ตอนที่ 885 งานประมูลเกิดการเปลี่ยนแปลง
“สหายคังจิ่ว แซ่อวี้มารบกวนอีกแล้ว ระหว่างทางเสียเวลาไปเล็กน้อยเลยมาช้า หวังว่าสหายคังจิ่วจะไม่ถือสา” อวี้เฉินไห่หัวเราะเสียงดัง แล้วประสานมือคารวะชายร่างกำยำที่เดินมา
“ไม่เห็นเป็นไรๆ สหายอวี้เฉินมาทั้งที ถือเป็นเกียรติแก่ที่นี่ แล้วท่านนี้คือ?”
ชายร่างกำยำยิ้มเบิกบานใจนัก ดูเหมือนหยาบกร้าน ทว่าความจริงกลับเป็นคนละเอียดรอบคอบ เขาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาแล้วมองไปยังซูหมิง
ตอนที่มองซูหมิง เขามีสีหน้าเช่นปกติ แต่ในใจกลับแอบตื่นตัว คาดเดาจากตำแหน่งพวกซูหมิงได้ทันที คนตระกูลอวี้เหล่านี้มีซูหมิงเป็นผู้นำอย่างชัดเจน
อีกอย่าง อวี้โหรวที่สวมผ้าคลุมหน้าข้างกายซูหมิงยังทำให้เขาเกิดความอยากรู้ฐานะซูหมิงมากขึ้น
“ผู้อาวุโสซู ท่านนี้คือผู้มาเยือนของตระกูลอวี้ สหายคังจิ่วก็รู้แล้วว่าอีกไม่กี่วันข้าจะเป็นเจ้าภาพจัดงานประมูลของตระกูลครั้งแรก ดังนั้นเลยมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์เป็นเพื่อนผู้อาวุโสซูสักเล็กน้อย หากมีวัตถุน่าสนใจ หวังว่าสหายคังจิ่วจะช่วยอำนวยความสะดวกด้วย” อวี้เฉินไห่ยิ้มพลางกล่าวขึ้น
“ที่แท้ก็เป็นผู้มาเยือนตระกูลอวี้ ผู้เยาว์เลี่ยซานคังจิ่ว คารวะผู้อาวุโสซู” ชายร่างกำยำมีสีหน้าเคารพทันที เขาถอยหลังไปสองก้าวแล้วประสานมือคารวะซูหมิงด้วยสีหน้าจริงใจอย่างยิ่ง
ซูหมิงมองชายร่างกำยำคนนี้ บางทีร่างบึกบึนของอีกฝ่ายอาจจะดูไม่สอดรับกันมากในสายตาคนอื่น ทว่าในมุมมองซูหมิงกลับอดเกิดความคุ้นเคยขึ้นมามิได้ นี่คือร่างกายของชาวเผ่าหมาน เป็นความองอาจผึ่งผายที่สายเลือดหมานมี
‘ข้ามผ่านขั้นวิญญาณหมานแล้ว…’ ซูหมิงมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าชายร่างกำยำมีขั้นพลังที่เจ้าปกครองโลกตอนกลาง เขาไม่ได้ฝึกฝนวิชาของผู้ฝึกฌาน แต่เป็น…วิชาเผ่าหมานที่เต็มไปด้วยความรู้สึกถึงพลังโลหิตมหาศาล กระทั่งซูหมิงยังเห็นเส้นเลือดเก้าร้อยกว่าเส้นซ่อนอยู่ในตัวชายคนนี้ และยังมีลายหมานซ่อนอยู่ด้วย คนอื่นมองไม่ออก ทว่าในสายตาเขา ทุกอย่างของชายร่างกำยำชัดเจนอย่างมาก
‘ใช้เพลิงเป็นลวดลาย’ ซูหมิงละสายตากลับมา กล่าวเงียบๆ ในใจ ถึงจะไม่พูดออกไป แต่สายตาที่มองเมื่อครู่นี้กลับทำให้เลี่ยซานคังจิ่วใจสั่นไหวอย่างรุนแรง เขาหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน นัยน์ตาฉายแววตื่นตะลึงและหวาดกลัว
ภายใต้สายตาของซูหมิงเมื่อครู่นี้ เขารู้สึกเหมือนเปลือยกายทั้งตัว ทั้งในและนอกทั้งหมดถูกอีกฝ่ายมองเห็น
นี่ยังไม่ใช่สิ่งที่เขาหวาดกลัวที่สุด สิ่งที่เขาเหลือเชื่ออยู่เล็กน้อยคือ ตอนที่ซูหมิงมองมา เส้นเลือดในร่างกายตนเสียการควบคุมไปชั่วครู่หนึ่ง เหมือนอยากจะระเบิดออกมาจากร่าง ลายหมานที่ซ่อนอยู่ก็เกิดเค้าลางจะผุดขึ้นมาด้วย
มิหนำซ้ำเมื่อครู่ที่ซูหมิงมองมาแวบหนึ่ง เลี่ยซานคังจิ่วรู้สึกลมหายใจสะดุด ตัวสั่นเบาๆ สายเลือดเดือดพล่าน เกิดความรู้สึกอยากจะไปคารวะ ความรู้สึกรุนแรงแบบนี้ เขาเคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งในชีวิต ตอนนี้…เป็นครั้งที่สอง!
ความรู้สึกแบบนี้ครั้งแรกคือตอนที่เขามองบรรพบุรุษในตระกูล พอบรรพบุรุษมองเขาแวบหนึ่ง จิตใจก็จะเกิดเสียงดังสนั่น
“เจ้าถือว่าดีมาก” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ ดูไม่มีความหมายอะไร แต่ขณะเอ่ยกลับมีความน่าเกรงขามและการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนโดยธรรมชาติ เป็นน้ำเสียงราวกับตอนที่ผู้อาวุโสเห็นคนรุ่นเยาว์ก้าวหน้า
ถึงอย่างไรเขาก็เป็น…เทพหมาน!
เทพเจ้าของเผ่าหมานทั้งหมด
เลี่ยซานคังจิ่วก้มหน้าลงโดยไม่รู้ตัว สีหน้าอดเผยแววเลื่อมใสขึ้นมามิได้ ทว่าไม่นานเขาก็ได้สติกลับมา จิตใจสั่นสะท้านรุนแรง ไม่กล้าสบตาซูหมิง
“ไปเถอะ ไปดูลานประมูลของรุ่นหนึ่งกัน” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ ดูเบิกบานใจอย่างยิ่ง ก่อนจะเดินหน้าไป
คำว่ารุ่นหนึ่งที่เขากล่าวไว้ ไม่ว่าจะเป็นอวี้เฉินไห่หรือเลี่ยซานคังจิ่วต่างไม่มีใครเข้าใจ แต่ก็ตามอยู่ด้านหลังโดยสัญชาตญาณ โดยเฉพาะเลี่ยซานคังจิ่ว ตอนมองซูหมิงดูเคารพยำเกรงมาก และยังนำทางไปด้วยความนอบน้อมยิ่ง
“ผู้อาวุโสซู ลานประมูลของตระกูลเลี่ยซานมีห้องโถงวงแหวน และก็มีห้องแบ่งไว้ของแต่ละตระกูล ที่นี่คือห้องรับรองตระกูลอวี้” ไม่นานเลี่ยซานคังจิ่วก็พาพวกซูหมิงมาอยู่หน้าห้องรับรองแห่งหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความเคารพ
ซูหมิงไม่ได้มองห้องตระกูลอวี้ แต่เงยหน้ามองอีกห้องหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
“เปลี่ยนเป็นตรงนั้น”
เลี่ยซานคังจิ่วมองตามสายตาซูหมิงไป มีสีหน้าปั้นยากขึ้นมาทันที
“ผู้อาวุโสซู ตรงนั้นคือห้องที่ตระกูลเลี่ยซานไม่ได้ใช้รองรับคนนอก เอ่อ….”
“ได้หรือไม่ได้” ซูหมิงหันไปมองเลี่ยซานคังจิ่วนิ่งๆ แวบหนึ่ง
เลี่ยซานคังจิ่วก้มหน้าโดยจิตใต้สำนึก เงียบอยู่พักหนึ่งก็ยิ้มเฝื่อนพยักหน้า ตอนนี้ในใจเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง เพราะพบว่าตอนที่ซูหมิงถามว่าได้หรือไม่ได้ เขา…เกิดความรู้สึกไม่อาจปฏิเสธขึ้นมา คล้ายกับว่ามีการกดข่มอยู่เหนือสายเลือดและจิตวิญญาณ ทำให้เขาไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างแต่ก่อนเวลาอยู่ต่อหน้าซูหมิง
นั่นคือความระแวดระวังตัวและความน่าเกรงขาม ไม่เกี่ยวกับขั้นพลัง เพราะ เลี่ยซานคังจิ่วเป็นหนึ่งในคนที่รับผิดชอบงานประมูลของตระกูล กระทั่งเขายังเคยร่วมเดินทางไปต้อนรับยอดฝีมืออาวุโสระดับภัยพิบัติตะวันมาแล้ว ถึงจะตึงเครียด แต่ไม่ได้ถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์แบบเช่นยามนี้ กระทั่งส่วนลึกในใจเขา กลางสายเลือดและจิตวิญญาณของตนยังเกิดความรู้สึกอยากจะปฏิบัติตามด้วยจิตใต้สำนึกโดยไม่ต่อต้านใดๆ
‘ขะ…เขาเป็นใคร?’ นี่คือความสงสัยมากที่สุดในใจเลี่ยซานคังจิ่วตอนนี้
หลังจากเลี่ยซานคังจิ่วฝืนยิ้มพยักหน้าแล้ว ซูหมิงก็เดินไปยังห้องที่เขาเลือก อวี้เฉินไห่รีบมาเปิดประตูให้ทันที เป็นห้องนี้ใหญ่มาก ถึงจะจัดวางอย่างเรียบง่าย แต่กลับให้ความรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะกำแพงทั้งหมดในห้องล้วนเป็นภาพมายา มองแวบเดียวก็เห็นห้องโถงใหญ่ด้านนอกที่มีเสียงคนดังเกรียวกราวและมีคนหลายพันคน
ตรงกลางคือแท่นเรียบแห่งหนึ่ง ด้านบนมีผู้ฝึกฌานอายุราวสี่สิบปีกำลังอมยิ้มพลางแนะนำของประมูลแก่ทุกคน
ซูหมิงยืนอยู่ข้างกำแพงมายา สายตามองความครึกครื้นข้างนอกอย่างเงียบๆ เหตุที่เขาเลือกห้องนี้ก็เพราะตอนเขาเห็นแผนที่เผ่าหมานบนสิ่งก่อสร้างวงแหวนข้างนอก ตำแหน่งยอดเขาลำดับเก้าคือห้องนี้
เลี่ยซานคังจิ่วมองแผ่นหลังซูหมิงด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะประสานมือคารวะอวี้เฉินไห่แล้วจากไป จากนั้นเขาหน้าเปลี่ยนสีทันที รีบมุ่งหน้าไปยังจุดที่พักของคนตระกูลเลี่ยซานอย่างรวดเร็ว
‘ชายหนุ่มแซ่ซูคนนี้แปลกมาก เรื่องนี้ต้องรายงานตระกูลโดยเร็วที่สุด คนผู้นี้…หยั่งลึกยากจะคาดเดา ไม่อยากเชื่อว่าจะเกือบเปิดโปงฐานะเผ่าหมานของข้า!’
คล้อยหลังเลี่ยซานคังจิ่วจากไป ณ ห้องที่ซูหมิงอยู่ อวี้เฉินไห่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยความเคารพ สายตาที่มองซูหมิงมีความยำเกรงมากกว่าเดิม เขาย่อมมองออกถึงการเปลี่ยนแปลงของเลี่ยซานคังจิ่ว และทุกอย่างเป็นเพราะซูหมิง แน่นอนว่าย่อมทำให้ในใจเขาเกิดการคาดเดาต่างๆ นานา
อวี้โหรวยังคงท่าทีเรียบง่ายแต่สง่างาม นางอยู่ข้างซูหมิง สายตามองลานประมูลที่คึกคัก ไม่เอ่ยปากสักคำ
กระเรียนขนร่วงไม่สนใจพวกซูหมิงแล้ว มันจ้องสุนัขตัวใหญ่สีเหลืองด้วยท่าทีสนใจอย่างมาก
สุนัขสีเหลืองตัวใหญ่เข้ามาในห้องแล้วก็พลันสะบัดขน มีน้ำฝนกระเซ็นไปรอบๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอกระเรียนขนร่วงเห็นแล้วรู้สึกว่าทรงอำนาจมาก
หลังสุนัขใหญ่สีเหลืองสะบัดขนเสร็จ ร่างกระเรียนขนร่วงก็รีบเปล่งแสงหม่นวิบวับ เปลี่ยนร่างเป็นสุนัขตัวใหญ่สีดำ ก่อนจะเรียนรู้การสะบัดขน
ในงานประมูล หลังดำเนินมาครึ่งทางแล้ว ตอนนี้กำลังดุเดือด แม้หลายพันคนจะดูไม่เยอะ และเป็นเพียงงานประมูลระดับเล็กก็ตาม แต่พอมองไปจริงๆ กลับรู้สึกเหมือนมีผู้คนอยู่เต็มไปหมด
“ข้าจะไม่พูดให้มากความแล้ว สหายทุกท่าน สินค้าประมูลชิ้นนี้คือไม้สนครามสามชิ้นจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งแสนหินผลึก!” ชายวัยกลางคนผู้นั้นบนแท่นเรียบกลางลานประมูลยิ้มน้อยๆ พลางสะบัดแขนเสื้อ มวลอากาศด้านหลังเขาบิดเบี้ยวทันที แล้วมีหญิงสามคนเดินออกมา พวกนางค่อนข้างงดงาม ในมือทุกคนประคองถาดรองสีฟ้าเอาไว้ ด้านบนวางกิ่งไม้สีขาวหนาราวนิ้วมือถาดละหนึ่งอัน
กลิ่นอายเก่าแก่โชยมาจากกิ่งไม้สามอันนี้ เข้มข้นอย่างยิ่ง ทว่าไม่มีความรู้สึกว่าเสื่อมสภาพแม้แต่น้อย กลับมีพลังชีวิตแห่งการเจริญงอกงาม
“หนึ่งแสนสามหมื่น!”
“หนึ่งแสนเจ็ดหมื่น!”
“สองแสน ข้าต้องได้ไม้สนครามสามอันนี้!”
“มันก็ไม่แน่ ไม้สนครามจะทำให้สตรีมีใบหน้าไม่แก่ชราไปสามร้อยปี สมบัติชิ้นนี้มีประโยชน์กับแซ่สวี่ ข้าขอประมูลสามแสน”
เสียงเสนอราคาดังขึ้นลง ราคาผ่านห้าแสนไปอย่างรวดเร็ว ซูหมิงมองความคึกคักในลานประมูลด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไม้สนคราม มีแต่ลานประมูลของตระกูลเลี่ยซานเท่านั้นถึงจะเอาของชนิดนี้ออกมาในงานประมูลระดับเล็ก ไม้สนครามแทบทั้งดาวทมิฬ ส่วนใหญ่เป็นตระกูลเลี่ยซานที่นำมาประมูล” อวี้เฉินไห่พึมพำกับตัวเองอยู่ข้างๆ
“ไม้ชนิดนี้มีผลอย่างไร?” ซูหมิงถามเรียบๆ
“ผู้อาวุโสซู ไม้ชนิดนี้ไม่ได้มีผลพิเศษอะไร เพียงแค่ช่วยให้ใบหน้าสตรีชุ่มชื้นเท่านั้น” อวี้เฉินไห่รีบกล่าวขึ้น
“ไม้สนคราม ช่วยบำรุงใบหน้า นำมาหลอมเพื่อสูบกินและดึงพลังกาลเวลาจากภายในได้ หากนำหลอมรวมเข้าสู่ของวิเศษจะช่วยบำรุงวิญญาณวัตถุ หากหลอมรวมเข้าสู่ร่างกายจะทำให้พลังชีวิตเปี่ยมล้น ทว่าไม่มีสรรพคุณในการรักษา หากมีไม้สนครามจำนวนมากจะกลั่นออกมาเป็นพิษเวลาพิฆาตได้ พิษนี้จะเร่งให้คนแก่ชรา ไม่มีทางรักษาหาย” อวี้โหรวกล่าวอย่างเรียบนิ่ง
คำพูดของนางทำให้อวี้เฉินไห่ตะลึงงัน เขาไม่เคยได้ยินสรรพคุณแบบนี้ของไม้สนครามมาก่อน ส่วนเรื่องพิษเวลาพิฆาตเขาเคยได้ยินมาแล้ว เป็นพิษชนิดหนึ่งที่มีมูลค่าสูงยิ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะกลั่นออกมาจากไม้สนคราม
ช่วงที่อวี้โหรวอธิบาย ไม้สนครามสามอันถูกประมูลไปในราคาสูงลิ่วแล้ว จากนั้นคนตระกูลเลี่ยซานที่เป็นเจ้าภาพงานประมูลครั้งนี้ก็กล่าวขึ้น
“ฟ้าดินมีความมหัศจรรย์ สามารถให้กำเนิดวัตถุประหลาด งานประมูลตระกูลเลี่ยซานครั้งนี้ได้รับการไหว้วานจากคนลึกลับผู้หนึ่ง ให้ประมูลวัตถุประหลาดเพียงหนึ่งเดียวในฟ้าดินจากเขตส่วนลึกของทะเลดาราต้นกำเนิดจิตที่แทบจะไม่มีผู้ฝึกฌานเข้าไปได้!
เดิมทีมันไม่ควรจะมาออกประมูลที่นี่ แต่ควรจะปรากฏในงานประมูลขนาดใหญ่ของตระกูลเลี่ยซาน ทว่าบุคคลลึกลับรีบร้อน เลยต้องมาประมูลที่นี่
ไม่ขอพูดให้มากความ วัตถุชิ้นนี้…ราคาเริ่มต้นที่หนึ่งล้านหินผลึก!” ระหว่างเสียงดังก้อง ในงานประมูลพลันเงียบกริบ เห็นว่ามีชายชราคนหนึ่งเดินออกมาจากอากาศด้านหลังเจ้าภาพคนตระกูลเลี่ยซาน
ชายชราผู้นี้มีโครงร่างใหญ่ยิ่ง ตอนเดินออกมาเหมือนแผ่นดินสั่นสะเทือน ใบหน้าเขาไร้คลื่นอารมณ์ หลังปรากฏตัวแล้วก็สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นปรากฏรูปปั้นสูงสามจั้งกว่าตรงหน้าเขา รูปปั้นนี้มีสองหัว หนึ่งร้องไห้หนึ่งยิ้ม ทุกส่วนผุพัง ดูแล้วโบราณนัก
หนำซ้ำข้างในยังไม่มีพลังชีวิต เห็นได้ชัดว่าเป็นวัตถุตายแล้ว อีกอย่างดูจากรูปร่างคล้ายว่าจะอยู่ระหว่างความจริงกับมายา ค่อนข้างเลือนราง
ซูหมิงหรี่ตาลง