Skip to content

สู่วิถีอสุรา 960

ตอนที่ 960 เลื่อมใส

ณ ส่วนลึกทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ด้านนอกดาวสามดวงที่เชื่อมเข้าด้วยกันตามกาลเวลาเพราะสาเหตุบางอย่างซึ่งไม่มีใครรู้ พวกเสวียนซางผู้ฝึกฌานสี่คนกำลังเดินหน้าอย่างระมัดระวัง พวกเขามีสีหน้าตื่นตัวอย่างยิ่ง สายตาพิจารณามองไปรอบๆ ตลอด

“ข้ารู้สึกว่ามันแปลกๆ ฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้มีกลิ่นอายเหี้ยมโหดอยู่…” อวิ๋นโหยว หนึ่งในสี่คนกล่าวเสียงเบา

“บางทีอาจเกิดจากเจ้าคนน่ากลัวสองคนนั้นสู้กันก่อนหน้านี้ก็ได้…”

“เบาเสียงหน่อย ตามบันทึกแผนที่ในดาวเชื่อมประสานนี้ ด้านบนมีสัตว์มารเพลิงอยู่ ปกติมันจะนอน ขอเพียงไม่รบกวนพวกมันเราก็จะปลอดภัย”

สี่คนนี้พากันเงียบ ก่อนเข้าไปใกล้ดาวเชื่อมประสานด้วยความตึงเครียดช้าๆ เห็นได้ชัดว่าการกระทำพวกเขามีเป้าหมายคือวัตถุบางอย่างในดาวนี้ มิเช่นนั้นแล้วคงอ้อมไป

“แผนที่มั่นใจได้หรือ ที่นี่มีสัตว์มารเพลิงจริงๆ รึ?”

“น่าจะไม่ผิด ระหว่างทางพวกเราก็เห็นแล้ว ตอนนี้ขอแค่ได้โลหิตสัตว์เพลิงจากที่นี่มา ก็จะผ่านเส้นทางตะวันของเผ่าธุลีแผดเผาได้”

สี่คนนี้กำลังคุยกันเสียงเบา ทันทีที่เข้าไปใกล้ดาวเชื่อมประสาน ทันใดนั้นก็มีเสียงคำรามแหลมดังมาจากในดาว เสียงนี้มาพร้อมกับความรู้สึกเหี้ยมโหดและร้อนแผดเผา ทำให้สี่คนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ก่อนจะถอยร่นไปอย่างรวดเร็วและไม่ลังเล ทั้งยังใช้อภินิหารอย่างว่องไว ในใจตึงเครียดเตรียมตัวกับศึกครั้งใหญ่ไว้อยู่แล้ว

ทว่าเหตุการณ์ต่อมากลับทำให้ความคิดจะต่อสู้ของสี่คนหายไปทั้งหมด ทุกคนต่างมีสีหน้าตื่นกลัวพร้อมใช้ความเร็วเกือบเท่ากับตอนหลบซูหมิงก่อนหน้านี้พ่นเลือดออกมา แล้วกลายเป็นโลหิตรีบออกไปจากที่นี่ทันที

เพราะพวกเขาเห็นว่า…

ภายในดาวเชื่อมประสาน ตอนนี้มีเงาสีแดงกลุ่มหนึ่งกำลังร้องคำรามพลางพุ่งออกมา ภายในเงาโลหิตเป็นสัตว์ร้ายคล้ายหมาป่า พวกมันมาเป็นกลุ่มราวแสนกว่าตัว ต่างพุ่งออกมาพร้อมกัน ภาพนี้มากพอจะสร้างความตื่นตกใจแก่ผู้พบเห็นทุกคน

อีกทั้งด้านหลังพวกมันยังมีสิ่งมีชีวิตลักษณะคนอีกหลายหมื่น ทั่วร่างพวกเขาอาบไปด้วยเปลวเพลิง ภายในเปลวเพลิงก็เป็นคนจริงๆ ทว่าคนเหล่านี้มีดวงตาสีเทา ไม่มีเค้าลางของชีวิต แต่ก็ไม่มีกลิ่นอายมรณะ

พวกเขาบางคนมีปีก บางคนเป็นผู้ฝึกฌาน และก็มีคนจากชนเผ่าประหลาด ต้นกำเนิดจิต พวกเขาล้วนถูกสัตว์ร้ายในดาวเชื่อมประสานสังหารรวมแล้วไม่รู้กี่ปี ร่างกายถูกมารเพลิงยึดร่างเอาไว้

ผู้ฝึกฌานสี่คนเห็นภาพนี้ก็ขนหัวลุก เงามืดมรณะปกคลุมจิตใจอย่างชัดเจน ถึงพวกเขาจะใช้การล่องหนโลหิตหนีไป แต่รอยยิ้มปวดร้าวก็ยังเผยบนใบหน้า กระทั่งพวกเขายังไม่ทันเสียใจก็เตรียมระเบิดตัวเองตายแล้ว

แม้ว่าต้องตาย พวกเขาก็ไม่อยากกลายเป็นหุ่นเชิด และถูกมารเพลิงยึดร่าง

เพียงแต่หมาป่าเพลิงแสนกว่าตัวกับหุ่นเชิดที่ถูกมารเพลิงหมื่นตัวยึดร่าง ซ้ำยังมาพร้อมกับเปลวเพลิงเหลือล้นนั้น กลับไม่มองสี่คนนี้แม้แต่หางตา แต่ร้องคำรามพลางห้อเหยียดไปยังทางหนึ่งพร้อมกันอย่างเสียสติ

ผู้ฝึกฌานสี่คนนั้นอยู่ข้างๆ กลุ่มสัตว์ร้าย สายตามองพวกมันวิ่งไกลออกไปโดยไม่สนใจพวกเขา จนกระทั่งสัตว์ร้ายทั้งหมดวิ่งไปไกลแล้ว พวกเขาก็ตะลึงค้างอยู่อย่างนั้น

สี่คนมองหน้ากันและกัน ต่างฝ่ายต่างเบิกตากว้างอ้าปากค้าง

“เกิดอะไรขึ้น…” สี่คนเงียบไปพักหนึ่ง เสวียนซางก็เอ่ยพึมพำเบาๆ

“หรือว่าจะมีสมบัติล้ำค่าถือกำเนิด?!” ผู้ฝึกฌานนามอวิ๋นโหยวกล่าวขึ้นทันที นัยน์ตาเปล่งประกาย

“น่าจะเป็นอย่างนั้น มิเช่นนั้นแล้วมารเพลิงกลุ่มนี้ไม่มีทางเมินเฉยพวกเราแน่”

“ถูก ดูจากท่าทางพวกมันแล้ว น่าจะกำลังรีบมาก…ถึงกับทุ่มกำลังออกไปเชียว!” สี่คนมองกันและกัน ต่างเห็นความตื่นเต้นในแววตาอีกฝ่าย

นัยน์ตาพวกเขาวาววับ ก่อนจะกลายเป็นสายรุ้งสี่สายพุ่งเข้าไปในดาวเชื่อมประสานทันที ครู่ต่อมาตอนที่พวกเขาบินออกมาก็ต่างมีสีหน้าตื่นเต้น เห็นได้ว่าก่อนหน้านี้คงนึกไม่ถึงว่าการเดินทางครั้งนี้จะราบรื่นเช่นนี้

พวกเขาได้โลหิตที่ต้องการในดาวเชื่อมประสานมาแล้ว ถึงจะไม่ใช่โลหิตสด แต่ก็มีมากพอ

เวลานี้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาคือทางเลือก จะไปยังเผ่าธุลีแผดเผาหรือ…ตามร่างของกลุ่มมารเพลิงไป ไปดูว่าเป็นสมบัติล้ำค่าใดกันแน่ ทว่าอย่างหลังจะมีอันตราย

แต่ผู้ฝึกฌานในจักรวาลนี้ เดิมทีเติบโตอยู่ท่ามกลางอันตรายทุกรูปแบบอยู่แล้ว สี่คนนี้คุยกันเสียงเบาอยู่ชั่วขณะ จากนั้นจึงตัดสินใจ

พวกเขากลายเป็นสายรุ้งยาวมุ่งหน้าไปยังกลุ่มมารเพลิงด้วยความเร็วสูงสุด พวกเขาอยากรู้ว่าเป็นสมบัติใดกันแน่ หากมีโอกาสได้มาจะดีที่สุด หากไม่มีโอกาสก็แค่หลบให้ดีกว่าตอนนี้

ถึงอย่างไรพวกเขาก็ได้โลหิตของมารเพลิงมาแล้ว จึงทำอะไรได้อย่างอิสระ หากมีอันตรายก็ไม่ต้องกังวลอะไร แต่หนีด้วยความเร็วสูงสุดก็พอ กระทั่งพวกเขายังปรึกษากันดีแล้วว่าหากต่างฝ่ายต่างแยกกันจะไปรวมกันที่ใด

สี่คนนี้ห้อทะยานตามร่องรอยของมารเพลิงไปด้วยความเร็วทั้งหมด ราวหนึ่งชั่วยามกว่าต่อมา พวกเขาสี่คนหยุดชะงัก อาการเบิกตากว้างอ้าปากค้างที่เกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่งในวันนี้ ตอนนี้เกิดขึ้นอีกครั้ง

พวกเขาได้ยินเสียงคำรามสุดจะบรรยาย นั่นคือฝูงสัตว์ร้ายมากกว่าเจ็ดแสนตัว พวกมันร้องคำรามเสียงดังสนั่นฟ้าพร้อมกัน และยังเห็นอีกว่าฟ้ากระจ่างดาวที่อยู่ไกลออกไปกลายเป็นทะเลกว้างใหญ่

ทะเลกว้างใหญ่ที่รวมขึ้นจากสัตว์ร้าย สัตว์ร้ายชนิดต่างๆ ปกคลุมพื้นที่ฟ้ากระจ่างดาวทั้งหมด ในนั้นมีมารเพลิง กระทั่งส่วนใหญ่ในนั้นพวกเขาสี่คนยังไม่รู้จัก ทว่าพลังและแรงกดดันจากสัตว์ร้ายเหล่านี้รวมถึงความรู้สึกดุร้ายทำให้พวกเขาสี่คนหวาดกลัวจนใจสั่น

มองไปไม่เห็นสุดปลายของสัตว์ร้ายกลุ่มนี้ เห็นเพียงตรงหน้าของฝูงที่ถูกพวกมันไล่ตามอย่างบ้าคลั่ง…คือกระเรียนขนร่วงตัวหนึ่ง และยังมีสุนัขตัวใหญ่ลิ้นห้อยที่กำลังหนีอย่างไม่คิดชีวิต

ผู้ฝึกฌานสี่คนนี้อดตาค้างอ้าปากกว้างมองกระเรียนขนร่วงผู้โดดเด่นสะดุดตาอย่างอึ้งๆ มิได้ มันส่ายก้นไปมา และทำท่าทางอวดรูปร่างเพื่อล่อฝูงสัตว์ร้าย

“เกิดอาการกำหนัดรึ?” หนึ่งในผู้ฝึกฌานสี่คนกล่าวขึ้นโดยจิตใต้สำนึก

ต่อมา พวกเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนของกระเรียนขนร่วงแว่วมาไกลๆ

“ย่ากระเรียนเจ้าเถอะ มาๆ มาล่าสังหารข้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ตาย ข้าไร้คู่ต่อกร ข้าคือกระเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใต้หล้า!” กระเรียนขนร่วงกำลังหวาดกลัวอย่างสุดขีด มันเสียสติไปแล้ว มีแต่ต้องตะโกนเสียงดังไม่หยุดเท่านั้นมันถึงจะไม่ตกใจกลัวจนร่างกายอ่อนเปลี้ย

“ข้าไปมาทุกแห่งหน เจออะไรมาหมดแล้ว พวกเจ้าเป็นแค่นกตัวหนึ่งเท่านั้น ข้าต่างหากคือนก…มาเถอะ ตามข้ามา ให้ฝูงสัตว์มากกว่านี้อีกเถอะ ข้าจะสังหารนกอย่างพวกเจ้าเอง!” กระเรียนขนร่วงร้องตะโกนพลางออกแรงส่ายก้น มันบินเร็วขึ้นอีก ฝูงสัตว์ข้างหลังทำให้มันรู้สึกว่าหากมันผ่อนคลายลงก็จะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

‘ย่าเจ้าเถอะ เหตุใดก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่รู้ว่าข้าเร็วขนาดนี้?’

ขณะห้อเหยียดอยู่ ไม่ใช่ครั้งแรกที่มังกรยมโลกเกิดข้อสงสัยนี้ขึ้น มันไม่รู้ว่าความเร็วของมันกับกระเรียนขนร่วงเกิดจากการที่ในตัวกระเรียนขนร่วงมีจิตสัมผัสของซูหมิงอยู่ จิตสัมผัสนี้วนเวียนไปรอบๆ ไม่หยุด และนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ซูหมิง กล้าให้พวกมันไปล่อสัตว์ร้าย

ความเหนื่อยล้าของพวกมันถูกซูหมิงกับชื่อหั่วโหวช่วยสลายให้มากกว่าครึ่ง มิเช่นนั้นแล้ว กระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกคงถูกไล่ตามทันนานแล้ว

“มีเท่าไรแล้ว รายงานท่านกระเรียนผู้นี้มา” กระเรียนขนร่วงร้องตะโกนเสียงดังขณะหนีฝูงสัตว์ร้ายข้างหลัง

“เจ็ดแปดแสนแล้ว ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี!” มังกรยมโลกตะโกนลั่น

“สมควรตาย สมควรตาย….” กระเรียนขนร่วงต้องวุ่นอีกครั้ง มันไม่กล้าหันไปมอง มันกลัวว่าถ้าเห็นแล้วจะตกใจกลัวจนหมดสติไป

“เจ้าว่าหินผลึกของหนึ่งชนเผ่าจะมีเท่าไร?” กระเรียนขนร่วงถามขึ้นเร็วๆ ขณะกำลังวุ่นอยู่

“อย่างน้อยก็ต้องมีสามสิบถึงห้าสิบล้าน…” มังกรยมโลกหันไปมองฝูงสัตว์ข้างหลังแวบหนึ่ง ในใจนึกเสียใจที่ตอบตกลงซูหมิง ในมุมมองมัน นี่เหมือนการเล่นกับชีวิต หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อยก็จะถูกแขวนคออยู่ที่นี่

“ย่ากระเรียนเจ้าเถอะ!” กระเรียนขนร่วงได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นทันควัน ความว้าวุ่นในใจหายไปโดยพลัน นัยน์ตาถูกประกายแสงจากหินผลึกเข้ามาแทนที่ทั้งหมด

“ตอนนี้ข้าทำสำเร็จไปเก้าส่วนแล้ว ขาดอีกส่วนเดียวก็จะได้สามสิบถึงห้าสิบล้านหินผลึก จะยอมไม่ได้ ท่านกระเรียนผู้นี้จะเสียหินผลึกสามสิบถึงห้าสิบล้านไปไม่ได้ ข้าจะทำทุกอย่าง! มังกรยมโลก เส้นเอ็นมังกรที่เจ้าหวังจะได้ขาดหายไปหนึ่งท่อนรึ? ย่ากระเรียนเจ้าเอ๊ย เส้นเอ็นมังกรที่หายไปหนึ่งท่อนนั่นคืออะไร นั่นก็คือเข็มขัดไง!”

“เส้นเอ็นของเจ้าต่างหากคือเข็มขัด!” มังกรยมโลกได้ยินดังนั้นก็ตะโกนด้วยความโกรธทันที

“ข้าต้องการหินผลึกสามสิบถึงห้าสิบล้านนั่น!” กระเรียนขนร่วงตะโกนด้วยความโกรธเช่นกัน

“ข้าไม่ต้องการเข็มขัด!” มังกรยมโลกก็ตะโกนเช่นกัน คู่หูสองคนต่างมองกันและกัน แล้วต่างทะยานไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง เปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปล่อสัตว์ร้ายที่มากกว่านี้

ด้านหลังพวกมันเต็มไปด้วยทะเลสัตว์ดุร้าย ฟ้ากระจ่างดาวสั่นสะเทือนเหมือนกับมีพายุคลั่งถาโถมใส่ทะเลดารา จนกระทั่งพวกมันบินไกลออกไป ผู้ฝึกฌานสี่คนนั้นต่างเหม่อมองภาพนี้จากไกลๆ พวกเขาได้ยินคำพูดของกระเรียนขนร่วงเบาๆ แต่กลับไม่รู้รายละเอียดใดๆ สายตาที่มองกระเรียนขนร่วงมีความหวาดกลัวและตื่นตกใจอยู่

“กระเรียนตัวนี้จะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งมากในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตแน่!”

“อืม มันต้องทำเรื่องใดบางอย่างที่ทำให้กลุ่มสัตว์ร้ายรับไม่ได้แน่ ถึงได้ถูกล่าสังหารเป็นกลุ่มแบบนี้…”

“สุนัขยักษ์ตัวนั่นน่าสงสารนัก เดาว่าคงถูกดึงมาพัวพันด้วย…”

“แต่ข้าดูจากท่าทางพวกมันแล้ว เหมือนจะไม่ค่อยยินยอมสักเท่าไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม พวกมันจะต้องเป็นสัตว์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตอย่างแน่นอน”

“รอข้ามีขั้นพลังสูงพอก่อน ข้าจะต้องจับสัตว์แบบนี้มาสักตัวหนึ่ง!” สี่คนมองหน้ากัน ต่างก็เห็นถึงความเลื่อมใสจากอีกฝ่าย ตรงส่วนลึกในใจเลื่อมใสกระเรียนขนร่วงยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าในสายตาพวกเขา กระเรียนตัวหนึ่งที่ทำให้สัตว์ร้ายหนึ่งล้านตัวตามล่าสังหารได้คือเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง

ไม่ผิด สัตว์ร้ายด้านหลังกระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกเกินหนึ่งล้านตัวแล้ว เพียงแต่กระเรียนขนร่วงไม่กล้าหันไปมองจึงไม่รู้ ส่วนมังกรยมโลก ด้านการคำนวณของมันมีข้อบกพร่องมาแต่กำเนิดแล้ว….

ข้อบกพร่องนี้แม้แต่ซูหมิงก็ยังไม่รู้ เขาในตอนนี้มีเหงื่อซึมบนใบหน้า ชื่อหั่วโหวข้างๆ ก็หน้าซีดขาว พวกเขาลงมืออย่างสุดกำลังถึงช่วยให้กระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกรักษาความเร็วระดับนี้ไว้ได้ แต่ตอนนี้…เห็นๆ อยู่ว่าถึงล้านตัวแล้ว แต่พวกมันกลับยังคงล่อต่อไป…

“บัดซบ มันคิดจะทำอะไร!” ซูหมิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงโมโห

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!