Skip to content

สู่วิถีอสุรา 9

ตอนที่ 9 หลอมสมุนไพร

ถ้ำเล็กดูพิลึกยิ่งนัก ด้านในมีขนาดใกล้เคียงกัน เมื่อเข้ามาได้ประมาณสิบกว่าจั้ง ซูหมิงจึงเห็นปลายทางเบื้องหน้า ก่อนเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ

เขาเดินใกล้ทางออกมาเรื่อยๆ ด้วยความระมัดระวัง พอมองเข้าไปพลันตกตะลึงไปชั่วขณะ พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก

มันเป็นถ้ำภูเขาไฟ มีหินย้อยแหลมจำนวนมาก เปลือกนอกแตกระแหงเหมือนจะหลุดได้ตลอดเวลา บนพื้นเดิมเป็นสีดำทึบ ทว่ามีลาวาแดงหลายสายรอบๆ ภายในจึงสะท้อนแสงสีน้ำตาล ไอร้อนรุนแรงกว่าด้านนอกหลายเท่าตัว

ห่างไปไม่ไกล มีโครงกระดูกสีดำทึบยาวประมาณแปดถึงเก้าจั้ง เพียงซูหมิงมองแวบเดียวก็ทราบว่ามันน่าจะเป็นกระดูกงูเหลือม

นอกจากนี้บนกระดูกยังมีเขากระดูกหนาราวแขน เป็นสีดำทึบเช่นเดียวกัน

งูเหลือมลักษณะเช่นนี้ซูหมิงไม่เคยพบมาก่อน ทว่าพอจำได้รางๆ ท่านปู่เคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อนานมาแล้วบนเขามังกรทมิฬมีงูเหลือมอยู่ชนิดหนึ่ง ดุร้ายยิ่งนัก ซ้ำยังมีเขา จึงเรียกขานว่างูเหลือมเขาแหลม เขาของมันแหลมคมนัก เป็นของล้ำค่าสำหรับมอบให้เบื้องสูงในชนเผ่า

ในเผ่าเขาทมิฬเองก็มีเขากระดูกงูเหลือมอยู่หนึ่งชิ้น เป็นมรดกสืบทอดแก่จ้าวเผ่าทุกรุ่น

“หรือว่าจะเป็นงูเหลือมเขาแหลม?” เขาลองวัดกระดูกงูเหลือมด้วยตาเปล่า แล้วมองไปรอบถ้ำ ก็ได้คำตอบในใจ

ขณะขบคิด ซูหมิงหยิบสมุนไพรใบหนึ่งจากตะกร้าสานด้านหลัง แล้วโยนมันลงข้างล่าง ใบสมุนไพรร่อนลงอย่างช้าๆ ในช่วงที่สัมผัสพื้นพลันเกิดเสียงซู่ซู่ ราวหนึ่งเค่อผ่านไปมันจึงเริ่มเหี่ยวเฉา

ซูหมิงลองทำแบบเดิมหลายครั้ง จนท้ายที่สุดก็มั่นใจในระดับความร้อนบนพื้น แม้ไม่น้อย ทว่าเขาทนได้ช่วงเวลาหนึ่ง ขอแค่ไม่สัมผัสกับลาวาแดงก็พอ

ยามนี้เสี่ยวหงเริ่มทนไม่ไหว หากไม่ใช่ทราบก่อนแล้วว่าที่นี่อันตราย มันคงจะมุดหนีไปนานแล้ว

ซูหมิงปีนออกมาด้วยความระมัดระวัง แล้วกระโดดลงไปด้านล่าง ยามที่สัมผัสพื้น ใต้เท้าทั้งสองข้างเกิดเสียงซู่ซู่ ไอร้อนไหลจากฝ่าเท้าลามไปทั้งตัว ทว่าไม่อาจลวกฝ่าเท้าได้หากยืนในเวลาอันสั้น

หลังจากเสี่ยวหงเข้ามาในถ้ำภูเขาไฟ มันก็ร้อนจนเหงื่อชุ่ม หลังขบคิดอยู่นาน จึงกลับมาในถ้ำเล็กอีกครั้ง ไม่ว่าจะกล่าวเช่นไรมันก็ไม่ยอมเข้าไปเด็ดขาด แต่กลับพุ่งทะยานออกไปวิ่งเล่นที่ไหนก็ไม่ทราบ

ซูหมิงไม่ได้ว่าอะไร แบกตะกร้าสานแล้วสาวเท้าไวไปเบื้องหน้า เขาเดาว่าที่นี่น่าจะเชื่อมไปถึงส่วนลึกของยอดเขาเพลิงทมิฬ หรือบางทีอาจจะมีที่ที่เหมาะกับการหลอมสมุนไพรก็ได้

เดินไปไม่ไกล เบื้องหน้าเป็นพื้นที่กว้างโล่ง ไม่แน่ชัดว่าเชื่อมไปถึงที่ใด บนพื้นมีแอ่งหลุมบางส่วน ไอร้อนรุนแรงมากขึ้นไม่น้อย กระทั่งซูหมิงสัมผัสได้ถึงความร้อนใต้ฝ่าเท้า

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในขณะกำลังจะก้าวต่อ พลันเกิดคลื่นไอระอุโหมกระหน่ำ ทำให้ซูหมิงร้องตกใจพลางถอยไปหลายก้าว หรี่ตาลงเห็นเปลวเพลิงขนาดราวแขนพลันพุ่งขึ้นจากแอ่งหลุม สะท้อนแสงเพลิงเข้าใส่ถ้ำ

ซูหมิงหายใจเข้าลึก ถอยไปอีกหลายก้าวจนมาถึงปากถ้ำ เขาเพ่งสมาธิมองกระทั่งผ่านไปครึ่งชั่วยาม เปลวเพลิงจึงค่อยหายไป ทว่าไม่นานอีกหลุมหนึ่งกลับระเบิดเปลวเพลิงขึ้นแทน สลับกันไปมาอย่างต่อเนื่อง

“ไฟ…” ซูหมิงจ้องแอ่งหลุมเหล่านั้น ดวงตาค่อยๆ เป็นประกาย ดูตื่นเต้นและดีใจ

“ที่นี่มีไฟจริงๆ ด้วย! แต่ว่ามันเกิดขึ้นเพียงไม่นาน ดูไม่ใช่จำพวกที่มั่นคง…”

ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิด รู้สึกเสียดาย

“ช่างมัน แม้ว่าการเข้าไปในส่วนลึกโดยตรงจากยอดเขาน่าจะหาแหล่งที่ดีกว่านี้ได้ก็ตาม แต่ว่าที่นี่กลับซ่อนตัวได้ดีกว่า อีกทั้งหากมีอันตรายข้าก็หนีออกไปได้ทันที เช่นนั้นก็ใช้ที่นี่เป็นถ้ำหลอมสมุนไพรแห่งแรกในชีวิตข้าแล้วกัน!” ซูหมิงมีสีหน้าตื่นเต้น กล่าวพลางมองไปรอบๆ

“ไฟมีแล้ว แต่ตอนนี้ยังขาดหม้อฮวง…ข้าทำขึ้นเองก็ได้!” ซูหมิงมองเศษหินที่กระจัดกระจายบนพื้น

“หินพวกนี้อยู่มาหลายปีแล้วยังไม่ถูกเผาจนเป็นธุลี ดูทนไฟได้ดียิ่ง น่าจะเอามาหลอมสมุนไพรได้….” ซูหมิงเกาศีรษะ เปลี่ยนสมุนไพรใต้ฝ่าเท้าก่อนกระโดดลงไปอีกครั้ง แล้วเลือกหินที่ดูเหมาะสมมาหนึ่งก้อน ลองขึ้นไปเหยียบด้านบนกลับไม่รู้สึกร้อนจัด เพียงอุ่นๆ เท่านั้น

หลังจากเลือกได้แล้วว่าจะใช้หินนี้เป็นวัสดุ ซูหมิงจึงหยิบมีดตัดสมุนไพรขึ้นมา เขามักจะลับมันอยู่เป็นประจำ จึงทำให้มันแหลมคมยิ่งนัก ยามนี้เขาใช้มีดออกแรงขูดตัดหินดังกล่าวอย่างสุดกำลัง

มันเป็นขั้นตอนที่น่าเบื่อ ทว่าซูหมิงเคยชินกับมันแล้ว ขณะกำลังขูดอยู่ ในหัวเขาฉับพลันมีแสงวูบผ่าน จึงมองกระดูกงูเหลือมที่อยู่ไม่ไกลนัก โดยเฉพาะเขาสีดำบนกระดูกดังกล่าว

ขบคิดครู่เดียว ซูหมิงรีบเดินเข้าไป มองใกล้ๆ อยู่นานก่อนลองเคาะกระดูกงูเหลือม เสียงแกรกดังขึ้น โครงกระดูกพลันแตกกระจายเป็นเศษลงบนพื้น มีเพียงเขากระดูกสีดำที่ยังคงสภาพเดิม

“เขานี้ไม่ธรรมดาดังคาด เมื่อครู่ข้ากำลังสงสัยเลยว่างูเหลือมมุดเข้ามาได้อย่างไร” ซูหมิงหยิบเขาแหลมขึ้นมา แล้วลองวาดลงบนกำแพงข้างๆ เกิดเป็นรอยขาดเส้นหนึ่ง นี่ไม่ได้ทำให้ซูหมิงแปลกใจเท่าไร

“ไม่รู้ด้วยว่าเหตุใดงูเหลือมเขาแหลมถึงต้องมุดเข้ามาที่นี่…” ซูหมิงไม่เข้าใจ ถือเขากระดูกเดินไปข้างหินก้อนใหญ่ แล้วลงมือขูดตัดทันที

หลังได้เขากระดูกมาช่วย ผ่านไปไม่กี่ชั่วยาม หม้อหลอมสมุนไพรขนาดห้าถึงหกส่วนลักษณะคล้ายกับในความทรงจำซูหมิงก็ปรากฏเป็นรูปร่าง ซูหมิงยังทำกระทั่งฝาหม้อด้วย เช่นนี้จะช่วยรักษาความร้อนไม่ให้ระเหยไปได้

“ลองดูหน่อยแล้วกัน” ซูหมิงมีสีหน้าตื่นเต้น ผลักหม้อฮวงมาถึงแอ่งหลุมและอดทนรออย่างใจเย็น

ผ่านไปอีกหลายชั่วยาม เปลวเพลิงพวยพุ่งหลายครั้ง ในที่สุดแอ่งหลุมเบื้องหน้าซูหมิงก็ระเบิดเปลวเพลิงออกมา

แทบจะเป็นช่วงเดียวกับที่เปลวเพลิงพวยพุ่ง ซูหมิงพลันผลักหม้อหินเข้าไป จนมันบดบังหลุมไฟลุกโชน

สีหน้าเขาตึงเครียด จะหลอมสมนุไพรสำเร็จหรือไม่ต้องดูกันที่ระดับความทนไฟของหม้อฮวง ไม่นานหม้อหินเป็นสีแดง ไอระอุแผ่ซ่านโดยรอบ อีกทั้งยังมีเสียงแกรกดังก้อง พื้นผิวหม้อเกิดรอยร้าวจำนวนมาก ซูหมิงใจเต้นตึกตัก ทว่ารออยู่นานหม้อหินกลับไม่ได้แตกออก เขาจึงค่อยวางใจ

“หนึ่งชั่วยาม…หลอมสมุนไพรทุกครั้งมีเวลาเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้น น่าจะไม่พอ…”

แววตาซูหมิงดูครุ่นคิด กล่าวได้ว่าเพื่อหลอมสมุนไพรแล้วเขายอมทุ่มสุดตัว

“ยังมีวิธีนี้อยู่!” ซูหมิงถอยไปหลายก้าว แม้กล่าวว่ามีแผนในใจ ทว่ากลับไม่ได้ผลีผลาม เขายืนขึ้นตรงจุดที่ไม่ร้อนมาก มองแอ่งหลุมเหล่านั้นตาไม่กะพริบ เพียงแค่มองก็ใช้เวลาไปทั้งวันแล้ว

ช่วงระหว่างนั้นเจ้าลิงเข้ามา แต่พอรู้สึกร้อนก็ทิ้งผลไม้ป่าเอาไว้แล้วออกไปเที่ยวเล่นต่อ ส่วนหม้อฮวงหินก็ยังคงรับการทดสอบต่อไป เปลวเพลิงพวยพุ่งหลายครั้งแต่กลับไม่แตกสลาย

“เปลวเพลิงที่ระเบิดจากรูเล็กบนพื้นพวกนี้ดูแปลก ทว่าก็ดูไม่แปลก…”

หนึ่งวันต่อมา ซูหมิงถือเขากระดูกพาร่างหายวับมายังแอ่งหลุม แล้วขุดร่องยาวให้หลุมหนึ่งบนพื้นเชื่อมกับใต้หม้อฮวง

เขาทำโดยไม่หยุดพัก หลังขุดได้หกสายก็รีบถอยออกมาทันที ไม่นานหนึ่งในแอ่งหลุมพลันระเบิดเปลวเพลิง เห็นได้ชัดว่ามันแยกไปตามร่องบนพื้นเชื่อมจนถึงใต้หม้อฮวง

“สำเร็จแล้ว!” ซูหมิงมองดูอยู่นาน ก่อนจะหาพื้นที่โล่งขุดเพิ่มอีกห้าสาย ใช้เวลาสังเกตต่อทั้งวันจนมั่นใจในความคิดของตน และเพลิงนับว่าขยายออกเป็นวงกว้างแล้ว ถึงได้วางใจ ทว่าความเป็นจริงเขายังไม่มั่นใจสักเท่าใด เพราะการขุดร่องพวกนี้ไม่ใช่ว่าจะขุดตามอำเภอใจได้ แต่ต้องดูจุดที่ระดับความร้อนไม่มากและไม่น้อยเกินไปสำหรับหม้อฮวง มิเช่นนั้นแล้วอาจจะเกิดความผิดพลาดได้

ถึงอย่างไรก็ยังอยู่ในช่วงทดลอง มีหลายหลุมที่ระเบิดเปลวเพลิงพร้อมกันหลายครั้ง หากเกิดข้อผิดพลาดติดต่อกันแบบนี้ เกรงว่าอาจจะเป็นอันตรายได้

หลังจากแก้ไขปัญหาพื้นฐานทั้งสองอย่างนี้ไปได้แล้ว ซูหมิงจึงค่อยสงบจิตใจลง แล้วเริ่มหลอมสมุนไพรครั้งแรกในชีวิตตามภาพความทรงจำที่ไหลผ่าน

ส่วนเรื่องอาหารมีเสี่ยวหงคอยหามาให้ หรือบางครั้งเขาก็ออกไปล่าสัตว์เล็กแล้วนำมาย่างกินที่นี่ และยังมีเรื่องของท่านปู่แห่งเผ่าภูผาดำ ช่วงที่เขาออกไปล่าสัตว์ข้างนอกแล้วบังเอิญเจอกับกลุ่มล่าสัตว์ในเผ่าของตนจึงได้แจ้งเรื่องไปแล้ว

กาลเวลาผ่านไปหลายวัน ณ สถานที่หลอมสมุนไพรของเขา มีเสียงน่าหงุดหงิดดังขึ้นบ่อยครั้ง ครึ่งเดือนมานี้ดวงตาซูหมิงแดงก่ำไปทั้งดวง เขาหลอมสมุนไพรนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าก็ไม่สำเร็จสักครั้ง!

ปัจจุบันขั้นพลังของเขายังอยู่ลำดับหนึ่งขั้นรวมโลหิต อีกทั้งมีเส้นเลือดสี่เส้น ขอแค่มีเพิ่มอีกสองเส้นก็จะทะลวงสู่ลำดับสองได้ หากถึงลำดับที่สอง เขาจะสามารถใช้วิชาหมานขั้นแรกได้!

สำหรับซูหมิงมันเป็นดั่งความฝันที่ใฝ่หามานาน และยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาหลอมโอสถโดยไม่หยุดหย่อน ทว่าตอนนี้ล้มเหลวมาได้หนึ่งเดือน ทำให้ซูหมิงแทบหมดกำลังใจ ทว่าด้วยความดื้อรั้นเป็นนิสัย ทำให้เขาไม่ยอมแพ้

“ข้าไม่เชื่อ! เสี่ยวหง เจ้าช่วยไปเก็บสมุนไพรมาอีกครั้งที!” ซูหมิงกล่าวพลางโยนตะกร้าสานไปทางเจ้าลิงที่ยืนแยกเขี้ยวอยู่ตรงปากถ้ำ แล้วทำการหลอมสมุนไพรต่อ เจ้าลิงหยิบตะกร้าสาน แยกเขี้ยวยิ้มก่อนหมุนตัววิ่งออกไป

หนึ่งวัน หนึ่งวัน หนึ่งวัน…

ล้มเหลว ล้มเหลว ล้มเหลว…

กระทั่งผ่านไปอีกครึ่งเดือน ช่วงสายของวันหนึ่ง ซูหมิงมีเส้นผมยุ่งเหยิง ยืนอยู่หน้าหม้อฮวง ในมือถือสมุนไพรสีแดงสองชนิด หนึ่งเป็นดอกหกกลีบ อีกหนึ่งเป็นดอกห้ากลีบ

“ควรใช้อันไหน…” ซูหมิงพลันขบฟัน ทราบดีว่าไม่มีเวลาขบคิดให้มากแล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!