บทที่ 183 พี่จะพาน้องกลับ! (ต้น)
กระบี่!
อย่างน้อยเยี่ยฉวนก็มีอะไรที่ทำให้คนกลัว?!
ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ว่าสิ่งนั้นคือกระบี่!
เยี่ยฉวนมิได้ฝึกฝนหลักโคจรพลังชี่จากสตรีลึกลับโดยไม่มีเป้าหมายหรือฝึกไปวันๆ แต่ถึงกระนั้นกายากระบี่ของเขาใช่ว่าจะไร้เทียมทานในทุกกรณี ถ้าระดับศาสตราวุธกระบี่ของศัตรูสูงกว่า เยี่ยฉวนก็มีข้อจำกัดว่าไม่สามารถดูดกลืนได้เหมือนกัน
แต่ถ้าศาสตราวุธของทั้งสองฝ่ายมีระดับทัดเทียมกัน จึงเป็นไปได้กว่าห้าในสิบส่วนที่เยี่ยฉวนสามารถดูดกลืนกระบี่ได้!
แต่แม้ว่าศาตราสตราวุธมีระดับเดียวกัน หากยังมีความแตกต่างกันในด้าน ทำให้บางศาสตราวุธอาจอ่อนด้อยและบางศาสตราวุธอาจแข็งแกร่งกว่า!
ดังนั้น กระบี่ที่เยี่ยฉวนสามารถดูดกลืนได้แน่นอนจึงจำต้องมีระดับพลังด้อยกว่ากระบี่หลิงซิ่ว!
นี่คือข้อได้เปรียบของสิ่งที่เขาฝึกฝน!
เวลานี้กระบี่สีดำที่ปรากฏเบื้องหน้าเยี่ยฉวน เพิ่งซึมซาบเข้าสู่ร่างกาย มันก็ได้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นพลังอนันต์และถูกกายาของเยี่ยฉวนดูดซับจนสิ้น
ชายสวมผ้าคลุมสีดำประจักษ์ชัดต่อเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยตาของตนเอง ความรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงฉายออกทางแววตา “ไม่น่าเชื่อ……”
จากนั้นเขาคิดถอยออกห่าง ทว่าทันใดนั้น เยี่ยฉวนกำหมัดแน่นและผลักออกอย่างรุนแรง เป้าหมายคือตำแหน่งมรณะบนศีรษะทั้งสองด้านของอีกฝ่าย!!
ผัวะ!
กะโหลกศีรษะของคนแหลกระเบิดทันที!
เยี่ยฉวนผละไปอีกทาง ที่ข้างล่างกระบี่หลิงซิ่วเหินเข้ารองรับร่างอ่อนระทวยของเยี่ยหลิงซึ่งตกลงมาจากต้นไม้ไว้อย่างทันท่วงที!
ขณะนั้นเยี่ยฉวนค่อยๆ หลับตาลง!
ขณะนั้นร่างกายบังเกิดอาการสะท้านเล็กน้อย!
เป็นสัญญาณบ่งบอกว่ากำลังจะบรรลุขั้นพลังอีกครั้ง!
และกระบี่ขั้นประกายแสงเทียบก็ได้กับสุดยอดกระบี่จิตวิญญาณถึงสิบเล่มด้วยกัน!
อย่างไรก็ตาม เยี่ยฉวนไม่อาจบรรลุขั้นพลังในตอนนี้ เขาจำต้องระงับสัญญาณกระตุ้นนั้นโดยการข่มลงไว้ก่อน เพราะการบรรลุขั้นพลังท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ เท่ากับรนหาที่ตาย!
ชายหนุ่มทะยานพรวดเดียวถึงร่างของน้อง จากนั้นจึงเข้าประคองเด็กหญิงที่ยังไม่ได้สติวางลงกับพื้นอย่างนุ่มนวล เขาล้วงหยิบเอายาโอสถเทพประสานออกมาเม็ดหนึ่งและป้อนใส่ปากเยี่ยหลิงทันที ผ่านไปสักครู่จึงสังเกตเห็นอาการของนางเริ่มทุเลาลง ก่อนที่ต่อมาเปลือกตาเริ่มกระพริบถี่และลืมตาขึ้น
เมื่อสายตาปะทะเข้ากับใบหน้าของพี่ชาย เยี่ยหลิงน้ำตาเอ่อคลอ ก่อนในที่สุดจะรินไหลแต่ยังคงมองนิ่งที่เยี่ยฉวนไม่วางตา
เยี่ยฉวนเห็นน้องฟื้นขึ้นมาได้ก็ค่อยรู้สึกโล่งใจ พลางเอามือลูบศีรษะเล็กๆ อย่างปลอบโยน “พี่จะพาเจ้ากลับ!”
จากนั้นจึงค่อยช้อนร่างน้อยขึ้นมาและเดินออกไปช้าๆ แต่แล้วเยี่ยฉวนกลับต้องหยุดชะงักกระทันหัน
มีคนยืนขวาง เขาคือชายชุดดำซึ่งประมือกับเยี่ยฉวนก่อนหน้า ในตอนนี้ชุดสีดำของอีกฝ่ายขาดวิ่นไปจนหมดสิ้น มันได้เผยให้เห็นเกราะอ่อนสีเงินที่ร่างกายส่วนบนเท่านั้น
ด้วยความที่เยี่ยฉวนมุ่งที่จะช่วยเยี่ยหลิงเพียงอย่างเดียว จึงรามือในการติดตามคนผู้นี้ แต่คนนั้นๆ กลับไม่ได้หนีไปไหน ซ้ำมีผู้ที่ขนาบอยู่ทางซ้ายมือของชายสวมเกราะสีเงิน คือคนถือธนูยาวซึ่งเคยดักซุ่มประทุษร้ายต่อเยี่ยฉวนก่อนหน้านี้เช่นกัน อีกทั้งทางด้านขวามือของชายถือธนู ยังมีบุรุษร่างอ้วนเตี้ยควงขวานอันใหญ่สีดำในมือทั้งสองข้าง ทว่าชายร่างอ้วนคนนี้เพิ่งจะเปิดเผยตัว!
โม่อวิ๋นฉีเดินขึ้นมายืนข้างชายหนุ่ม สายตาจับจ้องไปยังคนทั้งสามทางเบื้องหน้า เอ่ยพูดกับเยี่ยฉวนว่า “ระวังตัวมีคนแอบซุ่มอยู่ ก่อนหน้านี้พวกมันคงแค่อยากทดสอบ ไม่ได้คิดจะลงมือจริง”
เยี่ยฉวนพยักหน้า เขาต้องระมัดระวังอย่างแน่นอน ด้วยก่อนนี้เขาไม่คิดว่าจะมีคนแอบลักลอบจู่โจม!
อาจเป็นพวกนักฆ่า!
คิดแล้วเยี่ยฉวนเหลือบมองคนที่ด้านข้าง พูดด้วยว่า “ถ้ามีจังหวะ วานเจ้าช่วยพาเยี่ยหลิงหลบไปก่อน ข้าเกรงว่าคนพวกนี้จะมุ่งเป้ามาที่น้องของข้า ซึ่งจะทำให้ข้าทำอะไรลำบากขึ้น!”
เยี่ยหลิงได้ยินคำพูดนั้นชัดเจน แต่นางนิ่งเฉยไม่พูดอะไร โม่อวิ๋นฉีหันมามองเยี่ยหลิง ท่าทางลังเลในตอนแรก ทว่าในที่สุดจำต้องพยักหน้า ด้วยหากเยี่ยหลิงยังอยู่ บรรดาคนเหล่านี้จะต้องมุ่งเป้าใช้นางตอบโต้เยี่ยฉวน และเยี่ยหลิงเองก็จะเสี่ยงต่ออันตรายมากขึ้น!
แต่ถ้าโม่อวิ๋นฉีพาเยี่ยหลิงหลบออกไป เยี่ยฉวนจะต้องรับมือกันคนทั้งหมดเพียงลำพัง!
สถานการณ์ของชายหนุ่มเวลานี้……พูดได้เลยว่าเลวร้าย!
ขณะเดียวกัน ชายสวมเกราะเงินซึ่งอยู่ไม่ห่างไปเท่าใด หันมองไปรอบด้าน “คนผู้นี้กล้าแกร่งยิ่งนัก ลำพังพวกเราคนใดคนหนึ่งไม่สามารถรับมือกับเขาได้ แต่ถ้าเรามาร่วมด้วยช่วยกัน รับรองว่าเราชนะแน่”
ทันใดนั้น คนอีกราวหกหรือเจ็ดคนทยอยเดินออกมาจากทุกทิศทาง และมาหยุดอยู่ยืนด้านหลังชายสวมเสื้อเกราะเงิน ซึ่งคนหกเจ็ดคนที่เพิ่งออกมาสมทบนั้น เกือบทั้งหมดมีพลังทะยานสวรรค์ อีกทั้งหนึ่งในเจ็ดมีพลังขั้นสันโดษ! ไม่มีใครด้อยกว่า!
“หมาหมู่งั้นหรือ? ไร้ยางอายสิ้นดี!” ทันใดนั้น จู่ๆ มีเสียงคนพูดดังขึ้น สายตาทุกคู่ในที่นั้นหันมองไปทางที่มาของเสียง บนหินก้อนใหญ่เยื้องทางขวามีร่างของบุรุษผู้หนึ่งแต่งกายด้วยชุดผ้าลินิน ในมือถือดาบสั้นห่อด้วยเศษผ้าเก่าๆ ที่มุมปากคาบต้นหญ้าชนิดหนึ่ง สายตาที่มองมายังกลุ่มคนฝั่งเดียวกับชายสวมเกราะเงินฉายแววดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปกปิด
ชายสวมเสื้อเกราะได้ยินเช่นนั้น เขามองคนตาขวาง “แล้วเจ้าเป็นใคร?” เสียงตวาดถาม
ชายที่สวมผ้าลินินเหลือบมองทางคนสวมเกราะเงินด้วยสายตาดูแคลนไม่เจือจาง “ข้าเป็นบิดาของเจ้าไง!”
ใบหน้าของชายสวมเกาะเงินบิดเบี้ยวเหยเก ทันใดนั้นเขาเปลี่ยนเป้าหมายจู่โจม หันเหไปที่ชายสวมผ้าลินิน เสียงดังแหวกอากาศผ่านข้ามลานกว้างเข้าหาชายสวมผ้าลินินอย่างรุนแรง
ฟิ้ววว!
เงาขาตวัดวาบ พร้อมพุ่งเข้าหาร่างของคนสวมผ้าลินิน!
ทว่าเขากลับเพียงเหลือบมองชายสวมเกาะเงิน สายตาสงบเยือกเย็นยิ่งนัก ก่อนถ่มต้นหญ้าที่คาบไว้มุมปากทิ้ง ฉับพลันนั้นห่อผ้าเก่าสะบัดพรึ่บส่งให้ดาบที่ห่อหุ้มทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว
เปรี้ยง!
เงาขากระจายไร้ทิศทาง!
ดาบที่ห่อหุ้มไว้ภายในห่อผ้าเก่าทะยานเข้าหาคนสวมชุดเกราะด้วยระดับความเร็วที่เพิ่มขึ้นสุดพิกัด คนสวมชุดเกราะเขม้นมองขณะที่จอประสาทตาหดเล็กลง พลันร่างของเขาพร่าเลือน ขณะนั้นปรากฏเงาหลายเงาเข้าสกัดดาบในห่อผ้าที่กำลังพุ่งตรงมายังชายสวมเกราะเงิน
เปรี้ยง!
เสียงปะทะระเบิดรุนแรงดังสนั่น ขณะเดียวกันร่างของคนสวมเกราะเงินลอยกระเด็นไกลออกไปหลายจั้ง!
เมื่อร่างคนหยุดนิ่ง จึงเห็นว่าที่ขาข้างขวาสั่นสะท้าน!
ท่ามกลางสายตาทุกคู่ แต่ละคนทั้งสีหน้าสีตาราวกับมีสิ่งเหลือเชื่อปรากฏขึ้นต่อหน้า!
ชายสวมเกราะเงินหยุดนิ่งตาจ้องเขม็งที่คนสวมชุดลินิน ขณะที่อีกฝ่ายไม่สนใจจะติดตาม ทั้งยังยกมือขึ้นสะบัดเบาๆ ดาบในห่อผ้าขี้ริ้วเหินกลับมาหยุดนิ่งบนฝ่ามือเจ้าของที่ยื่นออกมารอรับ จากนั้นคนสวมลินินหันไปหาเยี่ยฉวนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลออกไป
“ข้าเป็นคนตรงไปตรงมาไม่ชอบอ้อมค้อม ตัวของข้าชื่อเจี้ยนเสี่ยวหวาง มาที่นี่ด้วยเจตนาเพื่อล่าค่าหัวของเจ้า! แต่เผอิญกลับมาเจอว่าคนเหล่านี้กำลังทำสิ่งไร้ยางอายด้วยการรุมเจ้าคนเดียว ข้าจึงเปิดโอกาสให้เจ้าสู้กับพวกมันก่อน ถ้าเจ้าชนะจากนั้นค่อยมาสู้กันตัวต่อตัว แต่ถ้าเจ้าแพ้ ข้าจะล้างแค้นให้เจ้าเอง”
คนพูดมองเยี่ยฉวนอย่างพิจารณา “อย่างเจ้านี่จึงเหมาะจะเป็นคู่ต่อสู้!”
โม่อวิ๋นฉีซึ่งยืนอยู่ข้างเยี่ยฉวนอดรนทนไม่ได้ จนต้องยกนิ้วให้กับคนพูด “เจ้านี่แน่จริง เอางี้ ถ้าเจ้าถูกพี่หัวขโมยเยี่ยสังหาร ก็จงสบายใจเสีย เพราะข้าจะรับหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องศพของเจ้าเอง!”
เจี้ยนเสี่ยวหวางเหลือบตามองทางโม่อวิ๋นฉี “หลังจากที่ข้าฆ่าเพื่อนของเจ้าแล้ว แน่ใจได้เลย ข้าจะจัดการเจ้าด้วยอีกคน ไม่สิ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้าให้เสียมือ เพราะเจ้าไม่มีค่าหัวฉะนั้นข้อต่อรองนี้จึงไม่น่าสนใจ!”
โม่อวิ๋นฉี “……”
— จบตอน —



