บทที่ 282 ฆ่ามัน! ฆ่าทุกคน! (ปลาย)
ในลานกว้างที่ห่างออกไป ลำแสงสีเขียวแห่งแสงกระบี่พุ่งวาบไปยังกลุ่มทหารม้าหนักแห่งแคว้นถัง เสี้ยววินาทีถัดมาเยี่ยฉวนสังหารทหารม้าหนักกว่าห้าถึงหกม้าในเวลาเดียวกัน!
เมื่อภาพปรากฏออกแก่สายตา สีหน้าของราชครูประหนึ่งน้ำลึกสุดหยั่งถึง ทั้งยากจะคาดเดาความคิดในห้วงเวลานั้น
อีกด้านหนึ่งของลาน ชายท่าทางกระด้างและพวกที่มาด้วยกันเข้าไปสมทบกับลู่ป้านจวง คนที่เพิ่งเข้ามากำลังจะเอ่ยปาก หญิงสาวทะยานวาบเข้าหากองทหารม้าหนักที่ห่างออกไปอย่างรวดเร็ว ชายท่าทางกระด้างสะดุ้งเฮือก หลังจากนั้นเขาก็ควงกระบี่มุ่งหน้าเข้าหากองทัพแคว้นถังตามไปด้วยทันที
เมื่อมีลู่ป้านจวงและชายคนหยาบกระด้างเข้าสมทบ ส่งผลให้สถานการณ์การต่อสู้พลันแปรเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ทำให้ฝ่ายเยี่ยฉวนกลับเป็นฝ่ายที่มีอำนาจเหนือกว่าศัตรูทันที!
สภาพไม่ต่างจากการฆาตกรรมหมู่! กลุ่มคนฝั่งเยี่ยฉวนล้วนอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ เช่นนี้ทหารธรรมดาไหนเลยจะสยบได้? แต่ละคนสามารถต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้หนึ่งต่อสิบ ที่สำคัญที่สุดพวกเขาสามารถสังหารทหารม้าและทหารราบชั้นยอดเยี่ยมได้อย่างแม่นยำ!
ดังนั้นเวลาเพียงไม่นาน ทั้งทหารม้าและทหารราบค่อยๆ ร่อยหรอลงทีละน้อยๆ
“ถอนกำลัง!” เสียงของราชครูตะโกนออกคำสั่งดังขึ้นในลาน สิ้นเสียงสั่งการทหารแคว้นถังทยอยถอยร่นติดตามกันไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงร่นถอยแต่กำลังกาย ทว่ากำลังใจของพวกเขาก็ถดถอยไปด้วยจากการเห็นเพื่อนทหารที่ล้มตายลงเป็นเบือต่อหน้าต่อตา
ฝ่ายราชครูผู้ที่ยืนกำหมัดแน่นขณะจับตามองนิ่งมายังเยี่ยฉวน ซึ่งอยู่ท่ามกลางคู่ต่อสู้ สายตาแฝงแววแค้นเคืองอย่างไม่ปกปิด! เขาอยากออกเคลื่อนไหวใจจะขาด! ถ้าเขาออกปะทะเมื่อใด เชื่อเถิดว่าในการประลองเขาจะสามารถสยบเยี่ยฉวนและพวกของมันได้อย่างไม่ต้องสงสัย!
ต่อให้เยี่ยฉวนกับพวกยอดคนเหล่านั้นสักปานใด พวกมันย่อมไม่มีทางต่อกรกับยอดยุทธ์ผนึกยุทธ์อย่างแน่นอน! ถึงกระนั้น เขายังไม่กล้าอยู่ดี! เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่เขาเปิดฉากจู่โจม เมื่อนั้นย่อมหมายถึงวาระสุดท้ายแห่งการล่มสลายของแคว้นถังมาถึงแล้ว! ด้วยระดับเซียนกระบี่ การทำลายแคว้นเล็กๆ อย่างแคว้นถังจึงง่ายเหมือนปอกกล้วย!
ไม่ถึงหนึ่งก้านธูปต่อมาเยี่ยฉวนและคนอื่นต่างหยุดนิ่ง บริเวณพื้นที่เต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนอวัยวะและซากศพกระจายเกลื่อน ยามนี้พื้นดินในบริเวณเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบโลหิต
การสังหารหมู่! พลันเยี่ยฉวนหันกลับมาทางราชครู ซึ่งอยู่ไม่ห่าง “ชมการแสดงสนุกไหม?” สายตาของราชครูจับจ้องมายังเยี่ยฉวนแน่แน่ว “เจ้าเป็นถึงผู้เยี่ยมยุทธ์ แต่พวกนี้เป็นแค่ทหารเลวธรรมดา กระทำการสังหารพวกเขาอย่างทารุณ ถามว่าน่าภูมิใจนักหรือไง?”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “ข้าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์ก็จริง แต่ข้าเป็นคนของแคว้นเจียง ถ้าทหารของเจ้าบุกเข้าไปในแคว้นเจียง ผู้คนในแคว้นเจียงอีกมากมายจะต้องล้มตายเช่นเดียวกับทหารของเจ้าเหมือนกัน”
สงครามการสู้รบ ช่างโหดร้ายแสนสาหัสนี่กระไร สิ่งหนึ่งซึ่งอาจจินตนาการได้หากกองทัพแห่งแคว้นถังบุกเข้าสู่เขตแดนของแคว้นเจียง แคว้นเจียงจะมีสภาพแตกต่างไปจากนี้หรือไม่? คนผู้เป็นราชครูนิ่งงัน พลันหันหลังกลับและเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
เยี่ยฉวนเห็นดังนั้นจึงย้อนกลับไปหาไป่เจ๋อและโม่อวิ๋นฉี ขณะนั้น ทั้งสองกำลังตรงมาพอดี “ข้ากลับไปที่ภูเขาหมาง ก็เลยมาช้าไปหน่อย” อีกฝ่ายส่ายหน้า “ไม่ช้าหรอก! แค่สงสัยว่าเจ้าพาสัตว์อสูรทั้งหมดนี่เข้ามาในแคว้นถังได้ยังไง?”
ไป่เจ๋อรีบไขความกระจ่าง “แคว้นสองแคว้นมีพรมแดนติดต่อกัน แต่สำหรับสัตว์อสูรไม่มีพรมแดนอะไรจะมาขวางกั้นทั้งสิ้น พวกมันวิ่งข้ามขุนเขาที่สูงชันที่สุดทีละหลายลูก เรียกว่าทะลุทะลวงเลยล่ะ”
เยี่ยฉวนพยักหน้าอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงหันไปทางชายท่าทางกระด้างซึ่งเขาและพวกขณะนั้นกำลังมองมาด้วยความสนใจ จึงเอ่ยว่า “ขอบใจพวกท่านมาก!”
เสียงชายท่าทางกระด้างสวนตอบให้ว่า “ขอบใจพวกข้าเรื่องอะไร? พวกเราไม่ได้มาเพื่อช่วยเจ้าสักหน่อย” หลังจากนั้นเขาหันไปพูดกับลู่ป้านจวง “ป้านจวง กลับบ้านกับพี่!” ลู่ป้านจวงตอบกลับด้วยสุ้มเสียงไม่แตกต่าง “ไม่!”
ชายท่าทางกระด้างถอนใจเฮือก “ใจเย็นหน่อยสิ! ข้าจะบอกอะไรให้ตอนนี้ท่านพ่ออารมณ์ไม่ค่อยดี วันๆ ข้าเห็นพ่อแอบไปนั่งอยู่ในสวนคนเดียวบ่อยๆ ท่าทางท่านโศกเศร้ามากเลยนะ เจ้าต้องกลับเดี๋ยวนี้!”
หญิงสาวมองไปทางเยี่ยฉวน “เวลานี้ข้าเป็นคนของกองกำลังจอมโจรแล้ว” กองกำลังจอมโจร? อีกฝ่ายขมวดคิ้ว “กองกำลังจอมโจรอะไรของเจ้า?” พูดจบพลางสายตากวาดไปทางเยี่ยฉวน
เยี่ยฉวนเอ่ยตอบให้ “ข้าเพิ่งก่อตั้งขึ้นมาเร็วๆ นี้ และข้าก็เป็นหัวหน้าด้วย!”
“เจ้านี่นะเป็นหัวหน้า!” เพียงได้ยินคำตอบจากเยี่ยฉวน ทุกคนรวมทั้งชายท่าทางกระด้างพากันหัวเราะลั่นด้วยความขบขัน
ช่วงนั้นหลิงฮั่นและคนอื่นเข้าไปยืนข้างเยี่ยฉวน ชายท่าทางกระด้างหุบปากขณะชำเลืองมองเยี่ยฉวนด้วยหางตาตั้งแต่หัวจรดเท้า “คนตาบอดอย่างเจ้านี่นะเป็นหัวหน้าน้องข้า เจ้ามัน…”
เยี่ยฉวนสะบัดกระบี่ในมือขึ้นชี้หน้าคนที่กำลังอ้าปากพูด “เลิกพูดจาไร้สาระได้แล้ว เข้ามา มาประลองกัน!”
“ประลอง!” อีกฝ่ายจ้องหน้าคนพูดแน่ว ในที่สุดเขาจึงเหยียดมุมปากยิ้มออกมา “เจ้ามันแน่ว่ะ! ดี! มาสู้กัน!” ทันทีที่คนพูดจบประโยค เขาเหวี่ยงดาบใหญ่ในมือขวับลงมาตรงเบื้องหน้าที่เยี่ยฉวน!
คนผู้นี้เป็นยอดยุทธ์ขั้นสุดยอดผสานเทพ! คนผู้นี้เป็นปรมาจารย์ดาบ! โดยไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง เยี่ยฉวนผลักออกกระบี่แทงพรวดไปข้างหน้าอย่างรุนแรง!
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา! ในขณะเดียวกับที่เยี่ยฉวนพุ่งกระบี่ออกไป พลันรอยยิ้มของคนฝ่ายชายท่าทางกระด้างหดหาย ตัวแข็งขึงอยู่กับที่!
ปรมาจารย์กระบี่! ชายหนุ่มผู้นี้มีอายุอานามไม่เกินยี่สิบขวบปี แต่เป็นถึงปรมาจารย์กระบี่ จะว่าไปแล้วในแผ่นดินชิงคนเช่นนี้หาได้ยากยิ่ง!
เสี้ยววินาทีที่ดาบใหญ่สับลงมาและสัมผัสกับกระบี่ ตู้ม! ฉับพลันนั้น ทั้งเยี่ยฉวนและอีกฝ่ายต่างคนผงะถอยหลังออกห่างกัน ทุกก้าวเท้าผงะถอยหลังพื้นดินใต้ฝ่าเท้าทั้งสั่นสะเทือนและแตกร้าวเป็นร่องลึก! ต่างฝ่ายถอยห่างจากกันและชะงักหยุดในเวลาไล่เลี่ยกัน
ชายท่าทางกระด้างยกดาบใหญ่ที่ถืออยู่ในมือขึ้นมาดู จึงพบว่าบัดนี้ดาบหนากว้างเกิดรอยร้าวไปทั่ว มิหนำซ้ำบังเกิดบาดแผลแตกทั่วไปทั้งแขนข้างนั้น! จากนั้นจึงเบนสายตามาทางเยี่ยฉวน “ผู้ฝึกปราณทั้งกายาและกระบี่!”
ทันใดนั้น เยี่ยฉวนกำหมัดข้างซ้าย! ตอนนั้นเอง จิตวิญญาณการต่อสู้อันทรงพลังมหาศาลแพร่กระจายออกชัดเจน!
จิตวิญญาณการต่อสู้!
ปรมาจารย์วิทยายุทธ์!
ชายท่าทางกระด้างเอียงตามอง “ผู้ฝึกทักษะยุทธ์ กายาและกระบี่!”
เยี่ยฉวนพยักหน้ายอมรับ พลางเดินเข้าหาชายท่าทางกระด้าง “ข้าชื่อเยี่ยฉวน เจ้ากับข้ามาเป็นสหายกัน ขัดข้องหรือไม่?”
คนตรงหน้านิ่งไปอึดใจ ในที่สุดมีเสียงตอบมาว่า “ลู่คว่าง!”
เยี่ยฉวนเหยียดยกมุมปาก “พวกเจ้าอยากทำงานใหญ่ไหมล่ะ?” ลู่คว่างถามกลับ “เล่าให้ฟังสิ!” อีกฝ่ายเบือนหน้าไปทางด้านหนึ่ง “เข้าวังหลวงแคว้นถัง ไปหยิบยืมเงินจากฮ่องเต้แคว้นถังด้วยกัน!”
ลู่คว่างมองอย่างใช้ความคิด “เงินแบบไหน ยืมมาแล้วต้องใช้คืนไหม?” เยี่ยฉวนขวมดคิ้วพูดตอบน้ำเสียงจริงจัง “พอดีข้าไม่ใช่พวกยืมแล้วคืนเสียด้วย!”
ทันใดก็มีเสียงดังมาจากอีกด้าน โม่อวิ๋นฉีเสแสร้งทำท่าโก่งคอจะอ้วก…
— จบตอน —



