บทที่ 280 หัวขโมยพี่เยี่ย ข้ามาแล้ว! (ปลาย)
จวบจนกระทั่งบัดนี้ ขุนศึกเต๋าแห่งดินแดนอันธการยังไม่มีปรากฏขึ้นแม้แต่คนเดียว! จ้าวทมิฬได้ฟังดังนี้ก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวเสียงอ่อนลง “พวกมันอาจล่าช้าไปบ้าง!” อีกฝ่ายส่ายหน้าพลางแสยะยิ้ม “ช้าบ้าง งั้นหรือ? จ้าวทมิฬ เจ้าทำอย่างนี้ไม่เอาแต่ได้ไปหน่อยหรือ?” เมื่อต่างฝ่ายต่างเงียบไป ความระอุของอุณหภูมิที่กำลังร้อนแรงเริ่มบรรเทาเบาลง
ท้ายที่สุดมู่ซ่วนชิงชำเลืองมาทางจ้าวทมิฬด้วยสายตาขุ่นเคือง พลางชี้ไปทางเยี่ยฉวนที่ยืนไม่ห่างมากนัก “เจ้าเห็นโน่นไหม? เยี่ยฉวนสำเร็จขั้นสันโดษแล้ว กระทั่งยอดยุทธ์สันโดษขั้นธรรมดาไม่สามารต่อกรกับมัน! นี่ไงผลจากการที่เจ้าฉลาดคอยแต่อาศัยจังหวะเข้าจู่โจม! ขณะที่คนของข้าจากฉางมู่ต่างต้องเอาชีวิตเข้าแลก แต่พวกเจ้าเอาแต่รออยู่ข้างหลัง ที่ข้าว่าพวกเจ้าดินแดนอันธการมันเอาแต่ได้ จริงไหมล่ะ?
ขุ่นเคือง! ยามนี้ไม่ต้องแปลกใจว่ามู่ซ่วนชิงจะมีอารมณ์ขุ่นเคืองเพียงใด ถ้าขุนศึกเต๋าของดินแดนอันธการและฉางมู่ร่วมกันจู่โจม โอกาสที่จะสังหารพวกเยี่ยฉวนย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน! แต่ดินแดนอันธการมิได้ทำเช่นนั้น! พวกมันเอาแต่ยืนดูเหล่าขุนศึกเต๋าถูกฆ่าตายคนแล้วคนเล่าโดยไม่ทำอะไรเลย!
จ้าวทมิฬนิ่งเงียบมิได้ตอบโต้ จึงได้ยินวาจาเยาะหยันดังมาจากมู่ซ่วนชิง “ใช่สิ เจ้าให้คนของข้าออกหน้าจัดการเยี่ยฉวนและพวกของมัน ส่วนเจ้าคอยหาโอกาสจู่โจมเพื่อชิงความได้เปรียบ ตอนนี้เจ้าบรรลุเป้าหมายที่คิดไว้แล้วนี่ แต่พวกข้าไม่เอาด้วยแล้ว เยี่ยฉวนไม่จำเป็นต้องตายลงวันนี้ ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่และเติบโตยิ่งขึ้นไป หวังว่าสักวันหนึ่งพวกเจ้าจะเด็ดหัวมันสำเร็จก็แล้วกัน” กล่าวจบ คนพูดก็หันกลับและทำท่าจะออกไปทันที
พลันจ้าวทมิฬเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าเอาจริง เขารีบทักท้วงเสียงกระตือรือร้น “พี่มู่ อย่าเพิ่งโมโหโทโส ข้ายอมรับว่าครั้งนี้อาจผิดแผนไปบ้าง แต่ท่านควรคิดถึงส่วนรวมมาก่อนจะดีกว่า!”
มู่ซ่วนชิงชะงักฝีเท้าหันกลับมาพูดเยาะเย้ยให้ว่า “เฮอะ คิดถึงส่วนรวม? จ้าวทมิฬ เวลานี้เยี่ยฉวนมันเป็นยอดคนไร้ผู้ทัดเทียม เจ้ายังให้โอกาสมันครั้งแล้วครั้งเล่า ลองคิดสิว่าถ้าวันนี้เยี่ยฉวนมีชีวิตรอดออกไป ต่อไปดินแดนอันธการของเจ้าและสถานศึกษาฉางมู่ของข้าจะต้องเจอกับอะไรอีก?”
จ้าวทมิฬพยักหน้า “พี่มู่ เอาอย่างนี้พวกเราทั้งสองฝ่ายมาทุ่มกำลังเต็มที่และถ้าสังหารเยี่ยฉวนกับพวกของมันสำเร็จ ของล้ำค่าของพวกมันข้ายกให้สถานศึกษาฉางมู่เจ็ดในสิบส่วนเลย ดีไหม?” มู่ซ่วนชิงมองสบตาคนพูด หากมิเอ่ยวาจา เห็นได้ชัดว่าเขายอมรับข้อเสนอ!
จ้าวทมิฬแห่งดินแดนอันธการได้ทีรีบตัดบท “ถ้างั้นเรามาเริ่มกันเลย” ขุนศึกเต๋าแห่งดินแดนอันธการเป็นมือสังหารโดยกำเนิดและไม่จู่โจมในช่วงเวลากลางวัน ด้วยแสงสว่างจะทำให้พลังปะทะลดทอนลงอย่างมาก!
มู่ซ่วนชิงหันไปมองที่เยี่ยฉวนและกลุ่มคน ซึ่งขณะนั้น เยี่ยฉวนยืนจังก้าอยู่ข้างหน้าในมือกำด้ามกระบี่หลิงซิ่ว ด้านหลังเป็นหลิงฮั่นและทุกคนกำลังตั้งท่าเตรียมพร้อม เพียงเท่านี้รัศมีคมกริบของกระบี่ได้ฉาบทาบทับทั่วกาย
เมื่อหันไปเห็นเช่นนั้น มู่ซ่วนชิงสีหน้าเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมทีละน้อย เสียงเค้นออกมาจากลำคอลอดไรฟัน “ฆ่ามัน!” ทันทีที่สิ้นเสียงคำรามสั่น กองทัพม้าหนักแห่งแคว้นถังทะยานออกปฏิบัติการจู่โจม ภาพที่ปรากฏสร้างความหวาดหวั่นในใจให้บังเกิดอยู่ไม่น้อย!
กองทหารม้าหนักที่กำลังเคลื่อนพลพร้อมกัน แรงสะเทือนทำให้ผืนแผ่นดินไหวโยกจนสามารถรับรู้ได้! ขนาบข้างทหารม้า เป็นกองทหารยูหลินราวสามพัน! ทางเบื้องหลังมู่ซ่วนชิงมีสี่สิบยอดยุทธ์ผสานเทพปรากฏตัวขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วน และมุ่งหน้าเข้าหาพวกเยี่ยฉวนโดยไม่รอช้า! นอกจากนั้น ตามด้วยกลุ่มมือสังหารแห่งดินแดนอันธการซึ่งพวกมันไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน!
เต็มไปด้วยอันตราย! อันตรายร้ายแรงอย่างยิ่ง! ณ เวลานั้นทั้งฉางมู่และดินแดนอันธการส่งคนชั้นฝีมือเยี่ยมยอดเท่าที่มีออกไปทั้งหมด! เมื่อเทียบปริมาณคนเท่าที่เห็น ฝ่ายฉางมู่และดินแดนอันธการได้เปรียบอย่างไร้ข้อกังขา! ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มู่ซ่วนชิงกลับรู้สึกเคร่งเครียดและสั่นคลอนอยู่ส่วนลึกในใจ ที่ผ่านมาความแข็งแกร่งของเยี่ยฉวนและคนทั้งกลุ่มทำให้เขาประหลาดใจมาโดยตลอด!
อีกฟากหนึ่งของลาน เยี่ยฉวนยืนอยู่หน้าสุดในมือกระชับกระบี่หลิงซิ่ว ด้านหลังเป็นหลิงฮั่นและคนอื่นยืนเรียงหน้ากระดาน บัดนี้กระบี่หลิงซิ่วเกิดแรงสั่นอย่างต่อเนื่อง ในเวลาเดียวกันจิตวิญญาณการต่อสู้อย่างรุนแรงแผ่ซ่านวิ่งวนทั่วทั้งกาย จิตวิญญาณการต่อสู้!
สู้มัน! ในขณะนั้น ในสำนึกของเยี่ยฉวนหาได้มีสิ่งอื่นเจือปน เวลานี้สิ่งที่เขาคิดมีอยู่อย่างเดียว สู้มัน! อันที่จริงลำพังพลังความกล้าแกร่งที่เพิ่มพูน ก็ทำให้เขาใช้สังหารเพื่อกรุยหนทางให้แก่ตนเองได้สบายๆ ถึงกระนั้นเขาไม่เคยคิดจะหลบหนี!
เพราะคนที่อยู่ด้านหลัง หลิงฮั่นและพวกเขาทุกคน! เขาพร้อมที่จะตายไปพร้อมกัน! ถ้ารอดชีวิตได้จะเป็นการดีที่สุด เพราะจะได้มีชีวิตอยู่ต่อและท่องยุทธภพไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่รอด พี่น้องพวกนี้ก็จะสู้จนตัวตายไปด้วยเหมือนกัน!
พลันลู่ป้านจวงก้าวขึ้นมาจากข้างหลังหยุดที่ด้านข้างเยี่ยฉวน สายตาทอดมองกองทัพและกลุ่มคนที่กำลังดาหน้าใกล้เข้ามาทุกทีอย่างไร้ความรู้สึก จากนั้นก็หยิบขนมเปี๊ยะอันใหญ่ออกมากินเหมือนเคย……
ชายหนุ่มเหลือบมองพลางว่า “ข้ารู้จักคนคนหนึ่งเหมือนเจ้าไม่มีผิด นางเป็นคนชอบกินเป็นชีวิตจิตใจ กินได้ตลอดเวลา” หญิงสาวชำเลืองมองคนพูดด้วยหางตา เสียงเยี่ยฉวนพูดต่อไปอีกว่า “ข้าว่าถ้าพวกเจ้าได้พบกันสักครั้ง คงสนุกพิลึก……”
จี้อันซื่อปะทะลู่ป้านจวง……แค่คิดเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นคงสนุกไม่น้อย คนหนึ่งกินหมั่นโถว อีกคนกินขนมเปี๊ยะ……
ลู่ป้านจวงเก็บขนมเข้าที่ ขณะสายตามองไปในที่ไกล “นี่คงจะเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายสินะ!” คนฟังพยักหน้าช้าๆ “ข้ารู้สึกดีนะที่ได้พบกับเจ้า!” ฝ่ายหญิงตอบกลับเสียงแผ่ว “ชาติหน้ามีจริง ขอให้พวกเราได้เป็นพี่เป็นน้องกันอีก!”
เยี่ยฉวนหัวเราะหึหึในลำคอ “ได้สิ ชาติหน้าเป็นพี่เป็นน้องกัน!” ทันทีที่สิ้นเสียงพูด เยี่ยฉวนทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว ขณะนั้นพื้นพสุธาเลื่อนลั่นสั่นไหวอย่างรุนแรง!
ทำให้ทุกคนในลานชะงักกึกด้วยความตกตะลึง! พลันทุกสายตาหันมองตามเสียงต้นเหตุของอาการแผ่นดินสั่นไหว และในที่ไกลสุดลูกหูลูกตา อะไรบางอย่างลักษณะเป็นกลุ่มก้อนสีดำกำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาที่ทุกคนในลานทุกขณะ!
ฝูงสัตว์อสูร! สัตว์อสูรเป็นฝูงมหึมากำลังมุ่งหน้าตรงมา เป็นการรวมฝูงของสัตว์นานาชนิดคาดว่ามีจำนวนนับหมื่นตัว! สัตว์อสูรตัวที่วิ่งนำหน้าเป็นเสือขนาดยักษ์และที่บนหลังเสือเป็นคนร่างยักษ์ไป่เจ๋อ!
ไป่เจ๋อ! คนที่อยู่บนหลังเสือยักษ์ ไป่เจ๋อมองตรงมาเห็นคนที่ยืนอยู่แต่ไกล “หัวขโมยพี่เยี่ย ข้ามาแล้ว”
“ข้าด้วย!” ถัดจากไป่เจ๋อ มีเสือขนาดยักษ์พอกันอีกตัวที่บนหลังมีคนอีกคนหนึ่ง โม่อวิ๋นฉี!
เจ้าสองคนนั่น! เยี่ยฉวนชะงักงัน! ทันใดนั้นลู่ป้านจวงซึ่งยืนอยู่อีกด้าน รีบเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า ครู่ต่อมามีเสียงพึมพำว่า “โน่นพวกเขามาแล้ว!”
— จบตอน —



