Skip to content

สู่วิถีอสุรา 849

ตอนที่ 849 ร่างแยกเอ้อชาง…ออกมา!

“ในเมื่อได้ผล เช่นนั้นกระเรียนขนร่วง เจ้าทำเพื่อข้ามามากแล้ว วันนี้…ข้าจะช่วยเจ้าเอง!” ซูหมิงยืนอยู่นอกแดนประหลาดพลางกล่าวพึมพำ นัยน์ตาแน่วแน่ เขาไม่ได้เลือกไปดาวทมิฬเพื่อตามหาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระเรียนขนร่วง

ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ดูเหมือนถูกต้อง ทว่าความจริงอาจมีความบังเอิญแฝงอยู่ อีกอย่างระยะทางก็ไกลด้วย หากไม่จำเป็นจริงๆ เขาจะไม่ไป

หนำซ้ำตอนนี้หนทางรักษากระเรียนขนร่วงที่วางอยู่ตรงหน้าเขายังมีอีกทางหนึ่ง นั่นคือหาคนที่มอบขนนกนี้ให้กับข่งหวน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีแผนการร้ายอะไร เขาก็จะหาให้พบแล้วทำลายแผนการร้ายนี้เสีย จากนั้นแย่งของของกระเรียนขนร่วงมา

หนทางนี้อันตรายอย่างยิ่ง เพราะนั่นคือขุมอำนาจรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริง การป้องกันภายในรวมถึงผู้แข็งแกร่งจำนวนมากจะเข้ามาขวางเขาเอาไว้ไม่หยุดหย่อน

อีกอย่าง ในขุมอำนาจสี่มหาโลกแท้จริงจะต้องมีพวกผู้แข็งแกร่งอาวุโสอยู่บ้าง ตอนนั้นในกลุ่มคนที่ล่าสังหารเขาก็มีสองคนอยู่ครึ่งก้าวก่อนระดับภัยพิบัติตะวัน

‘รีบสู้รีบจบ จะยืดเยื้อไม่ได้ ต้องบุกเข้าไปให้เร็วที่สุด หาตัวอีกฝ่ายและชิงของที่ต้องการมาให้เร็วที่สุด ขอเพียงทำทุกอย่างให้เร็วที่สุดได้ เรื่องนี้…ก็จะมีโอกาสสำเร็จ’

นัยน์ตาซูหมิงขยับวูบไหว อยู่ในสายตาชื่อหั่วโหวข้างๆ เขาเห็นถึงความบ้าคลั่งของซูหมิง เดิมทีคิดว่าซูหมิงกำลังลังเลว่าจะไปดาวทมิฬหรือไม่ ทว่าตอนนี้ซูหมิงพลันหลับตาลง

ทันทีที่หลับตา ในแดนประหลาดวงแหวนบูรพาด้านหลัง ร่างแยกเอ้อชางที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนธารดาราแสนแห่งกลางฟ้ากระจ่างดาวของเอ้อชางสีม่วงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

พลังต้นกำเนิดจิตเข้มข้นปะทุออกมาจากตัวร่างแยกเอ้อชางในพริบตานั้น เขาค่อยๆ ยืนขึ้นแล้วเดินหน้าไปยังความว่างเปล่า

หนึ่งก้าวเหยียบลง ฟ้ากระจ่างดาวเกิดเสียงระเบิด โลกแผ่นศิลาแสนอันราวกับฟ้าดินถล่มทลาย หลายร้อยคนของแผ่นศิลาสีม่วงรวมถึงผู้ฝึกฌานเกราะดำที่ถูกซูหมิงบีบเข้ามาล้วนหมดสติไป

สีม่วงอ่อนบนแผ่นศิลาของพวกเขาจางลง สุดท้ายก็ไม่มีแสงสว่างอีก ราวกับว่าแสงทั้งหมดถูกสูบหายไปในพริบตา

หนึ่งก้าวเดินออกไป นอกแดนประหลาดวงแหวนบูรพาแห่งแดนรกร้างคนบาปพลันปรากฏร่างหนึ่งขึ้น ร่างนี้สวมอาภรณ์สีม่วง เส้นผมยาว รูปร่างหน้าตาคล้ายกับซูหมิง ทว่าดูผ่านโลกมานานกว่า เขายืนอย่างเงียบๆ ตรงนั้น ช่วงที่ปรากฏตัว เขตดาราวงแหวนบูรพาก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นเป็นวงกว้าง

นี่คือเสียงระเบิดกะทันหัน เป็นการสั่นสะเทือนโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ฟ้ากระจ่างดาวนับไม่ถ้วนเกิดรอยร้าว หลังจากเสียงระเบิด ข้อบังคับและกฎของเขตดาราวงแหวนบูรพาก็เหมือนปั่นป่วนขึ้นมา

ดวงดาวขยับวิบวับ หินผุพังหยุดนิ่ง แสงดาราบิดเบี้ยว ระลอกคลื่นไม่มีสิ้นสุดกระจายออกเป็นวงกว้าง ทำให้ทั้งเขตดาราวงแหวนบูรพาเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่

ประหนึ่งว่าการเดินออกมาของร่างแยกเอ้อชางทำให้ฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้หวาดกลัว ทำให้มันเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรง คล้ายกับว่าหากฟ้าผืนนี้มีจิตใจ ตอนนี้มันต้องกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟและตึงเครียดเป็นแน่

สายฟ้าสีขาวผ่าเปรี้ยงปร้างลงมาจากความว่างเปล่า ก่อนจะปกคลุมรอบตัวร่างแยกเอ้อชาง แผ่กระจายไปรอบๆ อย่างรุนแรง ฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่แห่งนี้พลันกลายเป็นบ่อสายฟ้า

สายฟ้าราวกับเครื่องพันธนาการ เหมือนเกิดมาจากฟ้ากระจ่างดาว เพื่อขวางไม่ให้ร่างแยกเอ้อชางก้าวออกมา

ร่างแยกกลืนนภาของซูหมิงไม่สนใจภาพเหล่านี้แม้แต่น้อย เขายังคงหลับตา ทว่าชื่อหั่วโหวตรงหน้ากลับหน้าเปลี่ยนสีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาถอยไปหลายร้อยจั้งโดยสัญชาตญาณ เหม่อมองร่างเงาสีม่วงที่ปรากฏอยู่กลางบ่อสายฟ้าสีขาว ความหวาดกลัวจนถึงขั้นเคารพยำเกรงผุดขึ้นมาในจิตวิญญาณโดยไม่อาจควบคุม เขาตัวสั่น วิญญาณเหมือนจะแหลกสลาย

‘นะ….นี่….คือใคร! ความแกร่งระดับนี้ นะ…นี่มัน….’ ชื่อหั่วโหวเหมือนสับสน เผยอาการตกใจเพราะความเหลือเชื่อ เขามองเห็นข้อบังคับและกฎของฟ้ากระจ่างดาวกระจายอยู่เต็ม เห็นการต่อต้านอย่างรุนแรงของผืนฟ้าต่อคนผู้นี้ เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าคนที่ถูกฟ้ากระจ่างดาวต่อต้านจะแข็งแกร่งอยู่ในขั้นพลังใด ถึงทำให้ฟ้าหวาดกลัวได้!

“กับอีแค่เศษเสี้ยวผืนฟ้าดาราเล็กจ้อย ยังกล้ามาขวางทางแซ่ซูอย่างนั้นรึ” เส้นผมสีม่วงของร่างแยกเอ้อชางซูหมิงพลิ้วไหว ขณะกล่าวเสียงราบเรียบก็ยกมือขวาสะบัดไปข้างหน้า

การสะบัดครั้งนี้ทำให้สายฟ้าสีขาวรอบตัวเขากลายเป็นสีม่วงด้วยความเร็วระดับสายตา พริบตาเดียวหลังจากสายฟ้าทั้งหมดเป็นสีม่วงแล้ว ที่นี่….ก็กลายเป็นบ่อสายฟ้าสีม่วง

อีกทั้งชั่วเวลาที่กลายเป็นบ่อสายฟ้าสีม่วง ก็มีดวงจิตที่ทำให้ชื่อหั่วโหวหายใจติดขัดปะทุออกมาจากร่างสีม่วงที่มีใบหน้าไม่ชัดเจนในสายตาเขา ตอนที่ดวงจิตขยายออกไปรอบๆ ฟ้ากระจ่างดาวที่ดวงจิตทะลวงผ่านไป เหมือนจะไม่ใช่ของฟ้ากระจ่างดาวอีก…แต่อยู่ในการควบคุมของอีกฝ่าย

เพียงแต่ฟ้ากระจ่างดาวในดวงจิตนั้น ชื่อหั่วโหวเห็นรางๆ ว่าข้อบังคับและกฎทั้งหมดในนั้นถูกบังคับลบหายไป แล้วแทนที่ด้วยข้อบังคับและกฎใหม่

เขายังเห็นอีกว่าการต่อต้านของฟ้าดวงดาวกลายเป็นแรงบีบอัด ประหนึ่งต่อต้านการแผ่ขยายของดวงจิตไว้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกฌานจะทำได้แล้ว เหมือนเป็นการต่อต้านของฟ้าด้วยกันเอง เป็นการแย่งชิงของฟ้ากับฟ้า

“คนคนนี้…เป็นใคร….” ชื่อหั่วโหวเบิกตากว้างอ้าปากค้าง พึมพำเสียงเบา

อภินิหารชนิดนี้เหนือเกินกว่าจินตนาการของชื่อหั่วโหวไปแล้ว ยามตื่นตะลึง ในความคิดเขามีอยู่อย่างเดียวคือหนีไปให้เร็วที่สุด เขาตะโกนเสียงดังใส่ร่างแยกกลืนนภาของซูหมิง ช่วงที่กำลังจะพาซูหมิงหนีไปนั้น เขาพลันตัวสั่นไหว เพราะดวงจิตที่ทำให้เขาหวาดกลัวเข้ามาปกคลุมร่างแยกกลืนนภาเอาไว้แล้ว

ตอนนี้เอง มีเสียงเย็นชาดังกึกก้อง

“ฟ้ากระจ่างดาวที่ไม่สมบูรณ์ เจ้าทำลายได้ทุกสิ่งมีชีวิต ทว่ากลับทำลายข้าไม่ได้ เพราะข้ากับเจ้ามีตัวตนเหมือนกัน” ทันทีที่เอ่ยประโยคนี้ ชื่อหั่วโหวเห็นภาพที่ทำให้เขาไม่มีวันลืมและตื่นตะลึงไปชั่วชีวิต

เขาเห็นว่าด้านหลังร่างที่เห็นหน้าตาไม่ชัดคนนี้พลันปรากฏต้นไม้สูงใหญ่สีม่วงซึ่งยากจะบรรยายขนาดต้นหนึ่ง!

ต้นไม้นี้ใช้ผืนฟ้าดวงดาวเป็นดิน ใช้เขตดาราเป็นอาหารบำรุง และยังมีเสียงคล้ายหัวใจเต้นแว่วมาจากข้างใน ทุกครั้งที่เต้นตึกๆ ฟ้ากระจ่างดาวจะสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง หลังจากต้นไม้ปรากฏในพริบตาแล้ว มันก็ครอบคลุมพื้นที่กว้างไกลไร้ขอบเขต ทำให้ข้อบังคับกับกฎของเขตดาราวงแหวนบูรพาแทบจะพังทลายลง

ดวงจิตนั้นแผ่ขยายอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงครึกโครมก็ปกคลุมพื้นที่ที่ชื่อหั่วโหวอยู่ ความสิ้นหวังอบอวลอยู่ทั่วร่างชื่อหั่วโหว แต่เขากลับไม่รู้สึกว่าความตายมาเยือน จึงอึ้งงันไปนิดหนึ่ง

เขาไม่เพียงไม่รู้สึกถึงความตายเท่านั้น แต่ยังรู้สึกถึงความคุ้นเคยในดวงจิตนี้ เป็นความคุ้นเคยที่ทำให้เขาเหลือเชื่อ

“ฟ้ากระจ่างดาวที่ไม่สมบูรณ์ เจ้าขวางข้าไม่ได้หรอก และก็ทำลายข้าไม่ได้ด้วย…วันนี้ข้าจะออกไป ไม่ใช่เพื่อใช้หนึ่งความคิดฟ้าสูญสลาย แค่จะขอยืมผืนฟ้าแสนลี้จากเจ้าเท่านั้น หรือว่าเจ้า….จะขวางข้าอย่างนั้นหรือ”

ทันทีที่กล่าวออกไป สายฟ้าสีม่วงนอกร่างแยกเอ้อชางพลันกระจายออก พริบตาเดียวก็ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดที่ดวงจิตซูหมิงอยู่ ทั้งหมด…คือฟ้ากระจ่างดาวแสนลี้

ฟ้ากระจ่างดาวแสนลี้ เขตสายฟ้าสีม่วงแสนลี้ กลายเป็นเขตดาราของร่างแยกเอ้อชางแล้ว!

เขตดารานี้ไม่ใหญ่ เทียบไม่ได้กับฟ้ากระจ่างดาวสีม่วงในแดนประหลาดกว้างใหญ่ ทว่านี่คือโลกภายนอก ไม่ใช่แดนประหลาดกว้างใหญ่ ที่นี่มีดวงจิตของฟ้า คนที่ทำแบบนี้ได้อยู่เหนือกว่าระดับผู้ฝึกฌานไปแล้ว

ครั้นร่างแยกเอ้อชางกล่าวจบ ชื่อหั่วโหวก็เห็นว่าการต่อต้านจากเขตดาราวงแหวนบูรพาหายไป บางทีอาจไม่ได้หายไปจนหมด ยังมีที่เฝ้าดูอยู่บ้าง แต่เช่นนี้ก็หมายถึงการประนีประนอม หมายความว่า…ร่างสีม่วงนี้อยู่ระดับเดียวกับฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้ได้

และสิ่งที่ทำให้ชื่อหั่วโหวจิตใจว่างเปล่าคือ เขาเห็นซูหมิงหรือก็คือร่างแยกกลืนนภาลืมตาขึ้น แล้วเดินไปหาร่างสีม่วงอย่างช้าๆ สองคนนี้…ค่อยๆ หลอมรวมกัน

นี่ไม่ใช่การหลอมรวมของเผ่ายมโลก แต่เป็นการบรรจุ

ถึงตอนนี้หากชื่อชั่วโหวไม่เข้าใจ เขาก็คงใช้ชีวิตอยู่มานานหลายปีอย่างสูญเปล่าแล้ว เพียงแต่ทุกอย่างทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อ เขาเหม่อมองซูหมิงสีม่วงเดินเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าตน ตอนที่สบตากับร่างแยกเอ้อชางสีม่วง จิตวิญญาณเขาสั่นไหว ค่อยๆ ก้มหน้าลงพลางประสานมือคารวะ

การคารวะไม่เสร็จสิ้น เพราะแรงกดดันที่รวมอยู่ที่ตัวเขาหายไปในพริบตา

“ผู้อาวุโสชื่อหั่วไม่ต้องทำเช่นนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ร่างแยกนี้ออกมาข้างนอก เลยยังควบคุมดวงจิตได้ไม่ดีนัก เรื่องที่เมื่อครู่ล่วงเกินไป ผู้อาวุโสอย่าถือสาเลย” ซูหมิงมองชื่อหั่วโหวพลางกล่าวเรียบๆ

กล่าวมาเช่นนี้ จะทำให้ชื่อหั่วโหวหายตะลึงเพราะคำพูดประโยคเดียวได้อย่างไร เขามองซูหมิงอย่างตะลึงงัน ในใจ…เกิดความเคารพยำเกรงอย่างแรงกล้าต่อซูหมิงเป็นครั้งแรก ความยำเกรงนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นเพราะผลประโยชน์ระหว่างเขากับซูหมิงพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน

คนแบบนี้ อย่าว่าแต่ชื่อหั่วโหวตอนนี้เลย ต่อให้เป็นตอนนั้นที่เขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ก็ยังไม่กล้าเสียมารยาท กระทั่งในความรู้สึกเขา ซูหมิง…อาจจะเป็นจักรพรรดิคนใหม่ที่ทำให้โลกแท้จริงที่ห้ารุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง!

หลังจากเกิดความคิดแบบนี้ มันก็เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วในจิตวิญญาณ ทำให้เขามีสีหน้ายำเกรงและฮึกเหิม เขาถอยไปหลายก้าวแล้วคารวะซูหมิงอีกครั้ง

“ไม่ต้องเรียกผู้อาวุโสอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ในใจข้ามีแต่คิดถึงผลประโยชน์ หวังว่าท่านจะให้อภัย จากนี้ไปข้าจะช่วยเหลือนายน้อยอย่างเต็มที่ เพื่อให้โลกแท้จริงที่ห้ากลับมารุ่งเรือง!” ชื่อหั่วโหวคารวะลงต่ำ เผยความจริงใจออกมาทั้งหมด จากนี้ไปเขามองซูหมิงเป็นนายน้อยอย่างแท้จริง ชั่วชีวิตนี้จะไม่มีวันหักหลัง

“แต่ข้าก็มีเรื่องจะพูดเช่นกัน ร่างแยกของนายน้อยนี้สามารถต่อกรกับฟ้ากระจ่างดาวได้ ทว่า…ในโลกนี้ยังมีผู้แข็งแกร่งอาวุโสอยู่เล็กน้อย พวกเขายังสังหารนายน้อยได้อยู่ นายน้อย….โปรดอย่าให้ร่างแยกนี้ออกไปข้างนอกเลย ให้อยู่ในแดนประหลาดจะปลอดภัยกว่า” ชื่อหั่วโหวแจ้งด้วยความตื่นเต้น

“ข้ารู้ ทว่าบางเรื่องถึงรู้ว่ามีอันตราย….แต่ก็ยังต้องการทำ” ซูหมิงส่ายศีรษะ ในใจมีภาพกระเรียนขนร่วงทำท่าทีลำพองใจกับใบหน้าเผยรอยยิ้มลอยขึ้นมา

“ไปกันเถอะ พวกเราไป…ฐานทัพใหญ่ของรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงกัน!” นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเย็นชา เขาเดินหน้าไป พริบตาเดียวนี้ สายฟ้าสีม่วงกลางฟ้ากระจ่างดาวเกิดเสียงครึกโครม ประหนึ่งว่าทะเลสายฟ้าแห่งนี้ลากผ่านฟ้าไกลออกไปด้วยความรวดเร็ว

จุดที่ผ่านไป ฟ้ากระจ่างดาวจะสั่นสะเทือน คนที่พบเห็นเป็นต้องตะลึงและหวาดกลัว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!