาไม่ผิด เด็กสาวที่เจ้าล่วงเกินในตอนนั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับสายเลือดเถียนหลินด้วย กระทั่งสายเลือดเถียนหลินต่างหากคือสายเลือดแท้จริงของตระกูลเถียน เหตุที่เกิดการหักหลัง ก็น่าจะเป็นเพราะสายเลือดรองในตระกูลก่อกบฏ” เดิมทีซูหมิงไม่พูดเยอะขนาดนี้ ทว่าตอนนี้การถ่วงเวลาในทุกลมหายใจ ร่างกายเขาจะแกร่งขึ้นหนึ่งส่วน นอกจากนี้โครงกระดูกชื่อหั่วโหวด้านหลังน่าจะคลายผนึกออกได้บ้าง

ช่วงที่ร่างกายซูหมิงกำลังแกร่งขึ้นเรื่อยๆ กระเรียนขนร่วงตื่นขึ้นมาอยู่ในถุงเก็บวัตถุ ขยับกายบินออกมาแล้วเอาหัวพุ่งเข้าไปในหินหนืดสีม่วงอมอำ ตอนแรกมันตะลึงงันก่อน จากนั้นก็โผล่หัวขึ้นมาอย่างระมัดระวังอยู่ไม่ไกลนัก

มองซูหมิงแช่อยู่ในหินหนืดมากกว่าครึ่งตัว แล้วมองจิงหนานจื่อที่กำลังยิ้มเยาะด้วยใบหน้าเย็นชากลางอากาศ ก่อนจะรีบมุดหัวกลับไป

หากแต่ตอนที่มันมุดหัวกลับไป มันพลันเห็นชื่อหั่วโหวข้างๆ กระเรียนขนร่วงเบิกตากว้าง กระทั่งวินาทีนี้ดวงตากลวงของชื่อหั่วโหวยังขยับวูบวาบอย่างเร็วไว เหมือนกำลังมองมันอยู่

“เจ้าพูดช้าเช่นนี้ เอ่ยคำประชดประชันข้า คงจะถ่วงเวลาให้คนแซ่หลงเอาหินโลกไปเพื่อเปิดผนึกละสิท่า” จิงหนานจื่อมองซูหมิงพลางกล่าวเรียบๆ

“ผนึก มันเปิดง่ายขนาดนั้นเชียวรึ! ต่อให้ตอนนี้ผนึกเสียหายแล้วอย่างไร ต่อให้สหายนามหลงลี่ของเจ้าเอาหินโลกไปแล้วอย่างไรต่อ?” จิงหนานจื่อยิ้มเยาะ เขาก้าวเดินเข้ามาใกล้พลางกล่าวไม่ช้าและไม่เร็ว แต่กลับสะเทือนจิตใจซูหมิงราวกับฟ้าผ่า

“ผนึกเหล่านี้เป็นเพียงภายนอกที่มีไว้สร้างความสับสนเท่านั้น ผนึกแท้จริงยังไม่ถูกทำลาย ยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาดคนนี้ใช้พลังไม่ได้แม้แต่น้อย คิดจะให้มันสังหารข้ารึ?” นัยน์ตาจิงหนานจื่อฉายแววเย้ยเยาะ จากนั้นขยับวูบมาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศห่างจากตรงหน้าซูหมิงไปยี่สิบจั้ง แล้วสะบัดทวนยาวใส่เขา

หวืด! ปลายทวนยาวมาอยู่ตรงหน้าซูหมิงในพริบตา ไอหนาวเยือกที่คมกริบถึงขีดสุดพลันแช่แข็งทั่วร่างเขา กระทั่งหินหนืดสีม่วงอมดำยังเหมือนเป็นโคลนน้ำแข็ง

ซูหมิงหรี่ม่านตาลง ไม่ได้รับทวนยาวเอาไว้ แต่ดำลงไปในหินหนืดในพริบตา หายเข้าไปด้านในโดยสมบูรณ์

แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงดำลงไป ทวนยาวก็ปะทะกับหินหนืดสีม่วงอมดำ

โครม โครม โครม!

เสียงโครมดังติดกันสามครั้ง หินหนืดระเบิดไปสามครั้ง พลังทำลายล้างจากทวนยาวม้วนเข้าสู่ภายในอย่างบ้าคลั่ง ทำให้หินหนืดตรงนี้กระจายออกเป็นวงกว้าง

ขณะเดียวกัน โครงกระดูกชื่อหั่วโหวถูกกลบเอาไว้จึงมองไม่เห็น ส่วนกระเรียนขนร่วงแปลงร่างอยู่จึงยากจะหาเจอ ทว่าซูหมิงกลับกลายเป็นสายรุ้งยาวพุ่งออกจากหินหนืดไป

จิงหนานจื่อแค่นเสียงหึเย็นชา มือถือทวนยาวพร้อมหมุนตัวกลับ ทว่าตอนที่มองซูหมิง ถ้ำแห่งแดนผนึกกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง ทั้งยังมีเสียงอึกทึกแว่วมาจากในถ้ำรังผึ้งรอบๆ ราวกับว่าทุกอย่างในส่วนลึกกำลังจะถล่มลง

อีกทั้งในยามนี้มีเสียงกึกๆ ดังมาจากผนังหินถ้ำรอบๆ คล้ายกับว่าผนึกทั้งหมดเสียการค้ำยันและเกิดรอยร้าวเป็นวงกว้าง

ภาพนี้อยู่ในสายตาซูหมิง เขาจึงหรี่ม่านตาลง เรื่องนี้มีเพียงคำอธิบายเดียว นั่นคือหลงลี่ทำสำเร็จแล้ว เขาเอาหินโลกออกมาได้ ทำให้อาคมของที่นี่เสียสมดุลและพังลง

แต่ดูแล้วหลงลี่คงไม่กลับมาช่วยแน่ๆ เดาว่าตอนนี้กำลังหนีออกไปข้างนอก เพื่อออกไปจากแดนผนึกที่ใกล้จะถล่มลง

“ดีมาก ในที่สุดพวกเจ้าก็เปิดผนึกส่วนนอกออกทั้งหมด มีแต่แบบนี้เท่านั้น พอข้าสังหารพวกเจ้าแล้วก็จะได้ขวางการตื่นของยอดผู้ฝึกฌานเผ่าประหลาด แล้วข้าก็สร้างคุณูปการครั้งใหญ่อย่างสมบูรณ์แบบ!” จิงหนานจื่อยิ้ม เขากายขยับวูบไหว พลันมีร่างเงาแดงเดินออกมาจากร่างกายแล้วแปลงเป็นร่างแยกตรงหน้า แสยะปากยิ้มแล้วพุ่งเข้าไปในถ้ำรังผึ้งแห่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าจะตามไปสังหารหลงลี่

“จริงๆ แล้วข้าก็กำลังถ่วงเวลาเช่นกัน รอให้พวกเจ้าทำสำเร็จก่อน ตอนนี้…ทุกอย่างจบแล้ว” จิงหนานจื่อยิ้ม พลางเดินหน้าไปหาซูหมิง

เขาเดินไปทีละก้าว ซูหมิงใจสั่นไหวโดยพลัน การตอบสนองแรกในความคิดไม่ใช่การถอย แต่ยกมือซ้ายขึ้นปล่อยพลังของซู่มิ่ง ปรับเปลี่ยนกฎพร้อมกับกดมือไปข้างหน้า

ครั้นกดมือไปเหมือนวางบนผิวน้ำ ทันใดนั้นตรงหน้าซูหมิงปรากฏฝ่ามือข้างหนึ่ง ฝ่ามือนั้นวาดเป็นเส้นโค้งของวงโคจรบางอย่าง ก่อนจะตรงเข้ามากดหน้าอกเขา

ทว่าวินาทีที่กดมือลงมา ซูหมิงใช้พลังแห่งซู่มิ่ง ทำให้ฝ่ามือหยุดชะงักชั่วพริบตา ในพริบตาเดียวนี้ เขาจึงใช้พลังของเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราอย่างสุดกำลัง

ในเวลาเดียวกัน สองมือ สองเท้าของซูหมิง หรือกระทั่งจุดใหญ่ๆ ของร่างกายพลันแห้งเหี่ยว มีเพียงตรงหน้าอกที่ถูกฝ่ามือกดยังเหมือนปกติ แต่ความจริงแล้วมันแฝงไว้ด้วยพลังป้องกันทั้งหมดของร่างกาย!

พรึ่บ!

เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราบนตัวซูหมิงแกว่งไกว หลังเสียพลังส่วนหนึ่งไปแล้ว เขาก็กระเด็นถอยไป กระอักโลหิตไม่หยุด ก่อนที่ร่างกายจะฟื้นฟูกลับมาอย่างเร็วไว พริบตาเดียวจากแห้งเหี่ยวก็กลับมาเป็นปกติ เพียงแต่ใบหน้าซีดขาว

‘หากเจ้าปกครองโลกตอนกลางลงมือสุดกำลัง ข้ายากจะต้านไหวจริงๆ…’ ซูหมิงถอยร่นไปอย่างเร่งรีบ ลมหายใจกระชั้น อวัยวะภายในแทบระเบิดออก อาการบาดเจ็บสาหัส หากไม่ใช่เพราะร่างกายบรรลุถึงจุดแกร่งเมื่อครู่ ยามนี้ก็คงยากจะรับมือไหว

“จะสังหารเจ้าก็รู้สึกเสียดายเล็กน้อย เป็นทาสรับใช้ข้าเสีย แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”

ร่างจิงหนานจื่อมาปรากฏตรงจุดที่ฝ่ามือกดตรงหน้าอกซูหมิงเมื่อครู่ เขาดึงมือกลับแล้วเอ่ยอย่างโอหัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!