Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 255

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 255 ไปเถอะทำงานใหญ่กัน! (ต้น)

C

แม้ว่าภายนอกเยี่ยฉวนสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกทว่าในใจกำลังตกตะลึง! เมื่อได้รู้ว่าคนทั้งกลุ่มเหล่านี้ ล้วนมาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ทุกคน!

“คนจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มาทำอะไรที่นี่?” เยี่ยฉวนจับตามองด้วยความฉงนฉงาย เป็นที่รู้กันดีว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่อยู่ห่างไกลจากที่นี่มากนัก!

สตรีสวมเสื้อแขนยาวคงจะเดาความคิดของอีกฝ่ายได้ นางเหลือบมองพลางเอ่ยพูดเหมือนจะไขข้อข้องใจ “พวกเรารักการท่องยุทธภพ หาประสบการณ์โดยออกไปสัมผัสโลกกว้างด้วยตนเอง เพื่อทำให้ตัวเองแกร่งขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร”

“สัมผัสโลกกว้างหาประสบการณ์และสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเอง!” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเยี่ยฉวนเข้าใจความนัยได้ทันที คนเหล่านี้มาเพื่อหาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในที่แห่งนี้ ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาพึ่งพาลำแข้งตนเอง ไม่ต้องมียอดยุทธ์มาคอยช่วยเหลือเกื้อกูล!

หนทางเดียวที่พวกเขาจะได้เก็บเกี่ยวจากประสบการณ์ตรง ขณะเดียวกันก็สร้างเสริมความกล้าแกร่งไปในตัว! ถ้ามีคนคอยช่วยเหลือ ไหนเลยพวกเขาจะมีแรงผลักดันให้ออกสู่โลกภายนอก สัมผัสประสบการณ์และสร้างความแกร่งกล้าสามารถ หากเป็นเช่นนั้นพวกเขาคงเป็นได้แค่พวกจอมยุทธ์ที่ชอบเสแสร้ง เก่งแต่ปากเท่านั้น!

พลันชายคนที่นั่งใกล้กับหญิงสาว ที่ชื่อเหยี่ยลี่ลากสายตาแข็งทื่อมองตรงมาที่เยี่ยฉวน เอ่ยถามดื้อๆ “เจ้าบอกว่าเป็นอาจารย์ใหญ่สถานศึกษาฉางหลาน งั้นหรือ?” เยี่ยฉวนพยักหน้าแทนคำตอบ

คนถามกลับตีหน้าชอบกล ในสายตาของเหยี่ยลี่รวมทั้งอีกหลายคนต่างคิดว่าเยี่ยฉวนเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ยังอายุน้อยเหลือเกิน! พลันชายหนุ่มที่ชื่อโม่อวี้ผู้ใช้ทวนใหญ่ ซึ่งนั่งติดกับเหยี่ยลี่พูดขึ้นรวดเร็ว “สถานศึกษาฉางหลานที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ น่ายำเกรงฉิบ!”

เยี่ยฉวนสั่นหน้าพลางว่า “แต่กับที่นั่น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน!” คำตอบที่ได้รับจากชายหนุ่มสร้างความประหลาดใจไม่น้อย สายตาทุกคู่หันมาจ้องเขาเป็นตาเดียว

เยี่ยฉวนก้มลงใช้ไม้ลากเส้นเป็นรูปวงกลมขึ้นบนพื้นดินเบื้องหน้า “เวลานี้พวกเราอยู่ในตำแหน่งนี่ ระยะทางจากที่นี่ถึงเมืองหลวงแคว้นถังราวพันลี้ ตลอดระยะทางพันลี้จะต้องผ่านเมืองน้อยใหญ่ ราว 12 เมือง……”

สตรีสวมเสื้อแขนยาวหันขวับมาตั้งคำถาม “เราจะเข้าเมืองหลวงแคว้นถังอย่างนั้นหรือ?” ชายหนุ่มหยุดพูด และหันหน้ามาทางคนถาม “เจ้าไม่กล้า งั้นหรือ?” คนทั้งสิบสองหันมองหน้ากัน สายตาของสตรีตรงหน้ามองเยี่ยฉวนนิ่งหากมิได้ตอบถ้อยวาจา

เมื่อไม่มีคำตอบเยี่ยฉวนจึงกล่าวสืบไป “ตอนนี้พวกเราจะหันหลังกลับก็ไม่ได้ จึงต้องเดินไปต่อเท่านั้น เหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่อาจคาดเดา” เขาหยุดนิ่งครู่หนึ่งก่อนพูดต่อว่า “ตามที่สติปัญญาอันน้อยนิดของข้าเข้าใจ พวกเจ้าแต่ละคนมีขั้นพลังสันโดษ หากต้องการพัฒนาขั้นพลังจะต้องใช้เงินทองอีกมากทีเดียว ข้าเกรงว่าเงินทองที่พวกเจ้าเพิ่งได้แบ่งไปคงช่วยไม่ได้สักเท่าไร จริงไหม?”

การหาประสบการณ์จากโลกภายนอกเพื่อให้ตนเองแกร่งขึ้นนั้น ย่อมหมายรวมถึงความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินก้อนใหญ่ด้วย! คนกลุ่มนี้จึงต้องออกมารับจ้างเพื่อหาเงิน พวกเขาจึงสามารถซื้อหาเครื่องมือหรือวัสดุที่จำเป็นใช้ในการพัฒนาขั้นพลังของตนเอง! ถึงแม้จะมีความเป็นยอดฝีมือ ก็ยังยากยิ่งในการที่จะพัฒนาขั้นพลังขึ้นสักขั้นโดยไม่มีเงินทองมาช่วย!

หลังจากเงียบเสียงกันไป หลายคนหันไปมองลู่ป้านจวง สตรีผู้สวมเสื้อแขนยาว นางมองมาที่เยี่ยฉวน “เจ้ามีแผนอย่างไร?” คนถูกถามนิ่งคิดนิดเดียวก่อนตอบว่า “ไม่มี พวกเราแค่ฉกแล้วหนีเท่านั้น!”

“ฉกแล้วหนี!” สตรีคนถามเมื่อได้ฟังคำตอบพยักหน้าหงึก “ได้เลย!” ไม่นานต่อมาทุกคนกระโดดขึ้นบนหลังสุนัขป่าดำทมึนพาหนะประจำของแต่ละคน และภายใต้การนำของเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวง คนทั้งกลุ่มค่อยแทรกซึมเข้าสู่แคว้นถังลึกเข้าทุกทีๆ

กลุ่มคนทั้งสิบสองคนนี้สมาชิกล้วนเป็นยอดอัจฉริยะ คนพวกนี้ไม่เคยกริ่งเกรงศัตรูหน้าไหนแม้แต่กองทหาร ตราบใดที่ศัตรูมิใช่ยอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์ ชั่วอึดใจถัดมาคนทั้งหมดก็เข้าประชิดเมืองเก่าแห่งหนึ่ง ไม่มีใครใส่ใจว่าเมืองนี้มีชื่อว่าอะไร พวกเขามุ่งหน้าผ่านประตูเมืองและตรงไปยังเป้าหมายที่แรกคือจวนเจ้าเมือง

ในยุคนั้นทุกเมืองจะมีจวนอันเป็นที่พำนักของผู้ดูแลเมือง ตำแหน่งเจ้าเมืองถือว่าเป็นตำแหน่งบริหารที่มีศักดิ์และสิทธิ์สูงที่สุดของเมืองนั้น หรือหากจะพูดให้ถูกแล้วยกเว้นสำนักอัปสรเมรัยซึ่งเป็นศูนย์กลางของธุรกิจการค้า จวนเจ้าเมืองนับเป็นสถานที่ร่ำรวยติดอันดับแห่งหนึ่งในเมือง!

ซึ่งเยี่ยฉวนจะไม่นำพาคนกลุ่มนี้ไปโจรกรรมทรัพย์สินของสำนักอัปสรเมรัยอย่างแน่นอน… ดังนั้นจวนเจ้าเมืองจึงเป็นเป้าหมายที่ดีที่สุด! กลุ่มคนทั้งหมดมุ่งหน้าด้วยความเร็วสูงสุดสู่จุดหมายจวนเจ้าเมือง ระหว่างทางมีการปะทะกับทหารหลายหมู่ แต่ไม่ว่าอย่างไรกองทหารไม่สามารถยับยั้งคนกลุ่มนี้!

เยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงมุ่งตรงไปที่คลังเก็บสมบัติภายในจวนเจ้าเมืองทันที… และไม่ชักช้าให้เสียเวลาต่างช่วยกันเก็บกวาดทรัพย์สินในคลังสมบัติและยังเข้ารื้อค้นทุกซอกทุกมุมอย่างว่องไว… เพียงไม่กี่อึดใจคลังเก็บสมบัติก็ถูกกวาดสิ่งของมีค่าไปจนเกลี้ยง!

ราวหนึ่งก้านธูปหลังจากนั้นเยี่ยฉวนและกลุ่มคนทั้งสิบสองก็พากันมุ่งหน้าออกนอกเมือง โดยมีเป้าหมายใหม่ที่เมืองอีกแห่ง

คล้อยหลังพวกเยี่ยฉวนจากไปเพียงไม่นาน กองทหารม้าดำทมึนหน่วยหนึ่งก็มาถึงและผ่านเข้าสู่ประตูเมืองแห่งนั้น พวกทหารม้ามีด้วยกันกว่าสามร้อยนาย ทุกคนสะพายดาบใหญ่สีดำ ที่ทั้งเฉียบคมและเลือดเย็น! ทหารองครักษ์ดาบทมิฬ!

ทหารทุกคนในหน่วยถูกฝึกให้พร้อมสละชีพป้องกันเมืองหลวงและแคว้นถัง แต่ละนายล้วนมีฝีมือไม่น้อยสุดยอดทะยานสวรรค์ ซึ่งทหารหมู่นี้ถูกคัดเลือกมาจากยอดนักรบแต่ละกรมกองในค่ายทหารของแคว้นถัง! หัวหน้าสูงสุดเป็นบุรุษสวมหน้ากาก ท่าที่มองไกลออกไปพลันมีออกคำสั่ง “ตามพวกมันไป” จากนั้นกองทหารองครักษ์ดาบทมิฬมุ่งหน้าไปตามเส้นทาง ไม่นานนักพวกเขาหายลับออกนอกเมืองไปจนหมด

เส้นทางที่กำลังมุ่งหน้าลัดเลาะภูเขาสูงและสลับซับซ้อน เยี่ยฉวนกับคนอื่นๆ ควบอยู่บนหลังสุนัขป่าตั้งหน้าตั้งตาฝ่าข้ามไปอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อย พลันมีเสียงจากคนที่ไม่ห่างไปสักเท่าใด ลู่ป้านจวงเอ่ยขึ้นว่า “กองทหารราวสามร้อยม้าตามมาข้างหลัง! พวกมันกล้าแกร่งพอตัว ไม่ใช่ทหารม้ากระจอกงอกง่อย!”

ชายหนุ่มหันมาทางคนพูด ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “เจ้าคิดว่าพวกมันจะตามเราทันไหม?” หญิงสาวสั่นศีรษะ “ยังไม่!” เยี่ยฉวนพยักหน้า “ถ้างั้นก็อย่าเพิ่งสนใจ เรารีบไปให้ถึงเมืองข้างหน้าก่อนแล้วกัน!”

กล่าวจบเขาร้องตะโกนบอกให้คนที่ติดตามได้รับรู้ “ผลงานของพวกเราที่ปล้นเมืองก่อนหน้า ได้มาไม่น้อยกว่าห้าสิบล้านเหรียญทองกับสามศาสตราวุธจิตวิญญาณ และยังมีของล้ำค่าอีกเล็กน้อย!”

“วู้ววว!” เสียงโห่ร้องระคนหัวเราะชอบใจ “ไปเถอะ ไปทำงานใหญ่กันพวกเรา ฮ่าฮ่า!”

“มุ่งไปข้างหน้า! โจรกรรมอย่าให้เหลือ!”

“เราจะรวยเละแล้ว ฮ่ะฮ่ะ……”

“…”

ลู่ป้านจวงนิ่งฟังคนของนางจากนั้นจึงชำเลืองหางตาไปทางเยี่ยฉวน “เจ้าดูยังไงก็ไม่เหมือนผู้ฝึกกระบี่เลย น่าจะเป็นหัวขโมยเสียมากกว่า!”

เยี่ยฉวนได้แต่เงียบเฉย “……”

— จบตอน —

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!