Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 215

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 215 กระบี่เป็นดวงตา สัมผัสรับรู้ทางดวงใจ! (ต้น)

C

แคว้นเจียง แผ่นดินชิง

ณ สถานศึกษาฉางหลาน

บัดนี้สถานศึกษาพังพินาศจนราบเป็นหน้ากลอง ไม่ได้พังแค่เพียงหอโถง แม้แต่ภูเขาฉางหลานยังถล่มลงกว่าครึ่ง เยี่ยฉวนเดินเข้าไปที่ซากปรักหักพังโดยมีโม่อวิ๋นฉีและคนอีกสองคนตามกันมา ชายหนุ่มตรงไปที่กองเศษอิฐเศษหิน ก้มหาอะไรสักอย่างครู่ใหญ่ ในที่สุดก็พบจนได้

ไหน้ำเต้าสุรา! ไหสุราของอาจารย์ใหญ่จี้! ทั้งโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อ คนทั้งสองเหลือบเห็นไหสุราพลันสีหน้าสีตาแดงก่ำขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันจี้อันซื่อ นางก้มหน้าเม้มปากมือทั้งสองข้างกำแน่น

เยี่ยฉวนมองไหน้ำเต้าสุราในมือนิ่งเงียบเป็นครู่ จากนั้นจึงเอามาเหน็บไว้ที่เอว ก่อนหันไปสอดสายตามองดูซากปรักหักพังตรงหน้า เขาจึงทรุดกายลงนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นนิ่ง

นั่งคุกเข่า! ชั่วชีวิตของเยี่ยฉวน ไม่เคยต้องคุกเข่าขอร้องใครยกเว้นเรื่องเดียว เยี่ยหลิง! นับเป็นครั้งแรกที่มาอยู่ที่สถานศึกษาฉางหลานก็เพราะอาจารย์ใหญ่จี้ช่วยชีวิตเยี่ยหลิง แต่หลังจากนั้นเขารู้สึกรักและผูกพันกับที่นี่

ที่นี่ไม่มีเล่ห์เพทุบายหรือการประลองเป็นตาย! ที่นี่ให้ความรู้สึกอุ่นใจซึ่งเขาไม่เคยพบพานมาก่อนเมื่อครั้งอาศัยอยู่กับตระกูลเยี่ยและเมืองชิง!

ในขณะต่อมาโม่อวิ๋นฉี และพวกทั้งสองคนเดินเข้ามาและค่อยๆ ทรุดเข่าลงเยื้องไปด้านหลัง หลังจากนั้นคนทั้งสี่พร้อมใจกันค้อมศีรษะลง เอาหน้าผากแตะพื้นแสดงการคำนับต่อซากหักพังเบื้องหน้า!

เยี่ยฉวนเอื้อมจับไหสุราที่เหน็บเอวไว้แน่น นัยน์ตาฉายแสงแรงกล้าประกายแห่งความมุ่งมั่น “อาจารย์ใหญ่จี้ ข้าจะดูแลพวกเขาเองและรับปากว่าจะนำศิษย์ฉางหลานลงจากเทือกเขาฉางซาน สักวันหนึ่งข้าจะพาพวกเขาไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ตามที่ท่านต้องการขอรับ” จากนั้นเขาผุดลุกขึ้นยืน

ทันใดนั้นเอง มีความผิดปกติเกิดขึ้น สีหน้าของชายหนุ่มแปรเปลี่ยนอย่างฉับพลันโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ทั้งสิ้น ภายในวิบตาเดียวร่างของเยี่ยฉวนหงายตึงล้มฟาดลงไปกับพื้น ในขณะนั้นเขาเริ่มกระตุกเกร็ง เหมือนคนมีอาการโรคลมชักกำเริบ

เมื่อเห็นเช่นนั้น โม่อวิ๋นฉีและคนอื่นพากันตกตะลึง หน้าตาเลิ่กลั่ก ถลันเข้ามาล้อมเยี่ยฉวน ขณะที่กล้ามเนื้อบนใบหน้าของชายหนุ่มมีอาการเกร็งกระตุก และเหยเกบิดเบี้ยวจนผิดรูปผิดร่าง!

ยิ่งเห็นเช่นนั้นสหายของเยี่ยฉวนทั้งสามยิ่งตกใจแทบสิ้นสติ จี้อันซื่อร้องเสียงหลง “ข้าจะไปตามหมอ!” พลันหันหลังตั้งท่าจะออกไป แต่เยี่ยฉวนเอื้อมมือมาคว้าหมับยับยั้งไว้ก่อน พลางพูดเสียงสั่นระรัว “มะ ไม่ ตะ ต้อง ธะ ธาตุไฟย้อนกลับเล่นงาน สะ เสียแล้ว จะ เจ้า คะ คอยเดี๋ยวนะ……โอยยย……”

ธาตุไฟย้อนกลับ!

สตรีลึกลับเคยเตือนแล้วว่าไม่ให้เขาเปิดใช้งานหอคอยแห่งเรือนจำ ทว่าเขาก็ทำ เมื่อเขาเริ่มเปิดใช้งานย่อมหมายถึงการอ้าแขนรับความตายที่จะมาเยือน ไม่เพียงเท่านั้น คราใดที่สตรีลึกลับปรากฏกาย มันก็ได้ก่อให้เกิดภาระหนักต่อหอคอยแห่งเรือนจำ ซึ่งก็คือภาระของผู้เป็นนายแห่งหอคอย

อีกทั้งที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏเหตุการณ์ธาตุไฟย้อนกลับมาก่อน จึงเป็นแน่ชัดว่าเป็นเพราะสตรีลึกลับที่สกัดกั้นไว้ ทว่าในตอนนี้……

เวลานี้เยี่ยฉวนรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ความทรมานแสนสาหัสจนเขาอยากตายให้พ้นจากความทรมานนี้เสีย

การเปิดใช้งานหอคอยแห่งเรือนจำ ร่วมกับการปลุกสตรีลึกลับจากกรรมฐาน สองสถานการณ์ผนวกกันจึงเท่ากับรวมภาวะธาตุไฟย้อนกลับเป็นทวีคูณ……

เขาทนไม่ไหวต่อไป เยี่ยฉวนชักกระตุกอย่างรุนแรงกลิ้งไปมาอยู่บนพื้น ไม่เพียงเท่านั้นทั่วทั้งร่างกายปรากฏร่องรอยบอบช้ำราวกับถูกใครกระหน่ำตีอย่างหนักหน่วง อีกทั้งบนพื้นดินบริเวณรอบตัวยังเกิดรอยแตกแยกของหน้าดินให้เห็นทั่วไป! น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!

คนอื่นยืนมองด้วยอาการตกตะลึง ทั้งโม่อวิ๋นฉีและคนอื่นหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก แววตาหวาดหวั่น ท่าทางละล้าละลัง ด้วยต่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

เยี่ยฉวนขดตัวขณะที่อาการชักยังคงมีอยู่ต่อเนื่อง ถึงตอนนี้สิ่งหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวคือ เขาอยากให้ตนเองสลบเสียให้รู้แล้วรู้รอด! แต่ก็รู้ดีว่าถึงอย่างไรก็คงสลบไม่ลง ด้วยถ้าขืนสลบตอนนี้คงไม่ฟื้นกลับคืนมาแน่!

เขาจะตายไม่ได้!

เขาต้องอยู่เพื่อตามหาน้องและอันหลานซิ่ว เขาต้องอยู่เพื่อบูรณะสถานศึกษาฉงหลาน เขาต้องอยู่…

ระงับความรู้สึก! อดทน!

เยี่ยฉวนยกสองมือขึ้นกดลงที่ขมับ ขณะที่สั่นกระตุกอยู่กับพื้น…โม่อวิ๋นฉีทรุดลงนั่งข้างๆ สายตาจับจ้องที่เยี่ยฉวน น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อปริ่มล้นขอบตาพลันไหลพรากลงอย่างสุดกลั้น เขารีบยกหลังมือขึ้นปาดออก พึมพำเบาๆ “ข้ามันอ่อนแอ… ระยำ แถมสติปัญญาก็เชื่องช้า ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”

ไป๋เจ๋อก้าวเข้ามาใกล้ มือกำหมัดแน่น แววตาว่างเปล่าแต่ร่างใหญ่โตกำลังสั่นเทิ้ม อีกข้างหนึ่ง จี้อันซื่อจ้องมองคนที่นอนชักกระตุกบนพื้นดินตรงหน้า สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ทว่าน้ำตาไหลเป็นทางสองข้างแก้ม……บัดนี้ ฉางหลานเหลือเพียงพวกเขาสี่คนเท่านั้น! ถ้าเยี่ยฉวนเป็นอะไรไปอีก……

หลังจากนั้นไม่นาน แสงสว่างของดวงอาทิตย์ปรากฏที่ขอบฟ้าแล้ว ฟ้าสางของเช้าวันใหม่!

อาการชักกระตุกของเยี่ยฉวนค่อยๆ ลดลงทีละน้อยจนสงบนิ่ง โม่อวิ๋นฉีและคนอื่นยังคงนั่งเฝ้าที่เดิม ไม่มีใครจากไปไหนสักคน

เวลาเที่ยงวัน

คนที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นดินเริ่มขยับนิ้วมือ จี้อันซื่อซึ่งจับตามองอยู่เห็นเช่นนั้น นางรีบตรงดิ่งเข้าไปใกล้ และเอื้อมมือไปแตะที่แขนของเยี่ยฉวน เอ่ยถามเสียงกระซิบ “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

เยี่ยฉวนค่อยพยุงกายผุดลุกขึ้น จากนั้นจึงลืมตาช้าๆ ครู่ต่อมาเขากลับนิ่งงันนั่งตัวแข็งทื่อ “ทำไม ฟ้ายังมืดอยู่เลย?”

อะไรสักอย่างในน้ำเสียงทำให้จี้อันซื่อตัวชา เริ่มมือสั่นตัวสั่นขณะเดียวกันก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเยี่ยฉวน ซึ่งบัดนี้ไร้จุดรวมแสง มีแต่ความว่างเปล่า!

ความว่างเปล่า! ความรู้สึกของโม่อวิ๋นฉีและไป๋เจ๋อก็ไม่ต่างกัน คนทั้งสองนิ่งอึ้ง

เยี่ยฉวนยกมือขึ้นขยี้ตาซ้ำอีกรอบ และนิ่งเงียบไปพักใหญ่ หาใช่ท้องฟ้าที่ยังไม่สว่าง แต่เป็นดวงตาของเยี่ยฉวนต่างหากที่มืดสนิท!

พลันภายในจิตของเยี่ยฉวนได้ยินเสียงของสตรีลึกลับดังก้องขึ้น “ร่างกายของเจ้ากล้าแกร่งจึงทนต่อพลังธาตุไฟย้อนกลับจากหอคอยแห่งเรือนจำ แต่ว่าดวงตาเป็นอวัยวะที่อ่อนแอมากที่สุด มันไม่อาจทนทานต่อผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น เหตุที่ข้าไม่ออกมาช่วย เพราะการช่วยเจ้าข้าจะต้องสกัดกั้นอำนาจของหอคอย ซึ่งจะทำให้ยันต์ที่ผนึกหอคอยไว้ถูกทำลายทันที ด้วยสัญชาตญาณของหอคอยจะมีแรงต้านทานต่อข้าด้วยเช่นกัน หากเป็นเช่นนั้นเจ้านั่นแหละจะได้รับอันตรายถึงชีวิต!”

เยี่ยฉวนนิ่งเงียบขณะนั่งฟัง เขาเหยียดมุมปากยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรขอรับ”

เสียงของสตรีลึกลับดังขึ้นอีกครั้ง “ไร้ซึ่งดวงตาแต่เจ้ายังมีกระบี่ ต่อแต่นี้ไปเจ้าจะต้องใช้กระบี่เป็นดวงตา และใช้กระบี่เพื่อฝึกทักษะดวงตากระบี่!”

— จบตอน —

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!