บทที่ 181 ข้าคอยเจ้ามานานเต็มทีแล้ว! (ต้น)
เยี่ยฉวนมองไปที่คนซึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศ บุรุษในชุดสีดำคล้องด้วยเชือกสีม่วงไขว้กันในลักษณะรวงข้าวมัดรวบไว้ด้วยหินหยกขาว หน้าตาคมสันแต่ไม่ถึงกับหล่อ นัยน์ตาคมวาววับทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
เขายังคงลอยตัวนิ่งอยู่ในอากาศขณะเดียวกันสายตามองเขม็งมาที่เยี่ยฉวนเบื้องล่าง แววตาเป็นประกายปราศจากร่องรอยหวาดวิตก
เยี่ยฉวนเบนสายตาจากคนตรงหน้าไปถามโม่อวิ๋นฉี “เป็นยังไงบ้าง?” อีกฝ่ายค่อยพยุงกายขึ้นยืน ที่บริเวณมุมปากยังปรากฏคราบโลหิตเล็กน้อย ตอบมาว่า “ข้าประมาทเอง”
เยี่ยฉวนพยักหน้า บอกว่า “ถ้างั้น เจ้าหยุดพักก่อน” โม่อวิ๋นฉีรีบพูดสำทับมาว่า “ระวังตัวด้วย! ไอ้คนนี้เป็นยอดฝีมือแท้จริง!”
จากนั้นเยี่ยฉวนหันไปมองคนที่อยู่บนนอากาศอีกครั้ง “ลงมาไหม?”
โดยไม่เสียเวลา เขาทะยานลงจากบนอากาศรวดเร็ว ความรวดเร็วดุจพายุพุ่งปะทะเยี่ยฉวน พลังรุนแรงราวกับภูเขาทั้งลูกถล่มก็ปาน จนเกิดความรู้สึกกระวนกระวายยากจะบรรยาย!
“ยอดยุทธ์!” เยี่ยฉวนเริ่มเล็งเห็นความเสียเปรียบของตน ด้วยรู้ตัวแล้วว่าสูญเสียโอกาสในการเป็นฝ่ายลงมือ อันที่จริงตำแหน่งที่เขายืนอยู่ตอนนี้ทำให้เสียเปรียบอยู่แล้ว!
แต่ชายหนุ่มไม่เคยคิดถอย!
เมื่อใดก็ตามที่คนสองคนเกิดการปะทะฝีมือ โดยเฉพาะถ้าเป็นระดับยอดยุทธ์ด้วยกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายจะสำแดงพลังเคลื่อนไหวของตนให้อีกฝ่ายได้ประจักษ์ และผู้ที่ด้อยกว่าจะเป็นฝ่ายปราชัย!
และในเวลานี้ เยี่ยฉวนจะไม่ยอมเป็นฝ่ายปราชัยเด็ดขาด!
ชายหนุ่มปิดเปลือกตาลง
ปัง!
พลังรุนแรงทว่าที่มองไม่เห็นสามารถมองด้วยตา ระเบิดจากกายรอบทิศทาง!
แรงผลักแห่งกระบี่!
พลังกระบี่ผสานแรงผลักดันระเบิดออกต้านทานพลังผลักดันซึ่งพุ่งตรงจากเหนือศีรษะของเยี่ยฉวน ถึงกระนั้นชายในชุดดำหาได้ยุติลงทันที ตรงกันข้ามร่างคนยังทะยานเข้าหาเยี่ยฉวนด้วยความเร็วทะลุพิกัด!
เมื่อคนทะยานในอากาศเข้ามาใกล้จนระยะห่างราวครึ่งจั้งเหนือศีรษะขึ้นไป ชายหนุ่มจึงกระทืบเท้าลงบนพื้นดินอย่างแรง
ปัง!
พลังครอบงำที่เหนือกว่า รุนแรงกว่า หลากทะลักออกทางปลายเท้าราวหินหลอมละลายปะทะปากปล่องภูเขาไฟก็ปาน พลังรุนแรงสุดขั้วนั้นก่อให้เกิดรอยพื้นดินปริแตกจนพื้นผิวโลกใต้ฝ่าเท้าของเยี่ยฉวนเปิดออก
ขณะเดียวกัน กระบี่หลิงซิ่วในมือเริ่มเคลื่อนไหว!
หึ่ม!
เสียงคำรามแห่งกระบี่กระหึ่มดังสะท้านนภาอากาศ ขณะลำแสงแห่งกระบี่ทะยานสู่เวหา!
พลันบรรยากาศโดยรอบ กลับเงียบกริบลงกระทันหัน
เปรี้ยง!
เสียงพื้นพสุธาสะเทือนเลื่อนลั่นดังสนั่นทั่วทั้งลาน วินาทีถัดมา ระลอกคลื่นแห่งพลังกระเพื่อมมาในอากาศราวกับกระแสคลื่นถาโถม!
ขณะเดียวกันร่างของคนทั้งสองที่อยู่ท่ามกลางกระแสพลัง ถึงผงะถอยหลังต่อเนื่องไปคนละหลายก้าว
……ส่งให้คนซึ่งอยู่คนละฟาก แยกห่างออกจากกันไกลหลายจั้ง!
โม่อวิ๋นฉีหาใช่คนดูดาย เมื่อเห็นว่าเยี่ยฉวนกำลังต่อสู้พันตูกับชายในชุดดำ เขารีบผุดลุกขึ้นและโผทะยานขึ้นสู่อากาศตรงไปทางเยี่ยหลิงโดยไม่รอช้า ทว่าเมื่อเข้าใกล้ร่างของเด็กน้อย สีหน้าของโม่อวิ๋นฉีพลันเปลี่ยนแปลงกระทันหัน
โม่อวิ๋นฉีพลิกกลับหลังกลางอากาศทันที เคราะห์ดีที่เขาเป็นคนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองว่องไว ด้วยลำแสงสว่างวาบผ่านใบหูเฉียดเพียงกระเบียดเดียว!
โม่อวิ๋นฉีชะงักกึก เขากวาดตามองไปรอบทิศทาง ทว่าไร้เงาผู้คน!
ใครบางคนแอบซุ่มจู่โจม!
เขานิ่วหน้าคิ้วขมวดมุ่น เพราะยังไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม แม้ว่าจะเข้าไปช่วยเยี่ยหลิงลงมาได้ แต่กลับยิ่งจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก ด้วยไม่อาจแน่ใจว่าจะสามารถพาเยี่ยหลิงหลบหนีออกไปได้ตลอดรอดฝั่ง!
เขานิ่งคิดครู่หนึ่งจากนั้นก็บ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด “ไอ้ไป๋เจ๋อ เจ้าบ้า ทำไมไม่รู้จักรีบมา? เวร… หรือว่ามันหลงทาง?!”
ด้านล่าง จังหวะนั้นเยี่ยฉวนและชายชุดดำหยุดชะงักในเวลาเดียวกัน ชายในชุดดำเขม็นตามองเยี่ยฉวน “ข่าวที่ได้ยินมา ไม่จริงเลยสักนิด เจ้าหาใช่เพียงเป็นยอดผู้ฝึกกระบี่เสียแล้ว”
เยี่ยฉวนแสยะยิ้ม “แปลกใจนักหรือไง?” อีกฝ่ายขยับจะพูด ทว่าเสียงของเยี่ยฉวนดังขัดจังหวะ ขณะเดียวกันคนพูดหายวับไปจากที่ “ข้าไม่ได้จะมานั่งเจรจากับเจ้าน่ะเว้ย!”
คำพูดนั้นจบลง คนปรากฏออกเบื้องหน้าชายชุดดำทันที ทันใดนั้นลำแสงเย็นวาบพุ่งตรงเข้ากึ่งกลางหว่างคิ้วของคนชุดดำ!
ชายในชุดดำหรี่ตาลง ขณะเดียวกันเขากดปลายเท้ากับพื้นเพียงแผ่วเบา ร่างคนหายวาบไป ขณะนั้นเอง เยี่ยฉวนยกกระบี่ตวัดฟาดลงไปอย่างดุดัน
ชั่วพริบตา ชายในชุดดำออกปรากฏกายทางเบื้องหลังของเยี่ยฉวน!
เขาจ้องเขม็งขณะรูม่านตาหดเล็ก เห็นได้อย่างชัดว่าเขาเองก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองอันฉับไวนั่น ทว่าด้วยไม่ประสงค์จะให้อีกฝ่ายตั้งตัวได้ จึงเร่งกดปลายเท้าสัมผัสที่พื้นดินเพียงนิดเดียว ส่งร่างคนลอยขึ้นสู่อากาศสูงหลายจั้ง!
แต่คนยังมิทันยั้งหยุด กระบี่บินโผล่ขึ้นขวางเบื้องหน้าปัจจุบันทันด่วน! ความว่องไวปานสายฟ้าเช่นนั้นจึงยากนักที่ชายชุดดำจะทันหลีกหลบ!
เช่นนั้นเขาจึงไม่คิดหาหนทางเลี่ยงหลบ แต่เหวี่ยงขาข้างขวาออกและตวัดฝ่าเท้าผลักขึ้นทันที ทำให้บังเกิดแรงลมปะทะดุเดือดราวสามารถฉีกสรรพสิ่งที่อยู่ใกล้ให้ย่อยยับฉับพลัน!
เหตุที่ชายในชุดดำเลือกที่จะใช้การกวาดขาออกต้านทานกระบี่ของเยี่ยฉวน ด้วยมั่นใจในพลังขาแห่งตนอย่างยิ่งยวด!
ทว่าในตอนนั้นกระบี่ของเยี่ยฉวนทะยานถึงตัวคนแล้ว!
ปัง!
พลันที่ท่อนขาปะทะกับพลังแห่งกระบี่ จนกระบี่ของเยี่ยฉวนสะท้านอย่างรุนแรง ทั้งแสงแห่งกระบี่กลับวูบวาบราวใกล้แตกทำลาย ทว่ายังมิทันไรแ มือของคนพลันเอื้อมคว้าด้ามกระบี่ฉวยจับจนแน่น!
เยี่ยฉวนกุมกระชับกระบี่หลิงซิ่วในอุ้งมือ ก่อนดันกระบี่พุ่งออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว! “หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!” เขาตัดสินใจเผยไม้ตายของตนในคราวนี้!
ครั้งใดที่เยี่ยฉวนมั่นใจว่าสามารถต้านทานศัตรูจนพ่ายแพ้ได้ เขาไม่รอช้าและใช้กระบี่เดียวปลิดชีวิตฝ่ายตรงข้ามนั้นเสียเพื่อตัดช่องโอกาสการถูกตอบโต้กลับคืนโดยเร็ว ทว่ามิใช่วันนี้ เพราะเขาไม่มั่นใจในการเอาชนะต่อศัตรู ณ จุดนี้จึงจำต้องใช้ไม้ตาย ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ เป็นตัวตัดสิน!
และจังหวะนี้นับว่าเหมาะที่สุดที่จะใช้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!’ ขณะที่เขาใช้ ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ ทำให้แรงผลักแห่งกระบี่ผสานเข้ากับกระบี่หลิงซิ่ว ทั้งยังกระตุ้นพลังขั้นสุดสุดในทันที!
แรงผลักแห่งกระบี่!
คลื่นพลังปะทะแห่งกระบี่ไม่อาจเทียบได้กับแรงผลักนี่แม้แต่น้อย!!!
เมื่อเห็นเยี่ยฉวนใช้พลัง ‘หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา’ พลันสีหน้าของชายในชุดดำแปรเปลี่ยนสิ้นเชิง ถึงกระนั้น เขายังไม่คิดถอยหนีแม้สักก้าวเพราะรู้ว่าถึงหนี ก็คงไม่รอดอยู่ดี!
คิดเช่นนั้นแล้ว สีหน้าเปลี่ยนเป็นเหี้ยมโหดดุร้าย ทันใดนั้นเขากระทืบเท้าลงบนพื้นดินเต็มแรง
โครม!
ปัง!
เสียงพื้นดินโดยรอบบริเวณแตกร้าวรานไกลออกไปนับสิบสิบจั้ง เว้นส่วนตรงกลางเฉพาะคนสองคน ทันใดนั้น ร่างของชายชุดดำเลือนพร่าไป พริบตาต่อมา เงาท่อนขาจำนวนนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าหาเยี่ยฉวน!
และถึงแม้เป็นเพียงแค่เงา ทว่าอานุภาพพลังออกปะทะหนักหน่วงรุนแรงยิ่งนัก ซึ่งพลังเหล่านี้ช่วยจุดระเบิดพลังชี่ให้ดังสนั่นทุ่งกว้าง
เสียงฉีกอากาศธาตุสะท้านสะเทือน!
— จบตอน —



