Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 258

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 258 ฆ่ามันให้หมด! (ปลาย)

C

เวลานี้เยี่ยฉวนเป็นที่ไว้วางใจของคนเหล่านี้! โดยจะเห็นได้ว่าคนพวกนี้เชื่อในความเป็นคนเปิดเผยและตรงไปตรงมาของชายหนุ่ม แน่นอนความพึงพอใจส่วนหนึ่งมาจากที่พวกเขาเห็นถึงความกล้าแกร่งของเยี่ยฉวน อีกทั้งเขาเป็นผู้ฝึกกระบี่ ไม่มีใครๆ ไม่อยากเป็นมิตรกับคนเก่ง นับประสาอะไรกับการมีนิสัยใจคอและอารมณ์ความรู้สึกร่วมกัน!

ชายคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า หันมามองหน้าเยี่ยฉวน “ขอบใจมาก” จากนั้นก็โยนยาเม็ดโอสถเทพประสานลงคออย่างรวดเร็ว “ข้าชื่อกู้อวิ๋นชิง มาจากตระกูลกู้” เยี่ยฉวนยิ้มน้อยๆ “ข้าจำได้!”

กู้อวิ๋นชิงเบ้ปาก พลันเขาทำท่าเหมือนจะเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้จึงหันมาถามเยี่ยฉวนว่า “เออนี่ ดวงตาของเจ้าไปโดนอะไรมา?” พลันที่ได้ยินเสียงถาม ทุกคนพากันหันมามองเพื่อรอฟังคำตอบจากเยี่ยฉวน

ดวงตาของเขา! ความจริงแล้วนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนสงสัยมาโดยตลอด เพียงแต่ทุกคนกระดากใจเกินกว่าจะถามเขาออกไปตรงๆ ด้วยการตั้งคำถามบางคำถาม ถ้าถามตรงจนเกินไปก็เสมือนเป็นการไม่ให้เกียรติคนถูกถาม ทว่าในตอนนี้เมื่อพวกเขาเริ่มคุ้นเคยกับเยี่ยฉวน จึงไม่ต้องคำนึงถึงความพอเหมาะพอควรมากนัก

ชายหนุ่มหันมาตอบยิ้ม “มันเป็นอุบัติเหตุข้าถูกธาตุไฟย้อนกลับขณะฝึกพลังปราณ จึงตาบอดอย่างที่พวกเจ้าเห็นนี่แหละ”

หลายคนหันมองหน้ากัน “……”

ขณะนั้นเองลู่ป้านจวงซึ่งนั่งอยู่อีกข้างหนึ่ง เอ่ยถามขึ้นบ้าง “เหล่ามือสังหารแห่งดินแดนอันธกาลเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ได้อย่างไร?”

พลันเยี่ยฉวนนิ่งงันไป ก่อนพูดน้ำเสียงห้าวต่ำ “ข้าจะพูดตรงๆ ก็แล้วกัน ข้ากับสถานศึกษาฉางมู่และพวกดินแดนอันธกาลมีความแค้นฝังหุ่นกันมาก่อน ส่วนหนึ่งข้าเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ทั้งพวกฉางมู่และดินแดนอันธกาลกระโจนลงสมรภูมิรบนี้ พวกนั้นหวังจะกำจัดข้า อย่างไรก็ตามฝ่ายนั้นมันไม่กล้าส่งยอดยุทธ์ขั้นผนึกยุทธ์เข้ามาปะทะโดยตรง จึงจำต้องเปลี่ยนวิธีการไปต่างๆ นานา”

เหยี่ยลี่ส่งเสียงถามมาด้วยความสงสัย “พวกสถานศึกษาฉางมู่และดินแดนอันธกาล คนพวกนี้ไม่ธรรมดา เจ้ากลับไปมีเรื่องจนสร้างความเกลียดชังฝังลึกกับพวกมันเนี่ยนะ?”

อีกฝ่ายเหยียดมุมปากยิ้ม “ต่อไปจะมีพวกมือสังหารปรากฏตัวขึ้นมาเมื่อไรก็ไม่รู้ หากพวกเจ้าจะถอนตัวจากงานนี้ ข้าเข้าใจและไม่ว่าอะไรทั้งนั้น!”

เหยี่ยลี่ส่ายหน้าดิก “พวกเราไม่กลัว!” คนที่นั่งติดกับเหยี่ยลี่ กู้อวิ๋นชิงยิ้มน้อยๆ พร้อมกับพูดว่า “ถึงแม้ว่าพวกดินแดนอันธกาลจะใช้วิธีสกปรกแค่ไหน พวกเราไม่เคยกลัวพวกมันแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามทุกคนอย่าได้วางใจเพราะว่าพวกมันมีทั้งทักษะและฝีไม้ลายมือไม่ธรรมดา”

มีเสียงดังมาจากอีกฟาก หลิงฮั่นพูดสำทับมาด้วยอีกคน “ใช่ เราไม่กลัวเหล่ามือสังหารของแผ่นดินชิงอยู่แล้ว ถ้าพวกมันไม่ใช่เหล่ามือสังหารที่มาจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พวกนั้นล้วนเป็นสุดยอดมือสังหาร……”

เมื่อได้ยินคำพูดว่าดังนั้น สีหน้าของหลายคนพลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม “ถ้าเป็นพวกมือสังหารจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ พวกนี้จะรับมือด้วยยาก! พวกเราไม่กลัวการปะทะซึ่งหน้า แต่จะแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกมันจะออกมาต่อสู้กันอย่างเปิดเผย?”

“ศัตรูที่แอบแฝง เป็นศัตรูที่ยากจะหลีกเร้น!” พลันบรรยากาศในบริเวณแปรเปลี่ยนตึงเครียดลงเล็กน้อย พลันลู่ป้านจวงซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลเอ่ยขึ้นทันที “ช่างเถอะ”

สายตาทุกคู่หันไปทางเจ้าของเสียง หญิงสาวพูดเบาๆ “ใครก็ตามที่ขวางทางการทำงานของเรา สังหารมันให้หมด” พลางละสายตาจากคนอื่นหันไปทางเยี่ยฉวน “เจ้ากับข้าจะรับมือกับเหล่ามือสังหาร ส่วนพวกเจ้าในสถานการณ์ปกติก็ให้เพิ่มความระมัดระวัง และตอนนี้ข้าอยากให้พวกเจ้าเร่งฟื้นฟูพลังให้กลับคืน ข้าไม่อยากเสียใครไป!” ทุกคนเมื่อได้ยินก็พยักหน้าโดยพร้อมเพรียง

เยี่ยฉวนเดินมาหยุดเบื้องหน้าหญิงสาวและนำทรัพย์สินทั้งหมดที่เขาเก็บกวาดมาได้จากจวนพำนักของเจ้าเมืองออกมากอง เมื่อเห็นเช่นนั้นลู่ป้านจวงจึงนำทรัพย์สินที่นางเก็บได้ออกมากองด้วย บัดนี้บรรดาสิ่งล้ำค่าและเงินทองถูกนำออกมากองรวมบนพื้นที่ว่างเบื้องหน้า ซึ่งมีจำนวนมากมายเสียจนคนที่พบเห็นแทบไม่อาจละสายตา

จากนั้นชายหนุ่มจัดการตรวจดูของที่ชิงมาได้จากการต่อสู้ และพูดขึ้นว่า “ตอนนี้มีเงินทั้งหมด 90 ล้านเหรียญทอง ส่วนในบรรดาของล้ำค่าเหล่านี้มีสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณเจ็ดชิ้น คัมภีร์ฝึกยุทธ์อีกแปดเล่มแต่ไม่ถึงขั้นปฐพี ถึงกระนั้นถ้าเรานำไปขายก็น่าจะได้อย่างน้อยสิบล้านเหรียญทอง ที่เหลือก็เป็นพวกเครื่องเงิน ทองคำและหยก ซึ่งมีมูลค่าสรุปรวมราวสิบล้านเหรียญทอง ทั้งยังมีบางอย่างที่ไม่คาดคิดว่าจะได้มาคือศิลาจิตวิญญาณ ล้วนเป็นสุดยอดศิลาจิตวิญญาณมีเกือบล้านชิ้นทีเดียว!”

สุดยอดศิลาจิตวิญญาณ! ในตลาดการค้าศิลาจิตวิญญาณชิ้นหนึ่ง ซื้อขายกันในราคาหนึ่งร้อยเหรียญทอง! ดังนั้นศิลาจิตวิญญาณจึงเป็นของจัดว่าล้ำค่ายิ่งกว่าเงินเหรียญทองเสียอีก! การที่ศิลาจิตวิญญาณเป็นของล้ำค่าที่มีความสำคัญ ด้วยเป็นเพราะผู้ฝึกพลังจะไม่สามารถทำได้สำเร็จหากปราศจากศิลาจิตวิญญาณ!

“ครั้งนี้ได้กำไรงามทีเดียว!” ทุกคนเปล่งเสียงหัวเราะด้วยความยินดี! หลังจากนั้นเยี่ยฉวนพูดขึ้นว่า “พวกเจ้าแต่ละคนดูสิว่าใครสนใจอาวุธชนิดใด จากนั้นทุกคนเลือกเอาไว้ก่อนแล้วจึงค่อยตีราคาศาสตราวุธจิตวิญญาณที่เหลือเป็นเหรียญทอง จากนั้นจึงนำมาแบ่งกัน”

ว่าแล้วทุกคนก็ตรงเข้าห้อมล้อมกองศาสตราวุธจิตวิญญาณ ไม่นานนักโดยเยี่ยฉวนและลู่ป้านจวงช่วยแบ่งสรรปันส่วนให้ทุกคนได้รับทรัพย์สินไปคนละเท่าๆ กัน!

ณ ตอนนี้เยี่ยฉวนมีเงินทั้งสิ้นหกสิบล้านเหรียญทอง มีศาสตราวุธจิตวิญญาณสี่ชิ้นและสุดยอดศิลาจิตวิญญาณอีกเกือบแสนชิ้น และเมื่อรวมกับทรัพย์สินที่เขาได้มาก่อนหน้ารวมเป็นศาสตราวุธจิตวิญญาณแปดชิ้นและเงินอีก 230 เหรียญทองโดยประมาณ

ดูเผินๆ อาจคิดว่าเยี่ยฉวนน่าจะเป็นเศรษฐีแล้ว ทว่าในความเป็นจริงเงินทองที่ได้ยังห่างไกลความต้องการของเขาอีกมาก!

ทั้งนี้เป็นเพราะเยี่ยฉวนหาเงินหาทองมิใช่เพื่อตนเอง เขาต้องหาเผื่อให้กับโม่อวิ๋นฉีและคนอื่นอีกสองคนซึ่งจะต้องใช้วัสดุที่จำเป็นในการพัฒนาขั้นพลัง ทั้งค่าก่อสร้างสถานศึกษาฉางหลานอีกล่ะ และค่าใช้จ่ายอื่นที่ตามมาในอีกไม่ช้า ล้วนแล้วแต่ความจำเป็นต้องใช้เงินทั้งสิ้น! ไม่ต้องคิดว่าในช่วงเวลานี้ฉางหลานไม่มีหนทางหารายได้เพื่อจุนเจือสถานศึกษา ถ้าเยี่ยฉวนไม่ออกปล้น อีกไม่นานพวกสถานศึกษาฉางหลานคงต้องอดอยากปากแห้งตายแน่! เยี่ยฉวนต้องแบกรับความกดดันอย่างมหาศาล!

ฉับพลันนั้นลู่ป้านจวงผุดลุกขึ้นจากที่อย่างรวดเร็ว เยี่ยฉวนที่นั่งอีกด้านขมวดคิ้วมุ่นท่าทีตื่นตัวเต็มที่ เสียงของหญิงสาวตะโกนเตือนดังลั่น “ทุกคนเตรียมพร้อม!” ทันทีที่เสิ้นเสียงนั้น คนทั้งกลุ่มกระโจนเข้ามายืนรวมกลุ่มอย่างรวดเร็ว

เยี่ยฉวนเรียกกระบี่หลิงซิ่วออกมา สีหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก บรรยากาศรอบบริเวณเงียบสงบผิดปกติ! ทันใดนั้น ป่าทึบที่รอบแอ่งน้ำต้นไม้ใหญ่สั่นพลิ้ว ขณะเดียวกันลู่ป้านจวงหรี่ตาลงเล็กน้อย และทันทีทันใด “ถอย!”

เมื่อสิ้นเสียงของสตรี ปรากฏคนสวมชุดดำโผล่ออกจากป่าทึบคนแล้วคนเล่า กลุ่มคนสวมชุดดำทะยานออกจากป่าเป็นระลอกราวภูตผีก็ปาน พวกมันมีด้วยกันไม่ต่ำกว่าสามสิบหรืออาจมากกว่า! กระนั้นในมือของพวกมันถืออาวุธสีดำมีลักษณะเหมือนหน้าไม้! อาวุธหน้าไม้ หนึ่งในสุดยอดศาสตราวุธจิตวิญญาณ!

คนสวมชุดดำเหล่านี้แต่ละคนมีระดับพลังขั้นสันโดษทั้งสิ้น! อะไรไม่ร้ายเท่าพวกมันเป็นขั้นสุดยอดสันโดษด้วย! ภายหลังจากที่ลอบสำรวจกลุ่มที่เพิ่งเข้ามา เยี่ยฉวนสังเกตเห็นตัวอักษรสีทองบนหน้าอกคนชุดดำปรากฏคำว่า ต้าอวิ๋น! อาณาจักรต้าอวิ๋น!

ขณะนั้นอะไรบางอย่างกระหน่ำลงมาจากด้านบนทางเบื้องหลัง! องครักษ์ดาบทมิฬ! บัดนี้พวกมันเปิดจู่โจมทั้งจากเบื้องหน้าและข้างหลัง

ลู่ป้านจวงเหลือบหางตามาทางเยี่ยฉวน “เอาไงดี?” ชายหนุ่มแสยะยิ้มยกมุมปาก สีหน้าเหี้ยมเกรียม พลางชี้ปลายกระบี่หลิงซิ่วตรงไปยังกลุ่มคนชุดดำ ส่งเสียงคำรามลั่น “ฆ่ามัน ยึดอาวุธมาให้หมดอย่าให้เหลือ!”

หญิงสาวหันมามองหน้าแว่บหนึ่ง “ข้ามีเวลาให้หนึ่งก้านธูปเพื่อจัดการพวกมันให้หมด ส่วนข้าจะถ่วงเวลาจัดการทหารองครักษ์ด้านหลังนี่ไว้ จำไว้เจ้ามีเวลาแค่หนึ่งก้านธูปเท่านั้น!”

จากนั้นคนพูดสะบัดหันหลังกลับ และเดินเข้าหากลุ่มคนในระยะไกล “พวกเจ้าหกคนมากับข้า!” พลันคนหกคนทะยานพรวดตามลู่ป้านจวงออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกห้าคนตรงเข้าประชิดเยี่ยฉวน สีหน้าและแววตาของแต่ละคนมุ่งมั่น ไม่หวาดหวั่นต่อสิ่งใดทั้งสิ้น

ชั่วเวลาหนึ่งก้านธูป! พลันต่อมากระบี่หลิงซิ่วสั่นสะท้านอย่างรุนแรงอยู่ในอุ้งมือที่กระชับแน่นของเยี่ยฉวน ชั่วครู่ถัดมาเสียงคำรามของเยี่ยฉวนระเบิดท่ามกลางความเงียบในบริเวณ “ฆ่ามัน!”

หึ่มมม! กระบี่สั่นสะเทือนดังกัมปนาท และคนหกคนพุ่งวาบทะยานเข้าหาคนชุดดำทั้งหมดตรงหน้า!

— จบตอน —

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!