บทที่ 211 ข้าคือยอดยุทธ์ไร้เทียมทาน แล้วแต่พวกเจ้าก็แล้วกัน! (ต้น)
เมื่อได้ยินสตรีลึกลับกล่าวเช่นนั้น เยี่ยฉวนสีหน้าประหลาดใจแว่บหนึ่ง นางกับเขาไม่ได้พบกันสักระยะแล้ว แต่เหตุไฉนสตรีลึกลับที่อยู่ตรงนี้ดูแปลกเปลี่ยนไปจากเดิม……มีอารมณ์ขัน? เปลี่ยนเป็นคนละคน?
ด้านจ้าวหอชั้นเก้าและเจียงเยว่เทียนซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เมื่อทั้งสองเห็นคนที่เพิ่งมาถึง พลันสีหน้าแตกตื่น แปลกใจ ชายชราผู้นี้เพี้ยนไปหรืออย่างไร?
ทว่าเมื่อลองหวนคิดดูอีกที สถานศึกษาฉางมู่แห่งต้าอวิ๋น นับว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังอิทธิพลในแผ่นดินชิง!
สำหรับแคว้นเจียงไม่เพียงมองพวกเขาเปรียบประดุจเทพเจ้า แต่ในแคว้นเจียงนี้พวกเขาเป็นดั่งเทพเจ้าเลยทีเดียว!
เพราะลึกลึกภายในใจ พวกฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นมีแต่ความดูถูกดูแคลนแคว้นเจียงเล็กๆ แห่งนี้ ฉะนั้นผู้ใดที่ว่ากล้าแกร่งของแคว้นเจียงมันจะสักแค่ไหนเชียว?
แต่ในไม่ช้า ชายชราจึงได้ประจักษ์ว่าสิ่งที่เคยคิดนั้นผิดพลาดเสียแล้ว ผิดพลาดอย่างไรน่ะหรือ? บนพื้นที่เต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณเหล่านั้น! ซากศพ ไม่น่าเชื่อว่าร่างไร้วิญญาณพวกนี้ ล้วนแล้วแต่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสุดยอดพลังขั้นผนึกยุทธ์!
บางอย่างผิดปกติเสียแล้ว!
คนชราสวมผ้าคลุมดำกวาดตามอง คิ้วขาวโพลนขมวดมุ่น ก่อนจะหันกลับไปมองชายหนุ่มที่มากับชายชราสวมชุดขาว อีกฝ่ายไม่กล้าสบตา เขาได้แต่ก้มหน้าตามองพื้นดิน ไม่เอ่ยปากพูดแม้สักคำ
เขาจะกล้าพูดหรือ? ด้วยเวลานี้ ชายชราสวมชุดขาวได้ถูกสังหารด้วยกระบี่ยุทธ์หนึ่งเดียว!
เมื่อเห็นว่าอย่างไรเสียคนหนุ่มคงไม่กล้าเอ่ยปากแน่ ชายชราสวมชุดดำพลันสีหน้าผิดหวัง มีเสียงพึมพำ “ไม่เอาไหนเลย!”
ขณะนั้นเขาเบนสายตามายังสตรีลึกลับสวมชุดขาวและทำท่าอ้าปากจะพูด ทันใดนั้นโดยฉับพลัน ปราศจากสัญญาณเตือน ไร้กระทั่งเสียงบอกกล่าว กระบี่เล่มหนึ่งพุ่งวาบเข้าหาจุดตรงกลางระหว่างหัวคิ้วของชายชราอย่างรวดเร็ว อีกทั้งปลายกระบี่ได้ปักลึกลงกว่าครึ่งนิ้วที่กลางหว่างคิ้ว ฝอยโลหิตกระเซ็นออกจากบาดแผล! ขณะที่ตัวคนนิ่งงัน นัยน์ตาเบิกโพลงเพราะความตกตะลึง!
สตรีสวมชุดขาวเอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเจ้าอยากจะพูดอะไร ไม่ต้อง เวลานี้จงเรียกคนของเจ้ามา เอาคนที่ว่ากล้าแกร่งที่สุด ด้วยเวลาที่ต้องฆ่าคนอ่อนด้อยอย่างพวกเจ้า ข้าไม่ชอบ!”
ทุกคนที่ได้ยิน “……”
ชายสวมชุดดำจ้องเขม็งที่ร่างของสตรีลึกลับ เขากัดกรามกรอดเสียงพูดลอดไรฟัน “เจ้าเป็นบ้าอะไร……”
ฉัวะ!
แขนข้างขวาของชายชราถูกฟันขาดในฉับเดียวทันที โลหิตแดงฉานพุ่งกระฉูดเป็นสายราวกับน้ำพุ เสียงชายชราสวมชุดดำร้องโอ๊กคำหนึ่ง หน้าซีดเผือดไร้สีเลือด!
ณ ภายใต้เงาแสงจันทร์ สตรีลึกลับใช้มือข้างขวาลูบไล้เส้นผมยาวเป็นมันดำขลับของตนเอง สีหน้าเฉยเมย “เจ้ามันอ่อนเกินไป ข้าจะไม่พูดให้เสียปาก เรียกใครก็ได้ออกมาเดี๋ยวนี้”
ชายชราสวมชุดดำจ้องมองสตรีเบื้องหน้าด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว ได้แต่จำใจต้องล้วงเอาศิลาถ่ายสัญญาณออกมาบดกันจนแตกละเอียด เขาร้องขอความช่วยเหลือ!
ไม่ซิ อันที่จริงแล้วเป็นการเรียกกำลังหนุนนั่นเอง!!
ไม่ว่าสตรีนางนี้จะเป็นใครก็ตาม เวลาเช่นนี้ชายชราสามารถทำได้เพียงเท่านี้ เรียกคนที่มีระดับพลังขั้นสูง ให้มารับมือกับสตรีผู้นี้
แน่นอน นี่คงจะถึงวาระของสถานศึกษาฉางมู่แห่งต้าอวิ๋นเสียแล้ว!
ด้วยบุคคลเบื้องหน้า……ยิ่งเห็นความกล้าแกร่ง ยิ่งเกิดความท้อแท้สิ้นหวัง!
ในช่วงนั้นเอง กระบี่สีเขียวเล่นนี้พุ่งวาบเข้าหาเยี่ยฉวน ปลายกระบี่ชี้ตรงแน่วที่ร่างของเขา สายตาทุกคู่มีทั้งฉงนสนเท่ห์ทั้งสับสนไม่แน่ใจ เสียงกังวานเยือกเย็นดังมาจากเงาใต้แสงจันทร์ “บอกข้าสิว่า เหตุใดเจ้าจึงทำผิด!”
ทำผิดงั้นหรือ? เยี่ยฉวนรู้สึกสับสนงุนงง หลังจากครุ่นคิดชั่วขณะ จึงโพล่งตอบว่า “ข้าทำผิดเพราะเป็นต้นเหตุของปัญหา ขะ……”
เพี้ยะ!
ทันใดนั้นกระบี่สีเขียวตวัดฟาดฉับลงบนท่อนแขนของเขา จนปรากฏริ้วแดงเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบ จนต้องขบกรามแน่นสกัดกั้นเสียงอุทานด้วยความเจ็บปวด
เสียงสตรีสวมชุดขาวบนฟ้าถามขึ้นอีก “ต้นเหตุของปัญหา อย่างนั้นหรือ? ผิดด้วยหรือ? ผิดหรือ? ถ้าจะผิด ก็ผิดที่เจ้าสร้างแต่ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เจ้ารบกวนข้าแต่ละครั้ง มีแต่เรื่องขี้ปะติ๋วทั้งนั้น ใช่ไหม? อย่างเจ้าจะมีปัญญาสร้างปัญหาใหญ่กับเขาได้หรือ?
เยี่ยฉวน “……”
ทุกคนในที่นั้น “……”
สตรีชุดขาวกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ลองคิดดูสิว่าทำไมเจ้าจึงทำผิด!”
เยี่ยฉวนนิ่งคิดชั่วครู่ จึงตอบเสียงเบาว่า “ข้าอ่อนแอ……”
ควับ!
มิทันพูดจบประโยค กระบี่สีเขียวตวัดขวับลงบนต้นแขนขวาของเยี่ยฉวนอย่างรวดเร็ว ความรุนแรงของกระบี่ส่งให้ร่างของเขาหมุนคว้าง ด้วยกระบี่มิใช่แค่กระบี่ ทว่ายังบรรจุด้วยความดุดันแห่งลมปราณกระบี่!
เมื่อกระบี่ลมปราณปะทะร่าง ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นจึงมิใช่เพียงความเจ็บปวดที่แขน หากเป็นความเจ็บปวดลึกล้ำในทุกอณูประสาท! ความเจ็บปวดแสนสาหัส!
คนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศส่งเสียงเย้ยหยันแว่วตามลมมาเข้าหู “ความอ่อนแออย่างนั้นหรือ? รู้หรือว่าตัวเองอ่อนแอ? แต่ไม่นับว่าเป็นความผิดกับการที่เจ้าเป็นคนอ่อนแอ คนแข็งแรงย่อมรังแกคนที่อ่อนแอกว่าเสมอ และการที่เจ้าไม่สามารถเอาชนะพวกมันก็สมเหตุสมผลอยู่หรอก ดังนั้นลองคิดอีกที……ว่าทำไมเจ้าทำผิด!”
ครานี้เยี่ยฉวนหยุดคิดพักใหญ่ ในที่สุดชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองตรงไปยังคนที่กำลังลอยตัวกลางอากาศภายใต้แสงจันทร์ “ข้าไม่ได้ทำผิดขอรับ!”
ไม่มีเสียงตอบจากสตรีลึกลับ
ชายหนุ่มจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม “พวกคนแข็งแกร่งเหล่านี้จับตัวน้องของข้าไป และเพื่อช่วยน้องข้าจึงต้องสังหารพวกมัน! แต่พวกมันกลับตามมาแก้แค้น ใช่ ข้าอ่อนแอ จึงถูกรังแกแต่ข้าไม่ได้คร่ำครวญ! ทว่าข้าไม่ผิด ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ข้าก็จะขอสู้กับพวกมันเช่นเดิม! ใช่ ข้าอ่อนด้อย แต่ข้าก็จะยังคงสู้กับทุกคนที่มารังแกน้องและสหายของข้า!”
เสียงกังวานแผ่วเบาแว่วมา “ถ้าเจ้าสู้ไม่ได้ จะเป็นยังไง?”
เยี่ยฉวนหน้าตาบิดเบี้ยว น้ำเสียงดุดันตอบว่า “ข้าก็จะยังสู้ ถึงจะไม่มีวันเอาชนะ! ข้ายอมตาย แต่จะไม่ยอมคุกเข่าให้ใคร!”
สตรีลึกลับเงียบเสียงไปชั่วขณะ จากนั้นมีเสียงกล่าวต่อไปว่า “ปลดปล่อยพลังปณิธานกระบี่ออกมา!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เยี่ยฉวนสลัดความคิดอื่น ปลดปล่อยพลังปณิธานกระบี่ของเขาทันที
ขณะนั้น ภายในจิตใจแว่วเสียงของสตรีลึกลับแผ่วเบาราวเสียงกระซิบ “พลังปณิธานกระบี่นั้นมีมากมายหลากหลายอย่าง รู้หรือไม่ว่าพลังปณิธานกระบี่ของเจ้าเป็นเช่นไร?”
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ สีหน้างุนงง อีกฝ่ายเงียบงันไปอีก ชั่วขณะหนึ่งจึงมีเสียงพูดว่า “พลังปณิธานกระบี่ของเจ้า……” เมื่อพูดถึงตอนนี้ พลันเสียงชะงักหยุดกระทันหัน
ชายหนุ่มจึงเงยหน้าขึ้นไปมองที่สตรีลึกลับซึ่งนิ่งงันไปชั่วขณะ และในทันทีที่นางกำลังทำท่าจะเอ่ยปากพูด ณ ขอบฟ้าในระยะห่างออกไปพลันบังเกิดแรงสั่นสะเทือนอย่างมิรู้สาเหตุ ไม่นานต่อมาปรากฏเงาทะมึนออกเบื้องหน้าคนทั้งหมดในลานโล่ง
— จบตอน —



