Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 256

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 256 ไปเถอะทำงานใหญ่กัน! (ปลาย)

C

หลังจากนั้นไม่นานเยี่ยฉวนกับกลุ่มควบสุนัขป่าเข้ามาใกล้เขตเมืองเก่าเป้าหมาย เขาสังเกตเห็นทหารติดอาวุธเต็มพิกัดบนขอบกำแพงเมือง ซึ่งอาวุธที่ใช้เป็นคันธนูยาว ในขณะนั้นใครบางคนที่ด้านข้างทำท่าจะเข้าจู่โจม ทว่าโดยไม่คาดคิด เสียงเยี่ยฉวนพูดขึ้นว่า “พวกเราอ้อมกันไปเถิด ไปเร็ว!”

“อ้อมไป งั้นหรือ?” ทุกคนชะงักงันด้วยไม่แน่ใจกับสิ่งที่ได้ยิน “พวกเราไม่เข้าปล้นเมืองหรอกหรือ?” เยี่ยฉวนตอบสุ้มเสียงเคร่งครัดแปลกไป “เชื่อใจข้า เราอ้อมไปก่อน!” จากนั้นคนพูดบังคับให้เจ้าสุนัขป่าพาหนะหันกลับและมุ่งหน้าออกไป หญิงสาวทอดตามองหลังเยี่ยฉวน ครู่หนึ่งเสียงสั่งการดัง “ตามเขาไป!”

หลังจากที่คนทั้งกลุ่มหันกลับออกไป เพียงไม่นานคนทั้งหมดก็หายลับไปจากสายตาที่เฝ้ามองของทหารบนกำแพงเมือง เมื่อเห็นเช่นนั้น คนที่ท่าทางเป็นหัวหน้าทหารพลันสีหน้าเคร่งเครียดบูดบึ้ง “แม่*เอ๊ย!” และอีกเพียงไม่กี่อึดใจถัดมากลุ่มทหารขี่ม้าก็ผ่านประตูเมือง กองทหารเหล่านี้คือองครักษ์ดาบทมิฬ

หัวหน้ากองทหาร บุรุษสวมหน้ากากเหลือบมองกำแพงสูง มีเสียงหัวหน้าทหารบนกำแพงรายงานลงมา “พวกมันไปหมดแล้วขอรับ!” พลันชายสวมหน้ากากตะโกนขึ้นทันที “ไม่ได้การ พวกมันคงกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองข้างหน้าแน่ ตามไปเร็ว!”

ทันทีที่สิ้นเสียง ทหารนับร้อยพลันชักม้าหันกลับและควบออกไป……

ส่วนอีกด้านเยี่ยฉวนและกลุ่มคนทั้งสิบสองยังคงควบตะบึงข้ามภูเขาลูกแล้วลูกเล่า พื้นที่ในบริเวณนี้มีความสลับซับซ้อนมากกว่าที่ผ่านมา นับว่าโชคดีที่ได้เขาสุนัขป่าอสูรเหล่านี้เป็นพาหนะ ด้วยภูมิประเทศที่สลับซับซ้อนเช่นนี้หาได้เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางอันรวดเร็วโดยไม่มีหยุดของพวกมันได้ มิฉะนั้นแล้วคนทั้งหมดคงไม่สามารถมุ่งสู่ใจกลางแคว้นถังได้โดยตรงเช่นนี้!

เมื่อเดินทางออกมาได้สักพัก ลู่ปานจงเอ่ยกับเยี่ยฉวนอย่างไม่หายข้องใจ “เจ้าเกรงว่าเราจะถูกสกัดกั้นและทำให้ทหารม้าที่ตามมาทันจับพวกเรา งั้นสิ?” อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างยอมรับ “พวกเรามีกันแค่ 13 คน หากคิดจะสู้ ก็ต้องสู้และชนะให้เร็ว ถ้าถูกโอบล้อมจนทหารม้าที่ไล่ตามหลังติดตามทันกันแล้วล่ะก็ เมื่อนั้นพวกเราอาจหมดหนทางหลบหนี!”

ฝ่ายหญิงสาวทอดสายตามองไปในระยะไกล “พวกศัตรูอาจมีแผนสำรองก็ได้” เยี่ยฉวนเห็นด้วยกับความคิดของอีกฝ่าย “เพราะงั้นเราจึงต้องนำหน้าพวกมันเสมอ” จากนั้นเขาหันไปทางผู้ติดตาม “ทุกคน การต่อสู้ครั้งต่อไป ขอให้พวกเจ้าสู้สุดความสามารถ อย่าได้ปรานีแก่ศัตรูเป็นอันขาด”

ทุกคนน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี ด้วยต่างเข้าใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พวกเขาไม่กล้าทำการโดยประมาทอย่างแน่นอน! ต่อให้ทุกคนมีทั้งอัจฉริยะและยอดคน หากบัดนี้การต่อสู้ที่มีฝ่ายตรงข้ามเป็นถึงแว่นแคว้น เพียงแค่นึกถึงก็สร้างความเขย่าขวัญสั่นประสาทมากพอดู!

โจรกรรมคลังทรัพย์สินของแคว้น! เอาไว้เมื่อกลับสู่ถิ่นฐานของตน พวกเขาคงจะคุยโวโอ้อวดให้หนำใจไปเลย จากนั้นอีกเพียงไปนาน ภาพของเมืองอีกแห่งได้ปรากฏออกเบื้องหน้าคนทั้งกลุ่ม เมืองนี้มีขนาดใหญ่กว่าสองเมืองที่ผ่านมา!

เมืองที่มีขนาดใหญ่! สายตาของทุกคนจับจ้องอย่างหมายมาด! เมื่อเมืองมีขนาดใหญ่ ปราการป้องกันภายในย่อมต้องแน่นหนาตามไปด้วย!

ลู่ป้านจวงหันมาถาม “เราจะบุกปล้นเมืองนี้ไหม?” เมื่อได้ยินเสียงถาม คนอื่นพลอยมองมาที่เยี่ยฉวนเป็นตาเดียว

ประสบการณ์ที่ผ่านกันมาเล็กๆ น้อยๆ ได้สร้างบารมีความน่าเชื่อถือในตัวเยี่ยฉวนเพิ่มขึ้น หรือไม่ก็สิ่งที่เกิดขึ้นอย่าแน่นอนคือความรู้สึกดีที่มีต่อชายหนุ่มตรงหน้า โดยเฉพาะครั้งที่เขาปฏิเสธไม่ยอมรับส่วนแบ่งครึ่งต่อครึ่งในทรัพย์และของล้ำค่าที่ปล้นมาตามข้อตกลง แต่กลับให้แบ่งสัดส่วนเท่ากัน

คนผู้นี้ไม่คิดละโมบ เอาแต่ได้! ไม่มีใครคิดนิยมชมชอบคนละโมบโลภมาก!

ชายหนุ่มนิ่งเงียบก่อนจะพูดขึ้นว่า “เราจะปล้นที่นี่ ถ้าครั้งนี้สำเร็จพวกเราน่าจะได้ทรัพย์สินเงินทองกองโตทีเดียว!” กล่าวจบเขากระตุ้นพาหนะวิ่งนำหน้าออกไปอย่างรวดเร็ว

เหยี่ยลี่ไสสุนัขป่าที่กำลังขี่ขึ้นมาเคียงลู่ป้านจวงพูดขึ้นว่า “คนคนนี้ไม่เลวเลยพี่ใหญ่ หลังจบงานนี้แล้วท่านน่าจะชวนเขาให้มาร่วมกับพวกเรา และเราทั้งสิบสามคนจะได้ท่องยุทธภาพเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปด้วยกัน ท่านว่าไง?”

ขณะนี้คนอื่นที่ตามอยู่ด้านหลังหญิงสาว พลอยพยักเพยิดส่งเสียงสนับสนุนเห็นด้วย ลู่ป้านจวงมองตามเยี่ยฉวนที่ออกนำไปไกล “ไว้ข้าจะลองถามเขาก็แล้วกัน พวกเราตามไป!” ขาดคำทั้งคนพูดและคนอื่นทะยานพรวด มุ่งหน้าออกติดตามทันที!

ด้วยความว่องไวของพาหนะพิเศษ เยี่ยฉวนพร้อมด้วยคนอื่นต่างทะยานด้วยความรวดเร็วสูงสุด พวกมันมีความเร็วยิ่งกว่าม้าฝีเท้าเลิศโดยเฉพาะเมื่อมันพุ่งตัวออกไปข้างหน้า เป็นความเร็วชนิดไร้ผู้ทัดเทียม

“พวกเจ้าเป็นใคร แจ้งชื่อมา?” เสียงใครคนหนึ่งคำรามลงมาจากบนขอบกำแพง ทันใดนั้นลำแสงกระบี่ทะยานวาบผ่านลานกว้าง

ตู้ม! พลันกำแพงเมืองส่วนหนึ่งพังถล่มลงทันที เยี่ยฉวนควบเจ้าสุนัขป่าดำมะเมื่อมทะยานผ่านเข้าประตูเมือง พร้อมด้วยผู้ติดตามอีกสิบสองชีวิต คนทั้งกลุ่มมีเป้าหมายที่จวนพักของเจ้าเมือง พลันเบื้องหน้าคนทั้งสิบสาม มีกองทหารหมู่หนึ่งยืนขวางกั้นอยู่เต็มถนน

เยี่ยฉวนใบหน้าเฉยเมย เสียงตวาดลั่น “ลุยเปิดทาง!” เมื่อส่งเสียงตะโกนพร้อมกดนิ้วชี้ลง ฉับพลันกระบี่หลิงซิ่วซึ่งทะยานวาบออกไป สะบัดตัดฉับลงเบื้องหน้า

ฉับ! ฉับ! ฉับ! ฉับ! พลันศีรษะของทหารคนแถวหน้าสุดกระเด็นหวือออกไปก่อนตกลงเกลื่อนพื้นถนน เมื่อเห็นดังนั้นลู่ป้านจวงจึงนำหน้าพวกที่เหลือเคลื่อนต่อไป……ด้วย ณ บัดนี้ไร้ผู้ยืนหยัดต้านทานการจู่โจม!

กลุ่มคนทั้งสิบสามคนซึ่งรวมเยี่ยฉวน ตีค่ายกลของกองทหารจนแตกพ่ายกระจัดกระจาย จากนั้นจึงมุ่งไปต่อจวนเจ้าเมืองตามเป้าหมาย ตลอดทางที่ผ่านมามีทหารออกมาคอยสกัดกั้นอยู่เป็นระยะ แต่ก็ไม่อาจทานเยี่ยฉวนและคนสิบสองคนได้เลย!

เวลานี้เยี่ยฉวนและหญิงสาวลู่ป้านจวง เสมือนเป็นผู้นำการสังหารทหารที่โผล่เข้ามาขวางทาง อีกทั้งคนที่ติดตามก็หาได้อ่อนด้อยไม่! เมื่อไร้อุปสรรคพวกเขามุ่งตรงเข้าไปที่จวนพักของเจ้าเมืองอีกครา ทว่าในตอนนั้นกระแสพลังประหลาดพุ่งวาบตรงเข้าปะทะที่กลุ่มคนทั้งสิบสาม!

ยอดยุทธ์ผสานเทพ! มาด้วยกันสามคน!

ขณะนั้นเยี่ยฉวนกำลังจะออกปะทะ พลันลู่ป้านจวงซึ่งต่อสู้อยู่ใกล้เคียง ถลันออกไปก่อนอย่างรวดเร็ว ด้วยความรวดเร็วชั้นเลิศของนาง อากาศธาตุแทบฉีกออกจากกันเมื่อร่างคนแหวกทะยาน ยังไม่ทันที่เยี่ยฉวนจะทันสังเกตวิถีการเคลื่อนที่ของคน นางผลักออกฝ่ามือดันร่างของผสานเทพคนหนึ่งกระเด็นหวือไปทันที ร่างนั้นหหล่นกระแทกพื้นดินรุนแรง จนคนที่เป็นยอดยุทธ์ไร้โอกาสลุกขึ้นมาได้อีกต่อไป!

ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าทำเอาแม้แต่เยี่ยฉวนยังอดที่จะตะลึงขึงนิ่ง หยุดอยู่กับที่ไม่ได้ “นางเป็นสตรีที่มีพลังน่ากลัว!”

ด้วยเหตุที่เกิดขึ้น พลันยับยั้งยอดยุทธ์ผสานเทพอีกสองคนที่เหลือชะงักกึก ไม่กล้าผลีผลามพุ่งเข้ามาโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ ทันใดนั้นทั้งสองพลันหันกลับและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว! ใครจะโง่หากเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงยังออกต่อสู้ปะทะเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์ที่จะต้านทานต่อไป เพราะเท่ากับเอาชีวิตมาทิ้งเสียเปล่า!

หญิงสาวมองหลังคนที่ตะลีตะลานหนีไป จึงหันมาพูดกับเยี่ยฉวน “ผู้เยี่ยมยุทธ์ของแผ่นดินชิงพวกนี้ ทำตัวไม่สมศักดิ์ศรีสักนิด!”

พลันพูดถึงตอนนี้ราวกับนางจะนึกขึ้นมาได้ หันมาพูดอีกว่า “คนแผ่นดินชิงที่ข้าเคยพบเจอ มีคนสองคนที่ข้ายอมรับคือเจ้าและอันหลานซิ่ว!” จากนั้นคนพูดหันหลังผละไปอย่างรวดเร็ว

“อันหลานซิ่ว!” เยี่ยฉวนถึงกับงงงัน เขาหยุดนิ่งไปเล็กน้อยก่อนจะรีบรุดตามหญิงสาวไปติดๆ

ทั้งหมดใช้เวลาไม่นานก็เข้าสู่คลังสมบัติ คนทั้งสองต่างช่วยกันกวาดทรัพย์สินที่ค้นเจอทุกอย่าง โดยไม่ต้องเสียเวลาในการพิจารณา

พลันบรรยากาศแปรเปลี่ยน เมื่อเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงกำลังจะก้าวออกทางประตูคลังสมบัติ จู่ๆ ลำแสงสองลำแสงพุ่งวาบตรงเข้าที่ลำคอของคนทั้งสองโดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ขณะเดียวกันเบื้องหลังเงื่อมเงาดำมืดสองเงาโผล่ขึ้นมาอย่างเงียบเชียบ!

มือสังหารแห่งดินแดนอันธกาล!

— จบตอน —

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!