ตอนที่ 908 ร่างแยกขั้นพลัง
สิ้นเสียงนี้ ผู้เฒ่าวายุกับคนตระกูลเลี่ยซานหรี่ตาลง ตอนนี้มีร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากประตูที่พังทลาย
บุคคลนี้ใบหน้าหล่อเหลา เหมือนกับรวมโชควาสนาฟ้าดินเอาไว้ที่ตัวเอง เส้นผมดำแกว่งไกว เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราขยับแสงพร่างพราว เขายืนอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายพลังเหนือธรรมดามากพอจะทำให้ทุกคนที่เห็นเขาต้องจับตามอง
ดวงตาดาราสว่างไสว คิ้วกระบี่ดุจดั่งภูผา เขายืนอยู่ตรงนั้น ประหนึ่งแสงสว่างทุกอย่างรอบตัวมัวหมองลง มีเพียงร่างเขาที่กลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคน
ช่วงชิงโชควาสนาฟ้าดิน เสพสุขดวงชะตาของสวรรค์ นี่คือเขา…เต้าคง!
สวี่ฮุ่ยขมวดคิ้ว นางถอยหลังไปหลายก้าว ร่างสิบหกคนที่เหลือก็สลายหายไปในพริบตา ชายชราเก้าคนนั้นตรงเข้ามาอย่างเร็วไว คุ้มกันเต้าคงเอาไว้ข้างในราวกับองครักษ์ สีหน้ามีความห่วงใยอย่างชัดเจนยิ่ง
“เรื่องนี้เข้าใจผิดกัน หวังว่าตระกูลดาวทมิฬจะไม่ถือสา” เต้าคงยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือคารวะพวกผู้เฒ่าวายุ
ผู้เฒ่าวายุนัยน์ตาเป็นประกายบางจนไม่อาจตรวจพบ สายตามองผ่านร่างกายเต้าคงเข้าไปในห้องซูหมิง ในห้องนั้น เขาเห็นอวี้โหรว เห็นชายชราสิบสามคนนั้น และก็เห็นซูหมิงนั่งอยู่ด้วยแววตาสงบนิ่ง
“สหายซูอยากคุยกับข้าส่วนตัว ดังนั้นจึงใช้กลอุบายนี้เคลื่อนย้ายข้ามา ตอนนี้คุยจบแล้ว อย่าไปโทษสหายซูเลย” เต้าคงยิ้มเล็กน้อย
ซูหมิงก็ยิ้มพลางพยักหน้าเช่นกัน สีหน้ามีความรู้สึกผิดเล็กน้อย สายตามองผู้เฒ่าวายุรวมถึงชายชราข้างเต้าคง และยังมีสวี่ฮุ่ยอีกคน
สวี่ฮุ่ยจ้องเต้าคง หากไม่ใช่เพราะในความรู้สึกนาง กลิ่นอายพลังเต้าคงไม่ได้เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย นางคงสงสัยแล้วว่าจะต้องเกิดปัญหาอะไรแน่นอน ความรู้สึกในวิญญาณยังปกติ ทว่านางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกไป
แต่กระนั้นก็บอกโดยละเอียดไม่ได้ ขณะดวงตาวาววับ นางก็หายตัวไปในอากาศอย่างเงียบเชียบ
“ในเมื่อเป็นการเข้าใจผิดกัน ก็หวังว่าสหายโลกแท้จริงดาราสัจธรรมจะกลับไปในห้องของพวกเจ้า งานประมูลยังดำเนินต่อไป ข้าขอตัวก่อน” ผู้เฒ่าวายุมองเต้าคงอย่างมีความหมายลึกซึ้งแวบหนึ่ง แล้วกล่าวเรียบๆ
“เมื่อครู่นี้ที่ผู้ติดตามแซ่เต้าล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วย” เต้าคงมีกิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยน ตอนที่ประสานมือคารวะ สีหน้ายังมีความรู้สึกผิด เช่นนี้สอดรับกับฐานะเขา และสอดรับกับความรู้สึกต่อคนอื่นในเวลาปกติ ระหว่างที่กล่าวอยู่นี้ เขาหมุนตัวกลับไปมองซูหมิงแวบหนึ่ง หลังอมยิ้มพลางพยักหน้าให้แล้ว ก็สาวเท้ายาวไปทางห้องของเขา
ชายชราเก้าคนนั้นมองตระกูลเลี่ยซานด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร ก่อนตามหลังเต้าคงไป
จนกระทั่งคล้อยหลังพวกเขา ผู้เฒ่าวายุขมวดคิ้วขึ้น สายตามองซูหมิงอีกครั้ง ตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหมุนตัวพาคนตระกูลเลี่ยซานจากไป ส่วนผู้เฒ่าสายฝนหายตัวไปในมวลอากาศก่อนหน้านี้แล้ว
ภายในห้องซูหมิง ชายชราสิบสามคนมีสีหน้าเฉยชา พวกเขาไม่ไตร่ตรองสิ่งใดเกี่ยวกับซูหมิง ในจิตสำนึกพวกเขามีเพียงความยึดมั่น
ทว่าอวี้โหรวต่างออกไป นางมองซูหมิงอย่างซับซ้อน ในใจมีการคาดเดาอยู่รางๆ ทว่ามันกลับทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย
‘นี่ไม่น่าใช่การยึดร่าง ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว เหตุใดเต้าคงถึงยังมีสติปกติ อีกอย่างซูหมิงก็ยังมีสติเช่นกัน มิหนำซ้ำดูจากท่าทางคนสำนักดาราสัจธรรมแล้วน่าจะหาที่นี่เจอในทันที นั่นหมายความว่าในพวกเขามีคนที่เชื่อมต่อกับเต้าคงอย่างเหนียวแน่นอยู่ หากเต้าคงถูกยึดร่าง การเชื่อมต่อจะต้องขาดสะบั้น…
แต่ดูจากท่าทางพวกเขาเมื่อครู่แล้ว เหมือนว่า…การเชื่อมต่อนั้นยังอยู่? แต่หากไม่ใช่การยึดร่าง เช่นนั้นคืออะไร…’ อวี้โหรวคิดไปคิดมา สายตาที่มองซูหมิงก็มีความหวาดกลัวอยู่ลึกๆ นางรู้สึกว่าซูหมิงลึกลับจนไม่อาจคาดเดามากขึ้นเรื่อยๆ
“ไปกันเถอะ ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่นี่แล้ว” ซูหมิงยืนขึ้น เขากล่าวราบเรียบพลางเดินหน้าไป อวี้โหรวติดตามอยู่ข้างหลัง ส่วนชายชราสิบสามคนนั้นคารวะซูหมิงด้วยความเคารพทีหนึ่ง ก่อนจะแยกย้ายกันหายไปในห้อง เพื่อไปเฝ้ารักษาการณ์งานประมูลครั้งนี้
“เตรียมห้องลับให้ข้า ข้าจะปิดด่านนั่งฌาน” ซูหมิงเดินออกมาจากห้องแล้วกล่าวเรียบนิ่ง อวี้โหรวด้านหลังก้มหน้าลงขานรับ
ผ่านไปชั่วประเดี๋ยวเดียว ภายในห้องลับส่วนลึกใต้ดินกลางเมืองวารีดำ ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในนั้น รอบตัวเงียบสงบ เขากำลังลืมตา สีหน้าสุขุม ไม่เผยอารมณ์ใดๆ
เหมือนเขากำลังรออะไรบางอย่าง จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งก้านธูป ภายในห้องลับคล้ายกับมีสายลมเบาพัดเข้ามาจากในมวลอากาศ เขาจึงมองไป
เห็นผู้เฒ่าวายุเดินออกมาจากสายลม แล้วนั่งขัดสมาธิลงตรงหน้าซูหมิง
“ท่านเทพหมานช่วยอธิบายให้ข้าฟังด้วย” ผู้เฒ่าวายุมองซูหมิงพลางกล่าวเสียงแหบแห้ง
ซูหมิงไม่ตอบ แต่ยกมือขวาขึ้น เห็นเพียงว่าบนมือขวามีไอหนาวลอยขึ้นมาทีละน้อย จากนั้นก็มีภาพมายาเกล็ดหิมะ นี่ไม่ใช่วิชามายา แต่เกิดจากความหนาวสุดขั้วของวิชาของรูปแบบชะตาเขา
เกล็ดหิมะลอยขึ้นในมือซูหมิง มันลอยขึ้นจากมือแล้วตกลงพื้น ทำให้ข้างกายซูหมิง ปกคลุมด้วยหิมะหนึ่งชั้นทีละน้อย
“ผู้เฒ่าวายุ ท่านเห็นอะไร” ซูหมิงกล่าวเนิบช้า
“หิมะ” ผู้เฒ่าวายุขมวดคิ้วเล็กน้อย
ซูหมิงกำหมัดขวา หลังกำหิมะที่ลอยอยู่ในมวลอากาศในมือแล้ว ก็แบมือไปทาง ผู้เฒ่าวายุ เผยให้เห็นเป็นหิมะที่ไม่ละลายกลางฝ่ามือ
“นี่คืออะไร”
“หิมะ!” ผู้เฒ่าวายุกล่าวเรียบๆ
ซูหมิงยิ้มน้อยๆ แล้วสะบัดมือขวา ครั้นสะบัดหิมะในมือไปแล้ว ก็คว้าไปยังหิมะหนึ่งชั้นที่ปกคลุมอยู่ข้างกายเบาๆ
“นี่คืออะไร”
“ก็ยังเป็นหิมะ” ผู้เฒ่าวายุหรี่ตาลง เหมือนจะเข้าใจแล้ว
“ข้าได้อธิบายให้ท่านฟังแล้ว” ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ หิมะทั้งหมดข้างกายพลันหายไป
“ข้าต้องปิดด่านฝึกฝน และต้องไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิต จากกันครั้งนี้ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะมาพบกันอีก ผู้เฒ่าวายุ…รักษาตัวด้วย” ซูหมิงอมยิ้ม แล้วหลับตาลงช้าๆ
ผู้เฒ่าวายุเงียบไปครู่หนึ่ง ยิ้มพลางส่ายศีรษะ ยืนขึ้นคารวะซูหมิง ก่อนจะหมุนตัวจากไปพร้อมกับส่ายศีรษะ
เขาเข้าใจ เมื่อครู่นี้ซูหมิงอธิบายให้กับตนจริงๆ ส่วนความเข้าใจโดยละเอียดก็จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน
ตอนที่ซูหมิงปิดด่านนั่งฌาน งานประมูลข้างนอกยังดำเนินต่อไป ภายในห้องของเต้าคง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่ม มือถือแก้วสุรา สายตามองการประมูลนอกม่านแสงพลางจิบสุรา
ชายชราเก้าคนนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างหลัง พวกเขาล้วนหลับตา ปกปิดแสงสีขาวตอนที่เก้าคนนี้โมโหก่อนหน้านี้
หญิงงดงามคนนั้นตอนนี้ไม่อยู่ในร่างนางแมวอีก แต่กลายเป็นดูอ่อนแอ เหมือนกลัวเต้าคงเอามากๆ นางคุกเข่าด้วยความเคารพอยู่ข้างๆ มือถือเหยือกสุรา และคอยเติมสุราให้เต้าคงตลอด
“ข้าต้องการคำอธิบาย!” สวี่ฮุ่ยกล่าวเสียงเย็นชามาจากในอากาศ
“อ้อ? อธิบายอะไร” ช่วงที่เต้าคงกล่าวราบเรียบ นัยน์ตาเขาขยับประกายบางๆ มองหญิงสาวข้างกาย หลังจากนางตามเขาเข้ามาในห้องนี้แล้ว ก็เปลี่ยนท่าทางมาอ่อนแอและบอบบาง ความหวาดกลัวจากนางไม่ใช่ของปลอม แต่กลัวตนมากจริงๆ
“อาคมเคลื่อนย้ายในเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราตัวนั้น หลังจากเจ้าถูกเคลื่อนย้ายไปแล้วเกิดอะไรขึ้น” เสียงเย็นชาของสวี่ฮุ่ยดังก้องในห้องนี้
“สหายซูแห่งดาวทมิฬอยากจะทำการค้าขายกับข้า แต่ไม่สะดวกจะเข้าหาข้าตรงๆ เลยต้องใช้วิธี…” เต้าคงกล่าวเนิบช้า ทว่าเพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ เขาพลันสังเกตเห็นว่าหญิงข้างกายชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้ามองตนด้วยความประหลาดใจอย่างมากแวบหนึ่ง
กระทั่งชายชราเก้าคนด้านหลังยังมีหลายคนเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
มิหนำซ้ำมวลอากาศตรงหน้ายังเกิดระลอกคลื่น สวี่ฮุ่ยเดินออกมาจากระลอกคลื่นนี้ นางจ้องเต้าคงเขม็ง นัยน์ตามีความดุร้ายและประหลาดใจเล็กน้อยขยับวูบวาบอยู่
“…ต้องใช้วิธีนี้ถึงจะคุยกับข้าอย่างลับๆ ได้” เต้าคงหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วกล่าวเรียบๆ
“อ้อ? แล้วคุยเรื่องลับๆ อะไรกัน” สวี่ฮุ่ยกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“ความลับอะไร…” เต้าคงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าเผยรอยยิ้ม เขาปล่อยมือที่ถือแก้วสุรา แก้วในมือพลันร่วงลงพื้น ยังไม่ทันถึงพื้นดี หญิงสาวก็ยื่นมือมารับไปทันที เห็นดังนี้แล้วเต้าคงก็ยิ้มกว้างกว่าเดิมเล็กน้อย ก่อนจะใช้มือขวาลูบใบหน้านางเบาๆ นางก้มหน้าลง ความแปลกใจจากสีหน้าเมื่อครู่นี้หายตามไปด้วย เปลี่ยนเป็นคล้อยตาม
ชายชราหลายคนในเก้าคนข้างหลัง พอเห็นภาพนี้แล้วก็พากันก้มหน้าลง
กระทั่งสวี่ฮุ่ยแววตายังเพ่งมอง สีหน้าเหมือนกับปกติ แต่ความสงสัยในใจหายไปเล็กน้อยจากการกระทำของเต้าคง
“เหตุใดข้าต้องบอกเจ้า” เต้าคงยิ้มทีเล่นทีจริง มองสวี่ฮุ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
สวี่ฮุ่ยขมวดคิ้ว สิ่งที่นางรังเกียจที่สุดคือสีหน้าและน้ำเสียงแบบนี้ของเต้าคง แต่ก็เพราะสีหน้าและน้ำเสียงแบบนี้ จึงทำให้ความสงสัยในใจนางหายไปอีกมากกว่าครึ่ง นางแค่นเสียงเย็นชา แล้วหายเข้าไปในอากาศอีกครั้ง
คล้อยหลังสวี่ฮุ่ย เต้าคงมองม่านแสง ใบหน้าเผยรอยยิ้มทีเล่นทีจริง ทว่าส่วนลึกในใจกลับสงบนิ่ง
เขา ไม่ใช่เต้าคง!
เขา คือซูหมิง!
วิญญาณเต้าคงรวมถึงจิตสำนึกทุกอย่างถูกซูหมิงยึดครองแล้ว เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยเพื่อรับรู้ความทรงจำของเต้าคง เวลานี้ไม่นานนัก เดือนเดียวก็เพียงพอแล้ว
ชั่วขณะที่ยึดร่างเต้าคงสำเร็จ ซูหมิงก็รู้สึกอย่างชัดเจนว่าความสามารถของเต้าคงอยู่เหนือกว่าตนมาก และที่สำคัญที่สุดคือ เขาสังเกตเห็นรางๆ ว่าในตัวเต้าคงมีดวงชะตานี้อยู่
สิ่งนี้เป็นดวงชะตาจากโลกแท้จริงดาราสัจธรรม จะทำให้ร่างแยกขั้นพลังของตนร่างนี้ไม่มีขีดจำกัด
‘หลังจากที่ดวงชะตาในตัวเยี่ยวั่งค่อยๆ หายไป จนกระทั่งจากไปแล้ว ร่างแยกขั้นพลังของข้าจะรวมดวงชะตามากกว่าครึ่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมมา เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว จากการบำรุงและเสริมของดวงชะตา พรสวรรค์ของร่างแยกนี้…จะบรรลุถึงระดับที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง
อีกอย่าง…ฐานะของข้าคือสายตรงสำนักดาราสัจธรรม สำนักดาราสัจธรรม…ไม่รู้ว่าหากข้าเป็นนายน้อยเพียงหนึ่งเดียวของสำนักในภายภาคหน้าแล้ว บุญคุณและความแค้นระหว่างพวกเราควรจะจบอย่างไรดี’ ซูหมิงยิ้ม รอยยิ้มดูสดใสมาก ทั้งยังแฝงไว้ด้วยความชั่วร้ายเด่นชัด
หญิงนางนั้นเห็นรอยยิ้มนี้แล้วก็ใจสั่นไหว นางรีบก้มหน้าลง ปล่อยให้ซูหมิงใช้มือขวาลูบใบหน้านางเบาๆ
“งานประมูลนี้น่าเบื่อจริงๆ แจ้งไปยังเรือรบฟ้ากระจ่างดาว ข้าจะออกเดินทางพรุ่งนี้” นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย แล้วกล่าวขึ้นเรียบๆ