ตอนที่ 852 สรรพสัตว์ดับสูญ
“ข้า…เกลียดมัน!” หญิงสาวเสื้อคลุมเขียวที่ถูกซูหมิงบีบคอ ดวงตาสองข้างมีเส้นสีแดง สายตาจ้องซูหมิงเขม็ง แล้วพลันหัวเราะเสียงแหลมเล็ก
เสียงหัวเราะนั้นเต็มไปด้วยความอาฆาต มาพร้อมด้วยความแค้นหยั่งลึก
ซูหมิงขมวดคิ้ว สายฟ้าสีม่วงระเบิดจากมือขวาเขาทันที และแผ่กระจายไปทั่วร่างหญิงสาวเสื้อคลุมเขียว
ท่ามกลางเสียงดังเปรี๊ยะๆ ร่างหญิงสาวหนังลอกไปหนึ่งชั้นภายใต้สายฟ้าสีม่วง เผยเป็นรูปลักษณ์แท้จริง
นางมีเส้นผมยุ่งเหยิง ทั่วร่างเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น มีโลหิตไหล มองไปมีใบหน้าเหมือนกับผีร้าย ตรงระหว่างคิ้วมีสัญลักษณ์นกยูงเช่นกัน ทว่าที่สัญลักษณ์นี้ต่างจากคนอื่นคือไม่ใช่ภาพมายา แต่มีขนนกสีดำขนาดเล็กเก้าอันติดอยู่บนระหว่างคิ้ว
“มันได้รับบาดเจ็บจริงๆ เจ้ามาถึงที่นี่ได้ และมาเพื่อต้องการขนนก นั่นก็หมายความว่ามันบาดเจ็บสาหัส!”
“แผนการข้าสำเร็จแล้ว ถึงมันจะไม่ได้มาด้วยตัวเอง ทว่าเจ้าก็มาที่นี่แทนมัน เท่านี้ก็พอแล้ว!” หญิงสาวมีสีหน้าเหี้ยมโหด ทว่าดวงตาที่มีเส้นสีแดงกลับเปล่งประกาย ทำให้นางในตอนนี้เหมือนกำลังคลุ้มคลั่ง
“สาม” ซูหมิงกล่าวเสียงราบเรียบ ไม่ได้สนใจเสียงแหลมเล็กของหญิงสาว เมื่อสิ้นเสียงคำว่าสาม สายฟ้าสีม่วงตรงมือขวาเกิดเสียงระเบิด พลังทำลายล้างทุกสิ่งมีชีวิตรวมเข้าไป ยามนี้หากเขาอยากจะสังหารหญิงสาวตรงหน้าก็ใช้เพียงแค่ความคิดเท่านั้น
“ขนนกนี้ข้าให้องครักษ์กระบี่ส่งไปยังแดนประหลาดวงแหวนบูรพา เจ้าสังหารเต้าเหริน แล้วข้าจะบอกความจริงทุกอย่างกับเจ้า และให้ขนนกทั้งหมดที่ข้ามี!” หญิงสาวเสื้อคลุมเขียวร้องเสียงแหบแห้งดังขึ้น
ทันทีที่กล่าว เกิดเสียงโครมดังมาจากมือขวาซูหมิง เสียงของหญิงสาวก็เปลี่ยนเป็นเสียงครวญคราง หลังจากเขาปล่อยมือ นางก็กระอักโลหิตกองใหญ่ ระหว่างที่ร่างนางโซเซถอยหลังไป เขาก็เอ่ยเสียงราบเรียบ
“แซ่โม่ไม่ใช่กระบี่ในมือเจ้า ที่จะให้เจ้าใช้ประโยชน์สังหารคนแทน” ซูหมิงสะบัดมือขวาไปยังหญิงสาวเสื้อคลุมเขียว ทันใดนั้นก็ปรากฏอักขระต้นกำเนิดจิตนับไม่ถ้วนบนตัวนางประหนึ่งผนึกนางเอาไว้
“และเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ใช้เรื่องนี้มาบังคับให้ข้าลงมือ…แต่เห็นแก่ที่เจ้าบอกเบาะแส แซ่โม่จะช่วยเจ้าสักครั้ง ทว่าราคาการลงมือเจ้าต้องเป็นคนจ่าย” ซูหมิงกล่าวเสียงเรียบๆ พลางยกนิ้วชี้มือขวาขึ้นกดตรงระหว่างคิ้วหญิงสาวเสื้อคลุมเขียว
เมื่อกดลงไป หญิงสาวตัวสั่นไหวอย่างรุนแรง นางรู้สึกทันทีว่านิ้วตรงระหว่างคิ้วเหมือนเป็นน้ำวนกำลังกลืนกินชีวิตของตนอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวอายุขัยสามพันปีก็หายไป ถึงนางจะมีใบหน้าอัปลักษณ์ แต่ก็ยังเห็นว่าแก่ชราลงอย่างชัดเจน นี่เป็นครั้งแรกที่นัยน์ตานางฉายแววหวาดกลัว
“ข้ารู้จักข่งหมัว เขาก็รู้จักข้าเหมือนกัน เจ้าเป็นสหายของเขา เจ้าก็ควรจะ…..” หญิงอาภรณ์เขียวรู้สึกถึงการหายไปของชีวิตพลางรู้สึกหวาดกลัว จึงเอ่ยเสียงแหบแห้งขึ้นมาทันที
“เขาเป็นสหายของแซ่โม่ แต่เจ้าไม่ใช่” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายยากจะตรวจจับ หลังจากสูบอายุขัยอีกฝ่ายไปอีกสองพันปีก็ยกนิ้วออกจากระหว่างคิ้ว เขาไม่ได้มีความคิดว่าเป็นมิตรกับใครก็ต้องเป็นมิตรกับคนของอีกฝ่ายด้วย ในความคิดเขาสหายคือทุกสิ่ง แต่สหายของสหายไม่เกี่ยวกับเขา
นามข่งหมัวนี้ดังจากปากหญิงสาว เห็นได้ชัดว่าหมายถึง…กระเรียนขนร่วง
ซูหมิงหมุนตัวกลับ สายตาเย็นชามองเต้าเหรินที่ถูกเปลวเพลิงลุกโชน เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ง่าย ข้างในมีความลับซ่อนอยู่ จากคำพูดและสีหน้าของหญิงสาวเสื้อคลุมเขียว ในใจเขาเกิดการคาดเดาขึ้นเล็กน้อย
เต้าเหรินหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง เขาไม่นึกเลยว่าอู่ลี่จื่ออยากให้ตนตาย ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาขบคิด แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงมองมา เขาก็ห้อเหยียดถอยหนีไปโดยไม่สนสิ่งใด
ในใจเขาตึงเครียด ถูกความตื่นตะลึงและหวาดกลัวครอบงำ ตอนนี้มีอยู่เพียงความคิดเดียวคือหนี หนีไปโดยไม่สนใครทั้งนั้น หนำซ้ำส่วนลึกในใจยังเกิดความแค้นอย่างรุนแรงต่ออู่ลี่จื่อ
ตอนนี้เองทั้งดาวไท่อาสั่นสะเทือน ดวงจิตแก่กล้าเหมือนกำลังจะมาเยือนจากนอกดาว นี่คือสัญญาณเตือนว่าปราการที่ซูหมิงวางเอาไว้ที่นี่ถูกทำลายแล้ว
ซูหมิงเงยหน้ามองฟ้าแวบหนึ่งด้วยสีหน้าปกติ ช่วงที่เต้าเหรินถอยไป เขายกมือขวาชี้ไปยังเต้าเหริน
หนึ่งดัชนีเหมือนสามารถตัดสินความเป็นตาย ปรับเปลี่ยนข้อบังคับ ย้อนพลังแห่งกฎ ท่ามกลางเสียงครึกโครม ยามเต้าเหรินถอยไปยังไม่ถึงหลายสิบจั้ง สายฟ้าสีม่วงรอบตัวพลันพุ่งเข้าไปรวมอยู่ในตัวเขา
เสียงระเบิดดังไม่หยุดหย่อน เต้าเหรินร้องคำราม สัญลักษณ์เพลิงเทียนพลันขยับวิบวับ ทำให้เปลวเพลิงรอบๆ เผาไหม้รุนแรงยิ่งขึ้น ก่อนจะเข้าปะทะกับสายฟ้าสีม่วง
โครม โครม โครม!
ครั้นสายฟ้าสีม่วงรวมเข้าไป เต้าเหรินก็กระอักโลหิตท่ามกลางเสียงเปรี้ยงปร้าง ร่างซวนเซถอยไป เปลวเพลิงทั้งหมดรอบตัวแหลกเป็นชิ้นๆ สายฟ้าสีม่วงพุ่งเข้ามาใกล้อีกครั้ง หมายจะทำลายเขาให้สิ้นซาก
“ท่านแม่ทัพช่วยข้าด้วย!” เต้าเหรินร้องเสียงแหลมด้วยความสิ้นหวัง สัญลักษณ์เพลิงเทียนตรงระหว่างคิ้วพลันแหลกเป็นชิ้นๆ ร่างเต้าเหรินเหมือนกลายเป็นเทียนไข วิญญาณและชีวิตเขาประหนึ่งกลายเป็นเพลิง
หากมองไกลๆ เขาจะไม่ใช่ผู้ฝึกฌานอีก แต่กลายเป็น…เพลิงเทียนลุกโชติช่วง!
สายฟ้าสีม่วงเข้ามา ชนกับเพลิงเทียนในพริบตา ท่ามกลางเสียงครึกโครมดังสนั่น ทันใดนั้นซูหมิงเดินออกมาจากนอกเพลิงเทียน ก่อนจะยกมือขวาขึ้น ในฝ่ามือเหมือนแฝงไว้ด้วยพลังแห่งเวลา นั่นคืออภินิหารเวลารูปแบบหนึ่งจากการรวมชีวิตห้าพันปีของหญิงสาวเสื้อคลุมเขียว จากนั้นเขาก็คว้ามือไปยังเพลิงเทียน
“เพลิงนี้จงมอดดับ” ซูหมิงกล่าวราบเรียบ เพลิงเทียนมอดดับในทันใด ระหว่างที่ควันดำลอยโชยยังดับชีวิตของเต้าเหรินด้วย
นี่คือหนึ่งในอภินิหารประจำตัวของเอ้อชาง…สรรพสัตว์ดับสูญ
“ตอนนี้เจ้าพูดมาได้แล้ว” ซูหมิงหมุนตัวกลับมองหญิงสาวเสื้อคลุมเขียวอย่างเย็นชา
หญิงสาวหน้าขาวซีด ใบหน้าแก่ชราลงมาก นี่ไม่ใช่การไหลเวียนของเวลาห้าพันปีอย่างช้าๆ แต่ถูกสูบหายไปในพริบตา ฉะนั้นใบหน้านางจึงเปลี่ยนไป
“ส่งขนนกออกไปนั่นคือแผนการของข้า และจู๋หั่ว…ก็ยอมรับโดยนัยกับเรื่องนี้ เป้าหมายคือเพื่อล่อให้ข่งหมัวมาที่นี่ หากเขาเห็นขกนก ด้วยนิสัยเขาจะต้องมาแน่ หากเขามาแล้วก็จะติดกับที่ข้ากับจู๋หั่ววางเอาไว้!
ทว่าข้าไม่มีความผิด หากข้าไม่ทำเช่นนี้ ชีวิตนี้ข้าจะเป็นคนก็ไม่เป็นผีก็ไม่ไปตลอด ข้าไม่ได้ต้องการแบบนี้ ทุกอย่างเป็นเพราะเขากับจู๋หั่วพาลใส่ข้า
ไม่รู้ว่าแม่ทัพจู๋หั่วไปได้กายเนื้อเกือบครึ่งของข่งหมัวมาจากที่ใด เขาใช้มันฝึกฝน และยังเอาขนโลหิตของข่งหมัวมาหลอมรวมกับตัวข้า เพื่อหาความลับของข่งหมัว
ข้าต่อต้านไม่ได้ ทำได้เพียงฝืนทนอย่างเงียบๆ ยอมเปลี่ยนเป็นสภาพนี้ ทว่าจู๋หั่วรับปากข้าแล้วว่าหากนางทำสำเร็จก็จะให้อิสระข้า
นางคิดจะกินวิญญาณของข่งหมัว นางเป็นคนคุมทุกอย่าง และยังส่งดวงจิตลงบนตัวเต้าเหรินเพื่อจับตาดูข้า ขนนกที่เจ้าต้องการอยู่ตรงระหว่างคิ้วข้า มีขนนกสีดำทั้งหมดเก้าอัน มันอยู่ที่นี่หมดแล้ว ทว่านี่เป็นเพียงส่วนของสีดำทั้งหมดเท่านั้น ส่วนที่เหลืออยู่กับจู๋หั่ว หากเจ้าอยากได้ทั้งหมดก็ต้องไปสังหารจู๋หั่ว!
เมื่อครู่นี้เจ้าสังหารจิตนางกับผู้รับใช้นางไปแล้ว ระหว่างเจ้ากับนางตอนนี้ ต่อให้ไม่มีข่งหมัวก็ถือว่าเป็นความแค้นต่อกัน สังหารนางเสีย แล้วเจ้าจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ”
“สังหารนาง เจ้าก็จะเป็นอิสระด้วย” ซูหมิงกล่าวเสียงเรียบนิ่ง ยกมือขวาสะบัดไปข้างหน้า ทันใดนั้นหญิงสาวเสื้อคลุมเขียวก็กรีดร้อง ขนนกเก้าอันตรงระหว่างคิ้วพลันลอยขึ้นมาอยู่ในมือเขา ทันใดนั้นท้องฟ้าเกิดเสียงครึกโครม แผ่นดินสั่นสะเทือน ดวงจิตแก่กล้าหลายสายพลันพุ่งลงมา
ดวงจิตหนึ่งสายที่แกร่งที่สุดแทบจะปกคลุมไปทั่วฟ้า ขณะลงมาก็มีเสียงถอนหายใจดังกึกก้อง
“สหายไม่เห็นต้องทำเช่นนี้ ที่นี่…..ไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะไปจะมาได้ตามอำเภอใจ” ฟ้าดินส่งเสียงดังสนั่น วินาทีที่ดวงจิตหลายสายลงมาเยือน ซูหมิงเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาฉายประกายเย็นชาและยังมีความมุ่งมั่นในการต่อสู้อย่างแรงกล้า
ตั้งแต่มาถึงถิ่นรักษาการณ์ของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ จนถึงตอนนี้ซูหมิงยังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด เขาใช้พลังของร่างแยกเอ้อชางไปเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทว่าพลังส่วนนี้กลับทำให้เขายิ่งเข้าใจความแกร่งของร่างแยกนี้ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม
ย้อนกลับไปตอนเสี่ยงตายยึดร่าง พอเห็นความแกร่งของเอ้อชางในตอนนี้แล้ว ทุกอย่างช่างคุ้มค่า
“ร่างแยกที่เปลี่ยนโชคชะตาของข้าได้” ซูหมิงกล่าวพึมพำเสียงเบาพลางเก็บขนนกในมือไป ตอนที่เงยหน้าขึ้น กระแสจิตจากดวงจิตแก่ชราวนเวียนไปรอบๆ บนพื้นดินที่เขาอยู่แล้ว ทันใดนั้น สายฟ้าสีม่วงทั้งหมดในระยะแสนลี้ก็ยกลอยขึ้น พุ่งไปหาดวงจิตหลายสายบนฟ้า
มีทั้งหมดหกดวงจิต ที่อ่อนแอที่สุดในนั้นคือระดับภัยพัติตะวัน แกร่งที่สุดคือ…คนที่กระตุ้นความมุ่งมั่นในการต่อสู้ของซูหมิง…ระดับกุมชะตาเกิดดับ
‘มีพวกเขาอยู่ การจะเข้าไปยังฐานใหญ่ของที่นี่เพื่อหาจู๋หั่วคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้น…ด้วยร่างแยกนี้คงจะออกไปไม่ได้’ ซูหมิงลอบถอยหายใจอยู่ภายใน ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเดิมพัน ทว่าตอนนี้สุดทางแล้ว หากเดิมพันต่อจะไม่มีโอกาสชนะเลย
อีกอย่างหากลงไปลึก ในขุมอำนาจรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงที่ลึกลับจนไม่อาจคาดเดานี้ ร่างแยกเอ้อชางจะไม่มีโอกาสออกไปได้เลย
เป็นที่รู้กันว่าตั้งแต่ซูหมิงมาที่นี่จนถึงตอนนี้ เวลาผ่านไปราวๆ สามสิบกว่าลมหายใจเท่านั้น ทว่าเพียงสามสิบกว่าลมหายใจกลับปรากฏผู้แข็งแกร่งเหล่านี้ขึ้น หากปล่อยให้นานกว่านี้ ก็จะมีผู้แข็งแกร่งกว่านี้มาอีก
‘ทว่า คนนี้ไม่ใช่ระดับกุมชะตาเกิดดับอย่างแท้จริง เพียงแค่ใกล้ถึงเท่านั้น’ สายฟ้าสีม่วงบนพื้นดินที่ซูหมิงอยู่ปะทะกับดวงจิตบนฟ้า ส่งเสียงดังโครมคราม พร้อมกันนั้นซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว กลายเป็นสายฟ้าสายหนึ่งที่รุนแรงที่สุดในสายฟ้าสีม่วง ม้วนสายฟ้าไปรอบๆ พร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างสนั่นหวั่นไหว
หากมองจากไกลๆ สายฟ้าสีม่วงกลุ่มนี้ร่างเป็นเค้าโครงต้นไม้ใหญ่รางๆ สายฟ้าคือกิ่งไม้ ซูหมิงคือลำต้น ม้วนฟ้ากระจ่างดาวจนสั่นไหว ภายใต้การปะทะกับดวงจิตบนฟ้า พลันเกิดเสียงดังครึกโครม ช่วงที่ทั้งดาวสั่นไหว สายฟ้าสีม่วงพังทลายลง ดวงจิตหลายสายที่เข้ามาต่างต้องกระจายกันออกไป
ทำให้ซูหมิงพุ่งผ่านอากาศออกจากดาวไท่อามาอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว