ตอนที่ 950 สาปดวงดาว
“หนี ชาวเผ่าขวางสวรรค์รีบเข้าไปในป่าเร็ว พวกเจ้าสู้มันผู้นี้ไม่ได้!” ชายชราที่ทั้งร่างเน่าเปื่อยตะโกนด้วยความโกรธ ระหว่างนั้นเขาไม่ถอย แต่กลับบุกเข้าไปหาซูหมิง
ชาวเผ่าขวางสวรรค์รอบๆ ตัวเขายามนี้ต่างตื่นตกใจกับภาพที่ซูหมิงสังหารชายชราอีกคนก่อนหน้า พวกเขาถอยร่นไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล กลายเป็นสายรุ้งพุ่งเข้าไปในป่าทึบ
ซูหมิงมองไปอย่างเย็นชา ก่อนละสายตากลับมามองชายชราที่กำลังแผดเสียงร้องพุ่งเข้ามา ทั่วร่างอีกฝ่ายแผ่ระลอกคลื่นไม่เสถียร ดวงตาสองข้างแดงฉาน กลิ่น เน่าเหม็นทั่วร่างโชยมาอย่างไม่ปิดบัง ดูจากลักษณะคลุ้มคลั่งของเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่าจะระเบิดตัวเองเพื่อรั้งซูหมิงเอาไว้
ซูหมิงยกมือขวาขึ้น เรียกน้ำเต้าอันหนึ่งขึ้นมาในมือ น้ำเต้ามีแสงห้าสีวนเวียน จากนั้นเขาก็ใช้มือซ้ายลูบไป
“เชิญน้ำเต้าล้ำค่าสังหาร!” สิ้นคำพูด บนน้ำเต้าพลันปรากฏดวงตาดวงหนึ่ง เมื่อกะพริบตาทีหนึ่งแล้วจึงมีคนตัวเล็กถือกริชคมบินออกมาจากในปากน้ำเต้า และกลายเป็นแสงสายหนึ่งไล่ตามชาวเผ่าขวางสวรรค์ที่กำลังหนีไป
ขณะเดียวกันชายชราก็เข้าประชิดซูหมิง ร่างกายเขาพองบวมอย่างน่าประหลาด เสียงโครมดังมาจากในร่างกาย เขาเลือกระเบิดตัวเองจริงๆ เมื่อร่างระเบิดออกแล้วก็กลายเป็นคลื่นทำลายล้างกระจายออกรอบด้านอย่างรวดเร็ว แผ่นดินสั่นสะเทือน ท้องฟ้าเกิดเสียงเลื่อนลั่น นี่คือการระเบิดตัวของเจ้าปกครองโลกตอนปลาย หากพลังการระเบิดกระจายออกจะสามารถทำลายดวงดวงนี้ได้ แต่ไม่รู้ว่าชายชราใช้วิธีใด ทำให้แรงระเบิดทั้งหมดถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่หนึ่ง ดังนั้นแล้ว ตอนที่พื้นที่นี้พังพินาศจึงเปลี่ยนเป็นหลุมดำนิรันดร์กลางฟ้าดิน
หลุมดำนี้มีผลเสียต่อดาวดวงนี้อย่างมาก แต่เพราะแรงระเบิดถูกจำกัดเอาไว้ จึงไม่ทำให้ดาวดวงนี้แตกเป็นเสี่ยงๆ
ฟ้าดินถอดสี เมฆลมเคลื่อนตัว พลังทำลายล้างจะฝังกลบซูหมิงเต็มทีแล้ว ศีรษะชายชราคนนั้นก็หายไปทีละน้อย ก่อนตายเขายังยิ้มเยาะมุมปาก
แม้แต่ชาวเผ่าขวางสวรรค์ที่กำลังหนีอยู่บนพื้นยังเงยหน้าขึ้นกันไม่น้อย ตอนที่เห็นแรงระเบิดตัวเองบนฟ้า นัยน์ตาพวกเขาเผยความแค้น
ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ เขาไม่กลัวศัตรูระเบิดตัวเอง แทบเป็นช่วงที่แรงระเบิดทำลายลุกลามมาถึงตัว เขายกมือขวาขึ้นวาดเป็นวงกลมตรงหน้า
“ระหว่างอดีตและอนาคต คือปัจจุบัน” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ โบกมือขวาพร้อมกับใช้วิชาพรสวรรค์ของเผ่ายมโลกทันที หลังจากขั้นพลังสูงขึ้น เขาก็ชำนาญวิชาพรสวรรค์ของเผ่าตนมากขึ้นไปอีก
สิ่งที่เขาเปลี่ยนไม่ใช่ชายชราที่ตายไปแล้ว แต่เป็นฟ้าดินในระยะสามจั้งรอบตัว ฟ้าดินตรงนี้ที่กำลังพังพินาศจากแรงทำลายล้างอย่างต่อเนื่องถูกพรสวรรค์ของซูหมิงย้อนกลับ ทำให้มันยังคงอยู่ท่ามกลางการไหลเวียนของเวลาในอดีต ครู่ต่อมาตอนที่ระลอกคลื่นหายไป สิ่งที่ปรากฏอยู่ในสายตาชาวเผ่าขวางสวรรค์คือดวงตาเย็นชาของซูหมิงที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เลยบนฟ้า
แทบทันทีที่ชาวเผ่าขวางสวรรค์เหล่านั้นเห็นซูหมิง ก็เกิดเสียงร้องโหยหวนดังกังวานจากการสังหารของคนตัวเล็กในน้ำเต้าล้ำค่า ด้วยความเร็วของมัน พริบตาเดียวก็ตัดหัวคนไปสามคนแล้ว
ตอนที่เกิดเสียงร้องโหยหวน ชาวเผ่าขวางสวรรค์เหล่านั้นต่างหนีไปด้วยความเร็วยิ่งกว่าเดิม กายและใจตอนนี้สั่นสะท้านจนยากจะบรรยาย ในมุมมองพวกเขา ผู้บุกรุกครั้งนี้แกร่งเกินกว่าที่จินตนาการ
ฝนโลหิตตกลงมาจากบนฟ้า ซูหมิงยืนอยู่บนฟ้า มองชาวเผ่าขวางสวรรค์บนพื้นศีรษะกระเด็นขึ้นทีละคน สีหน้าเขาเย็นชา ไม่มีความสงสารใดๆ วันนี้เขามาที่นี่ก็เพื่อสังหารคน ต่อให้อีกฝ่ายเป็นผู้อ่อนแอ ต่อให้ขั้นพลังไม่มากพอจะต่อต้านตน ทว่า…หากจะโทษ ก็จงโทษที่พวกเขาเป็นชาวเผ่าขวางสวรรค์
หากจะโทษ ก็ต้องโทษผู้แข็งแกร่งในเผ่าพวกเขา ไม่ควรไปล่าสังหารอาจารย์ของเขาซูหมิง!
“ใครไม่ล่วงเกินข้า ข้าก็จะไม่ล่วงเกินคนนั้น…ถึงพวกเจ้าจะไม่ได้ล่วงเกินข้า แต่หากข้ารู้ชัดว่ามีคนล่าสังหารอาจารย์ข้าแล้วข้าไม่ทำอะไรเลย เช่นนั้นแซ่ซูยังจะเรียกว่าเป็นศิษย์ได้อีกหรือ
“เผ่าขวางสวรรค์ ข้าจะให้พวกเจ้าต้องชดใช้” ขณะซูหมิงกล่าวพึมพำ การสังหารบนพื้นดินก็มาถึงฉากจบ ชาวเผ่าขวางสวรรค์ทั้งหมดมีเพียงสี่คนที่เร็วที่สุด พวกเขาหนีเข้าไปในป่าทึบท่ามกลางเสียงกรีดร้องกังวาน นัยน์ตาน้ำเต้าล้ำค่าขยับประกาย มันเงยหน้ามองซูหมิงแล้วทะยานกลับมา ก่อนจะหายเข้าไปในน้ำเต้าล้ำค่า
“ต้นกำเนิด…ไม่พอ…เติมเต็ม…สามารถใช้วิชาจิตขั้นสอง” หลังจากคนเล็กบินเข้าไปในน้ำเต้าแล้ว ก็มีเสียงหึ่งๆ จากในน้ำเต้าดังก้องในใจซูหมิง
เขาเก็บน้ำเต้ากลับไป แล้วบินลงมายังพื้นดิน เดินเข้าไปในป่าทึบ เขาจะสังหารชาวเผ่าขวางสวรรค์ให้หมดสิ้น สี่คนที่หนีไปย่อมไม่รอดพ้นจากความตาย
ทว่าทันทีที่ซูหมิงจะย่างเข้าไปในป่าทึบ เขาพลันขมวดคิ้ว พลังชีวิตที่เข้มข้นถึงขีดสุดพลันปะทุออกมาจากดาวแท้จริงดวงนี้ จากในพื้นดิน จากในทะเลไกลพ้น จากป่าทึบไร้ที่สิ้นสุด
พลังชีวิตเข้มข้นจนเกือบจะเป็นของจริง รวมขึ้นเป็นหมอกกลุ่มใหญ่ปกคลุมป่าทึบ หมอกนี้ไม่ได้กระจายออก แต่วนเวียนรอบๆ และรวมขึ้นเป็นปราการหนึ่งชั้น ความแกร่งของปราการป้องกันนี้ เขาใช้เพียงความรู้สึกก็คาดเดาได้ว่าต้องใช้พลังระดับภัยพิบัติตะวันถึงจะทำลายลงได้
‘สมกับเป็นหนึ่งในสี่เผ่าใหญ่ เพียงปราการป้องกันของดาวก็แกร่งเช่นนี้แล้ว ดูท่าชาวเผ่าขวางสวรรค์กลุ่มเมื่อครู่นี้คงจะประมาท มิเช่นนั้นหากหดหัวอยู่ในนี้ ข้าก็คงจะลำบากไม่น้อย’ ซูหมิงกวาดสายตามองหมอกในป่าทึบ
‘ทั้งดาวกำลังต่อต้านข้าอยู่ ชาวเผ่าขวางสวรรค์ได้รับการยอมรับจากดาวนี้แล้ว การสังหารพวกเขาก็เท่ากับต่อต้านดาวดวงนี้
วิชาของชายชราเมื่อครู่ก็เป็นเช่นนี้ นั่นคือพลังจากการรวมดวงชะตาหลังได้รับการยอมรับจากดาวนี้แล้ว’ ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนยกยิ้มมุมปากเย็นชา
เขายกเท้าขวากระทืบพื้นป่าทึบด้านล่าง ตัวเขาพลันจมลงไป เมื่อปะทะกับหมอกนั้นแล้ว ขั้นพลังในร่างกายซูหมิงปะทุขึ้น ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น เขาบีบตัวเองเข้าไปอยู่ในหมอกจนกระทั่งเหยียบไปบนพื้นป่าทึบ
หมอกโดยรอบหนาเหมือนอยู่ในทะเล ราวกับว่าแม้แต่ขยับตัวก็ยังถูกเส้นนับไม่ถ้วนโอบล้อม ทำให้ยากจะขยับเดิน หญ้าเขียวบนพื้นพันขาซูหมิงเอาไว้แน่น ต้นไม้รอบๆ ก็โอนเอนจนบดบังสายตา ท้องฟ้าอึมครึม พื้นดินสั่นไหวอย่างไร้กฎเกณฑ์ น้ำทะเลส่งเสียงคำรามโกรธกริ้ว กระทั่งอากาศที่ใช้หายใจยังพลันน้อยลงมาก ทุกอย่างเหล่านี้เกิดจากการที่ดาวดวงนี้ต่อต้านซูหมิง
หากดาวดวงนี้มีสติปัญญา หากมันเป็นคน เช่นนั้นก็คงรังเกียจซูหมิงเกินกว่าระดับสูงสุดไปแล้ว
“ในเมื่อไม่ชอบแซ่ซู เช่นนั้นเจ้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ต่อไป” ซูหมิงรู้สึกถึงแรงต่อต้านจากดาวดวงนี้ที่รังเกียจตน เขายิ้มเยาะพลางยกมือขวาขึ้นเนิบๆ แล้วกดลงบนพื้นดิน ระหว่างที่หลับตาลง มีควันสีแดงหลายเส้นลอยขึ้นจากนิ้วชี้มือขวา
ควันแดงเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนรวมออกเป็นแหวนวงหนึ่ง ครู่ต่อมาก็กลายเป็นแหวนสีแดงวงหนึ่งตรงนิ้วชี้มือขวา!
แหวนมีสีแดงเลือด เปล่งแสงพิลึกพิลั่น พริบตาที่ปรากฏบนนิ้วมือเขาก็มีพลังคำสาปเข้มข้นปะทุออกมา ไหลผ่านมือขวาซูหมิง ทะลักลงสู่พื้นดินอย่างรวดเร็ว
แหวนนี้คือสมบัติล้ำค่าของเขา เป็นวัตถุต้นกำเนิดของวิชาคำสาป
ในเมื่อดาวดวงนี้ต่อต้านเขา เช่นนั้นเขาก็จะใช้คำสาปสาปดาวดวงนี้…ให้มันสูญสิ้นไป
หากดาวตายลง เช่นนั้นจะไม่มีพลังชีวิตเข้มข้นอีก หากไม่มีพลังชีวิต ก็จะไม่มีการคุ้มกันอีก กระทั่งเขายังมีอีกความคิดหนึ่ง เขาอยากรู้ว่าในเมื่อดาวนี้มีจิตวิญญาณ เช่นนั้นตอนที่พลังชีวิตเกือบแห้งเหี่ยว มันจะ…สูบพลังชีวิตของชาวเผ่าขวางสวรรค์เหล่านั้นของตัวเองมาเติมเต็มหรือไม่
ซูหมิงยิ้มน้อยๆ ระหว่างนัยน์ตาเป็นประกายเย็นชา ก็มีพลังคำสาปกระจายออกมาจากมือขวา แผ่ลุกลามเข้าไปในพื้นดินไม่หยุดหย่อน พื้นดินสั่นไหว ต้นไม้โยกไหวประดุจร้องคำราม ทะเลส่งเสียงคลื่น บนฟ้าเกิดเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงปร้าง
“ข้าขอสาป…ให้แผ่นดินพังพินาศ!” ขณะซูหมิงกล่าว แหวนแดงตรงนิ้วชี้พลันขยับแสงวูบวาบดุจดวงตาสีแดง ทำให้หน้าดินที่เขากดมืออยู่เกิดรอยร้าวหลายเส้น ลุกลามออกไปไม่หยุด พริบตาเดียวก็กระจายไปรอบแปดทิศ
“ข้าขอสาป…ให้ต้นไม้แห้งเหี่ยว!” ซูหมิงเอ่ยเรียบๆ ต้นไม้โดยรอบต่างแห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว เสียงโหยหวนที่เงียบเชียบแต่เขารู้สึกได้ดังกึกก้อง
“ข้าขอสาป…ให้ทะเลเหือดแห้ง หินผาแตกละเอียด!”
“ข้าขอสาป…ให้พลังชีวิตหายไป!” ซูหมิงยกมือขวากดบนพื้นดิน ดาวดวงนี้ก็เกิดเสียงโครมครามขึ้น แรงสั่นสะเทือนรุนแรงส่งย้อนกลับมาพร้อมกันจากในพื้นดิน จากบนฟ้า จากในป่าทึบและทะเล
เหมือนอยากจะขับไล่คำสาปนี้ อยากจะส่งเข้าไปในตัวซูหมิง ให้คำสาปย้อนไปกัดกินเขา
ซูหมิงยิ้มเยาะ เขายกมือขวาขึ้นคว้าหญ้าแห้งเหี่ยวใต้เท้า จากนั้นใช้สองมือผูกหญ้าเป็นปมอย่างรวดเร็ว เพียงสิบลมหายใจก็ถักขึ้นเป็นหญ้าแห้งทรงกลม ในสายตาเขา ลูกกลมนี้ก็คือดาวแท้จริงดวงนี้
เขากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตลงบนลูกหญ้า ก่อนใช้มือขวาถือมันกดลงพื้นอีกครั้ง
“ข้าขอสาป…ให้ดาวดวงนี้…สูญสิ้นไป!” น้ำเสียงซูหมิงเรียบนิ่ง ทว่าทันทีที่ เสียงดังไป หากมองดาวขอบสวรรค์ของเผ่าขวางสวรรค์จากกลางฟ้ากระจ่างดาว จะเห็นชัดเจนว่าดาวสีเขียวดวงนี้กำลังเปลี่ยนเป็นสีเทาด้วยความเร็วระดับสายตา ระหว่างที่สีเทาลุกลามไป แผ่นดินก็เกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน ต้นไม้แห้งเหี่ยวพร้อมกัน น้ำทะเลและไอน้ำระเหยขึ้น เปลี่ยนเป็นสายฝนสีดำตกลงสู่พื้นดิน
ดาวแท้จริงที่มีพลังชีวิตเปี่ยมล้น เพียงพริบตาเดียวกลับเสื่อมโทรมประหนึ่งตายไปแล้ว!
“ข้าขอสาป…ให้ท้องฟ้าดาวดวงนี้ จงมืดสลัวนับจากนี้ไป!” ซูหมิงเงยหน้าขึ้นในป่าทึบที่แห้งเหี่ยว