Skip to content

สู่วิถีอสุรา 948

ตอนที่ 948 เผ่าขวางสวรรค์

ควบคุมเวลา ผนึกความแก่ชรา กาลช่วงหนึ่ง และความงดงามช่วงหนึ่ง…

ปีที่ห้าหลังซูหมิงไปจากเผ่าลำดับเก้า…

เสียงหึ่งๆ ดังก้องกลางฟ้ากระจ่างดาว มีแมงป่องสองหัวกลุ่มหนึ่งกำลังเดินทางผ่านในผืนฟ้า จากเสียงหึ่งๆ กลายเป็นเสียงแหลมทีละน้อย พวกมันไล่ล่าร่างที่ดูสะบักสะบอมอย่างยิ่งสองคนตรงหน้าไม่หยุด

เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง

คือซูหมิงกับสวี่ฮุ่ย

“ข้าบอกตั้งนานแล้วว่าไม่ไปทางนี้!”

“เจ้าเพิ่งจะบอกหลังจากพวกเรามาทางนี้แล้ว”

“ข้าเปล่า!”

ระหว่างสองคนหลบหนี ได้ยินเสียงสวี่ฮุ่ยกล่าวโทษดังมา เมื่อเสียงดังไกลออกไป ร่างเงาพวกเขาก็หายไปทีละน้อยภายใต้เสียงร้องของกลุ่มสัตว์แมงป่อง

ปีที่เจ็ด…

ร่างพวกเขาประทับตราอยู่ในจิตวิญญาณแห่งทะเลดารา ทำให้ทะเลดาราจดจำไว้…คลื่นกระเพื่อมในช่วงเวลานั้น มาจากชายหญิงนามซูหมิงกับสวี่ฮุ่ยร่วมกันสั่นสะเทือน

เสียงคำรามด้วยความโกรธสะเทือนฟ้ากระจ่างดาว สัตว์ร้ายร่างใหญ่ยักษ์สามตัวที่ซ่อนอยู่ในอากาศกำลังร้องคำรามพลางล้อมรอบชายหนึ่งหญิงหนึ่งไว้ หญิงคนนั้นหน้าขาวซีด จับมือฝ่ายชายเอาไว้แน่น

“นี่หรือเส้นทางที่เจ้าแนะนำให้มา”

“ที่ข้าบอกไว้คืออีกทางต่างหาก!”

“เจ้าไม่ได้พูด…” ซูหมิงส่ายศีรษะ ขณะหลับตาลงพลันปรากฏภาพเงาสะท้อนของเอ้อชางขึ้น ขณะที่สัตว์แห่งความว่างเปล่าสามตัวนั้นตกใจ เขาก็ดึงมือสวี่ฮุ่ยจากไปอย่างเร็วไว

ปีที่สิบ…

ในฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่ ร่างสวี่ฮุ่ยพลันโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า เหมือนโผล่ขึ้นมาจากอากาศ นางมีสีหน้าร้อนรน พอปรากฏกายแล้วก็รีบก้มหน้าลง นัยน์ตามีความกังวลอย่างเห็นได้ชัด

เวลาผ่านไปทีละลมหายใจ ระหว่างที่สวี่ฮุ่ยหน้าเปลี่ยนสีไม่หยุดและกัดฟันงามเตรียมจะเข้าไปในน้ำวน ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากอากาศ นางคว้ามือข้างนั้นไว้อย่างรวดเร็วแล้วกระชากออกมา

นางกระชากซูหมิงออกมาจากมวลอากาศทันที สภาพเขาดูย่ำแย่ไปทั้งตัว ทว่าบนมือซ้ายกลับดึงขนสีดำมากระจุกหนึ่ง มันกำลังลุกไหม้ แต่เขากลับไม่ปล่อยมือทิ้งขนนั้นไป

“นั่นคือสัตว์ร้ายที่เทียบเท่ากับระดับกุมชะตาเกิดดับเชียว จะ…เจ้า…” สวี่ฮุ่ยพูดขึ้นทันที

“ระดับกุมชะตาเกิดดับแล้วอย่างไร” ซูหมิงหัวเราะ จึงส่งผลต่อบาดแผลบนตัว ทว่าตอนที่มองขนสีดำในมือซ้าย เขากลับหัวเราะเสียงดัง

“จะใช้น้ำวนเคลื่อนย้ายไม่ได้อีกแล้ว…แต่หากข้าต้องใช้ต่อจริงๆ เช่นนั้น…ก็ถึงช่วงเวลาที่ข้าต้องกำราบเจ้าแล้ว!” ซูหมิงมองอากาศใต้เท้า ตรงนั้นมีน้ำวนอยู่จุดหนึ่ง และยังมีเสียงคำรามด้วยความโกรธดังแว่วมาจากไกลๆ

ปีที่สิบสาม…

ในทะเลดารามีสัตว์ยักษ์ราวสี่พันกว่าจั้งตัวหนึ่ง รูปร่างมันเหมือนกับจระเข้ หากมองดีๆ มันคือสัตว์อากาศธาตุที่หลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่าได้

ทว่าตอนนี้ ตรงหัวมันมี…กระโจมหลังหนึ่ง

ภายในกระโจมมีแสงสว่างเปล่งออกมา ในนั้นมีไข่มุกหนึ่งเม็ด แสงสว่างเปล่งมาจากตัวมันนี่เอง ซูหมิงนั่งฌานอยู่ภายใน สวี่ฮุ่ยข้างๆ ก็เช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าสองปีมานี้ ไม่รู้ว่าพวกเขากำราบสัตว์ตัวนี้อย่างไร จึงลดอุปสรรคระหว่างทางไปได้ไม่น้อย เพียงแต่จากสภาพย่ำแย่ทั้งตัวของสัตว์ยักษ์อากาศธาตุ ก็บ่งบอกได้ชัดว่าตอนนั้นมันต้องทรมานไม่น้อย

เสียงครวญดังก้องในฟ้ากระจ่างดาวที่เงียบสงบ นั่นคือเสียงของสัตว์ยักษ์อากาศธาตุ เสียงนี้ดังกระชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเกือบจะแสบแก้วหู

“ควรให้อาหารมันแล้ว ซูหมิง เจ้ายังไม่ไปให้อาหารมันอีกรึ” สวี่ฮุ่ยลืมตาขึ้น

“ข้าทุกครั้งเลย ครั้งนี้ตาเจ้าบ้าง”

“ก็นี่มันสัตว์เลี้ยงของข้า เป็นข้าที่กำราบมัน!” สวี่ฮุ่ยโต้ตอบอย่างลำพองใจ

ซูหมิงเงียบงัน ผ่านไปครู่ใหญ่ๆ ก็ส่ายศีรษะ แล้วยืนขึ้นเดินออกจากกระโจม

ชั่วประเดี๋ยวเดียวเสียงครวญก็หายไป ซูหมิงกลับเข้ามาในกระโจม มองสวี่ฮุ่ยที่ยิ้มตาหยีแล้วกระแอมไอทีหนึ่ง

“แปลก…” เขากล่าวเพียงคำเดียวก็ส่ายศีรษะไม่เอ่ยอะไรอีก

“แปลกอะไร?” สวี่ฮุ่ยถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“ไม่มีอะไร” ซูหมิงหลับตาลง

“แปลกอะไรกันแน่?” สวี่ฮุ่ยกะพริบตาปริบๆ แล้วถามอีกครั้ง

“เจ้าอยากรู้จริงๆ หรือ?” ซูหมิงยังคงหลับตาพลางกล่าวเรียบนิ่ง

“รีบบอกมาเร็ว”

“ข้าว่าแปลกมาก เหตุใดหลายปีมานี้สัตว์อากาศธาตุถึงมีไฝขึ้นตามตัวไม่น้อย” ซูหมิงมีสีหน้าไร้อารมณ์ กล่าวจบจิตใจก็ตกเข้าสู่ห้วงสมาธิ ไม่มองสีหน้าสวี่ฮุ่ย

ปีที่สิบเจ็ด…

ตรงชายแดนวงแหวนชั้นในของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต จะเห็นได้ชัดจากที่นี่ว่าไกลออกไปมีวงแหวนยักษ์วงหนึ่ง วงแหวนนี้รวมขึ้นจากซากดาวผุพังที่ขยับแสงวิบวับนับไม่ถ้วน ล้อมวงเข้าด้วยกัน ทำให้ตรงนั้นดูคล้ายกับธารดาราสายหนึ่ง

ภายในมีหมอกหนาขมุกขมัว และยังมีดาวจำนวนมาก ตอนที่มองไปแวบแรกจะถูกดึงดูดเข้าไป ทว่าหากมองนานๆ ก็จะเริ่มพบว่าพื้นที่ในธารดาราทรงวงแหวนนั้นเปลี่ยนรูปไปตามการหมุนของหมอก กลายเป็นเค้าโครงสัตว์ร้ายหลายตัว ทำให้คนเกิดความประหลาดใจ

“ในที่สุดก็ถึงวงแหวนชั้นในของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต” ซูหมิงยืนอยู่บนตัวสัตว์อากาศธาตุ สายตามองทอดไกล สวี่ฮุ่ยข้างกายมีสีหน้าจริงจังเช่นกัน

“เผ่าขวางสวรรค์ เผ่ารวมธรรม เผ่าเหริงอู เผ่าธุลีแผดเผา สี่เผ่าใหญ่แห่งวงแหวนชั้นในของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต สืบทอดกันมาไม่รู้กี่ปี…ด้วยพลังของเจ้ากับข้า ยากมาก…ควรจะบอกว่าไม่มีทางสั่นคลอนได้แม้แต่หนึ่งเผ่าด้วยซ้ำ” สวี่ฮุ่ยเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยเสียงเบา

“ต้องลองถึงจะรู้” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ ก่อนยกมือขวาตบถุงเก็บวัตถุ แผ่นหยกชิ้นหนึ่งพลันปรากฏในมือ เขามองมันอย่างละเอียดหลายที ก่อนส่งให้สวี่ฮุ่ย

“ตามแผนการที่ข้าบอกเจ้าไปก่อนหน้านี้ ไปรอข้าตรงจุดสัญลักษณ์บนแผนที่ หนึ่งเดือนจากนี้ให้เปิดวงแหวนอาคม!” ซูหมิงเอียงศีรษะมองสวี่ฮุ่ย

“ข้าอยากไปกับเจ้าด้วย” สวี่ฮุ่ยลังเลอยู่ชั่วครู่ เงยหน้ามองซูหมิง

“เจ้าไปแล้วใครจะเปิดวงแหวนอาคม?” ซูหมิงส่ายศีรษะ

“เช่นนั้นเจ้าต้องบอกข้าว่าแผนการทั้งหมดคืออะไร เหตุใดถึงให้ข้าไปเปิด วงแหวนอาคมตรงจุดในแผนที่หนึ่งเดือนหลังจากนี้” สวี่ฮุ่ยมองซูหมิง

“ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้กับเผ่าขวางสวรรค์ที่อยู่ใกล้เราที่สุด ข้าตัดสินใจแล้ว” ซูหมิงตอบเรียบนิ่ง กายขยับวูบไหวกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไปในพริบตา เหลือเพียงสัตว์อากาศธาตุกับสวี่ฮุ่ยบนตัวมันที่มองร่างเงาเขาบินไกลออกไป

สวี่ฮุ่ยเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านไปนานตัวนางก็หลอมรวมเข้ากับความว่างเปล่าไปพร้อมสัตว์อากาศธาตุ จนหายไปอย่างไร้ร่องรอย แล้วมุ่งหน้าไปยังจุดสัญลักษณ์บนแผนที่ตามความต้องการของซูหมิง

วงแหวนชั้นในของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาว ขณะพุ่งทะยานก็แผ่จิตสัมผัสไปรอบๆ ทุกอย่างที่นี่ดูแปลกตายิ่งนัก กระทั่งเมื่อใช้จิตสัมผัสกวาดไปแล้ว เขารู้สึกว่าที่นี่มีสัตว์ร้ายอยู่จำนวนมาก เพียงแต่ว่าส่วนใหญ่หลับใหลอยู่ มีน้อยมากที่จะออกมา ดังนั้นตอนที่มองไปที่นี่จึงเงียบสงัด

‘เผ่าขวางสวรรค์…’ นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย ในความคิดลอยขึ้นมาเป็นคำบรรยายเกี่ยวกับเผ่าขวางสวรรค์จากแผ่นหยกของตี้จิ่วโม่ซา

นี่คือชนเผ่าที่คารวะและเซ่นไหว้สวรรค์ ชาวเผ่าแสนกว่าคนต่างมองสวรรค์เป็น ผู้สูงส่งในชีวิตตั้งแต่โบราณ วิชาอภินิหารที่ฝึกฝนต่างกับผู้ฝึกฌานโดยสิ้นเชิง คล้ายกับเผ่าหมาน คล้ายกับเผ่าเชมัน แต่มีระบบของตัวเองอยู่

เพียงแต่เส้นทางต่างกันทว่ามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ต่อให้ระบบแตกต่าง เมื่อฝึกฝนถึงระดับที่มั่นคงแล้ว เส้นทางกลับเหมือนกัน พวกเขาก็มีระดับภัยพิบัติจันทรา มีระดับภัยพิบัติตะวัน รวมถึง…กุมชะตาเกิดดับ

‘พวกเขาเชื่อในสวรรค์ เชื่อว่าฟ้าคือเทพของพวกเขา ขอเพียงเป็นสถานที่ที่มีท้องฟ้า พวกเขาจะไม่ตาย แต่เปลี่ยนเป็นฟ้ากระจ่างดาว…’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ความเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

‘พวกเขาสวมเสื้อคลุมยาวสีฟ้า เพราะในมุมมองพวกเขา สีฟ้าเป็นตัวแทนของท้องฟ้า ดังนั้นพวกเขาจึงชอบสีฟ้า และเพราะชาวเผ่ามีจำนวนมาก ประกอบกับที่นี่มีสภาพแวดล้อมต่างจากข้างนอก จึงทำให้ชาวเผ่าขวางสวรรค์…มีปีก!’ ความคมกริบในแววตาซูหมิงเด่นชัดยิ่งขึ้น

ชาวเผ่าขวางสวรรค์ที่มีปีกคือเจ้าปกครองผืนนภา!

‘เนื้อหาในบันทึกแผ่นหยกของตี้จิ่วโม่ซาคือเรื่องเมื่อพันปีก่อน ตอนนี้ผ่านมาพันปีแล้ว ไม่รู้ว่าเผ่าขวางสวรรค์จะสืบเชื้อสายไปอย่างไรบ้างแล้ว ถึงพันปีจะแสนสั้น ไม่พอจะให้หนึ่งเผ่าพันธุ์เปลี่ยนไปก็ตาม…

ทว่าก็ต้องตรวจสอบก่อน แผนการข้าถึงจะสมบูรณ์แบบ’ ซูหมิงยิ้มเยาะ ตัวเขาขยับวูบไหวไป ความเร็วเพิ่มพรวดขึ้นกลางฟ้ากระจ่างดาว อีกทั้งยิ่งไม่มีสิ้นสุดระหว่างการเคลื่อนย้าย

จนกระทั่งหลายวันต่อมา เขาเข้าไปในวงแหวนชั้นในของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เข้าไปถึงพื้นที่เผ่าขวางสวรรค์ในแผนที่แผ่นหยก

ตามความเข้าใจของตี้จิ่วโม่ซา เผ่าขวางสวรรค์ควบคุมดาวแท้จริงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามดวงและแผ่นดินใหญ่ลอยกลางอากาศอีกห้าพันสองร้อยกว่า พวกมันล้อมรอบทางตะวันตกเฉียงเหนือของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต แม้พื้นที่จะไม่ถึงหนึ่งในหมื่นส่วนของวงแหวนชั้นในของทะเลดาราต้นกำเนิดจิตก็ตาม แต่พื้นที่แค่นี้ก็มากพอจะทำให้ เผ่าขวางสวรรค์ถูกเรียกว่าเป็นหนึ่งในสี่เผ่าใหญ่แล้ว

ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นที่รู้จักกันในโลกภายนอกว่าเป็นหนึ่งในสี่เผ่าใหญ่ซึ่งกล้าใช้ชีวิตอยู่ในวงแหวนชั้นในของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เพราะว่าที่นี่มีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งจำนวนมาก แน่นอนว่าชนเผ่าที่นี่ต้องแกร่งกว่ามากนัก

ทว่าสิ่งที่อันตรายที่สุดไม่ใช่ชนเผ่า แต่เป็น…สัตว์ร้าย!

‘สี่เผ่าใหญ่กระจายกันอยู่ในวงแหวนชั้นในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต แต่ละเผ่าอยู่ห่างกันมาก เผ่าขวางสวรรค์กับรวมธรรมแยกกันอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือกับตะวันออกเฉียงใต้

ส่วนเผ่าธุลีแผดเผาค่อนข้างอยู่ตรงแถบใจกลาง ส่วนเผ่าเหริงอูที่ลึกลับที่สุดใช้ชีวิตอยู่แถบใจกลางทั้งหมด อาศัยร่วมกับสัตว์ร้ายแข็งแกร่งเหล่านั้น

ระหว่างสี่เผ่าใหญ่มีวิธีการติดต่อเพื่อส่งสารกันว่าให้บุกหรือถอย ดังนั้นแล้ว เผ่าขวางสวรรค์คือเป้าหมายแรกของข้า

ตอนนั้นพวกเจ้าล่าสังหารอาจารย์ข้า วันนี้…แซ่ซูมาเอาคืนแล้ว’ นัยน์ตาซูหมิงมีจิตสังหารวูบผ่าน ขยับตัวพุ่งไปยังดาวแท้จริงสีดำสนิทดวงหนึ่งตรงหน้า

ดาวดวงนี้นามว่าสวรรค์ชั้นนอก เป็นดาวดวงหนึ่งที่อยู่นอกเผ่าขวางสวรรค์

โครม!

ร่างซูหมิงพุ่งตรงไปยังดาวประดุจดาวตก ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็เกิดคลื่นยักษ์ถาโถม ลากเป็นระลอกคลื่นกระจายเป็นวงกว้างในฟ้ากระจ่างดาว สั่นสะเทือนทั้งแปดทิศ เสียงครึกโครมดังสนั่นหวั่นไหว

เสียงดังสนั่นกลายเป็นแรงปะทะพุ่งไปหาดาวดวงนี้ในพริบตา ส่งผลให้ฟ้าดินบนดาวเปลี่ยนสี เกิดพายุคลั่งถาโถม แผ่นดินสั่นสะเทือน น้ำทะเลโหมซัดสาด ต้นไม้โค่นล้มพังพินาศ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!